รายการข่าวคือเป็นการนำเสนอเหตุการณ์ต่างๆ ที่สำคัญซึ่งจะต้องมีทุกประเทศทั่วโลกไม่ใช่เพียงแค่ประเทศไทยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ช่องทีวีไทยสมัยก่อนมีแค่ ๕ ช่องได้แก่ช่อง ๓,๕,๗,๙,๑๑ ส่วนช่องไอทีวี (ไทยพีบีเอส) มาในภายหลังรวมช่องทีวีไทยในปัจจุบันทั้งหมด ๖ ช่อง
วันนี้จะขอกล่าวเฉพาะแค่ ๕ ช่องเท่านั้น งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ ในช่วงยุค ๘๐,๙๐ เป็นยุคที่ยังไม่มีเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกเข้ามาและเป็นยุคที่มีความสุขครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าได้เวลาเปิดหน้าจอทีวี นอกเหนือจากจะได้รับชมรายการสาระบันเทิงที่ออกอากาศช่วงภาคเย็นหรือช่วงค่ำหรือที่เราเรียกกันว่าช่วงไพร์มไทม์นั่นเองแล้ว ยังมีรายการข่าวให้ได้รับชมในช่วงเวลานั้นดังกล่าวด้วยเช่นกัน ข่าวของสื่อไทยสมัยก่อนเรียกว่าข่าว ๑๙.๓๐ น.
หรือข่าวทุ่มครึ่ง ปัจจุบันต่อมาข่าวช่วงดังกล่าวเรียกว่าข่าวค่ำหรือข่าวภาคค่ำและข่าว ๒๐.๐๐ น. หรือข่าวสองทุ่มสำหรับข่าว ๒๐.๐๐ น. หรือข่าวสองทุ่มนั้นต่อมาเรียกว่าข่าวในพระราชสำนักจนถึงทุกวันนี้
ผู้ประกาศข่าวของทีวีหลัก ๕ ช่องในยุคนั้นช่องมีหลายๆคนหลายๆ ท่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่อง ๗ มีผู้ประกาศข่าวในตำนานหลายๆ คนหลายๆ ท่านที่มีชื่อเสียง เช่น จักรพันธุ์ ยมจินดา,ศันสนีย์ นาคพงศ์,พิษณุ นิลกลัด,ศศินา วิมุตตานนท์,จรณชัย ศัลยพงษ์,ศุภรัตน์ นาคบุญนำ,พิสิทธิ์ กีรติการกุล,นิลาวัณย์ พาณิชย์รุ่งเรือง,เอกชัย นพจินดา ฯลฯ ปัจจุบันผู้ประกาศข่าวบางคนบางท่านยังมีชีวิตอยู่ ล่วงลับหรือยุติบทบาทไปแล้ว
มาต่ออีกสมัยก่อนรายการข่าวยุค ๙๐ หรือที่เราเรียกว่าข่าวประจำวันแบ่งตามประเภทของแต่ละช่วงเวลาต่างๆที่นำเสนอข่าว เช่น ข่าวภาคเช้า ข่าวภาคเที่ยง ข่าวภาคค่ำ ข่าวภาคดึก ข่าวสั้นหรือข่าวต้นชั่วโมง ในการแบ่งประเภทของข่าวที่นำเสนอมีดังนี้
๑. ข่าวในประเทศ
๒. ข่าวต่างประเทศ
๓. ข่าวกีฬา
๔. ข่าวในพระราชสำนัก
และ ๕. ข่าวพยากรณ์อากาศ
ในปัจจุบันรูปแบบการนำเสนอข่าวได้เปลี่ยนแปลงไป แต่ละช่องกลายสภาพเป็นรายการเล่าข่าวหรือวิเคราะห์ข่าวไปหมดแล้ว ข่าวบางข่าวบางช่องนำเสนอทั้งเหมือนกันหรือไม่เหมือนกัน บางช่องรูปแบบการนำเสนอข่าวแบบอ่านข่าวตามธรรมเนียมยังคงมีอยู่ เช่น ช่อง ๕,๗,๙,๑๑ และไทยพีบีเอส รายการข่าวบางช่องยังกำหนดให้มีสถานะเป็นรายการข่าวประจำวัน เช่น ช่อง ๓ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ มีสถานะเป็นข่าวภาคเที่ยง เรื่องเด่นเย็นนี้ มีสถานะเป็นข่าวภาคเย็น ข่าวสมัยนี้มีแต่ข่าวที่ไม่ดีเกิดขึ้นมากมายให้เห็นกันเป็นประจำ อาทิเช่นฆ่ากันตายทำร้ายกัน ปล้นชิงทรัพย์ อุบัติเหตุ ไฟไหม้ การจับสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ความเชื่อ หวยเลข จับงู จับจระเข้ พระสงฆ์องค์เจ้าประพฤติไม่เหมาะสม นักเรียนตีกัน ฯลฯ
เวลาที่เปิดหน้าจอทางทีวีมาทุกวันตอนเช้า ตอนเที่ยง หรือตอนค่ำทีไรก็มีแต่ข่าวพวกนี้นำเสนอก่อนเป็นอันดับแรก สมัยก่อนข่าวแบบนี้ไม่ค่อยจะมีมากนัก ข่าวต่างๆ ทุกข่าวมีสาระดี ไม่มีดราม่า ไม่ใส่อารมณ์ แถมมีความเป็นกลางในการนำเสนออีกต่างหากด้วย แต่พอมาถึงทุกวันนี้ข่าวสารต่างๆ กลายเป็นเน้นดราม่า ใส่อารมณ์และไม่มีความเป็นกลางในการนำเสนอ เพราะว่าโลกของเราสมัยนี้มันเปลี่ยนแปลงไปมาก การบริโภคสื่อของคนไทยในปัจจุบันมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือจากข่าวทางสื่อทีวีหรือสื่อหนังสือพิมพ์แล้วแถมยังมีสื่ออีกอย่างหนึ่งคือโซเชียลที่ทำให้เข้าถึงได้ง่าย
ข่าวบางข่าวที่นำเสนอบางสื่อส่วนใหญ่เอาข่าวมาจากสื่อประเภทดังกล่าว บางครั้งเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอมมีสลับกันไปบ้าง ข่าวที่สื่อนำเสนอบางสื่อโดยที่มักจะมีการดราม่านั้นส่วนใหญ่มาจากสื่อโซเชียลหรือข่าวในอินเตอร์เน็ตรวมไปถึงคลิปวิดีโอด้วย เช่น ข่าวรถชน ข่าวคนทำร้ายร่างกายกัน เป็นต้น ข่าวดีๆสมัยนี้มีน้อยมากที่สื่อไทยไม่ค่อยนำเสนอกันอย่างข่าวชาวบ้าน ข่าวท่องเที่ยว หรือข่าวที่สร้างสรรค์ เป็นต้น
เราอย่าไปว่าสื่อของไทยเราเลย มันเป็นเรื่องปกติของสื่อไทยที่จะต้องนำเสนอข่าวไปทางหนักๆ ก่อนมากว่านำเสนอข่าวไปในทางเบาๆ เช่นว่านั้น ถ้าไม่นำเสนอไม่เรียกว่าจรรยาบรรณของสื่อมวลชนไทยแล้วละครับ พิมพ์เยอะมากพอสมควรจนมือเริ่มเมื่อยแล้วเอาละพอเท่านี้ก่อนครับ
[กระทู้สนทนา] รายการข่าวและการนำเสนอข่าวของสื่อไทยในสมัยก่อน
วันนี้จะขอกล่าวเฉพาะแค่ ๕ ช่องเท่านั้น งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ ในช่วงยุค ๘๐,๙๐ เป็นยุคที่ยังไม่มีเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกเข้ามาและเป็นยุคที่มีความสุขครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าได้เวลาเปิดหน้าจอทีวี นอกเหนือจากจะได้รับชมรายการสาระบันเทิงที่ออกอากาศช่วงภาคเย็นหรือช่วงค่ำหรือที่เราเรียกกันว่าช่วงไพร์มไทม์นั่นเองแล้ว ยังมีรายการข่าวให้ได้รับชมในช่วงเวลานั้นดังกล่าวด้วยเช่นกัน ข่าวของสื่อไทยสมัยก่อนเรียกว่าข่าว ๑๙.๓๐ น.
หรือข่าวทุ่มครึ่ง ปัจจุบันต่อมาข่าวช่วงดังกล่าวเรียกว่าข่าวค่ำหรือข่าวภาคค่ำและข่าว ๒๐.๐๐ น. หรือข่าวสองทุ่มสำหรับข่าว ๒๐.๐๐ น. หรือข่าวสองทุ่มนั้นต่อมาเรียกว่าข่าวในพระราชสำนักจนถึงทุกวันนี้
ผู้ประกาศข่าวของทีวีหลัก ๕ ช่องในยุคนั้นช่องมีหลายๆคนหลายๆ ท่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่อง ๗ มีผู้ประกาศข่าวในตำนานหลายๆ คนหลายๆ ท่านที่มีชื่อเสียง เช่น จักรพันธุ์ ยมจินดา,ศันสนีย์ นาคพงศ์,พิษณุ นิลกลัด,ศศินา วิมุตตานนท์,จรณชัย ศัลยพงษ์,ศุภรัตน์ นาคบุญนำ,พิสิทธิ์ กีรติการกุล,นิลาวัณย์ พาณิชย์รุ่งเรือง,เอกชัย นพจินดา ฯลฯ ปัจจุบันผู้ประกาศข่าวบางคนบางท่านยังมีชีวิตอยู่ ล่วงลับหรือยุติบทบาทไปแล้ว
มาต่ออีกสมัยก่อนรายการข่าวยุค ๙๐ หรือที่เราเรียกว่าข่าวประจำวันแบ่งตามประเภทของแต่ละช่วงเวลาต่างๆที่นำเสนอข่าว เช่น ข่าวภาคเช้า ข่าวภาคเที่ยง ข่าวภาคค่ำ ข่าวภาคดึก ข่าวสั้นหรือข่าวต้นชั่วโมง ในการแบ่งประเภทของข่าวที่นำเสนอมีดังนี้
๑. ข่าวในประเทศ
๒. ข่าวต่างประเทศ
๓. ข่าวกีฬา
๔. ข่าวในพระราชสำนัก
และ ๕. ข่าวพยากรณ์อากาศ
ในปัจจุบันรูปแบบการนำเสนอข่าวได้เปลี่ยนแปลงไป แต่ละช่องกลายสภาพเป็นรายการเล่าข่าวหรือวิเคราะห์ข่าวไปหมดแล้ว ข่าวบางข่าวบางช่องนำเสนอทั้งเหมือนกันหรือไม่เหมือนกัน บางช่องรูปแบบการนำเสนอข่าวแบบอ่านข่าวตามธรรมเนียมยังคงมีอยู่ เช่น ช่อง ๕,๗,๙,๑๑ และไทยพีบีเอส รายการข่าวบางช่องยังกำหนดให้มีสถานะเป็นรายการข่าวประจำวัน เช่น ช่อง ๓ เที่ยงวันทันเหตุการณ์ มีสถานะเป็นข่าวภาคเที่ยง เรื่องเด่นเย็นนี้ มีสถานะเป็นข่าวภาคเย็น ข่าวสมัยนี้มีแต่ข่าวที่ไม่ดีเกิดขึ้นมากมายให้เห็นกันเป็นประจำ อาทิเช่นฆ่ากันตายทำร้ายกัน ปล้นชิงทรัพย์ อุบัติเหตุ ไฟไหม้ การจับสิ่งผิดกฎหมายต่างๆ ความเชื่อ หวยเลข จับงู จับจระเข้ พระสงฆ์องค์เจ้าประพฤติไม่เหมาะสม นักเรียนตีกัน ฯลฯ
เวลาที่เปิดหน้าจอทางทีวีมาทุกวันตอนเช้า ตอนเที่ยง หรือตอนค่ำทีไรก็มีแต่ข่าวพวกนี้นำเสนอก่อนเป็นอันดับแรก สมัยก่อนข่าวแบบนี้ไม่ค่อยจะมีมากนัก ข่าวต่างๆ ทุกข่าวมีสาระดี ไม่มีดราม่า ไม่ใส่อารมณ์ แถมมีความเป็นกลางในการนำเสนออีกต่างหากด้วย แต่พอมาถึงทุกวันนี้ข่าวสารต่างๆ กลายเป็นเน้นดราม่า ใส่อารมณ์และไม่มีความเป็นกลางในการนำเสนอ เพราะว่าโลกของเราสมัยนี้มันเปลี่ยนแปลงไปมาก การบริโภคสื่อของคนไทยในปัจจุบันมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นอกเหนือจากข่าวทางสื่อทีวีหรือสื่อหนังสือพิมพ์แล้วแถมยังมีสื่ออีกอย่างหนึ่งคือโซเชียลที่ทำให้เข้าถึงได้ง่าย
ข่าวบางข่าวที่นำเสนอบางสื่อส่วนใหญ่เอาข่าวมาจากสื่อประเภทดังกล่าว บางครั้งเป็นข่าวจริงหรือข่าวปลอมมีสลับกันไปบ้าง ข่าวที่สื่อนำเสนอบางสื่อโดยที่มักจะมีการดราม่านั้นส่วนใหญ่มาจากสื่อโซเชียลหรือข่าวในอินเตอร์เน็ตรวมไปถึงคลิปวิดีโอด้วย เช่น ข่าวรถชน ข่าวคนทำร้ายร่างกายกัน เป็นต้น ข่าวดีๆสมัยนี้มีน้อยมากที่สื่อไทยไม่ค่อยนำเสนอกันอย่างข่าวชาวบ้าน ข่าวท่องเที่ยว หรือข่าวที่สร้างสรรค์ เป็นต้น
เราอย่าไปว่าสื่อของไทยเราเลย มันเป็นเรื่องปกติของสื่อไทยที่จะต้องนำเสนอข่าวไปทางหนักๆ ก่อนมากว่านำเสนอข่าวไปในทางเบาๆ เช่นว่านั้น ถ้าไม่นำเสนอไม่เรียกว่าจรรยาบรรณของสื่อมวลชนไทยแล้วละครับ พิมพ์เยอะมากพอสมควรจนมือเริ่มเมื่อยแล้วเอาละพอเท่านี้ก่อนครับ