ตามหาหิมะขาว ตอน 2

กระทู้สนทนา
“ค่ะ..เราจะขึ้นไปถึงยอดเขา  แล้วคุณละคะขึ้นไปถึงยอดเขาไหมคะ”  ฉันหันไปคุยกับเขา  เพื่อผูกไมตรีกับเพื่อนร่วมเดินทาง

               ว้าว...หน้าตาเขาหล่อเหลามาก  คมเข้ม  ยิ้มหวาน  เป็นมิตร ดูแข็งแรง ผมสั้นเหมือนมีอาชีพทหารหรือตำรวจ  น่าสนใจดี  ผูกมิตรต่อไป  ได้เพื่อนร่วมทางที่น่ารักละ  เผื่อจะได้ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆเพิ่มเติมอีก

              “ผมขึ้นถึงยอดเขาครับ  ขอโทษครับคุณมาจากไหนหรือครับ” เขาชวนคุยต่อ

               “มาจากประเทศไทยค่ะ  มากับเพื่อนค่ะ” ฉันมองไปทางพานแก้ว  และแนะนำพานแก้วให้กับเขาได้รู้จัก

               “ยินดีได้รู้จักค่ะ  ฉันชื่อแก้วค่ะ” พานแก้วแนะนำตัวเอง  แล้วยิ้มหวานกับหนุ่ม

               “ ครับยินดีได้รู้จักเช่นกันครับ  ผมชื่อวิลเลี่ยมครับ  ผมมาเที่ยวเช่นกันครับ  ทุกปีผมจะมาช่วงคริสต์มาสครับ  และจะขึ้นมาเที่ยวยอดเขานี้ครับ” 

               เขาเริ่มคุยต่อเนื่อง   รถไฟไอน้ำค่อยๆไต่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ  เริ่มเห็นหิมะประปรายตามข้างทาง  รถไฟจอดรับผู้โดยสารสถานีที่สอง 
 
              ....... เสียงหวูดดัง  ควันสีขาวถูกปล่อยออกมาจากปล่องหัวรถจักรไอน้ำ  

              ......เสียงเพลงจิงเกอร์เบลดังมาจากม้านั่งปลายโบกี้ที่เรานั่ง  ฉันมองไปที่ต้นเสียงนั้น 

              ......เป็นครอบครัวที่พาลูกสาวสองคนมาเที่ยวในช่วงเทศกาลคริสต์มาส  กำลังร้องเพลงสนุกสนาน 

              ......พอพวกเขาเริ่มร้องเพลง White Christmas ชายหนุ่มข้างๆฉันเริ่มร้องตามเบาๆ  บรรยากาศช่วงเทศกาลคริสต์มาสแบบนี้

              ......กับอากาศเช่นนี้  และมีชายหนุ่มนั่งร้องเพลงให้ฟังด้วย  เป็นอะไรที่โอเคดีมาก  ฟินจิกหมอน ฮ่าๆๆๆๆ...

               วิลเลี่ยมชวนคุยไปตลอดทาง  ฉันก็มองวิวข้างทางไป  คุยกับเขาไป  พานแก้วนั่งฝั่งตรงข้ามไม่มีโอกาสได้คุยด้วย  เพราะเสียงรถไฟดัง  พานแก้วได้แต่มองวิวข้างทางรถไฟ

               ผ่านไปชั่วโมงกว่าแล้ว  รถไฟก็วิ่งขึ้นเขาไปเรื่อยๆ  หิมะขาวโพลนเต็มไปหมด 

               ยิ่งวิ่งสูงขึ้น  หิมะก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ  เห็นแต่ต้นสนที่สู้ทนต่อความหนาวเหน็บของอากาศได้ 

             ...... น่าตื่นเต้นมากที่หิมะมีมากขนาดนั้น  มองไปบนเขามีแต่หิมะขาวโพลน  ไกลสุดลูกหูลูกตา 

             ...... ความสูงของหิมะน่าจะประมาณ 2-3 เมตร  ในบางที่น่าจะสูงถึง 5 เมตร  

             ..... ใกล้ยอดเขาเข้าไปทุกที  ฉันมองเห็นนักท่องเที่ยวเดินลุยหิมะตามทาง

              .....เพราะจะมีช่วงที่ให้นักท่องเที่ยวลงไปลุยหิมะได้  ตอนนี้หิมะกำลังตกลงมา 

              ....ได้เห็นหิมะที่กำลังตก  และหิมะที่ตกลงมาเมื่อคืนกองทับถมกันอยู่ 

             ..... นักท่องเที่ยวส่งเสียงร้องกันเพราะตื่นเต้นเห็นหิมะมากมายเต็มไปหมด  เป็นความตื่นเต้นที่หาสัมผัสได้ยาก

              “คุณจะลงสถานีหน้านี้ก็ได้นะครับ  ลงไปลุยหิมะตามทาง” วิลเลี่ยมแนะนำฉัน  

             “ คงจะเป็นช่วงขากลับค่ะค่อยลงจากยอดเขา  แล้วมารอขึ้นสถานีนี้ค่ะ  เมื่อเช้าฉันกับเพื่อนรีบมาขึ้นรถไฟ  ตอนนี้เริ่มหิวกันแล้วค่ะ  ว่าจะไปกินข้าวที่แคนทีนข้างบนค่ะ  คุณจะเดินไปลุยหิมะไหมคะ”  ฉันถามวิลเลี่ยมเผื่อมีคนเดินเป็นเพื่อนด้วย  เพิ่มความปลอดภัย

             “ครับ...เดี๋ยวผมเดินเป็นเพื่อนได้ครับ  ผมก็ชอบเล่นหิมะเหมือนกันครับ” วิลเลี่ยมตอบและยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อพูดถึงหิมะ 

             “ ดีเลยค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ  พอลงรถไฟเราไปด้วยกันนะค่ะ” ฉันรีบเอ่ยปากชวนทันที  เพราะถ้ามีหนุ่มหล่อล่ำเป็นเพื่อนแล้ว  รู้สึกอุ่นใจ อิอิ..

            ...... ถึงปลายทางแล้ว  ยอดเขา Brocken นักท่องเที่ยวเยอะมาก  พอลงจากรถไฟไอน้ำ 

            ...... บอกเลยว่าหนาวเหน็บเลย  พานแก้วหัวเราะร่ากับความหนาวเย็นบนยอดเขา Brocken 

             “มาทางนี้ครับ  ผมจะนำทางไป  คนเยอะต้องต่อแถวเข้าไปแคนทีนครับ  และที่นั่งอาจจะเต็มถ้าช้าครับ” 

             วิลเลี่ยมมาทุกปี  เขารู้ช่องทางดี  พาพานแก้วกับฉันไปที่แคนทีนทันที  

            “คนเยอะจริงๆครับ  คุณรีบไปจองที่นั่งก่อนเลยครับ  เดี๋ยวตอนผมไปต่อคิว  คุณขวัญและคุณแก้วค่อยบอกว่าจะเอาอาหารอะไรครับ” วิลเลี่ยมรีบบอกและไปเข้าแถวต่อคิว

            “ขวัญ...ไปบอกวิลเลี่ยมเลยจะเอาอะไร  เราเอาแฮมเบอร์เกอร์ไส้กรอกชีส  กาแฟร้อนแก้วหนึ่ง” ดูท่าทางพานแก้วจะหิวนะเพราะได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว

            “โอเค.. แก้วจองโต๊ะไว้ละกัน  เดี๋ยวเราจะเอามาให้รอแป๊บ”  ฉันรีบไปบอกวิลเลี่ยมและขอจ่ายเงินให้วิลเลี่ยมด้วย  บอกเพราะจะให้เขาพาตะลุยหิมะ

           “ ฮ่าๆๆๆ  ไม่เป็นไรครับ  ผมชอบลุยหิมะอยู่แล้วครับ” วิลเลี่ยมขอจ่ายเองไม่ต้องจ่ายให้เขา  ฉันก็โอเคไม่เป็นไรตามใจเขา  ไว้โอกาสดีๆค่อยเลี้ยงเขา

           “ ขอบคุณมากค่ะคุณวิลเลี่ยม  ถ้าไม่ได้คุณนำทาง  คงนานกว่าจะได้กินอาหารกลางวัน”  พานแก้วกินไปคุยไปเพราะต้องทำเวลา  เนื่องจากพานแก้วอยากเล่นหิมะมาก

            ใช้เวลากินอาหารกลางวัน 20 นาที  จากนั้นก็ออกจากแคนทีน  ไปลุยหิมะกัน

             ......ตามทางเดินมีทั้งหิมะที่อัดแน่นกับหิมะที่เป็นปุยหนา  

             “ เดินตามทางที่มีหิมะเป็นปุยหนานะครับ  ที่เป็นหิมะอัดแน่น  จะทำให้ลื่นครับ  อันตรายจะทำให้ล้มได้ครับ”  วิลเลี่ยมแนะนำพานแก้วและฉัน

            ...... ทางที่เดินมีทั้งหิมะปุยหนา  หิมะที่ถูกกดแน่น  น้ำแข็ง  และตอนนี้ลมแรงพัดละอองน้ำพามาอีก

            ...... กว่าจะไปถึงจุดป้ายชื่อยอดเขา Brocken  แว่นดำเปียกละอองน้ำ  ฉันเหลือบไปเห็นป้ายบอกอุณหภูมิ ณ ตอนนี้  คือ  - 10 องศาเซนเซียส  

              “ ฮ่าๆๆ  ถูกใจไหมขวัญ  ได้ครบหมดเลยบรรยากาศตอนนี้” 

             ... พานแก้วหัวเราะที่เดินกันอย่างระวังไม่พอ

            .....  ยังต้องเจอละอองน้ำคล้ายฝนมาอีก  ถึงจะไม่มากแต่ก็ทำให้เปียกได้

             วิลเลี่ยมพาไปเล่นกองหิมะที่เป็นปุยหนา  เหยียบลงไปลึกพอประมาณ  ดีที่เลือกซื้อรองเท้าตะลุยหิมะแบบป้องกันน้ำด้วย

            .... พานแก้วเริ่มเปิดฉากการเล่นหิมะ  เธอปาก้อนหิมะมาที่ฉัน 

            ..... วิลเลี่ยมหัวเราะที่เห็นคนเอเชียอย่างพวกเรา  ตื่นเต้นที่ได้เล่นหิมะบนยอดเขา 

           ...... วิลเลี่ยมก็ร่วมสนุกด้วย  ปาสลับกันไปมา  เล่นอยู่สักครู่ก็เริ่มเหนื่อย  เพราะต้องระวังทั้งโดนปาหิมะ

           ......และระวังตกหลุมที่อยู่ใต้หิมะกองหนานุ่มนั่นด้วย  เหนื่อยแต่สนุก  ก็คุ้มค่านะ

             “ ผมว่าเดินลงไปตะลุยหิมะตามทางข้างทางรถไฟได้แล้วครับ  เพราะขบวนรถไฟเที่ยวสุดท้าย  จะมีอีกทีตอนบ่ายสามโมงครับ” วิลเลี่ยมบอกเวลารถไฟเที่ยวสุดท้ายให้เราได้รับรู้จะได้คำนวณเวลาได้ถูก  ไม่พลาดตกรถไฟเที่ยวสุดท้าย

             พานแก้วกับฉันตกลงทำตามที่วิลเลี่ยมแนะนำ  ค่อยๆเดินลัดเลาะตามทางที่เต็มไปด้วยโขดหิน  ก้อนหินเล็กใหญ่แตกต่างกัน  กองหิมะเต็มพื้น  คาดเดาไม่ถูกว่าจะพลาดตกหลุมตกร่องตรงไหนบ้าง  ระวังกันสุดๆพยายามไม่ให้พลาดล้มได้  

            “ เดินตามทางที่หิมะถูกเหยีบบแล้วนะครับ  จะได้ไม่สะดุดล้มครับ” วิลเลี่ยมเป็นห่วงพานแก้วกับฉันเพราะเป็นนักท่องเที่ยวต่างแดน  ถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นจะมีปัญหาเที่ยวไม่สนุก  

            ..... ท้องฟ้าจากสว่างเริ่มครึ้มลง 

           ...... ทางเดินที่เห็นชัดก็เริ่มมองไม่ค่อยเห็น  ฉันต้องถอดแว่นกันแดดออก  เพื่อให้เห็นชัดขึ้น

            “ เป็นอย่างไรครับ  เหนื่อยกันหรือยังครับ  เวลายังมีเหลืออีกชั่วโมงนะครับ  ถ้าเหนื่อยก็พักก็ได้ครับ  ระยะทางอีกไม่ไกลเท่าไหร่ก็จะถึงสถานีรถไฟที่เราจะไปขึ้นกันครับ  แต่ตอนนี้เหมือนหิมะจะตกนะครับ  ระวังด้วยครับ”  วิลเลี่ยมเตือนเพราะเขารู้ว่าตอนนี้หิมะและลมกำลังจะมา

            “ คงไม่พักค่ะ  เพราะเดี๋ยวหิมะตกยิ่งทำให้ช้าลงไปอีกค่ะ” พานแก้วบอกกับวิลเลี่ยม  

            .....  ลมแรงมาพร้อมละอองน้ำ  และตามด้วยหิมะ 

            ..... เอาแล้วซิมองไปทางไหนก็มีแต่ป่ากับหิมะ  

            .......ยังไม่มีวี่แววจะใกล้ถึงสถานีรถไฟเลย  ที่วิลเลี่ยมพูดว่าไม่ไกลเท่าไหร่  อาจจะเป็นระยะทางสำหรับเขา 

            ...... แต่สำหรับฉันและพานแก้ว  เริ่มรู้สึกเหนื่อยมาก  นั่งเครื่องบินก็นานมากแล้ว  ยังมาตะลุยหิมะท่ามกลางลมแรงและหิมะตกอีก  แง..แง..

               “หมดแรงแฮมเบอร์เกอร์แล้วขวัญ”  แก้วตะโกนเสียงดัง  ฉันก็อาการแย่เหมือนกัน  ต้องกัดฟันตะโกนบอกแก้วไป
  
              “ อดทนหน่อย  ใกล้ถึงแล้วแก้ว” 

            ....  ฉันมัวตะโกนบอกแก้ว

           .....  ไม่ได้มองทางปรากฏว่าก้าวพลาดอย่างจัง 

          ..... ตกหลุมที่อยู่ใต้พื้นหิมะหนาฟูท่วมเข่า 

          ..... ฉันล้มลงไปกองที่พื้นหิมะหนานั้นอย่างไม่มีท่า  ดูเหมือนกระโดดจับกบอย่างไรอย่างนั้น

            “โอ้ย...โอ้ยเจ็บข้อเท้า” 

           .....ฉันร้องเสียงดัง  เพื่อบอกให้พานแก้วรู้  พานแก้วเดินอยู่ข้างหน้า  

           .....และวิลเลี่ยมได้ยินเสียงฉันร้องอย่างนั้น  เขาหันมาดูเห็นฉันล้มลงกับพื้น  

           .....พานแก้วรีบบอกกับวิลเลี่ยมให้รีบมาช่วยฉัน  เพราะพานแก้วเองก็เหนื่อยสุดๆเช่นกัน  

            “อย่าขยับนะครับ  เพราะอาจมีอะไรหัก  เดี๋ยวผมดูให้ครับ” วิลเลี่ยมรีบเข้ามาพยุงฉันลุกขึ้นถามว่าเจ็บตรงไหน  ตรวจสอบดูทุกส่วนเพื่อดูสภาพร่างกายที่จะช่วยเหลือเฉพาะกิจได้ทันท่วงที  ท่าทางเข้ากระฉับกระเฉงว่องไว และมั่นใจ

            “เจ็บที่ข้อเท้าขวาค่ะ” ฉันเจ็บมากจนไม่เขินที่จะกอดวิลเลี่ยมไว้  เพราะถ้าไม่กอดก็คงล้มลงอีกครั้งแน่นอน  จะเจ็บซ้ำเจ็บซากเข้าไปอีก

            “ผมจะพาคุณขวัญไปนั่งตรงโขดหินนั่นก่อนครับ” วิลเลี่ยมประครองฉันพาไปนั่งที่โขดหินที่อยู่ใกล้ๆบริเวณนั้น  พานแก้วเดินเข้ามาถามอาการด้วยความเป็นห่วง

            .....วิลเลี่ยมถอดรองเท้าฉันออก และบอกให้ฉันนิ่งๆไว้สักครู่ 

            ...... เขาจับเท้าและข้อเท้าฉันพิจารณาสักแป๊บ  ก็บอกว่าเดี๋ยวก็หายครับ

             “โอ้ย...” ฉันร้องเสียงหลง  ทำให้พานแก้วตกใจสะดุ้ง  คิดว่าฉันเป็นอะไรมาก

             “เป็นไงครับ  หายปวดแล้วใช่ไหมครับ”

           .....วิลเลี่ยมถามหลังจากที่เขาพลิกข้อเท้าฉันกลับ  เพราะข้อเท้าฉันพลิก  เขาเลยพลิกกลับ  ความปวดก่อนหน้านี้หายไปอย่างปลิดทิ้ง  

             “ ขอบคุณค่ะ  คุณทำได้อย่างไรคะวิลเลี่ยม”  ฉันถามด้วยความสงสัย

             “คุณขวัญข้อเท้าพลิกครับ  ผมทำกลับที่เดิมให้ครับ”  วิลเลี่ยมยิ้มและขำฉัน
  
             “เก่งจังค่ะ คุณเรียนวิธีนี้มาจากไหนคะ” ฉันถามเพราะอยากรู้

             “ผมเป็นทหารครับ”  วิลเลี่ยมตอบ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่