จริงๆแล้วพระพุทธเจ้าต้องการบวชให้เฉพาะคนที่หวังนิพพานเท่านั้นไหมครับ
ตามพระธรรมวินัยเดิม ถ้าบวชเข้ามาในศาสนาพุทธแล้วหวังอย่างอื่น ไม่ได้หวังนิพพาน พระพุทธเจ้าจะบวชให้ไหมครับ
คนที่หวังนิพพานก็แปลว่า ไตร่ตรองและตั้งใจมาแล้วตั้งแต่ก่อนบวชว่าจะรักษาศีลให้หมดจดเป๊ะๆทุกข้อ แบบเอาชีวิตเข้าแลก ไม่มีข้ออ้าง
และจะตั้งใจสละความสุขความพอใจทุกอย่างทางโลกทิ้งทั้งหมด ไม่มีข้อยกเว้น
(สัพเพหิ เม ปิเยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโวติ ปัพพะชิเตนะ อะภิณหัง ปัจจะเวกขิตัพพัง
บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัดอยู่เนืองนิจว่า ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น จักมีแก่เรา ดังนี้)
สิ่งที่น่าจะตั้งคำถามเยอะในปัจจุบัน คือคนส่วนใหญ่ที่บวชไม่ได้หวังนิพพาน(หรือเปล่า)
แต่หวังอย่างอื่นที่จะกลายเป็นปัญหา ทั้งลาภยศ ตำแหน่ง อำนาจ เงินทอง ผู้หญิง ซึ่งบวชแล้วไม่ตั้งใจภาวนาต้องมีซักวันแน่ๆที่ศีลขาด
ส่วนคนที่ชั้นดีกว่าหน่อยก็คือบวชในขณะที่ยังไม่เข้าใจว่ามรรคผลนิพพานต้องทำอะไร รู้แต่ว่าบวชแล้วดี ก็เลยบวชไปก่อนแล้วค่อยศึกษาปฏิบัติ
แต่ปัญหาก็ตามมาว่าบวชไปนานๆแล้วสุดท้ายรู้ว่าตัวเองยังยึดติด ละบางอย่างไม่ได้ แต่จะสึกก็ทำงานอะไรไม่เป็นแล้ว อยู่ในผ้าเหลืองสบายกว่า
กลุ่มนี้ถึงศีลข้อปาราชิกไม่ขาด แต่ก็จะนำไปสู่ข้อติเตียนของประชาชน และวัตรปฏิบัติที่เลอะเลือนในหมู่สงฆ์ด้วยกันเอง
เลยอยากทราบครับว่าถ้าจะบวช (ที่ไม่ใช่บวชตามประเพณี มีกำหนดวันสึกล่วงหน้า)
ควรจะบวชก็ต่อเมื่อเคลียร์เรื่องทางโลกหมดแล้ว และตั้งใจจะนิพพานจริงๆเท่านั้น ถึงจะบวช แบบนี้ดีกว่าไหม
ถ้ายังคิดว่าตัวเองยังติดบางสิ่งแน่ๆ ไม่ตั้งใจจะสละสิ่งนั้นแน่ๆ แบบนี้ถ้าจะปฏิบัติก็ปฏิบัติอยู่ในเพศฆราวาสไปก่อนดีกว่าไหม
ยังไงก็คงไม่ตายเพราะบรรลุอรหันต์อยู่แล้ว ดีกว่าไปสุ่มเสี่ยงให้ศาสนาของพระศาสดาแปดเปื้อน
คนที่บวช ควรจะบวชก็ต่อเมื่อหวังนิพพานเท่านั้นไหม
ตามพระธรรมวินัยเดิม ถ้าบวชเข้ามาในศาสนาพุทธแล้วหวังอย่างอื่น ไม่ได้หวังนิพพาน พระพุทธเจ้าจะบวชให้ไหมครับ
คนที่หวังนิพพานก็แปลว่า ไตร่ตรองและตั้งใจมาแล้วตั้งแต่ก่อนบวชว่าจะรักษาศีลให้หมดจดเป๊ะๆทุกข้อ แบบเอาชีวิตเข้าแลก ไม่มีข้ออ้าง
และจะตั้งใจสละความสุขความพอใจทุกอย่างทางโลกทิ้งทั้งหมด ไม่มีข้อยกเว้น
(สัพเพหิ เม ปิเยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโวติ ปัพพะชิเตนะ อะภิณหัง ปัจจะเวกขิตัพพัง
บรรพชิตพึงพิจารณาโดยแจ่มชัดอยู่เนืองนิจว่า ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น จักมีแก่เรา ดังนี้)
สิ่งที่น่าจะตั้งคำถามเยอะในปัจจุบัน คือคนส่วนใหญ่ที่บวชไม่ได้หวังนิพพาน(หรือเปล่า)
แต่หวังอย่างอื่นที่จะกลายเป็นปัญหา ทั้งลาภยศ ตำแหน่ง อำนาจ เงินทอง ผู้หญิง ซึ่งบวชแล้วไม่ตั้งใจภาวนาต้องมีซักวันแน่ๆที่ศีลขาด
ส่วนคนที่ชั้นดีกว่าหน่อยก็คือบวชในขณะที่ยังไม่เข้าใจว่ามรรคผลนิพพานต้องทำอะไร รู้แต่ว่าบวชแล้วดี ก็เลยบวชไปก่อนแล้วค่อยศึกษาปฏิบัติ
แต่ปัญหาก็ตามมาว่าบวชไปนานๆแล้วสุดท้ายรู้ว่าตัวเองยังยึดติด ละบางอย่างไม่ได้ แต่จะสึกก็ทำงานอะไรไม่เป็นแล้ว อยู่ในผ้าเหลืองสบายกว่า
กลุ่มนี้ถึงศีลข้อปาราชิกไม่ขาด แต่ก็จะนำไปสู่ข้อติเตียนของประชาชน และวัตรปฏิบัติที่เลอะเลือนในหมู่สงฆ์ด้วยกันเอง
เลยอยากทราบครับว่าถ้าจะบวช (ที่ไม่ใช่บวชตามประเพณี มีกำหนดวันสึกล่วงหน้า)
ควรจะบวชก็ต่อเมื่อเคลียร์เรื่องทางโลกหมดแล้ว และตั้งใจจะนิพพานจริงๆเท่านั้น ถึงจะบวช แบบนี้ดีกว่าไหม
ถ้ายังคิดว่าตัวเองยังติดบางสิ่งแน่ๆ ไม่ตั้งใจจะสละสิ่งนั้นแน่ๆ แบบนี้ถ้าจะปฏิบัติก็ปฏิบัติอยู่ในเพศฆราวาสไปก่อนดีกว่าไหม
ยังไงก็คงไม่ตายเพราะบรรลุอรหันต์อยู่แล้ว ดีกว่าไปสุ่มเสี่ยงให้ศาสนาของพระศาสดาแปดเปื้อน