ไม่ได้ดีแต่พูด ไบเดนสั่งซื้อแล้ว ยาต้านโควิด Paxlovid 10 ล้านคอร์ส 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
https://brandinside.asia/biden-purchased-10-million-courses-of-pfizer-antiviral-covid-19-paxlovid-pill/
สำหรับผู้นำ แค่พูดอย่างเดียวไม่พอ ต้องลงมือทำด้วย ล่าสุด Joe Biden ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ว่าสั่งซื้อยาต้านโควิดจาก Pfizer แล้วเรียบร้อย 10 ล้านคอร์ส
ไบเดนระบุว่า ต้นเดือนที่ผ่านมา ทางบริษัทไฟเซอร์ได้พัฒนายาต้านไวรัส ที่จะลดความเสี่ยงจากผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ลดอาการป่วยหนักจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อได้ ปัจจุบัน คนติดเชื้อโควิดสะสมในสหรัฐฯ รวม 47.5 ล้านคน ในรอบ 28 วันอยู่ที่ 2.81 ล้านคน เสียชีวิตรวม 7.6 แสนคน ฉีดวัคซีนรวม 444.4 ล้านโดส
ขณะนี้ยาต้านไวรัสดังกล่าวกำลังยื่นเรื่องให้องค์การอาหารและยาพิจารณา
ไบเดนก็ออกมาประกาศว่าได้สั่งซื้อยาต้านไวรัสจากไฟเซอร์แล้วเรียบร้อย 10 ล้านคอร์ส ยาดังกล่าวจะส่งมอบช่วงปลายปีนี้และปี 2022 ไบเดนระบุว่า รัฐบาลของเขาพยายามที่จะเตรียมพร้อมในการรักษาและจะทำให้เข้าถึงง่ายและฟรี นี่คือข่าวดีที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าสหรัฐ มีเครื่องมือสำคัญสำหรับการรับมือโรคระบาดและช่วยทำให้ออกจากภาวะโรคระบาดนี้ได้โดยเร็ว ขณะเดียวกัน วัคซีนก็ยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุด ปัจจุบันสหรัฐฯ อนุมัติวัคซีนให้ใช้สำหรับเด็กวัย 5-11 ปีแล้ว
ยา Paxlovid มีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยหนักหรือเสียชีวิตได้ 89% เมื่อทานยาภายใน 3 วันหลังจากเริ่มมีอาการ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ไฟเซอร์ระบุว่า จะได้รับเงินจากรัฐบาลสหรัฐฯ ราว 5.29 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทางบริษัทได้ยื่นเรื่องขอให้องค์การอาหารและยาอนุมัติให้ใช้ยาฉุกเฉินแล้วตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ยาแพ็กซ์โลวิดนี้ต้องใช้ควบคู่กับยาที่ใช้ต้านไวรัส HIV หรือยา ritonavir ด้วย
แพ็กซ์โลวิดช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่ทำให้ไวรัสขยายจำนวนในร่างกายได้ ส่วนริโทนาเวียร์ยาต้านไวรัส HIV จะช่วยทำให้เมตาบอลิซึมทำงานช้าลง ทำให้ยาสามารถอยู่ในร่างกายเพื่อต่อสู้กับไวรัสได้ยาวนานขึ้น ไฟเซอร์ระบุว่ายาจะผลิตยาแพ็กซ์โลวิดให้ได้ 1.8 แสนคอร์สภายในเดือนหน้าและจะเพิ่มกำลังผลิตให้ได้ 50 ล้านคอร์สภายในปลายปี 2022
ผู้ติดเชื้อโควิดจะต้องทานยาแพ็กซ์โลวิด 1 คอร์สภายใน 3 วันหลังจากที่เริ่มมีอาการจะช่วยลดอาการป่วยหนักและการเสียชีวิตได้ ปริมาณยาที่ต้องทานเข้าไปคือ จะต้องทานแพ็กซ์โลวิด 1 โดสที่มีขนาด 300 มิลลิกรัมหรือยาแพ็กซ์โลวิด 2 เม็ด (เม็ดละ 150 มิลลิกรัม) ควบคู่กับยาริโทนาเวียร์ 1 เม็ดขนาด 100 มิลลิกรัม ทานวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
โดยรวมแล้วต้องทานแพ็กซ์โลวิด 4 เม็ดและริโทนาเวียร์ 2 เม็ดต่อ 1 วันแบ่งเป็นวันละ 2 ครั้ง ให้ทานยาติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน เท่ากับแพ็กซ์โลวิด 20 เม็ดควบคู่กับริโทนาเวียร์ 10 เม็ด รวม 1 คอร์สเท่ากับ 30 เม็ด
ที่มา –
The White House,
CNBC,
Pfizer,
JHU
โควิดทำอ่วม! ผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ยางพาราใต้ ตู้คอนเทนเนอร์ขาด ฉุดราคาพุ่ง 3 เท่า
https://www.matichon.co.th/region/news_3051117
วิกฤตโควิดและราคาน้ำมันดีเซลพุ่ง “พ่นพิษ” ผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ยางพาราภาคใต้ตอนล่าง ”เดือดร้อน” ตู้คอนเทนเนอร์ขาด ราคาตู้เพิ่ม 3 เท่า ประสาน “กระทรวงพาณิชย์ สภาผู้ออกสินค้าทางเรือ ผู้ประกอบการ”ยึด ท่าเรือ”เซาท์เธิร์สโลจิสติกส์”สงขลา ทางเลือกในอนาคต รองรับเรือเทียบท่าขนถ่ายสินค้าสู่ตลาดต่างประเทศแทนท่าเรือปีนัง
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน จากวิกฤตโควิดส่งผลกระทบทั่วโลก โดยเฉพาะด้านการส่งออกและนำเข้า ที่ประสบปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ มาจากท่าเรือปลายทางปิด ขาดแคลนแรงงาน สินค้าค้างในเรือบรรทุกสิน ส่งผลให้ต้นทุนการส่งออกสูงขึ้น เช่น ค่าเช่าตู้คอเทนเนอร์เพิ่มสูงขึ้น ราคาตู้ฯละ 200,000 บาท เพิ่ม 700,000 บาท
“ที่สำคัญต้องเสียเวลาจะลำเลียงเข้าประเทศไทย ทำให้การส่งออกสินค้าต้องล่าช้าไปด้วย ผู้ประกอบการจึงได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ท่าเรือและผู้ประกอบการในการหาทางช่วยเหลือการส่งออก จึงเจรจากับ CeVo ผู้จัดหาเรือขนส่งสินค้า”
ที่ท่าเรือเซาท์เธิร์นโลจิสติกส์ อ.สงขลา นาย
วรนนท์ อังชยกุล ตัวแทนผู้ประกอบการส่งออก กล่าวว่า ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มการแพร่โรคโควิดระบาด ขาดแคลนและราคาตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้ต้นทุนการส่งออกเพิ่มขึ้นแล้วเวลาไม่แน่นอน ผู้ประกอบการหารือกับนาย
จุรินทร์ ลักษณวิศิฏฐ์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ สภาผู้ส่งสินค้าออกทางทะเลแห่งประเทศไทยและผู้ประกอบการ ข้อสรุปว่าในการแก้ปัญหา ใช้กล่องเหล็กบรรจุสินค้ายางพาราแทนตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อถ่ายสินค้าแล้วพับส่งกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งราคาถูกกว่าตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 40-50 %
นาย
วรนันท์ กล่าวว่า พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างมีท่าเรือน้ำลึกสงขลาแต่ไม่สะดวก ผู้ประกอบการส่งออกยางพารารายใหญ่ 4 รายภาคใต้ มีบริษัทศรีตรัง เต็กบีห้าง เซาท์แลนด์ และ บริดจสโตน มีมติใช้ท่าเรือเชาท์เธิร์นโลจสติกส์ (2009)จำกัด จ.สงขลา ซึ่งมีศักยภาพที่รองรับเรือขนถ่ายสินค้าประเภทยางพาราส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้ดีแห่งหนึ่ง และสามารถรองรับการส่งออกยางพาราได้เดือนละ 2 ครั้ง ร่องน้ำลึกเรือเข้าออกสะดวก
“ผลดีที่จะเกิดขึ้นในท้องถิ่นทั้งทางตรงและทางอ้อม กระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้มากขึ้น เกิดการจ้างงานเพิ่ม ยางพาราไหลออกจากตลาดเร็วขึ้น สามารถดึงราคายางดิบของเกษตรกรเพิ่มเหมาะสมในยุคราคาน้ำมันแพง แทนท่าเรือปีนัง ประเทศมาเลเซีย ลดต้นทุนการขนส่งแล้วลดเวลาการขนส่งแล้ว มีความสะดวกหลายเท่า”
ทางด้าน นาย
อภิชา ธรรมชาติ ผู้จัดการทั่วไปท่าเรือเซาท์เธิร์น โลจิสติกส์ (2009) จำกัด กล่าวว่า ท่าเรือเซาท์เธิร์นฯ มีศักยภาพในการรอรับการขนถ่ายสินค้าลงเรือ เพื่อส่งออกตลาดต่างประเทศ แต่มีปัญหาคือมีเครื่องมือประมงโพงพางในร่องน้ำกีดขวาง ทำให้เรือเดินมหาสมุทรและเรือเฟอรี่ที่เชื่อมเศรษฐกิจ 2 ภาคเข้าออกลำบาก
“เพื่อให้ทั้ง 2 อาชีพอยู่ร่วมกันได้ ขอให้ภาครัฐเป็นตัวกลางลงมาหาข้อยุติปัญหาแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น จะทำให้ปัญหาจบด้วยดี ผลดีจะเกิดกับเศรษฐกิจของ จ.สงขลาและภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพารา” นาย
อภิชา กล่าว
‘ฝ่ายค้าน’ นัดถก 23 พ.ย.ก่อนยื่นอภิปราย ยึดหลักตีแผ่ปัญหาความเดือดร้อน ปชช. เน้นหนัก ศก.-โควิด-การเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3050740
‘ฝ่ายค้าน’ นัดถก 23 พ.ย.ก่อนยื่นอภิปราย ยึดหลักตีแผ่ปัญหาความเดือดร้อน ปชช. เน้นหนัก ศก.-โควิด-การเมือง
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในวันที่ 23 พฤศจิกายน พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมจะหารือร่วมกันถึงเนื้อหา และข้อมูลข้อเท็จจริงที่จะใช้ในการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยแต่ละพรรคจะได้นำเสนอเนื้อหาที่อยากให้รัฐบาลชี้แจง โดยจะยึดสภาพปัญหาของพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้ง ซึ่งจะอยู่ในกรอบวิกฤตทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาทางการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และเมื่อแต่ละพรรคนำเสนอเนื้อหาที่จะใช้ในการอภิปรายได้แล้ว ก็จะสามารถกำหนดช่วงเวลาที่จะยื่นอภิปรายได้
ทั้งนี้ สำหรับกรอบเวลาที่จะอภิปรายนั้นจะมีอยู่ 2 ช่วง คือช่วงก่อนวันที่ 15 ธันวาคมนี้ หากไม่ทันก็จะเลยไปอยู่ในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่เป็นต้นไป ส่วนที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อยากอภิปรายรัฐบาลให้เร็วกว่าวันที่ 15 มกราคม 2565 นั้น ก็คงต้องดูเนื้อหาก่อนกำหนดกรอบเวลาการอภิปรายร่วมกันต่อไป
นพ.
ชลน่านกล่าวอีกว่า ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการอภิปรายแบบไม่ลงมติ จะเป็นการฟอกขาวให้รัฐบาลหรือไม่นั้น หากจะมองอย่างนั้นก็มองได้ เพราะโดยปกติการยื่นอภิปรายตามมาตรา 152 นั้นรัฐบาลควรเป็นฝ่ายยื่นเองเพื่อซักฟอก ชี้แจงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยใช้สภาช่วยกันหาทางออกอย่างเหมาะสม แต่เมื่อรัฐบาลไม่ยอมที่จะยื่นญัตติเอง ฝ่ายค้านในฐานะฝ่ายตรวจสอบก็จำเป็นที่จะต้องยื่นญัตติเอง เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการตรวจสอบรัฐบาลทำได้ยาก เพราะเขาไม่ยอมเปิดเผยข้อเท็จจริงให้ได้รับรู้รับทราบเลย
JJNY : 4in1 ไม่ได้ดีแต่พูด ไบเดนสั่งซื้อPaxlovid│ยางใต้ตู้คอนเทนเนอร์ขาด│นัดถก23พ.ย.ก่อนยื่นอภิปราย│'พิธา'สัญจรภาคกลาง
https://brandinside.asia/biden-purchased-10-million-courses-of-pfizer-antiviral-covid-19-paxlovid-pill/
สำหรับผู้นำ แค่พูดอย่างเดียวไม่พอ ต้องลงมือทำด้วย ล่าสุด Joe Biden ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาออกแถลงการณ์ว่าสั่งซื้อยาต้านโควิดจาก Pfizer แล้วเรียบร้อย 10 ล้านคอร์ส
ไบเดนระบุว่า ต้นเดือนที่ผ่านมา ทางบริษัทไฟเซอร์ได้พัฒนายาต้านไวรัส ที่จะลดความเสี่ยงจากผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ลดอาการป่วยหนักจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อได้ ปัจจุบัน คนติดเชื้อโควิดสะสมในสหรัฐฯ รวม 47.5 ล้านคน ในรอบ 28 วันอยู่ที่ 2.81 ล้านคน เสียชีวิตรวม 7.6 แสนคน ฉีดวัคซีนรวม 444.4 ล้านโดส
ขณะนี้ยาต้านไวรัสดังกล่าวกำลังยื่นเรื่องให้องค์การอาหารและยาพิจารณา ไบเดนก็ออกมาประกาศว่าได้สั่งซื้อยาต้านไวรัสจากไฟเซอร์แล้วเรียบร้อย 10 ล้านคอร์ส ยาดังกล่าวจะส่งมอบช่วงปลายปีนี้และปี 2022 ไบเดนระบุว่า รัฐบาลของเขาพยายามที่จะเตรียมพร้อมในการรักษาและจะทำให้เข้าถึงง่ายและฟรี นี่คือข่าวดีที่จะพิสูจน์ให้เห็นว่าสหรัฐ มีเครื่องมือสำคัญสำหรับการรับมือโรคระบาดและช่วยทำให้ออกจากภาวะโรคระบาดนี้ได้โดยเร็ว ขณะเดียวกัน วัคซีนก็ยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุด ปัจจุบันสหรัฐฯ อนุมัติวัคซีนให้ใช้สำหรับเด็กวัย 5-11 ปีแล้ว
ยา Paxlovid มีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยหนักหรือเสียชีวิตได้ 89% เมื่อทานยาภายใน 3 วันหลังจากเริ่มมีอาการ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ไฟเซอร์ระบุว่า จะได้รับเงินจากรัฐบาลสหรัฐฯ ราว 5.29 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทางบริษัทได้ยื่นเรื่องขอให้องค์การอาหารและยาอนุมัติให้ใช้ยาฉุกเฉินแล้วตั้งแต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ยาแพ็กซ์โลวิดนี้ต้องใช้ควบคู่กับยาที่ใช้ต้านไวรัส HIV หรือยา ritonavir ด้วย
แพ็กซ์โลวิดช่วยยับยั้งเอนไซม์ที่ทำให้ไวรัสขยายจำนวนในร่างกายได้ ส่วนริโทนาเวียร์ยาต้านไวรัส HIV จะช่วยทำให้เมตาบอลิซึมทำงานช้าลง ทำให้ยาสามารถอยู่ในร่างกายเพื่อต่อสู้กับไวรัสได้ยาวนานขึ้น ไฟเซอร์ระบุว่ายาจะผลิตยาแพ็กซ์โลวิดให้ได้ 1.8 แสนคอร์สภายในเดือนหน้าและจะเพิ่มกำลังผลิตให้ได้ 50 ล้านคอร์สภายในปลายปี 2022
ผู้ติดเชื้อโควิดจะต้องทานยาแพ็กซ์โลวิด 1 คอร์สภายใน 3 วันหลังจากที่เริ่มมีอาการจะช่วยลดอาการป่วยหนักและการเสียชีวิตได้ ปริมาณยาที่ต้องทานเข้าไปคือ จะต้องทานแพ็กซ์โลวิด 1 โดสที่มีขนาด 300 มิลลิกรัมหรือยาแพ็กซ์โลวิด 2 เม็ด (เม็ดละ 150 มิลลิกรัม) ควบคู่กับยาริโทนาเวียร์ 1 เม็ดขนาด 100 มิลลิกรัม ทานวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน
โดยรวมแล้วต้องทานแพ็กซ์โลวิด 4 เม็ดและริโทนาเวียร์ 2 เม็ดต่อ 1 วันแบ่งเป็นวันละ 2 ครั้ง ให้ทานยาติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน เท่ากับแพ็กซ์โลวิด 20 เม็ดควบคู่กับริโทนาเวียร์ 10 เม็ด รวม 1 คอร์สเท่ากับ 30 เม็ด
ที่มา – The White House, CNBC, Pfizer, JHU
โควิดทำอ่วม! ผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ยางพาราใต้ ตู้คอนเทนเนอร์ขาด ฉุดราคาพุ่ง 3 เท่า
https://www.matichon.co.th/region/news_3051117
วิกฤตโควิดและราคาน้ำมันดีเซลพุ่ง “พ่นพิษ” ผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ยางพาราภาคใต้ตอนล่าง ”เดือดร้อน” ตู้คอนเทนเนอร์ขาด ราคาตู้เพิ่ม 3 เท่า ประสาน “กระทรวงพาณิชย์ สภาผู้ออกสินค้าทางเรือ ผู้ประกอบการ”ยึด ท่าเรือ”เซาท์เธิร์สโลจิสติกส์”สงขลา ทางเลือกในอนาคต รองรับเรือเทียบท่าขนถ่ายสินค้าสู่ตลาดต่างประเทศแทนท่าเรือปีนัง
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน จากวิกฤตโควิดส่งผลกระทบทั่วโลก โดยเฉพาะด้านการส่งออกและนำเข้า ที่ประสบปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ มาจากท่าเรือปลายทางปิด ขาดแคลนแรงงาน สินค้าค้างในเรือบรรทุกสิน ส่งผลให้ต้นทุนการส่งออกสูงขึ้น เช่น ค่าเช่าตู้คอเทนเนอร์เพิ่มสูงขึ้น ราคาตู้ฯละ 200,000 บาท เพิ่ม 700,000 บาท
“ที่สำคัญต้องเสียเวลาจะลำเลียงเข้าประเทศไทย ทำให้การส่งออกสินค้าต้องล่าช้าไปด้วย ผู้ประกอบการจึงได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์ สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ท่าเรือและผู้ประกอบการในการหาทางช่วยเหลือการส่งออก จึงเจรจากับ CeVo ผู้จัดหาเรือขนส่งสินค้า”
ที่ท่าเรือเซาท์เธิร์นโลจิสติกส์ อ.สงขลา นายวรนนท์ อังชยกุล ตัวแทนผู้ประกอบการส่งออก กล่าวว่า ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ ประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มการแพร่โรคโควิดระบาด ขาดแคลนและราคาตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้ต้นทุนการส่งออกเพิ่มขึ้นแล้วเวลาไม่แน่นอน ผู้ประกอบการหารือกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิฏฐ์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ สภาผู้ส่งสินค้าออกทางทะเลแห่งประเทศไทยและผู้ประกอบการ ข้อสรุปว่าในการแก้ปัญหา ใช้กล่องเหล็กบรรจุสินค้ายางพาราแทนตู้คอนเทนเนอร์ เมื่อถ่ายสินค้าแล้วพับส่งกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งราคาถูกกว่าตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 40-50 %
นายวรนันท์ กล่าวว่า พื้นที่ภาคใต้ตอนล่างมีท่าเรือน้ำลึกสงขลาแต่ไม่สะดวก ผู้ประกอบการส่งออกยางพารารายใหญ่ 4 รายภาคใต้ มีบริษัทศรีตรัง เต็กบีห้าง เซาท์แลนด์ และ บริดจสโตน มีมติใช้ท่าเรือเชาท์เธิร์นโลจสติกส์ (2009)จำกัด จ.สงขลา ซึ่งมีศักยภาพที่รองรับเรือขนถ่ายสินค้าประเภทยางพาราส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้ดีแห่งหนึ่ง และสามารถรองรับการส่งออกยางพาราได้เดือนละ 2 ครั้ง ร่องน้ำลึกเรือเข้าออกสะดวก
“ผลดีที่จะเกิดขึ้นในท้องถิ่นทั้งทางตรงและทางอ้อม กระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้มากขึ้น เกิดการจ้างงานเพิ่ม ยางพาราไหลออกจากตลาดเร็วขึ้น สามารถดึงราคายางดิบของเกษตรกรเพิ่มเหมาะสมในยุคราคาน้ำมันแพง แทนท่าเรือปีนัง ประเทศมาเลเซีย ลดต้นทุนการขนส่งแล้วลดเวลาการขนส่งแล้ว มีความสะดวกหลายเท่า”
ทางด้าน นายอภิชา ธรรมชาติ ผู้จัดการทั่วไปท่าเรือเซาท์เธิร์น โลจิสติกส์ (2009) จำกัด กล่าวว่า ท่าเรือเซาท์เธิร์นฯ มีศักยภาพในการรอรับการขนถ่ายสินค้าลงเรือ เพื่อส่งออกตลาดต่างประเทศ แต่มีปัญหาคือมีเครื่องมือประมงโพงพางในร่องน้ำกีดขวาง ทำให้เรือเดินมหาสมุทรและเรือเฟอรี่ที่เชื่อมเศรษฐกิจ 2 ภาคเข้าออกลำบาก
“เพื่อให้ทั้ง 2 อาชีพอยู่ร่วมกันได้ ขอให้ภาครัฐเป็นตัวกลางลงมาหาข้อยุติปัญหาแบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น จะทำให้ปัญหาจบด้วยดี ผลดีจะเกิดกับเศรษฐกิจของ จ.สงขลาและภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพารา” นายอภิชา กล่าว
‘ฝ่ายค้าน’ นัดถก 23 พ.ย.ก่อนยื่นอภิปราย ยึดหลักตีแผ่ปัญหาความเดือดร้อน ปชช. เน้นหนัก ศก.-โควิด-การเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3050740
‘ฝ่ายค้าน’ นัดถก 23 พ.ย.ก่อนยื่นอภิปราย ยึดหลักตีแผ่ปัญหาความเดือดร้อน ปชช. เน้นหนัก ศก.-โควิด-การเมือง
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในวันที่ 23 พฤศจิกายน พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมจะหารือร่วมกันถึงเนื้อหา และข้อมูลข้อเท็จจริงที่จะใช้ในการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 152 โดยแต่ละพรรคจะได้นำเสนอเนื้อหาที่อยากให้รัฐบาลชี้แจง โดยจะยึดสภาพปัญหาของพี่น้องประชาชนเป็นตัวตั้ง ซึ่งจะอยู่ในกรอบวิกฤตทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจ สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีการระบาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัญหาทางการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ และเมื่อแต่ละพรรคนำเสนอเนื้อหาที่จะใช้ในการอภิปรายได้แล้ว ก็จะสามารถกำหนดช่วงเวลาที่จะยื่นอภิปรายได้
ทั้งนี้ สำหรับกรอบเวลาที่จะอภิปรายนั้นจะมีอยู่ 2 ช่วง คือช่วงก่อนวันที่ 15 ธันวาคมนี้ หากไม่ทันก็จะเลยไปอยู่ในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่เป็นต้นไป ส่วนที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อยากอภิปรายรัฐบาลให้เร็วกว่าวันที่ 15 มกราคม 2565 นั้น ก็คงต้องดูเนื้อหาก่อนกำหนดกรอบเวลาการอภิปรายร่วมกันต่อไป
นพ.ชลน่านกล่าวอีกว่า ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการอภิปรายแบบไม่ลงมติ จะเป็นการฟอกขาวให้รัฐบาลหรือไม่นั้น หากจะมองอย่างนั้นก็มองได้ เพราะโดยปกติการยื่นอภิปรายตามมาตรา 152 นั้นรัฐบาลควรเป็นฝ่ายยื่นเองเพื่อซักฟอก ชี้แจงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยใช้สภาช่วยกันหาทางออกอย่างเหมาะสม แต่เมื่อรัฐบาลไม่ยอมที่จะยื่นญัตติเอง ฝ่ายค้านในฐานะฝ่ายตรวจสอบก็จำเป็นที่จะต้องยื่นญัตติเอง เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ซึ่งที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการตรวจสอบรัฐบาลทำได้ยาก เพราะเขาไม่ยอมเปิดเผยข้อเท็จจริงให้ได้รับรู้รับทราบเลย