ขอระบายเรื่องที่ทำงานให้พ่อแม่พี่น้องได้ฟัง

ตรงๆ ตามหัวกระทู้เลยนะ

     เราทำงานในสายราชการ  เราจบไม่สูง เราจบ ปวส  ด้วยความไม่ใฝ่รู้เรื่องเรียนแม้จะรู้ว่ามันสำคัญ  ทำให้ตอนเราเรียน ป.ตรี มสธ. เราก็ปล่อยทิ้งๆ ขว้างๆ ไม่จบ (ป.ตรี หาเงินเรียนเอง)
     พื้นฐานทางครอบครัวถือว่าปานกลาง เพราะพ่อเราทำงานเป็นลูกจ้างหน่วยงานราชการจนเกษียณ แม่เราก็ค้าขาย  จนพ่อเกษียณแม่เลยเลิกค้าขายมาอยู่บ้านตัวเอง ทำเกษตรเลี้ยงสัตว์  ด้วยความที่เราโตมาท่ามกลางข้าราชการ พนักงานราชการ และได้เห็นพ่อเราทำงานอย่างตั้งใจ  ประกอบกับด้วยความเอ็นดูของคนที่ทำงานพ่อ  เขาเลยจ้างเราทำงานธุรการด้วยเงินเดือนแค่ 5,000 เราคิดว่าเราค่อนข้างโชคดีที่พ่อเราทุ่มเท ไม่เคยปฏิเสธงานอะไรที่เขาให้ทำ  หัวหน้าของพ่อเลยเอ็นดูเราไปด้วย 
     เมื่อเข้าทำงานที่ทำงานพ่อเป็นที่แรกด้วยความเป็นเด็กวัยรุ่น จบ. ปวส มาหมาดๆ พิมพ์งานในคอมฯได้  เราเลยได้ทำธุรการฯ  รับส่งหนังสือ  เดินหนังสือในที่ทำงาน  เรียนรู้ด้านการทำบัญชีบ้างนิดหน่อย ว่าการทำบัญชีในชีวิตจริงในหน่วยงานที่มีการตรวจสอบต้องทำยังไง ได้เรียนรู้งานจัดผ้ามัดผ้าต่างๆ ได้ลองพิมพ์หนังสือราชการ  ได้เรียนรู้การรับแขกที่เป็นผู้ใหญ่กว่าหัวหน้า  เราอาจจะไม่ได้ขยัน ไม่ได้เก่ง  แต่เราใช้ความพยายามในการเรียนรู้  เวลาที่ทำงานกับหัวหน้า  ถ้าหัวหน้าไม่กลับ  เราก็จะยังไม่กลับเราจะกลับพร้อมหัวหน้าเสมอ  จนเราทำงานได้ 5 เดือน เราไปสอบที่ใหม่ได้เป็นแค่พนักงานจ้างเหมาบริการของส่วนราชการ แต่ด้วยเงินเดือนสูงกว่า และเขาสามารถจ้างเราได้ตลอด  หัวหน้าเราเลยไม่ได้ว่าอะไรและยังเซ็นค้ำประกันในการเข้าทำงานให้ด้วย แถมหัวหน้ายังสอนให้เราคอยรับฟังเรื่องงานเพราะเราเป็นเด็ก  เราต้องเรียนรู้จากคนที่จะมาสอนเรา  ผู้ใหญ่ที่สอนเขาจะได้เอ็นดูเรา
     วันที่มาทำงานที่ใหม่  เรารู้สึกว่าเราต้องปรับทุกอย่าง หัวหน้าเป็นคนไม่ถูกกับใคร ไม่พูดกับใครนอกจากหัวหน้าบริหาร  เราแทบไม่อยากไปทำงานเลย  เราไม่เคยเจอหัวหน้าหน่วยงานคนไหนที่เอาคนอื่นมาด่าต่อหน้าเราเป็นชั่วโมง  โดยที่ในห้องมีแค่เรานั่งฟังอยู่คนเดียว  แต่หัวหน้างานคือดีมากใจดี สอนเราทุกอย่าง พี่ๆ ในสำนักงานก็ใจดีค่อยบอกตลอดเวลา  เราก็พยายามทำงานเต็มที่  จนหัวหน้าหน่วยงานย้ายตามวาระ
     หัวหน้าหน่วยงานคนใหม่เป็นผู้หญิงมีอายุ ใจดี ละเอียดรอบคอบงานเอกสาร ปรับแก้งานให้ถูกตามระเบียบตามแบบแผน  เวลาว่างก็จะศึกษาหนังสือระเบียบกฎหมายในห้องตัวเอง  สอนให้เรารู้จักวางตัว  รู้จักการจัดอบรมการได้ไปช่วยพี่ๆ ในหน่วยงานไปอบรม ไปออกหน่วยเคลื่อนที่  ในช่วงที่กำลังดีทุกอย่างไปได้ดีก็ถึงการจากลา คำสั่งย้ายหัวหน้าหน่วยงาน
     หัวหน้าต่อมาเป็นผู้ชายที่สำอาง  ฐานะดี  เจ้าชู้  ไม่ค่อยอยู่สำนักงาน  นั่งรถไปกับคนขับรถไปดูที่ดินแทบจะมุกวัน  เราเคยเผลอแสดงท่าทางไม่ดีใส่หัวหน้า ด้วยความที่ทุกคนในหน่วยงานไม่ค่อยชอบหัวหน้าคนนี้  ทำให่เรารู้สึกว่าทำไมทุกอย่างต้องเป็นเรา  แต่พอหัวหน้าเห็นท่าทางเรา  แกกลับไม่ว่าอะไรแต่สอนเราอย่างหนึ่งว่า  เรามาทำงานเราอย่าเอาอารมณ์ส่วนตัวมาใช้  เราต้องเป็นผู้ใหญ่ในการทำงาน  ถ้างานที่สั่งไปมันหาไม่เจอ เราให้เราลองนั่งคิดว่างานเป็นของพี่คนไหน  แล้วให้ไปถามพี่คนนั้นว่างานตัวนี้อยู่กับพี่ไหมคะ  จะรบกวนขอข้อมูลให้หัวหน้า  แค่นั้นไม่ต้องร้องไห้เพราะหาไม่เจอ ไม่ต้องนั่งเครียด  จากนั้นคำสั่งก็ออกหัวหน้าได้ย้ายตามวาระ
     หัวหน้าต่อมาเป็นผู้หญิง เป็นคนใต้ ทำงานเก่งมาก เวลาว่างจะถามผู้ช่วยที่อายุเยอะกว่าหัวหน้าเพื่อขอความรู้  ทำงานเร็ว  ติดตามงานทุกอย่างที่สั่ง  และคอยสอนงานต่างๆ รายละเอียดเรื่องการร่างหนังสือ  การเข้าหาผู้ใหญ่  การรายงานเรื่องสำคัญๆ ให้ผู้ใหญ่ทราบ  หัวหน้าจดทุกอย่างที่เกี่ยวกับทุกคนวันเกิดอวยพรทุกปี ทุกคนไม่เคยขาดทั้งลูกน้องเก่าลูกน้องใหม่ ไปที่ไหนก็ซื้อขนมมาฝาก  แถมฝากกลับไปให้ลูกน้องเก่าอีกด้วย  ทำงานเป็นทีมมากเมื่อสั่งงานทุกคนก็พร้อมเสนอข้อมูลทุกอย่างให้โดยทันที  เมื่อมีอะไรผิดพลาดก็ออกตัวรับแทนเสมอ  ไม่เคยต่อว่าลูกน้องแม้จะทำผิด  แต่คอยสอนด้วยคำพูดดีๆ เสมอ  เมื่อมีความสุขความสุขก็อยู่กับเราไม่นาน หัวหน้าก็ย้ายอีกครั้ง
      หัวหน้าคนใหม่เป็นผู้หญิง  ไม่เก่งเท่าหัวหน้าคนเก่า  แต่ก็ละเอียดเรื่องงานเอกสาร  แนวการทำงานก็จะช้าลงนิดหน่อย  แต่จะค่อยปรับเปลี่ยนงานเอกสารต่างๆ ให้เหมือนกับหน่วยงานอื่น ให้เป็นไปในทางเดียวกัน  ถึงตอนนี้มีพี่พนักงานราชการคนเก่าลาออก  ทางสำนักงานเลยเปิดสอบ  เราอ่านหนังสือหนักมาก  เราพยายามทำความเข้าใจกฎหมายที่เราไม่เคยเรียน  ทำความเข้าใจระเบียบงานต่างๆ  ทำแนวข้อสอบต่างๆ แม้จะเป็นตำแหน่งแค่เจ้าพนักงานแรงงาน  แต่เราก็พยายามมาก เราต้องพยายามมากกว่าคนอื่นเพราะเราทำงานอยู่ด้านใน  สุดท้ายเราก็สอบเป็นพนักงานราชการทั่วไปได้ หลังจากทำงานเป็นจ้างเหมามา6-7ปี  สุดท้ายหัวหน้าก็ย้ายตามวาระ
     หัวหน้าคนต่อมาเป็นผู้ชายอายุ 59 เป็นคนใต้ จะเกษียณราชการในปีที่ย้ายมา เป็นคนง่ายๆ อารมณ์ดี พูดเพาะ  เกรงใจลูกน้อง แต่เป็นที่ปรึกษาเรื่องงานต่างๆ ได้ดีเพราะมาทางสายวิชาการ ด้วยความที่หัวหน้าจะเกษียณ หัวหน้าเลยไม่ได้เร่งทพผลงานหรือเร่งนำเสนองานอะไร  ลูกน้องว่ายังไงก็ตกลงตามนั้น  จนหัวหน้าย้ายก่อนวันเกษียณเพียง1 วัน เพื่อให้คนใหม่ได้มาขึ้นตำแหน่งแทน
     หัวหน้าคนใหม่เป็นคนใต้  เป็นผู้ชายเป็นคนทำงานเก่ง  ทำงานเร็ว  เป็นคนเก่งงานทางวิชาการ เก่งเรื่องกฎหมายระเบียบ พร้อมยืนปกป้องลูกน้องเสมอหากเป็นเรื่องงาน  แต่คำสั่งย้ายก็มาเร็วหัวหน้าย้ายหลังจากรับตำแหน่งได้ 1 เดือน เพื่อไปจังหวัดที่ใหญ่ขึ้น
     หัวหน้าคนใหม่ที่ย้ายมา เป็นผู้ชาย  ทางจังหวัดเก่าโทรมาบอกกับหัวหน้างานบริหารทั่วไปว่า "โชคดีนะคะพี่  ทางนี้โล่งแล้ว หัวหน้าใจดีค่ะ แค่ไม่ชอบคนขัดใจ"  เราคิดมาตลอดว่าหัวหน้าใจดี  เราเป็นคนทำเรื่องค่าเช่าบ้านให้หัวหน้าเองเพราะพี่หัวหน้าบริหารติดการทำเอกสารรายงานตัวต่างๆ ของหัวหน้า จนวันหนึ่งที่หัวหน้าจู่ๆ ก็ย้ายออกจากบ้านเดิมไปอยู่หลังใหม่  ก็เป็นเราทำเอกสารเช่าบ้านให้หัวหน้า เราเร่งทำเอกสารรอไว้ทุกอย่างรอแค่หัวหน้าเอาสัญญาเช่าบ้านหลังใหม่มา  เรารออยู่1 เดือน จนถึงเวลาที่เขาเร่งเบิกใช้เงินให้ได้เป้าหมาย หัวหน้าถึงเอสเอกสารเช่าบ้านมาให้  แต่ด้วยความที่เป็นหัวหน้าหน่วยงานคนที่จะอนุมัติคือผู้ว่าราชการจังหวัด  แต่ก่อนจะเสนอ ต้องผ่านสำนักงานจังหวัดตรวจสอบก่อน  แล้วไม่ใช่แฟ้มเดียวที่รอตรวจมีเอกสารเป็น 10 20 แฟ้มที่รอตรวจ  เพราะสำนักงานจังหวัดก็ทำงานหลายอย่าง งานพิธี งานจังหวัด งานออกตรวจต่างๆ  หัวหน้าให้เราขึ้นไปตามแฟ้มแทบทุกวัน  เราก็ไปตาม ไปวันไหนก็ไม่มีคนอยู่ เราตามอยู่เกือบ 2 อาทิตย์  เราเจอหน้าพี่คนที่ทำเรื่อง เขาตอกเราหน้าหงายลงมาว่า "พี่ไม่ได้ทำงานเดียวนะ  พี่เข้าใจว่าหัวหน้าน้องรีบ  พี่ก็รีบ  แต่มันก็ต้องตามคิวนะ แฟ้มที่กองอยู่ทั้งหมดตรงนั้น10 20 แฟ้ม เขามาก่อน  แต่ถ้าจะมาเร่งกันแบบนี้  พี่ก็ไม่อยากทำให้นะคะ  การอ่านเอกสารที่คนอื่นเสนอขึ้นมามันต้องมช้สมาธิ ต้องทบทวนกฎหมายที่เขาอ้างมาต้องตีความ  ถ้ามาเร่งพี่แบบนี้พี่จะลาพักผ่อนนะ  แล้วให้ทุกคนรอด้วยกัน  แต่พี่จะเร่งนะคะ รอก่อนนะ ใจเย็นๆ นิดนึง"   เรารู้สึกว่าเราหน้าชาเราเข้าใจพี่เขานะว่าทุกคนมีงานหลายอย่าง เร่งรีบก็ตามลำดับที่เสนอมา เราบอกหัวหน้าว่าพี่เขากำลังตรวจให้  กำลังเร่งให้ค่ะ  แกก็รับคำอือๆ ไป  พอถึงวันที่พี่เขาเสนอไปที่ห้องผู้ว่าราชการให้ แล้วแฟ้มออกมา  หัวหน้าหน่วยงานเราเห็นบันทึกข้อความลงวันที่ก่อนหน้าเสนอนั้นแค่1 วัน  จู่ๆ แกก็เรียกหัวหน้าบริหารไปต่อว่า "เธอโกหกฉันหรอ เธอเห็นไหม หนังสือเขาลงวันที่เท่าไหร่  ทุกครั้งที่ให้ไปตามไม่เคยทำเลยใช่ไหม  มีแต่โกหกไปวันๆ" พอพี่หัวหน้าบริหารมาพูดกับเรา เรานี่ของขึ้นเลยจ้า  เราเร่งทำงานให้ไม่เคยดองงานแกไว้เลย ยิ่งรู้ว่ายิ่งต้องรีบเบิกเรายิ่งเร่งพิมพ์  ทวงสัญญาเช่าบ้านแทบทุกวัน ตัวแกเองก็ไม่เอามาให้อ้างว่าเจ้าของบ้านไม่มาเซ็นบ้าง ไม่เจอเจ้าของบ้านเช่าบ้าง  เป็นแบบนั้นอยู่ทั้งเดือน  แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมาคือคำว่าเราโกหกยิ้มไปวันๆ  ทุกวันนี้ธาตุแท้แกออกมาก  หัวหน้าแกเป็นเกย์  เราไม่ได้อคติกับหัวหน้าที่จะเป็นคนเพศไหนก็ตาม  แต่สิ่งที่แกทำทุกวันนี้คือ  กับพนักงานขับรถยนต์ผู้ชายที่เป็นพนักงานจ้างเหมาบริการแกจะปฏิบัติอีกอย่างให้กลับได้ตั้งแต่ 15.30 หรือ 16.00 น. ซึ่งในขณะที่ข้าราชการและพนักงานราชการ หรือจ้างเหมาคนอื่นที่เป็นผู้หญิงยังนั่งทำงานอยู่  ชวนพนักงานขับรถออกไปกินข้าวเที่ยงพร้อมแกทั้งหมดตั้งแต่ 11.00 น กลับเข้ามา12.30 เรียกหัวหน้าบริหารไปสั่งงานดูแลความสะอาด  ซึ่งทุกคนนั่งกินข้าวเที่ยงอยู่  เป็นหัวหน้าหน่วยงานที่ไม่ถูกกับหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเดียวกัน  ต่อหน้าหัวหน้าคนอื่นครับๆ แต่ลงมา มาพูดหยาบคายด่าหัวหน้าส่วนราชการคนอื่นต่อหน้าลูกน้องทุกคน  ในวันที่รองผู้ว่าราชการมาพบถึงหน่วยงาน  หัวหน้าไม่อยู่  เดินออกไปนอกสำนักงานโดยไม่ได้บอกใคร  รองผู้ว่าราชการก็เลยบอกไม่เป็นไรหรอก  เขาไม่อยู่นี่    พอกลับเข้ามาแล้วหัวหน้าบริหารแจ้งว่ารองผู้ว่าจะมาพบ  เขาพูดว่า  "มาทำไมอ่ะ  มีเรื่องด่วนอะไรหรอ  ช่างเถอะๆ ว่างค่อยขึ้นไปหาก็ได้ ถ้าสำคัญท่านคงโทรมาแล้ว"  ทุกคนในที่ทำงานคือ งงมาก   มีงานเราต้องอัดเสียงทำงานส่งกรมฯ เราลงทุนซื้อไมค์ด้วยตัวเอง  ไม่เคยถามสักคำว่าสิ่งที่เรามาใช้เราเอามาจากไหน  พองานเสร็จก็ขอบคุณแบบส่งๆ ด้วยน้ำเสียงปัดๆ ไม่เต็มเสียง ทั้งที่งานที่เราทำเราทำเพื่อให้สำนักงานมีผลงานส่ง  ไม่เคยอยากเอาดีเข้าตัวไม่เคยใส่เครดิตว่างานนี้ใครทำ  เราทำงานล่วงเวลาตลอดไม่เคยอยากได้โอที เราอยู่ทำงานจนบางวัน 1-2 ทุ่ม ด้วยงานเอกสาร ด้วยต้องปรึกษาสอนงานกัน เสาร์อาทิตย์ก็มาทำงานกัน แทบไม่มีวันหยุด  บางครั้งเราทอดไข่กินตอนเที่ยงบ้าง อุ่นอาการด้วยไม่โคเวฟบ้าง  แต่ไม่ใช่ทุกวัน  สิ่งที่เราได้กลับมาคือ  บอกว่าการที่เราทำงานเกินเวลา มาทำงานเสาร์อาทิตย์ หรือทอดไข่ อุ่นอาหาร เป็นการเปลืองไฟเปลืองน้ำสำนักงาน  ไม่ให้มาทำ   แต่ตัวเขาเอง มากินข้าวเช้าที่มำนักงานทุกวัน  อุ่นกับข้าวเช้าเที่ยงทุกวัน  ให้เปิดแอร์ทุกวัน ทุกตัวในสำนักงาน  เอาหลานมาเรียนอินไลน์ในสำนักงาน  โดยใช้คอมสำนักงาน เปิดแอร์เปิดทีวีทิ้งไว้ในขณะที่ตัวเองไม่อยู่ในห้องหรือ  แม้แต่วันที่อากาศไม่ร้อนก็เปิด แล้วก็ทำให้พนักงานขับรถติดนิสัยที่มาถึงสำนักต้องเปิดแอร์  ทั้งที่ปกติก็เคยอยู่กันแบบไม่เปิดแค่ แค่พัดลมก็อยู่ได้  ค่าไฟจากปกติ3000-4000 ต่อเดือน ก็พุ่งขึ้นไป 6000-6900 ทั้งที่อากาศไม่ร้อน เมื่ออธิบดีเรียกไปตักเตือนว่าคุณเป็นหัวหน้าหน่วยงาน คุณต้องให้ความร่วมมือหน่วยงานในสังกัดกระทรวงด้วย ต้องนำเสนองานต่อผุ้ว่าราชการ แล้วก็ต้องปฏิบัติตัวกับลูกน้องใต้บังคัญชาอย่างให้เกียรติด้วย  พอกลับมาแกพูดกับคนขับรถว่า ถูกเรียกพบ แต่ไม่แคร์หรอกอยากพูดอะไรก็ช่าง ใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้  แล้วพูดกับหัวหน้าบริหารว่าถ้าไม่ดี เขาจะแต่งตั้งให้เป็นอำนวยการระดับสูงได้ยังไง  อย่าให้รู้นะว่าใครเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปพูดจะจัดการมัน  ทุกวันนี้แกเอาใจพนักงานขับรถมาก จนเขาคิดว่าเขาใหญ่โตกว่าข้าราชการกว่าพนักงานราชการแล้ว  เวลาที่ได้ยินเรื่องที่เขาคุยกันส่วนตัวพนักงานขับรถก็เอาไปรายงานหัวหน้า  ทั้งที่คุณไม่ควรเอาเรื่องคนอื่นไปพูดด้วยซ้ำ  ตอนนี้เราภาวะนาว่าขอให้เขาย้ายไปเร็วๆ  ถ้าไม่อย่างงั้นเราคงได้เตรียดกว่านี้แน่  เราทำงานที่นี่มา9 ปี เราเจอหัวหน้ามาเยอะ  แต่พอเจอคนนี้ เรากลายเป็นโรคซึมเศร้าและวิตกกังวล ต้องพบจิตแพทย์ทุก2 เดือน  เราต้องกินยานอนหลับทุกวันและยาปรับอารมณ์  มา3เดือนแล้ว  เรารู้สึกว่าไม่อยากไปทำงาน เราตั้งใจทำงานแต่ทำไมเราเจอสิ่งเหล่านี้ตอบแทน  ทั้งจับผิดลูกน้อง ทั้งกดดัน  ตามจิก  เห็นคนในสำนักงานสามัคคีกันไม่ได้ต้องคอยยุให้แตกกัน ทำงานก็ไม่เป็นระบบปรึกษาอะไรก็ไม่ได้  เรื่องงานก็ไม่รู้ เรื่องระเบียบก็ไม่รู้ จะทำตามใจตัวเองทุกอย่าง  เห็นคนอื่นได้ดีกว่าไม่ได้ อิจฉาแม้กระทั้งลูกน้องตัวเองที่คุยกันมีความสุข
   ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงจุดนี้นะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่