อยากตาย ทำไง แต่ก็อยากเที่ยว

กระทู้คำถาม
ทำไมถึงอยากตาย???

ครอบครัวมีปัญหา โดนไล่ออกจากบ้าน เพราะมีน้องขี้อิจฉา รวมหัวกับแม่ ขับไล่เมียผม บังคับให้ผมหย่า และโดนเตะออกจากทั้งสองบ้าน โดยที่มีความผิดคือ ป่วยหลายโรค เบาหวาน, โครโมโซมมี x เกินมา, ตับอักเสบ, กระดูกพรุน, ตาเป็นต้อหินสองข้าง, เป็นหมันแบบคล้ายๆ และอื่นๆที่อาจจะตามมาตามโปรโมชั่นของอายุ ตอนนี้ 40 แล้ว ต้องมาบวช พอสึกไม่มีบ้านต้องอยู่วัด มีสมบัติที่ดิน ก็ขายไม่ออก มีค่าใช้จ่าย มีหนี้ ตัดอดีตไม่ได้ ทำไมความสุขถึงแสนสั้น แต่งงานได้ 5 เดือน ก็โดนแม่บังคับหย่า ถ้าไม่หย่าจะไม่คุยด้วย พอหย่าไม่คุยและไม่ให้เข้าบ้าน ส่วนเมีย จู่ๆโดนน้อง ยิ้มไล่ออกจากบ้านโดยไร้เหตุผล พอแม่ยายถาม แถไปเนื่องอื่น ขนาดมีคลิปเสียงมันยังไม่ยอมรับผิด ส่วนแม่นั่งเฉย พูดประโยคเดียว "ก็รู้ว่าน้องปากหมาใครจะหุบปากมันได้" พอแม่ยายมารับลูกสาวเขา มาด่าแม่ผม กลับไปโกรธตัวแฟนผมแทน แต่ไม่โกรธลูกชายตัวเอง ลูกชายทีรักนักหนา ไอ้ ยิ้มคนนึงที่เห็นแก่ตัว สร้างข่าวลือทำลายชีวิตคนอื่น อยากฆ่ามันมาก แต่ให้เวรกรรมคิดบัญชีกับมันดีกว่า ส่วนแม่คงต้องปล่อย เราเป็นลูกทำอะไรไม่ได้ คงเป็นเวรกรรมของเราเอง ธุรกิจที่พ่อได้ทิ้งไว้ กลับโดนน้องยึดเอาไปเสีย เพื่อนไม่ว่าทางธุรกิจหรือที่รู้จัก หักหลังแทงหลังซะยับ คนที่คิดว่าป็นน้องสาว ก็แทงหลังเหมือนกัน พอถาม ตอบประมาณว่า ก็นึกว่าพี่ชายจะติดxี...ติด ยิ้มไร หลักฐานคลิปเสียงขนาดนี้ ยังหาว่ากูผิดอีกหรอ...หนูขอโทษ...แค่นั้นผมก็ไม่มีน้องแล้ว ทั้งน้องในสายเลือดและนอกสายเลือด พนักงานที่โครตจะไว้ใจทั้งหลาย ร่วมมือกับแม่ วางแผนว่าจะทำยังไงกับผม

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 63 วันที่ๆผมยังอยู่บ้านเมีย  เวลาประมาณ 9 โมงเช้า กล้องวงจรปิดที่เสียบชาร์จไส้เนื่องจากแบตหมด เด้งข้อความมาว่า มีอะไรเคลื่อนไหว เลยกดเข้าดูพบว่า แม่กับพนง กำลังคุยกัน

แม่ : จะเอาไงกับบอสเมื่อกลับบ้าน
พนง : ยึดกุญแจบ้าน กุญแจรถ จับขังในห้อง
แม่ : และสามารถเอาชื่อบอสิอกจากกรรมการบริษัทได้เลยไหม
พนง : ได้ค่ะเจ๊ วันจันทร์จะดำเนินการให้ค่ะ

เวลาประมาณบ่ายโมง มีคุยกับพนักงานอีกคน มือขวาผมเอง

แม่ : เธอคุยกับบอสได้ข้อมูลอะไรบ้าง
พนง : บอสเปลี่ยนไป ต้องตอดทีละนิดค่ะ

ย้อนไป วันที่ 28 กุมภา 63 ผมซื้อกล้องวงจรปิดมาติดไว้ที่ครัว เพื่อดูช่างที่มาต่อเติมบ้าน และวันที่  25 มีนาคม 63 ผมกับแม่ทะเลาะกันแค่เรื่องสั่งเจลและได้ไฮเตอร์มา ผมจึงพาเมียไปอยู่บ้านแม่ยาย เพราะวันที่ 26 มีนา รัฐประกาศ พรก ฉุกเฉิน

วันที่ 4 เมษายน 63 แม่กับน้องคุยกันเรื่อง มรดก ที่พี่ชายยิงน้องชายที่นครปฐม

แม่ : แล้ว m จะเอายังไงกับเฮีย t 
m : สินสอดเฮียก็ได้ไปแล้ว ที่ดิน 105ตรว.ยกให้ ส่วนบ้านหลังนี้ อยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ แล้วมันก็หัวเราะลั่น (คลิปมี)

วันที่ 16 เมษายน 63 ผมกับเมียจะมา surprise วันเกิดแม่ แต่โดน surprise กว่า

ผม : ถามแม่ว่า มีอะไรจะพูดกับลูกไหม
แม่ : ไม่มี เราคุยภาษาเดียวกันไม่รู้เรื่อง

เมียผม : ถาม m ว่า ทำไมเอาตัวเขาออกจากเป็นแอดมินเพจ
m : ก็ไม่ต้องทำงานที่บริษัทนี้แล้ว
เมียผม : เหตุผลล่ะคะ
m : ก็คุณไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้แล้วไง

ถามอะไรแถไปวนไป แม่นั่งเชิดหน้ามองเพดานหาเลข เมียโทรให้ทางย้านมารับ

แม่ยาย : มาด่าแม่ผมว่าย้อมแมว เพราะผมป่วยขนาดนี้ทำไมถึงไม่บอกก่อน (ผมได้บอกทางแม่ยายก่อนแต่ง แต่แม่ผมไม่ได้บอก ทางแม่ยายอยากได้ยินจากปากแม่ผมมากกว่าป่วยอะไรบ้าง)

ส่วนแม่ผมโกรธบ้านเมียที่มาด่าตัวเองในวันเกิด แต่กลับไม่ด่าลูกตัวเองที่เป็นต้นเรื่อง ตามจนทุกวันนี้ ปากอโหสิแต่ใจยังแค้นอยู่มิวาย

วันที่ 17 เมษายน 63 แม่ ผม m และอา(น้องพ่อ) ได้มาประชุมเรื่องผมว่าจะเอาไงต่อไป 

อา : ไหนลองว่ามาซิ t อยากให้แม่ทำอะไร
ผม : ผมอยากให้แม่ทำพินัยกรีฝรมให้ยุติธรรม พี่น้องจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกัน
อา : จะทำไปทำไม แม่ยังไม่ตายเลย
ผม : แล้วจะให้แม่ตายก่อน แบบป๊ารึไงที่ตายวันทำพินัยกรรม แล้วให้เหมือนที่ออกข่าวกันรึ
อา : แม่เธอยังอยู่ จะทำไปทำไม ไปๆ แยกย้ายๆ

วันที่ 19 เมษายน 63 แม่มากระซิบข้างหูว่า ถ้าอยากได้เวินลงทุน ไปฟ้องหย่าสิ จะได้จากสินสอด 50% เลยนะ...เสียดายไม่ได้อัดเสียงไว้ ไม่คิดว่าแม่จะพูดแบบนี้ และวันนั้นผมกำลังจะเข้ากทมเอาของใช้ส่วนตัวไปบ้านเมียและนัดเพื่อนทำบุญสะเดาะเคราะห์

ผมได้ยอก พนงอีกคนมือขวาพ่อ ผมก็ไว้ใจนะ แต่ตอนนี้ผิดหวัง ผมบอกว่าจะไหว้พระเสร็จจะเข้ากทมนะนัดเพื่อนไว้

ผมเดินมาถึงรถ ประตูโรงรถปิด 

ผม : ใครให้ปิด
พนง : เจ๊ค่ะ
ผม : เปิดเดี๋ยวนี้
พนง : ไม่ได้ค่ะ กุญแจอยู่กับเจ๊ บอสคะ เอากระเป๋าไว้ในย้านก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูถือให้ค่ะ
ผม : ไม่ต้อง ผมถือเองได้ (มีการยื้อกระเป๋ากันแวปนึว)
แม่ : ลูกจะไปไหน มานั่งคุยกันก่อน เดี๋ยวอี้จะมาคุยด้วย
ผม : จะมาตอนไหน
แม่ : บ่ายๆ 
ผม : ไม่ได้ กว่าอี้จะมาจากทม และลูกนัดเพื่อนทำบุญและจะเอาของไปให้บ้านโน้น
แม่ : วันนี้ไม่ไปไม่ได้หรอ
ผม : เอ้าก็นัดไว้วันนี้ เพื่ิอนว่างวันนี้ แล้วจะคุยอะไร
แม่ : เรื่องวันก่อน และจะให้อี้เป็นพยาน
ผม : ไปเรียกอามา ก็ได้ 

ต่อรองพักนึงจึงไปเรียกอามา คุยกันอยู่นาน คุยกับแม่ไม่รู้เรื่อง แกไม่ยอมรับความผิดใดๆ ทั้งๆที่มีคลิปหลักฐานจน อาพูดว่า

อา : ลบคลิปทั้งหมดซะ และทำลายกล้องทิ้ง มันเป็รเหตุทำให้ครอบครัวแตกแยก
ผม : นั่นคือความจริงนะ ทำไมไม่ยอมรับกัน
อา : ไม่ต้อง ไร้สาระ ทำลายมันทิ้งซะ
แม่ :ไม่ทำลายอย่าหวังจะได้ไป กทม

ขณะนั้นผมแอบคุยกับเพื่อนให้มารับ เพราะรู้แม่กับอาพูดถ่วงเวลาให้อี้มาให้ทันผมอยู่

ผม : ลบให้แล้ว ดูสิ (ลบที่ในแอฟ แต่ไม่ได้ลบในที่เก็บเาไว้) 
ผม : งั้นไปก่อนนะ 
แม่, อา : ยังคุยกันไม่จบจะไปไหน
ผม : ไปห้องน้ำ แต่ความจริงเพื่อนมาแล้ว หยิบกระเป๋ากระโดดขึ้นรถเพื่อนเลย แต่วันนั้นตอนมืดๆผทก็กลับบ้านนะ

วันที่ 20-22 เมษายน พยายามข่มใจไว้ทำตัวดีๆ บอกแม่ว่าวันที่ 23 จะเอาของไปให้บ้านนู้น จึงได้ไป แล้วเหตุก้อมาเกิดวันที่ 26 เมษายน
 แต่ยังเล่าไม่หมดในช่วงต้น มาต่อกันเลยครับ

เวลาประมาณบ่ายสามโมง ของวันที่ 26 เมษายน 63

แม่ : แล้ว m มีความเห็นยังไง จะทำไงกัยเฮีย t เมื่อเขากลับบ้าน
m : ลดเงินเดือน จาก สี่หมื่นเหลือ 1หมื่น ให้ไปทำงานข้างนอก ทำแผนกอะไหล่ ร้อนๆ ไม่ทำไม่ได้เงินเดือน และไม่ต้องกินข้าว

คือ ผมได้ยิน ผมนี่ขอขึ้นเลย เห้ย นี่บริษัทพ่อกู ไม่ใช่เจ้าของ ฝ่ายขาย กูฝ่ายบัญชี มีสิทธิ์อะไร แต่แม่และพนักงานที่ร่วมมือกันกลับเห็นด้วย ผมสุดอึ้งนี่พนักงานระดัยหัวหน้าแต่ละแผนกและมีทือขวาผมด้วย มันอะไรกันเกิดอะไรขึ้น ผมกับเมียได้แต่มองหน้ากัน และผมต้องกลับบ้านไปเผชิญสิ่งที่ได้ยิน

ผมกลับมาถึงประมาณทุ่มกว่าๆ เข้าบ้านปกติอาบน้ำไรทำตัวปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จวบจนเวลาประมาณ สองทุ่มครึ่ง แม่กับ m เดินเข้ามาในห้องนอนผม

แม่ : รถอยู่ไหน (คำถามแรก)
ผม : ฝากไว้บ้านนู้น
แม่ : ทำไมไม่เอากลับมาบ้าน ก็รู้ว่าวันจันทร์น้องต้องเอารถไปเข้าศูนย์
ผม : แม่ก็รู้ลูกขับกลางคืนไม่ได้
แม่ : แล้วทำไมไม่กลับมาให้ไวๆ
ผม : ก็ไปไหว้พระ กินข้าวกับบ้านนู้น วันนี้วันอาทิตย์วันครอบครัวเขา ไปไหว้พระเป็นประจำ แม่ก็รู้
แม่ : แล้วกลับมายังไง
ผม : ก็ให้เขาขับมาส่งไง เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปเอา
แม่ : ไม่ได้ ต้องเอารถมาคืนเดี๋ยวนี้
ผม : แม่นี่มันกี่โมงแล้ว แล้วเขาประกาศพรกฉุกเฉินแล้วนะ
แม่ : ไปเอามาเดี๋ยวนี้ไม่ก็ออกจากย้านนี้ไปเลยให้บ้านโน้นมารับเดี๋ยวนี้
ผม : แม่ทำไมหยาบคายแบบนี้ พูดดีๆกันก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเอารถมาให้ ทำไมต้องอารมณ์เสีย แล้วรถนี่รถลูกนะป๊าซื้อให้ลูก
แม่ : กูไม่สน เก็บข้าวของๆให้หมด ของอันไหนไม่ใช่ของๆอย่าริอาจ
ผม : งั้นแม้ออกไปก่อนลูกจะเก็บของ
แม่ : กูไม่ออกกูจะดูเก็บ m ไปตามอามาซิ

ผมเห็นโอกาสไล่แม่ออก หลังจาก m ออกจากห้อง

ผม : ได้งั้นเริ่มจากมือถือแม่เลยละกัน (ผมจับฉลากได้ ไอโฟน x มาเลยให้แม่ใช้) เขวี้ยงสิครับรอไร ทุบซ้ำอีก คือ ผู้อ่านครับ คงเข้าใจอารมณ์ผมนะครับ

แม่ไม่ยอมออกจากห้อง ผมคิดเอาไงดีๆๆ เดินวนๆในห้องนอนเจอไม้เบสบอล เลยหยิบมา หวดเข้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งที่ป๊าซื้อให้เป็นชุดเฟอร์นิเจอร์ กระจกแคกใจสลายเหมือนกัน เพราะของในห้องเปรียบเสมือนของดูต่างหน้าพ่อที่เสียไปแล้ว...หบังจากหวดกระจก แม่ยอมเดินออกแต่โดยดี แต่สิ่งที่ออกจากปากผู้ดป็รแม่ทำให้ผมใจสลายเหมือนกัน

แม่ : ลูกจะฆ่าแม่หรอๆๆ 

สามหน ผมนี่งงเลย เตรียมคำพูดมาหรืออย่างไร คืนนั้นเก็บของไปร้องไห้ไป โห เกิดมา แทนที่จะแต่งงานมีชีวิตที่ดี ไหงเจอน้องกับแม่แบบนี้วะ สงสัยเราจะยอมเนอะจนพวกเขาเสียคน และใจดีกับพนงจนเกินไป 

วันที่ 27 เมษายน 63 เผลอหลับไปช่วง หกโมงเช้าตื่นมาตอน 9 โมงเช้า ได้ยินเสียงเหมือนมีคนทุยอะไร เดินออกมาดูประตูห้องนอนปกติ แต่ในห้องน้ำ(อธิบาย ประตูห้องน้ำมีสองบาน บานนึงทะลุห้องนอน บานนึงคนนอกเข้ามาได้) มีคนพยายามพังประตูห้องน้ำ คือ ช่างที่มาทำห้องน้องยิ้มนั่นเอง และร้อง ยิ้ม ยืนกำกับอยู่ ผมบอกทำธุระอยู่รอเสร็จก่อนได้ไหม มันบอกไม่ได้ต้องเปิดเดี๋ยวนี้ ผมยื้ออยู่นานจนมันให้อีกคนถีบประตูจนพัง และมันก็บอกก็แค่นี้แหละ เดี๋ยววันนี้บ้านนี้ก็ไม่ใช่ของแล้ว แล้วมันก็หัวเราะแบะเดินจากไป ผมคิดในใจนี่น้องในสายเลือดกูยิ้มอเนี่ย กูไปทำไรให้มันวะ กูรักสงบจะตายห่าเอ้ย เวรกรรม ยิ้มไรวะ

วันที่ 1 พฤษภาคม กลับมาบ้านอีกครั้ง มาเก็บจองส่วนที่เหลือ เจอน้อง ยิ้มตามม่และพูดว่า เก็บให้หมดนะ อันไหนเหลือจะทิ้งให้หมด เพราะคิดว่าคงไม่เอาแล้ว แล้วมันก็เดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะ

วันที่ 2 พฤษภาคม มีข้อความแจ้งเปลี่ยรแปลงข้อมูลนายหน้าประกัน พรบ. ผมตรงดิ่งไป บ.กลาง ถามเลยว่าเปลี่ยนแปลงอะไรข้อมูลผม

บ.กลาง : เห็นทางร้านส่งเอกสารมาให้เปลี่ยน เบอร์โทรและชื่อ
ผม : ผมไม่ได้ส่ง ใครส่งและเปลี่ยนเป็นของใครยังไง
บ.กลาง : เปลี่ยนเป็นคุณ ธนนท์ กัยเบอร์ 0xx-xxxxxxx 
ปม : นี่มันชื่อกับน้องยิ้มนี่หว่า คุณทำแบบนี้ไม่ยังไง เปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาติ งี้ผมฟ้องคุณได้เลยนะ
บ.กลาง : ผมขอโทษครับ คราวหลังจะตรวจสอบก่อน

แต่ผมไปลงยันทึกประจำวันไว้ และมีคลิปเสียงที่พนง.ในบริษัทที่นอมรับว่าเป็นคนปลอมลายเซ็นผม แต่คนสั่งคงเป็นแม่ไม่ก็น้อง

วันที่ 16 พฤษภาคม ผมเด้งออกจาก กรรมการบริษัท
วันที่ 23 พฤษภาคม ผมเด้งออกจาก ตัวแทนจำหน่าย

เดือนมิถุนายน กำลังจะขอเงินแม่ยายมาสร้างตัว แต่กลับโดนแม่ยายพูดว่า ทำไมกูต้องมาเลี้ยงลูกชายที่ปล่อยข่าวมาทำลายธุรกิจกูวะ...เหมือนโลกกำลังพังทลาย เห้ย กูกำลังจะกระเด็นแล้วรึไง เมียช่วยยื้อไม่ไหวแล้ว 

วันที่ 28 มิถุนายน 63 เป็นวันที่ ฝั่งแม่และญาติแม่ กับ แม่ยายแบะญาติ มาเจรจายุติเรื่องต่างๆและก็จะเอาไงกับตัวผม

การเจรจานั้น ทางแม่ยายส่งตัวผมคืนมาทางแม่ แต่แม่ไม่รับผม บอกให้ไปหาบ้านเช่าอยู่เอง...เงินติดตัวมี หกพัน เงินเก็บหมดไปกับทำประกัน ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ผมบอกแม่ขอนอนคอนโดคืนนึงได้ไหมมันมืดแล้ว น้อง ยิ้มบอกว่า ก็ลองมาสิจะแจ้งตำรวจจับ (คอนโดนี้ ซื้อมามหเป๊ แต่แม่ดันใส่ชื่อน้อง ยิ้ม ผมค้านแล้วเพราะผมคนตระเวนหาคอนโดเองกับมือแต่แม่บอกอนากให้น้องมีเครดิต ยังไงคอนโดก็เป็นของกงสีจะกลัวไปทำไม และที่กลัวก็เป็นจริง มันยึดคอนโดหลังป๊าเสีย เพราะเป็นชื้อมัน)

ผมโทรหาฝั่งแม่ยาย แม่ยายไม่ให้ผมไปหาอีก ผมขับรถกลับบ้านมาทั้งน้ำตา เข้าบ้านไม่ได้ ต้องนอนบ้านเพื่อน กะว่ารุ่งเช้าจะไปกราบหลวงพ่อที่เคารพและจะขับรถไปตายที่ไหนซักที่

รุ่นเช้าโทรหาอา บอกเล่าเรื่องย่อๆ ว่าบ้านไม่มีแล้วนะ ไม่มีใครเคียงข้างเลย แต่กลับได้ยินสิ่งที่ไม่คิดว่าคนในสายเลือดเขาทำกัน

อา : หรอ อืมๆ แล้วไง

ผมวางหู พร้อมลั่นวาจาว่า เออ กูไม่มี ญาติมิตรสหายกูมันตัวคนเดียว กูจะไปหาที่ตายของกูพร้อมรถของกู

วันที่ 29 มิถุนายน 63 ไปหาหลวงพ่อที่สนิท...

เดี๋ยวเขียนต่อนะครับ พอดีสุดบรรทัดแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่