🌕มาลาริน/คลายพิษโควิด สัญญาณฟื้นตัว สศค.เผย ศก.ไทย ต.ค.ดีขึ้น ท่องเที่ยว-ลงทุน-ส่งออกขยายตัว 8 เดือนติด

นานาเยี่ยมคลายพิษโควิด สัญญาณฟื้นตัว สศค.เผย ศก.ไทย ต.ค.ดีขึ้น ท่องเที่ยว-ลงทุน-ส่งออกขยายตัว 8 เดือนติด



เศรษฐกิจไทยในเดือน ต.ค.64 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เเนวโน้มดีขึ้น ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการท่องเที่ยวภายในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้การส่งออกสินค้ายังคงขยายตัวได้ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8

นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)พร้อมด้วยนายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนตุลาคม 2564 พบว่า....👩‍💻

“เศรษฐกิจไทยในเดือนตุลาคม 2564 มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่มีเเนวโน้มดีขึ้น ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการท่องเที่ยวภายในประเทศ และการลงทุนภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้การส่งออกสินค้ายังคงขยายตัวได้ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8" โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้....🔻

โดยเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยการบริโภคสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนตุลาคม 2564 หดตัวในอัตราชะลอลงที่ร้อยละ -9.0 ต่อปี และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลร้อยละ 1.4 สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 43.9 จากระดับ 41.4 ในเดือนกันยายน 2564 โดยเป็นผลมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ปรับตัวดีขึ้น ทำให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น ประชาชนและภาคธุรกิจมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกันกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ขยายตัวที่ร้อยละ 10.6 ต่อปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้นตามมูลค่าการนำเข้าสินค้า อย่างไรก็ดี ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งยังคงลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -11.2 ต่อปี และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -7.0 และรายได้เกษตรกรที่แท้จริงลดลงที่ร้อยละ -10.2 ต่อปี

ขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนตุลาคม 2564 ขยายตัวที่ร้อยละ 21.8 ต่อปี และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 0.9 สอดคล้องกับการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ หดตัวในอัตราชะลอลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ -13.8 ต่อปี และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 9.0 สำหรับการลงทุนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนตุลาคม 2564 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ร้อยละ 2.4 ต่อปี และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 1.0 ขณะที่ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ลดลงที่ร้อยละ -7.2 ต่อปี และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ -0.3

ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนตุลาคม 2564 อยู่ที่ 22,738.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ที่ร้อยละ 17.4 ต่อปี และหากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวร้อยละ 12.2 ต่อปี
 
โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่...👩‍💻

1) สินค้าเกษตรและอาหาร โดยเฉพาะยางพารา ข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ที่ขยายตัวร้อยละ 51.7 33.7 และ 29.5 ต่อปี ตามลำดับ

2) สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ภายในบ้าน อาทิ เตาอบไมโครเวฟ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ

3) สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เภสัชภัณฑ์ที่ยังคงมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

4) สินค้าขั้นกลางหรือสินค้าวัตถุดิบ เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 

และ 5) สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยังคงขยายตัวที่ร้อยละ 10.3 ต่อปี ทั้งนี้เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า การส่งออกไปยังตลาดคู่ค้าหลักของไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดหลัก ได้แก่ อินเดีย อาเซียน-5 เกาหลีใต้ สหรัฐฯ และจีนที่ขยายตัวที่ร้อยละ 58.3,39.7,30.6,16.1 และ 14.1 ต่อปีตามลำดับ

ทั้งนี้เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน ส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยภาคเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนตุลาคม 2564 ขยายตัวที่ร้อยละ 0.9 ต่อปี จากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตสำคัญ ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน อย่างไรก็ดี หากเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลลดลงที่ร้อยละ -0.7 สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 82.1 จากระดับ 79.0 ในเดือนกันยายน 2564 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีทิศทางดีขึ้น รวมถึงภาคการผลิตขยายตัวจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศเพิ่มขึ้น ส่วนบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนตุลาคม 2564 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ นักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) นักธุรกิจ กลุ่มสุขภาพที่เข้ามารับบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยรวม จำนวน 20,272 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากเยอรมนี สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส สำหรับจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ในเดือนตุลาคม 2564 อยู่ที่ 4,596,227 คน หรือคิดเป็นการหดตัวในอัตราชะลอลงที่ร้อยละ -66.5 ต่อปี และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า หลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ร้อยละ 69.0

ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนตุลาคม 2564 อยู่ที่ร้อยละ 2.38 ต่อปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 0.21 ต่อปี ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2564 อยู่ที่ร้อยละ 58.2 ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2564 อยู่ในระดับสูงที่ 246.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

https://siamrath.co.th/n/301593

เพี้ยนแข็งแรง  คำว่า"ดีขึ้น" ทำให้มีความหวังในอนาคต

ดีขึ้นติดต่อกันมา 8 เดือน บอกถึงสัญญาณที่ดีทางเศรษฐกิจ

ขอให้ดีขึ้นๆต่อไปทุกเดือนนะคะ

รัฐบาลตั้งใจทำงานในสถานการณ์ที่ยากลำบากจากโควิด 

น่ายินดีกับข่าวนี้ค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่