JJNY : สาววัย30ติดโควิดล้มดับกลางถนน│ส.ท่องเที่ยวจวกรัฐทำเสียโอกาส│สลน.ซื้อไอโฟนแจกผู้บริหาร│คนสุพรรณฯฟ้องก.เกษตร-กรมชลฯ

สลด สาววัย 30 ปี ติดโควิด ล้มดับกลางถนน เศร้าพ่อกางร่มบังแดดให้ศพลูก
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6746887
  
 
สลด สาววัย 30 ปี ติดโควิด ล้มดับกลางถนน พ่อเศร้ากางร่มบังแดด ให้ร่างไร้วิญญาณของลูก สุ่มตรวจคนในบ้าน เจอติดเชื้ออีก 5 ราย
 
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 พ.ย.64 ร.ต.ท.สิทธิชัย แสงขาว รองสารวัตร ( สอบสวน ) สน.สายไหม รับแจ้งหญิงเสียชีวิตกลางถนนภายในซอยแม่ผิว ถนนวัดเกาะสุวรรณาราม แขวงและเขตสายไหม กทม. รุดไปที่เกิดเหตุพร้อมประสานแพทย์รพ.ภูมิพล และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งเข้าร่วมตรวจสอบ
 
ที่เกิดเหตุบริเวณกลางซอยหน้าร้านของชำไม่มีชื่อ พบศพ น.ส.สุชาดา (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี นอนเสียชีวิตกลางถนนสภาพนอนหงาย จากการสอบถามชาวบ้านที่เห็นเหตุการระบุว่าเห็นผู้เสียชีวิตเดินออกมาจากบ้าน ก่อนจะมาล้มนอนหงายที่กลางถนน จึงรีบแจ้งพ่อของผู้เสียชีวิตมาดู ก่อนจะช่วยปั๊มหัวใจแต่ไม่ทัน จึงนำร่มมากางไว้ที่ร่างไร้วิญญาณของลูกสาว
 
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ ระบุว่า จากการประเมินเบื้องต้นเข้าข่ายน่าจะเป็นผู้ติดเชื้อ จึงประสานเจ้าหน้าที่ชุดโควิด เข้ามาทำการ swab ด้วยชุดตรวจ ATK พบผู้เสียชีวิตมีผลบวก จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการกันพื้นที่และสุ่มตรวจคนในบ้านที่มีกว่า 30 คน พบมีผลบวก 5 คน ส่วนคนอื่นๆเจ้าหน้าที่ได้แนะนำให้กักตัวรอดูอาการในห้องพัก
 
นายสุเทพ (สงวนนามสกุล) อายุ 61 ปี กล่าวว่า ตนทำงานเป็นเวรเปลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านรังสิต คนที่เสียชีวิตเป็นลูกสาวคนเล็ก และเป็นเด็กพิเศษ ที่ผ่านมาตนได้รับวัคซีนแล้ว แต่ลูกสาวคนโต ภรรยา และลูกสาวคนเล็กยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด
 
ก่อนหน้านี้ลูกสาวคนเล็กมีอาการตัวร้อนมา 2-3 วัน วันนี้เป็นเวรพักกะว่าจะพาลูกสาวไปหาหมอแต่ไม่ทันเพื่อนบ้านมาเรียกบอกลูกสาวเดินออกมาล้มกลางถนนเสียชีวิต ส่วนคนอื่นเพิ่งมาทราบว่าติดเชื้อวันนี้เพราะไม่มีอาการออกมาให้เห็น
 
ด้าน นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ช่วย สส.เขตสายไหม ระบุว่า สำหรับเคสนี้เบื้องต้นได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตอยู่กลางถนน จึงเดินทางมาตรวจสอบ พบว่าผู้สียชีวิตติดเชื้อโควิต จึงนำชุดตรวจ ATK มาทำการตรวจหาเชื้อพบว่าแม่ และพี่สาว มีผลเป็นบวก ส่วนพ่อไม่พบเชื้อ
 
หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิจะนำศพไปประกอบพิธีฌาปนกิจทันทีที่วัดหนองผักชี ในซอยพหลโยธิน52 ส่วนผู้ติดเชื้อทั้ง 5 คนได้ประสานส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ธนบุรีบำรุงเมือง
 
ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำการตรวจและทำการพ่นฆ่าเชื้อบ้านผู้ที่ติดเชื้อ รวมถึงบ้านคนในซอยทั้งหมดเนื่องจากผู้ตายและผู้ติดเชื้อคนอื่นๆมีบ้านอยู่ใกล้กับร้านขายของกลางซอย ซึ่งคนในซอยมาซื้อของกันเป็นประจำ



“ส.ท่องเที่ยวจวกรัฐ” ทำเสียโอกาส หลังแอร์เอเชียประกาศหยุดบินตรงหัวหิน – เชียงใหม่ ช่วงขยายรันเวย์สนามบินบ่อฝ้าย

https://www.matichon.co.th/region/news_3054222
 
“ส.ท่องเที่ยวจวกรัฐ” ทำเสียโอกาส หลังแอร์เอเชียประกาศหยุดบินตรงหัวหิน – เชียงใหม่ ช่วงขยายรันเวย์สนามบินบ่อฝ้าย
 
วันที่ 23 พฤศจิกายน นายอุดม ศรีมหาโชตะ อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย ที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน – ชะอำ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สายการบินไทยแอร์เอเชีย ที่ท่าอากาศยานหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะหยุดให้บริการชั่วคราวไฟท์บินตรงหัวหิน -เชียงใหม่ ,เชียงใหม่ –หัวหิน ทุกศุกร์และวันอาทิตย์ ในตารางบินเดือนธันวาคม 2564 จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง หลังจากแอร์เอเชียเปิดเที่ยวบินแรกเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2564 ต่อเนื่องถึงเดือนพฤศจิกายน เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวช่วงสถานการณ์โควิด 19 โดยก่อนหน้านั้นได้หยุดทำการบินที่ท่าอากาศยานหัวหินนานกว่า 5 เดือน
 
นายอุดม กล่าวว่า การแจ้งหยุดบินกะทันหัน ถือว่าเสียโอกาสกับการท่องเที่ยวหัวหินและชะอำเป็นอย่างมาก เนื่องจากเดือนธันวาคมถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่น มีวันหยุดนักขัตฤกษ์และลองวีคเอนท์หรือวันหยุดยาวสามช่วง ที่ผ่านมาแต่ละเที่ยวบินมีโหลดแฟคเตอร์มากกว่า 70% เนื่องจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากในพื้นที่หัวหิน – ชะอำ และจังหวัดใกล้เคียงต้องการจองตั๋วเดินทางไปเที่ยวพักผ่อนรับลมหนาวในจังหวัดทางภาคเหนือ
 
“สำหรับสาเหตุที่หยุดการบินชั่วคราวเนื่องจากขณะนี้มีการปรับปรุง ขยายรันเวย์สนามบินบ่อฝ้าย อาจมีผลกระทบมาตรฐานความปลอดภัยระหว่างเครื่องบินขึ้นและลง แต่คาดว่ากระทรวงคมนาคมจะเร่งรัดให้ผู้รับเหมาเร่งก่อสร้างให้เสร็จภายใน 3 เดือน จากเดิมกำหนดส่งมอบงานภายใน 6 เดือน เพื่อให้ทันกับฤดูตากอากาศช่วงหน้าร้อนพื้นที่หัวหิน – ชะอำ ขณะที่สมาคมท่องเที่ยวยืนยันว่าการเปิดเที่ยวบินตรงหัวหินเชียงใหม่มีผลดีกับการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก “ นายอุดมกล่าว และว่า การประกาศหยุดไฟท์บินตรงน่าจะเป็นการจัดการที่ล้มเหลวของภาครัฐในด้านของการวางแผนงานโดยไม่มีการประสานงานร่วมกันของภาคเอกชนหรือภาคธุรกิจท่องเที่ยว ส่วนความเสียหายที่ลูกค้าได้จองตั๋วเครื่องบินหรือจองห้องพักไว้จากนั้นจะเข้ามาท่องเที่ยว ก็ทำให้มีผลกระทบกับความเชื่อมั่นพอสมควร
 


สลน.ใจป้ำ ทุ่มงบ 2.6 ล้าน ซื้อไอโฟน 12 แจกผู้บริหาร 111 เครื่อง ใช้แทนของเก่าตกรุ่น
https://www.khaosod.co.th/politics/news_6746740

สลน.ใจป้ำ ทุ่มงบ 2.6 ล้าน ซื้อไอโฟน 12 แจกผู้บริหาร 111 เครื่อง ใช้แทนของเก่าที่ตกรุ่น-เสื่อมสภาพ เพื่อให้การปฏิบัติราชการ มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันเหตุการณ์
 
วันที่ 23 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงประกาศจัดซื้อจัดจ้าง เรื่อง สัญญาซื้อขาย สัญญาเลขที่ 8/2565 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 โทรศัพท์เคลื่อนที่ (มือถือ) จำนวน 111 เครื่อง โดยบริษัท ที่ได้รับการคัดเลือก ได้แก่ บริษัท สหธุรกิจ จำกัด
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เจ้าของโครงการ กำหนดราคากลาง (ราคาอ้างอิง) ไว้เมื่อ 23 ก.ย.64 ที่วงเงิน 2,964,199.60 บาท จากแหล่งที่มาของราคากลาง(ราคาอ้างอิง) 3 ราย
 
ในส่วนของรายละเอียดการกำหนดราคากลาง ทั้ง 111 เครื่อง ระบุว่า โทรศัพท์เคลื่อนที่ (มือถือ) ขนาด 128 GB จำนวน 23 เครื่อง ราคาต่อหน่วย 26,440 บาท รวมวงเงิน 608,120 บาท และโทรศัพท์เคลื่อนที่ (มือถือ) ขนาด 64 GB จำนวน 88 เครื่อง ราคาต่อหน่วย 24,570 บาท วงเงินรวม 2,162,160 บาท\
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในสัญญาซื้อขาย ระบุว่า ผู้ซื้อตกลงซื้อ และผู้ขายตกลงขาย โทรศัพท์เคลื่อนที่ (มือถือ) จำนวน 111 เครื่อง ยี่ห้อ Apple รุ่น Iphone 12 ความจุ 128 GB จำนวน 23 เครื่อง และ ยี่ห้อ Apple รุ่น Iphone 12 ความจุ 64 GB จำนวน 88 เครื่อง เป็นราคาทั้งสิ้น 2,681,355.80 บาท ซึ่งได้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนภาษีอากรอื่นๆ และค่าใช้จ่ายทั้งปวงไว้ด้วยแล้ว
 
ทั้งนี้โครงการจัดซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (มือถือ) 111 เครื่อง ระบุ ความเป็นมาว่า สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการด้านการเมือง ด้านวิชาการ ด้านเลขานุการ และทำหน้าที่ศูนย์ประสานการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักรายกรัฐมนตรี และ ผู้บริหารฝ่ายการเมือง เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันเหตุการณ์ มุ่งผลสัมฤทธิ์และเป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
 
โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการสนับสนุนภารกิจข้างต้น สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จึงมีความจำเป็นจะต้องจัดหาโทรศัพท์เคลื่อนที่(มือถือ) เพื่อใช้ในราชการทดแทนของเดิม ซึ่งได้จัดหาเมื่อปีงบประมาณ พ.ศ.2560 ซึ่งปัจจุบันเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน เพื่อให้การปฏิบัติราชการของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ทันเหตุการณ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่