“ศิลปะการต่อสู้” ที่ใช้จัดการศัตรูในสนามรบมาแต่โบราณ | Martial ครับพี่ EP.1

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกในหมวดนี้ของผมครับ เนื้อหาก็ตามหัวกระทู้นั่นละครับ ที่มาก็คือมีคนกลุ่มนึงพูดอวยมวยไทยประมาณว่า "มวยไทยโบราณ ใช้ในการฆ่าศัตรูในสนามรบ"  ซึ่งคำพูดทำนองนี้ มักถูกใช้เวลาที่มีการเปรียบเทียบมวยไทยกับศิลปะการต่อสู้อื่น หรือเวลาที่นักมวยไทยไปชกกับนักมวยชาติอื่น ไม่ว่ากติกาไหนๆก็ตาม ก็มักจะมีคนกลุ่มนึงที่ยกเหตุผลข้อนี้มาข่ม ซึ่งผมอยากจะบอกว่า
 
ศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงและใช้ได้จริง(ตัดพวกลวงโลก ปล่อยพลังออกไป)อยู่บนโลกนี้แทบทุกชนิด ล้วนมีรากฐานหรือที่มาที่เก่าแก่(แม้แต่ศาสตร์ใหม่ๆ ก็ยังต่อยอดจากของเก่า) และถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการสู้รบหรือการเอาชีวิตในการสู้จริงๆ ในสมัยโบราณแทบทั้งนั้น ครับ จริงๆคำพูดนั้น  ที่ว่ามวยไทยใช้สู้มาแต่โบราณ ใช้สังหารคนจริงๆ มันก็เป็น Fact ครับ แต่มันมักถูกใช้ในบริบทของการข่มและดูถูกศาสตร์อื่น จึงเห็นว่าเป็นประโยคที่มีปัญหาพอสมควร

 
ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้น ก็เพื่อให้คนกลุ่มนั้น ได้หยุดใช้เหตุผลข้างต้นในการข่มศิลปะการต่อสู้อื่น เพราะมวยไทย ไม่ใช่ศาสตร์เดียวที่ใช้ในการต่อสู้มาตั้งแต่โบราณ และไม่ได้เก่าแก่ที่สุด  การข่มด้วยเหตุผลแบบนี้ มันจึงไม่ได้สร้างสรรค์และเป็นผลดีกับใครทั้งนั้น และเพื่อเป็นความรู้สำหรับคนทั่วๆไปด้วยครับ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยล่วงหน้าครับ
 
***อันที่จริง การข่มเชิงดูถูกและไม่ให้เกียรติศิลปะการต่อสู้อื่นที่ตนไม่ชอบ ไม่ควรจะมีด้วยซ้ำครับ เปรียบเทียบได้ วิจารณ์ได้ วิเคราะห์ได้ แสดงความเห็นได้ แต่ควรให้เกียรติและอยู่บนพื้นฐานของการเปิดใจ ซึ่งแบบนั้นจะเป็นสิ่งที่ดี และไม่ใช่การข่มครับ ศิลปะการต่อสู้อาจจะมีดีไม่เท่ากัน และมวยไทยก็เป็นศาสตร์ที่ดีอันดับต้นๆ แต่เราไม่จำเป็นจะต้องเหยียดหรือดูถูกศาสตร์อื่นหรอกครับ มันไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ*** 
 


ก่อนอื่น ผมขอออกตัวก่อนว่า ศิลปะการต่อสู้ที่ผมชอบมากที่สุด ก็คือมวยไทย เหตุผลหนึ่งเพราะผมเป็นคนไทย ผูกพันกับกีฬานี้มาตั้งแต่เกิด อีกส่วนหนึ่งเพราะมันคือ หนึ่งใน ศิลปะการต่อสู้ ที่ดีที่สุดในโลก ผมจะไม่มีวันดูถูกมวยไทย และจะไม่อวยมันจนเกินจริงเช่นกัน ดังนั้น ผมไม่ขอพูดว่ามวยไทย เป็นศาสตร์ที่ดีที่สุดในโลกเพียง หนึ่งเดียว ศาสตร์อื่นเทียบไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ มวยไทยมีอาวุธที่ครบเครื่องหลากหลายแถมรุนแรงเป็นจุดแข็งก็จริง แต่ก็มีจุดอ่อนเช่นกัน มีสิ่งที่ไม่มี และมีสิ่งที่แพ้ทาง ผมเห็นว่า เราควรจะเปิดใจเรียนรู้หลายๆศาสตร์ เพราะศาสตร์ต่างๆ ก็มีทั้งจุดอ่อนจุดแข็ง มีสิ่งที่มีและไม่มี การเปิดใจเรียนมากกว่าหนึ่ง ย่อมดีกว่าการเรียนรู้เพียงอย่างเดียวแล้วทะนงตัวว่าไม่ต้องการเรียนรู้อย่างอื่นแล้ว เพราะนั่นเป็นเรื่องที่ค่อนข้าง โลกแคบ พอสมควร  ผมก็เป็นคนนึงครับที่เคยยกมวยไทยข่มศาสตร์อื่น แต่เมื่อได้เปิดใจเรียนรู้อะไรมากขึ้น จึงคิดได้ว่า ไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่
 
ดูอย่างกีฬา mma ซึ่งเป็นกีฬาที่ค่อนข้างใกล้เคียงการต่อสู้จริงมากเมื่อเทียบกับกีฬาต่อสู้หลายๆกีฬา นักกีฬาไม่มีใครเรียนแค่ศาสตร์เดียวครับ เขาเรียนรู้ เขาเปิดใจเรียนมากกว่าหนึ่งศาสตร์ หลากหลายแตกต่างกันไป  เรื่องจุดอ่อน จุดแข็ง ต่างๆนานา ผมขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ เพราะมันไม่ใช่ประเด็นของกระทู้นี้ และ mma (mixed martial arts) ไม่ใช่ชื่อของศิลปะการต่อสู้ แต่มันคือชื่อกีฬาที่มีกติกาที่ค่อนข้างเปิดกว้าง เพื่อให้คนเอาศาสตร์ต่างๆมาผสมกันและสู้กันได้ตามความชอบ โดยที่การห้ามน้อยที่สุด สมจริงที่สุด ในขอบเขตที่มีการคุมความปลอดภัย ดังนั้นการจะเอา mma ไปเทียบกับนักมวยศาสตร์อื่น ก็ต้องดูละครับว่านัก mma คนนั้น เขาเรียนอะไรมาบ้าง เก่งหรือไม่เก่งตรงจุดไหนบ้าง
 
อีกอย่างคือ การสู้สมัยโบราณ ทุกคนใช้อาวุธอยู่แล้วครับ ไม่ว่าชาติไหนเผ่าไหน แต่วิชาสู้มือเปล่าก็จะถูกนำมาประกอบและประยุกต์ด้วยทั้งนั้น ผมขอไม่พูดถึงมวยไทยนะครับ เพราะรู้ๆกันอยู่แล้วว่ามันมีมาแต่โบราณ แล้วก็น่าจะรู้จักประวัติดีกันอยู่แล้วด้วย
 
พูดยาวมาก เข้าเรื่องแล้วครับ เรามาดูศาสตร์ที่ใช้สู้กันมาแต่โบราณนะครับ *ความคิดเห็นส่วนตัว ประกอบกับการหาข้อมูล โปรดใช้วิจารณญาณ*


 
มวยสากล Boxing : จาก กรีก
มวยสากลนั้น เดิมทีมีรากฐานมาจากกีฬาการต่อสู้ของกรีก (ภาพที่เราคุ้นตาคงจะเป็นโคลอสเซียม) นักสู้ต่างๆ กลาดิเอเตอร์ ทหารราบ ก็ล้วนต้องฝึกครับ มวยสากล มีการพัฒนาเรื่อยมาครับ จากยุคแรก เก่าแก่นับพันปี มีการใช้ศอกและส่วนอื่นๆร่วมกับมือเปล่า สู้กันถึงตายก็มี  จากนั้น ก็เริ่มมีการใส่นวม ตัดอาวุธต่างๆออก เพิ่มความปลอดภัยขึ้น มีการเดิมพัน พนันขันต่อไม่ต่างจากมวยไทย และมวยสากลก็ได้แพร่หลายขึ้นมาโดยเริ่มจากกรีกนั่นเอง และไม่กี่ร้อยปีมานี้ที่กีฬามวยสากลเป็นรูปเป็นร่าง มวยสากลก็เหลือเพียงแค่หมัดเท่านั้น และได้มีการพัฒนาเทคนิคการออกหมัด การหลบหลีก การป้องกัน การสวนกลับ เพิ่มขึ้นมาเมื่อเวลาผ่านไปจนถึงปัจจุบัน
 
ที่มา : 
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A5
https://sites.google.com/site/31080nattapong/home/prawati-mwy-sakl
https://www.satc.or.th/esport/history.aspx?sid=43
https://olympics.com/en/sports/boxing/
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Boxing
https://www.britannica.com/sports/boxing
 

มวยปล้ำ ของฝั่งตะวันตก (ยุโรป/อเมริกา) Wrestling : จาก กรีก
มวยปล้ำ ก็มีที่มาไม่ต่างจากมวยสากล ก็คือกรีก นั่นเองครับ เก่าแก่เป็นหลักพันปีเช่นกัน ก่อนจะพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน ในการต่อสู้กันมือเปล่า ไม่ได้มีแค่การออกอาวุธเท่านั้น แต่ยังมีการกอดรัดฟัดเหวี่ยง มีวงใน มีการล้มและปล้ำ ดังนั้นมวยปล้ำ ใช้ได้จริงครับ กระทั่งการใช้อาวุธ การล็อกและปล้ำก็ยังสำคัญ ท่าปลดอาวุธคนร้าย ท่าล็อกต่างๆของเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร ล้วนมีพื้นฐานมาจากศาสตร์ Grappling คือศาสตร์การปล้ำล็อก แทบทั้งนั้น
มวยปล้ำโบราณ ก็ใช้ในหมู่นักรบกรีก เช่นกัน เอ่อ ลืม wwe ไปนะครับ ทักษะมี แต่มวยมันมีบทมีคิวครับ มวยปล้ำที่ใช้ทักษะปล้ำสู้กันจริงๆ ลองไปดู Olympics, Combat Sambo หรือ MMA ดูครับ
 
ที่มา :
https://en.m.wikipedia.org/wiki/Wrestling
https://www.britannica.com/sports/wrestling
https://uww.org/organisation/history-wrestling-uww
https://www.athleticscholarships.net/history-of-wrestling.htm
 
อนึ่ง ทั้งกีฬาที่เป็นรากของมวยสากล และ มวยปล้ำ พบในหลายวัฒนธรรมที่เก่าแก่ ไม่ใช่แค่ที่กรีก
 


เทควันโด Taekwondo : จาก เกาหลี
เป็นที่รู้กันดีว่า เทควันโด ได้รับอิทธิพลมาจาก Karate ของญี่ปุ่น ในยุคสงครามโลก แต่แท้จริงแล้ว Taekwondo ไม่ได้เกิดจากการดัดแปลง Karate เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการผสมผสาน+ดัดแปลง Karate เข้ากับศาสตร์การต่อสู้โบราณของเกาหลี ซึ่งก็คือ Taekkyeon และ Subak ซึ่งมีตั้งแต่สมัยโชซอนนั่นเอง
 
ที่มา : 
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%94
https://en.wikipedia.org/wiki/Taekkyeon
https://en.wikipedia.org/wiki/Subak
https://www.martialartswords.com/blogs/articles/exploring-the-korean-martial-art-of-subak
http://www.worldtaekwondo.com/history.htm
https://en.wikipedia.org/wiki/Taekwondo
https://www.sunbae.net/about/korean-martial-arts/taekwondo-history


คาราเต้ Karate : จาก ญี่ปุ่น
คาราเต้ เกิดจากการนำศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าของชาวโอกิน่าว่า มาผสมผสานกับกังฟูของจีน เนื่องจากโอกินาว่าเป็นเมืองท่า จึงได้รับวัฒนธรรมจากการติดต่อกับจีนเมื่อประมาณ 600-700 ปีก่อน อันที่จริงแล้ว ศิลปะการต่อสู้ด้วยการออกอาวุธของญี่ปุ่น มีหลากหลายมาก มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป แต่ที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน ก็เห็นจะเป็นคาราเต้ ซึ่งแม้แต่คาราเต้เอง ก็ยังมีหลายสายหลายสำนักเช่นกัน 
 ที่มา : 
https://en.wikipedia.org/wiki/Karate
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%89
https://www.athleticscholarships.net/history-of-karate.htm
https://www.smithsonianmag.com/arts-culture/centuries-old-sport-karate-history-olympics-180977941/
https://www.britannica.com/sports/karate
 
ทั้ง Karate และ Taekwondo มีภาพจำในด้านการเตะที่พริ้วไหว รวดเร็ว สวยงาม และคาดเดาได้ยาก แต่แท้จริงแล้วนั้น ชั้นเชิงในการออกอาวุธอย่างอื่น เช่นการใช้เข่า การใช้ศอก การใช้มือ ก็มีในฉบับดั้งเดิมของศาสตร์เหล่านี้เช่นกัน เพียงแต่ที่ตกทอดมาในรูปแบบกีฬาปัจจุบัน จะเน้นการเตะเป็นหลัก
 

ยิวยิตสุ Jiu Jitsu : จาก ญี่ปุ่น
เป็นศาสตร์ของการล็อก ทุ่ม ปล้ำ ที่โด่งดังของเอเชีย ตะวันตกมีมวยปล้ำ ตะวันออกก็มียิวยิตสุของญี่ปุ่นนี่ละครับ มีปรากฎมาตั้งแต่สมัยนารา ซึ่งก็เกินพันปีมาแล้วครับ จริงๆแล้วจะเรียกว่ายิวยิตสุเป็นรากของศิลปะการต่อสู้ญี่ปุ่นทุกแขนงเลยก็ว่าได้ มีทั้งการล็อก ทุ่ม ปล้ำ การสู้ด้วยมือเปล่าด้วยการออกอาวุธ การใช้อาวุธระยะใกล้ต่างๆ และมีความหลากหลาย มีหลายสำนักต่างกันไป ซามูไร นินจา นักรบแดนอาทิตย์อุทัยทั้งหลาย ล้วนต้องใช้ยิวยิตสุครับ แต่เมื่อยุคที่การใช้ของมีคมสู้กันเป็นอาวุธหลักเริ่มจบลง ยิวยิตสุก็เริ่มตายไปด้วยพร้อมๆกับวัฒนธรรมเก่าแก่หลายอย่างของญี่ปุ่น ที่จะยังเหลือในยุคสักร้อยกว่าปีก่อน ก็จะเป็นเชิงการล็อกทุ่มและปล้ำ ซึ่งไม่ได้ใช้อาวุธครับ จนเราติดภาพจำว่า ยิวยิตสุ คือการล็อกทุ่ม และปล้ำ นั่นเอง
 
ยิวยิตสุ ยังเป็นรากฐานของศิลปะการต่อสู้ซึ่งพึ่งเกิดใหม่ไม่นานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ยูโด(Judo) ซึ่งเน้นการทุ่ม การทำให้คู่ต่อสู้ล้ม โดยหลักของคาน, ไอคิโด(Aikido) ซึ่งจะเน้นการจับและจัดการกับข้อต่อเล็กๆ หรือแม้กระทั่ง Bjj(Brazilian Jiu Jitsu) ซึ่งเน้นการเล่นเกมปล้ำนอนและล็อกเป็นพิเศษ และ Bjj นี่ละครับ ที่เป็นอีกศาสตร์นึงที่น่าเรียน ไม่แพ้มวยไทย มวยสากล ยูโด คาราเต้ เทควันโด และมวยปล้ำ เลยครับ
 
ที่มา : 
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B9
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B9
https://en.wikipedia.org/wiki/Jujutsu
https://www-essentialbjj-com.translate.goog/about-us/what-is-jiu-jitsu/?_x_tr_sl=en&_x_tr_tl=th&_x_tr_hl=th&_x_tr_pto=sc
https://www.britannica.com/sports/jujitsu
https://www.greenwichjiujitsu.com/history-of-jiu-jitsu
http://kodokanjudoinstitute.org/en/doctrine/history/
https://www.brooklynaikikai.com/history-of-aikido
 

และยังมีศิลปะการต่อสู้โบราณอีกมากมายครับ เช่น มวยปล้ำสายของอินเดีย มวยปล้ำแซมโบ ปันจักสีลัต กังฟูต่างๆ เป็นต้น 
 
โดยสรุปก็คือ ศิลปะการต่อสู้แทบทุกชนิดบนโลก มีรากฐานมาจากศาสตร์โบราณที่ใช้สังหารชีวิตทั้งสิ้น มวยไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น ดังนั้น ข้อที่ว่ามวยไทย มีมวยโบราณ มีความโหดซึ่งกติกาปัจจุบันตัดออกไป มันไม่ได้ทำให้มวยไทย ดีกว่าหรือประเสริฐกว่าศิลปะการต่อสู้อื่นครับ ศิลปะการต่อสู้โบราณส่วนมาก มันก็โหดกว่าที่เป็นกีฬาทั้งนั้นละครับ 
 
จริงๆแล้วศิลปะการต่อสู้โบราณเนี่ย มันอาจจะไม่ได้ดีเลิศไปกว่ายุคปัจจุบันที่มีเทปการต่อสู้ให้ดู มีข้อมูลให้วิเคราะห์ มีการพัฒนาและผสมผสานศาสตร์ต่างๆ รวมถึงวิทยาศาสตร์การกีฬาที่ดีด้วย แต่มันก็คือรากฐานของศิลปะการต่อสู้ในปัจจุบันครับ และที่มันดูรุนแรง มันก็เพราะว่าการสู้รบมันไม่มีกติกา มันเด็ดขาด ล้มแล้วต้องเข้าไปซ้ำให้ถึงชีวิต แต่ไม่ได้แปลว่าเทคนิคมันดีกว่าปัจจุบันหรอกครับ แค่มันโหดกว่า อมหิตกว่า เท่านั้นเอง ในความคิดเห็นผมนะครับ

สุดท้ายแล้ว อย่าด่าผมนะครับ แย้งหรือเพิ่มเติมอะไรยังไง คุยกันอย่างสุภาพเถอะครับ ขอบคุณครับ

สวัสดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่