สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
ลองมองในมุมนี้ดูค่ะ
เค้าเลี้ยงลูกเองตลอด การเป็นพ่อเป็นแม่ full times เหนื่อยนะคะ เหนื่อยมาก เครียด กดดัน รู้สึกคุณค่าในตัวเองน้อยลง จากคนที่มีสังคม มีรายได้ด้วยตัวเอง ต้องอยู่กับลูกตลอดเวลา จะต้องใส่ใจดูแลลูกเป็นพิเศษ เวลาแฟนกลับมาถึงจะรู้ว่าเค้าเหนื่อยจากงานข้างนอก แต่เราก็อยากได้คนเปลี่ยนกันดูลูก แค่ให้เราได้มีเวลาส่วนตัว เล่นโทรศัพท์ กินข้าวแบบช้าๆ ได้บ้างเท่านั้นก็พอค่ะ ที่บ้านก็เป็นค่ะ แต่เราทำงานหารายได้เองด้วย เลี้ยงลูกด้วย สามีแรกทำงานอย่างเดียว พอจะให้ช่วยดูลูก เค้าบอกเค้าทำงานข้างนอกก็เหนื่อยแล้วประมาณนั้น ว่าเราว่าไม่เอาใจไม่ดูแลเค้าเหมือนเดิม
มีปัญหากันมาเรื่อยๆ จนเราไม่ไหว เราพูดตรงๆ ว่าเราเครียด เราขอไปพักสักวัน 2 วัน แล้วปล่อยให้เค้าเลี้ยงลูกเองแบบ full times กลับมาเค้าเปลี่ยนเลยค่ะ
เหมือนเข้าใจว่าการเลี้ยงลูกมันเหนื่อยแค่ไหน
สำหรับเรื่องของ จขกท. ก็เหมือน จขกท.เป็นสามีเราที่ยังไม่เข้าใจการเลี้ยงลูก full times ค่ะ
เค้าไม่หวานก็ลองหวานกับเค้าก่อนดู อะไรที่อยากให้เค้าทำให้เรา ลองทำให้เค้าก่อนค่ะ สถานการณ์มันน่าจะดีขึ้น
เป็นกำลังใจให้นะคะ
เค้าเลี้ยงลูกเองตลอด การเป็นพ่อเป็นแม่ full times เหนื่อยนะคะ เหนื่อยมาก เครียด กดดัน รู้สึกคุณค่าในตัวเองน้อยลง จากคนที่มีสังคม มีรายได้ด้วยตัวเอง ต้องอยู่กับลูกตลอดเวลา จะต้องใส่ใจดูแลลูกเป็นพิเศษ เวลาแฟนกลับมาถึงจะรู้ว่าเค้าเหนื่อยจากงานข้างนอก แต่เราก็อยากได้คนเปลี่ยนกันดูลูก แค่ให้เราได้มีเวลาส่วนตัว เล่นโทรศัพท์ กินข้าวแบบช้าๆ ได้บ้างเท่านั้นก็พอค่ะ ที่บ้านก็เป็นค่ะ แต่เราทำงานหารายได้เองด้วย เลี้ยงลูกด้วย สามีแรกทำงานอย่างเดียว พอจะให้ช่วยดูลูก เค้าบอกเค้าทำงานข้างนอกก็เหนื่อยแล้วประมาณนั้น ว่าเราว่าไม่เอาใจไม่ดูแลเค้าเหมือนเดิม
มีปัญหากันมาเรื่อยๆ จนเราไม่ไหว เราพูดตรงๆ ว่าเราเครียด เราขอไปพักสักวัน 2 วัน แล้วปล่อยให้เค้าเลี้ยงลูกเองแบบ full times กลับมาเค้าเปลี่ยนเลยค่ะ
เหมือนเข้าใจว่าการเลี้ยงลูกมันเหนื่อยแค่ไหน
สำหรับเรื่องของ จขกท. ก็เหมือน จขกท.เป็นสามีเราที่ยังไม่เข้าใจการเลี้ยงลูก full times ค่ะ
เค้าไม่หวานก็ลองหวานกับเค้าก่อนดู อะไรที่อยากให้เค้าทำให้เรา ลองทำให้เค้าก่อนค่ะ สถานการณ์มันน่าจะดีขึ้น
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ความคิดเห็นที่ 15
เราคิดในมุมของคุณก่อนนะคะ
เข้ามากอด และเข้าใจมากๆ ค่ะ
ผู้หญิงเราไม่ได้ต้องการอะไรมากหรอกค่ะ แค่สกินชิฟเบาๆ จุ๊บวันละ1-2 ครั้ง หรือหอมแก้มก็ได้
สามีเราเป็นคนไม่โรแมนติกใดใดทั้งนั้น แต่งงานก็เหมือนสามีคุณเลยค่ะ หันหลังให้ ลีลาตลอด จนเราแบบ แต่งงานกันทำไม
แต่อย่านึงที่เค้าทำเสมอ คือการจุ๊บเช้า เย็น พอโควิด เราใช้วิธีชนศอกกัน 🤣 นางก็ลีลาเลี่ยงจุ๊บไป แต่เราไม่ถือ
คุณไม่ได้ระบุชัดเจน ต้องดูด้วยว่า ผู้ชาย โดยสันชาติญาณเค้าจะอยากเป็นผู้นำ เค้าเคยทำงานนอกบ้าน ตัวเค้าเองสมัครใจมาเป็นพ่อบ้านฟูลทามใช่ไหมคะ การที่เค้ามาเป็นพ่อบ้าน และตัวคุณเป็นข้าราชการ เค้าได้รับแรงกดดัน หรือใครได้พูดอะไรให้เค้ากระทบกระทั่งจิตใจไหม หรือเวลาทะเลาะกัน คุณได้รื้อฟื้น หยิบเรื่องหาเงินคนเดียวมาพูดรึเปล่า หรือมีคนอื่นพูดแทนคุณไหม
เค้าอาจจะได้รับแรงกดรอบด้านโดยที่คุณไม่รู้ตัว เค้าอาจจะอยากทำงาน แต่เค้ารู้ว่างานของคุณมันมั่นคงกว่า ก็เลยรู้ว่าไม่สามารถทำให้คุณลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้านแทนไดัหรือเปล่า
คุณอาจจะต้องจับเข้าคุยกันดีๆ นะคะ
ถ้าเค้าแฮปปี้ดีอยู่แล้ว และมีความสุขในการเป็นพ่อบ้านเลี้ยงลูกเอง ฟูลทาม คุณจะหาจุดสกินชิพอะไรได้บ้าง เอาแค่ทีละเล็ก ละน้อยค่ะ
เรื่องกรน สามีเราไม่กรน แตาเราเองชอบเข้าห้องน้ำ และสามีเป็นพวกตื่นง่าย เราสรุปทางออก นอนแยกห้องนอน ให้เค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัวและหลับสบายขึ้น คู่สามี-ภรรยาการนอนแยกห้อวกัน ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หรือบกพร่องนะคะ วันไหนจะมีกิจกรรมก็ค่อยส่งซิก ไปก่อกวน ไปงอนใดใดก็ต้องงัดออกมาค่ะ
ทำงานบ้านเต็มเวลาผู้ชาย คงเหนื่อยเอาการ คุณอาจจะต้องมองหาจังหวะ หรือวันที่เหมาะสม ยากอยู่นะคะ แต่ก็ใช่จะทำไม่ได้
แต่ก่อนเราแต่งงานใหม่ๆ เดือนละครั้งเหมือนกันค่ะ จนเรางง งงมากๆ ความเครียดความรับผิดชอบลึกๆ บางทีมันทำให้ผู้ชายเค้าไม่มีอารมณ์สุนทรีใดใด เราต้องหาวิธีค่ะ ตัวเราเองก็ไม่มีวิธีอะไรมากแค่คุยเปิดอก บังคับคุยด้วย เพราะสามีพวกฑิฐิสูงมาก ไม่ค่อยชอบเปิดใจเคลียร์ เราพยายามทุกทางให้เค้าได้ฟังได้อ่านสิ่งที่เราคิด 🤣
ตอนนี้ดีขึ้นมากค่ะ ขอเอาใจช่วยนะคะ สู้ๆ ค่ะ
เข้ามากอด และเข้าใจมากๆ ค่ะ
ผู้หญิงเราไม่ได้ต้องการอะไรมากหรอกค่ะ แค่สกินชิฟเบาๆ จุ๊บวันละ1-2 ครั้ง หรือหอมแก้มก็ได้
สามีเราเป็นคนไม่โรแมนติกใดใดทั้งนั้น แต่งงานก็เหมือนสามีคุณเลยค่ะ หันหลังให้ ลีลาตลอด จนเราแบบ แต่งงานกันทำไม
แต่อย่านึงที่เค้าทำเสมอ คือการจุ๊บเช้า เย็น พอโควิด เราใช้วิธีชนศอกกัน 🤣 นางก็ลีลาเลี่ยงจุ๊บไป แต่เราไม่ถือ
คุณไม่ได้ระบุชัดเจน ต้องดูด้วยว่า ผู้ชาย โดยสันชาติญาณเค้าจะอยากเป็นผู้นำ เค้าเคยทำงานนอกบ้าน ตัวเค้าเองสมัครใจมาเป็นพ่อบ้านฟูลทามใช่ไหมคะ การที่เค้ามาเป็นพ่อบ้าน และตัวคุณเป็นข้าราชการ เค้าได้รับแรงกดดัน หรือใครได้พูดอะไรให้เค้ากระทบกระทั่งจิตใจไหม หรือเวลาทะเลาะกัน คุณได้รื้อฟื้น หยิบเรื่องหาเงินคนเดียวมาพูดรึเปล่า หรือมีคนอื่นพูดแทนคุณไหม
เค้าอาจจะได้รับแรงกดรอบด้านโดยที่คุณไม่รู้ตัว เค้าอาจจะอยากทำงาน แต่เค้ารู้ว่างานของคุณมันมั่นคงกว่า ก็เลยรู้ว่าไม่สามารถทำให้คุณลาออกจากงานมาเป็นแม่บ้านแทนไดัหรือเปล่า
คุณอาจจะต้องจับเข้าคุยกันดีๆ นะคะ
ถ้าเค้าแฮปปี้ดีอยู่แล้ว และมีความสุขในการเป็นพ่อบ้านเลี้ยงลูกเอง ฟูลทาม คุณจะหาจุดสกินชิพอะไรได้บ้าง เอาแค่ทีละเล็ก ละน้อยค่ะ
เรื่องกรน สามีเราไม่กรน แตาเราเองชอบเข้าห้องน้ำ และสามีเป็นพวกตื่นง่าย เราสรุปทางออก นอนแยกห้องนอน ให้เค้าได้มีพื้นที่ส่วนตัวและหลับสบายขึ้น คู่สามี-ภรรยาการนอนแยกห้อวกัน ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ หรือบกพร่องนะคะ วันไหนจะมีกิจกรรมก็ค่อยส่งซิก ไปก่อกวน ไปงอนใดใดก็ต้องงัดออกมาค่ะ
ทำงานบ้านเต็มเวลาผู้ชาย คงเหนื่อยเอาการ คุณอาจจะต้องมองหาจังหวะ หรือวันที่เหมาะสม ยากอยู่นะคะ แต่ก็ใช่จะทำไม่ได้
แต่ก่อนเราแต่งงานใหม่ๆ เดือนละครั้งเหมือนกันค่ะ จนเรางง งงมากๆ ความเครียดความรับผิดชอบลึกๆ บางทีมันทำให้ผู้ชายเค้าไม่มีอารมณ์สุนทรีใดใด เราต้องหาวิธีค่ะ ตัวเราเองก็ไม่มีวิธีอะไรมากแค่คุยเปิดอก บังคับคุยด้วย เพราะสามีพวกฑิฐิสูงมาก ไม่ค่อยชอบเปิดใจเคลียร์ เราพยายามทุกทางให้เค้าได้ฟังได้อ่านสิ่งที่เราคิด 🤣
ตอนนี้ดีขึ้นมากค่ะ ขอเอาใจช่วยนะคะ สู้ๆ ค่ะ
ความคิดเห็นที่ 3
หากแรกคบ ผู้ชายเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่แรก คุณคงไม่คิดมากขนาดนี้
ถ้าเขาคิดว่า มันเป็นธรรมดาที่ตอนจีบต้องพยายามมากหน่อย เทคแคร์ เอาใจใส่ ดูแลคุณ
แต่พอได้เป็นครอบครัว สามีภรรยากันแล้ว ก็จบ episode จบ process นั้นๆไป
(เหมือนดูหนังแล้วตัดจบ ไม่มีภาคต่อ ซึ่งจริงๆมันยังไม่ถึง ending ด้วยซ้ำ)
เขาคิดแบบนี้ก็ไม่ถูก
ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำรงอยู่ซึ่งชีวิตคู่
การทำอะไรเสมอต้นเสมอปลาย เป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้รักได้คงอยู่
(เหมือนเรารดน้ำต้นไม้ทุกวัน หากต้นไม้ขาดน้ำ มันก็จะเหี่ยวแห้งตาย)
บางที การแสดงออกว่า รัก ก็เป็นสิ่งจำเป็น (โดยไม่ได้ต้องการร้องขออะไรมากมาย)
ถึงแม้อาจทำไม่บ่อยแต่ขอให้มีบ้าง แค่นั้น
อีกสิ่งหนึ่ง คือความพยายามที่จะเข้าใจคู่ชีวิตเราเอง เป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่เสมอ
เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร เข้าใจว่าเราเป็นแบบไหน คือความเข้าใจกันและกัน
หากคุณได้อธิบายถึงความรู้สึกคุณให้เขาฟังแล้ว...เขานิ่งเฉย ไม่คิดปรับตัวอะไรบ้าง
แสดงว่า เขาไม่เข้าใจคุณ ไม่รู้ว่า สิ่งนี้มันสำคัญต่อความรู้สึกคุณแค่ไหน
เขาไม่เข้าใจสัญญาณที่คุณจะสื่อ ว่า เฮ้.. ฮัลโหล ฉันอยู่ตรงนี้! ฉันมีตัวตน!
บางที คนเราอยู่ด้วยกันมาตลอด อาจลืมเห็นคุณค่าของอีกฝ่าย อาจลืมที่จะดูแลหัวใจกัน
เคยได้ยินคำพูดที่ว่า "เรามักจะเห็นค่าสิ่งใด ก็ต่อเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว"
คุณเอง อย่าเพิ่งท้อหรือหมดกำลังใจ
คุณอาจลองค่อยๆลดความคาดหวังในตัวเขาลง
อย่าคิดให้เขาเปลี่ยนตัวเองเพื่อคุณ ทำให้คุณไม่ได้เลยเหรอ
เพราะถ้าคุณคิดแบบนี้ พอมันไม่ได้ดั่งใจหวัง มันจะบั่นทอนจิตใจคุณ
แต่ปรับความคิดใหม่เป็น ให้เขาพัฒนาตนเองในการปฎิบัติตัวต่อคุณ
คุณสองคนก็ลองคุยกันจริงจัง (แบบไม่ทะเลาะ) ตกลงกัน โอเคหรือแฮปปี้กันแบบไหน อย่างไร
(เช่น พูดจาอ่อนโยนกัน กอดหรือหอมบ้าง อะไรก็ว่าไปค่ะ)
คุณทำไปเรื่อยๆแบบนี้ ให้มันเป็น routine เดี๋ยวเขาก็จะชิน
และคุณอาจลองเริ่มต้นจาก
ลุกขึ้นมาทำให้ตัวเองมีความสุข ทำให้ตัวเองดูดี อะไรก็ได้ แต่งตัวสวย ดูแลตัวเอง และอื่นๆ
(ไม่ใช่แค่คิดว่า ทำเพื่อให้สามีกลับมาสนใจ แต่ทำเพื่อตัวเอง อย่าปล่อยให้ตัวเองเครียดและโทรม)
ทำที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น ทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ ปรับเปลี่ยนรูปแบบ ย้ายเฟอร์นิเจอร์
หากิจกรรมทำกันภายในครอบครัว ช่วยกันทำกับข้าว หรือ จัดทริปไปเที่ยว
อะไรแบบนั้น เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศเดิมๆ ที่เดิมๆ feel เดิมๆ ให้แปลกตา ดูใหม่ขึ้น
หากเราดูดี จิตใจเราก็ดีขึ้น
บ้านสะอาด สภาพแวดล้อมดี
มันก็อาจทำให้บรรยากาศครอบครัวมันดูสดชื่น อบอุ่น ดูมีพลังงานบวก
และมันก็ดีต่อคุณทั้งคู่
จริงๆแล้วชีวิตคู่มันอาจไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ยากที่จะพยายามทำด้วยกันทั้งคู่
มันอยู่ที่ว่า คุณและเขาพร้อมจะจับมือกัน รับมือกับแต่ละสถานการณ์ให้ผ่านไปได้อย่างไรค่ะ
ถ้าเขาคิดว่า มันเป็นธรรมดาที่ตอนจีบต้องพยายามมากหน่อย เทคแคร์ เอาใจใส่ ดูแลคุณ
แต่พอได้เป็นครอบครัว สามีภรรยากันแล้ว ก็จบ episode จบ process นั้นๆไป
(เหมือนดูหนังแล้วตัดจบ ไม่มีภาคต่อ ซึ่งจริงๆมันยังไม่ถึง ending ด้วยซ้ำ)
เขาคิดแบบนี้ก็ไม่ถูก
ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำรงอยู่ซึ่งชีวิตคู่
การทำอะไรเสมอต้นเสมอปลาย เป็นน้ำหล่อเลี้ยงให้รักได้คงอยู่
(เหมือนเรารดน้ำต้นไม้ทุกวัน หากต้นไม้ขาดน้ำ มันก็จะเหี่ยวแห้งตาย)
บางที การแสดงออกว่า รัก ก็เป็นสิ่งจำเป็น (โดยไม่ได้ต้องการร้องขออะไรมากมาย)
ถึงแม้อาจทำไม่บ่อยแต่ขอให้มีบ้าง แค่นั้น
อีกสิ่งหนึ่ง คือความพยายามที่จะเข้าใจคู่ชีวิตเราเอง เป็นสิ่งที่ต้องมีอยู่เสมอ
เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร เข้าใจว่าเราเป็นแบบไหน คือความเข้าใจกันและกัน
หากคุณได้อธิบายถึงความรู้สึกคุณให้เขาฟังแล้ว...เขานิ่งเฉย ไม่คิดปรับตัวอะไรบ้าง
แสดงว่า เขาไม่เข้าใจคุณ ไม่รู้ว่า สิ่งนี้มันสำคัญต่อความรู้สึกคุณแค่ไหน
เขาไม่เข้าใจสัญญาณที่คุณจะสื่อ ว่า เฮ้.. ฮัลโหล ฉันอยู่ตรงนี้! ฉันมีตัวตน!
บางที คนเราอยู่ด้วยกันมาตลอด อาจลืมเห็นคุณค่าของอีกฝ่าย อาจลืมที่จะดูแลหัวใจกัน
เคยได้ยินคำพูดที่ว่า "เรามักจะเห็นค่าสิ่งใด ก็ต่อเมื่อสูญเสียมันไปแล้ว"
คุณเอง อย่าเพิ่งท้อหรือหมดกำลังใจ
คุณอาจลองค่อยๆลดความคาดหวังในตัวเขาลง
อย่าคิดให้เขาเปลี่ยนตัวเองเพื่อคุณ ทำให้คุณไม่ได้เลยเหรอ
เพราะถ้าคุณคิดแบบนี้ พอมันไม่ได้ดั่งใจหวัง มันจะบั่นทอนจิตใจคุณ
แต่ปรับความคิดใหม่เป็น ให้เขาพัฒนาตนเองในการปฎิบัติตัวต่อคุณ
คุณสองคนก็ลองคุยกันจริงจัง (แบบไม่ทะเลาะ) ตกลงกัน โอเคหรือแฮปปี้กันแบบไหน อย่างไร
(เช่น พูดจาอ่อนโยนกัน กอดหรือหอมบ้าง อะไรก็ว่าไปค่ะ)
คุณทำไปเรื่อยๆแบบนี้ ให้มันเป็น routine เดี๋ยวเขาก็จะชิน
และคุณอาจลองเริ่มต้นจาก
ลุกขึ้นมาทำให้ตัวเองมีความสุข ทำให้ตัวเองดูดี อะไรก็ได้ แต่งตัวสวย ดูแลตัวเอง และอื่นๆ
(ไม่ใช่แค่คิดว่า ทำเพื่อให้สามีกลับมาสนใจ แต่ทำเพื่อตัวเอง อย่าปล่อยให้ตัวเองเครียดและโทรม)
ทำที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น ทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ ปรับเปลี่ยนรูปแบบ ย้ายเฟอร์นิเจอร์
หากิจกรรมทำกันภายในครอบครัว ช่วยกันทำกับข้าว หรือ จัดทริปไปเที่ยว
อะไรแบบนั้น เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศเดิมๆ ที่เดิมๆ feel เดิมๆ ให้แปลกตา ดูใหม่ขึ้น
หากเราดูดี จิตใจเราก็ดีขึ้น
บ้านสะอาด สภาพแวดล้อมดี
มันก็อาจทำให้บรรยากาศครอบครัวมันดูสดชื่น อบอุ่น ดูมีพลังงานบวก
และมันก็ดีต่อคุณทั้งคู่
จริงๆแล้วชีวิตคู่มันอาจไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ยากที่จะพยายามทำด้วยกันทั้งคู่
มันอยู่ที่ว่า คุณและเขาพร้อมจะจับมือกัน รับมือกับแต่ละสถานการณ์ให้ผ่านไปได้อย่างไรค่ะ
ความคิดเห็นที่ 38
อย่ามองแค่ว่าเขาทำหน้าที่ดีพ่อบ้านที่ดีอยู่แล้ว และไม่นอกลู่นอกทางที่ไหน
เราว่าภายใต้พ่อบ้านแสนดี มีปัญหาซุกอยู่ใต้พรมนะ ซึ่งปัญหานั้นคือ เขาคิดถึง "ชีวิตเดิมของเขา" ค่ะ
ชีวิตที่เคยหาเงินได้ดีจากการเป็นยูทูบเบอร์ ถ้าบอกว่าแต่งงานแล้วย้ายตาม จขกท ไป ตจว ก็ขอเดาว่าเขาเคยใช้ชีวิตในเมือง ใน กทม. มาก่อน คนที่ใช้ชีวิตแบบนี้ แล้ววันนึงต้องกลายเป็นพ่อบ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียว แถมเปลี่ยนสังคม
คุณไม่ได้เล่าว่า ชีวิตของเขาก่อนแต่งงานกับคุณเป็นยังไง เขารักอิสระแค่ไหน เขาชอบไปไหนบ้าง เขาใช้ชีวิตยังไง ชอบอยู่บ้านหรือออกไปข้างนอก ชอบเที่ยว ตปท บ้างมั้ย เวลาว่างชอบทำกิจกรรมอะไรบ้าง แล้วพอหลังแต่งงานกับคุณ เขาได้ทำสิ่งเหล่านั้นบ้างมั้ย ซึ่งถ้าให้เดาก็คือ การเป็นพ่อบ้านฟูลไทม์ กระดิกตัวไปไหนยาก ถึงอยากไปบ้างเวลาว่าง ก็ไม่ค่อยจะมีที่ให้ไปเหมือนในเมือง
เขาเลือกที่จะแต่งงานกับคุณ แล้วเลือกย้ายมาอยู่ ตจว กับคุณ ก็คิดว่ารักแหละ รักพอที่จะยอมเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตัวเอง แต่พอมาใช้ชีวิตแบบนี้จริงๆ ลึกๆ เขาอาจจะคิดว่าเขาคิดผิดก็ได้นะ แต่ด้วยความรับผิดชอบต่อครอบครัว เลยยอมทิ้งตัวตน แล้วอยู่ไปแกนๆ ทำหน้าที่อย่างเดียว เราพอเข้าใจเลยว่า แพชชั่นต่างๆ มันจะหดหายไปแค่ไหน มันไม่เชิงว่าเบื่อคุณหรอก ก็เพิ่งแต่งงานไม่นาน แต่เบื่อชีวิตตอนนี้ เลยส่งผลให้แพชชั่นที่มีต่อคุณมันจืดจาง
เราว่าภายใต้พ่อบ้านแสนดี มีปัญหาซุกอยู่ใต้พรมนะ ซึ่งปัญหานั้นคือ เขาคิดถึง "ชีวิตเดิมของเขา" ค่ะ
ชีวิตที่เคยหาเงินได้ดีจากการเป็นยูทูบเบอร์ ถ้าบอกว่าแต่งงานแล้วย้ายตาม จขกท ไป ตจว ก็ขอเดาว่าเขาเคยใช้ชีวิตในเมือง ใน กทม. มาก่อน คนที่ใช้ชีวิตแบบนี้ แล้ววันนึงต้องกลายเป็นพ่อบ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียว แถมเปลี่ยนสังคม
คุณไม่ได้เล่าว่า ชีวิตของเขาก่อนแต่งงานกับคุณเป็นยังไง เขารักอิสระแค่ไหน เขาชอบไปไหนบ้าง เขาใช้ชีวิตยังไง ชอบอยู่บ้านหรือออกไปข้างนอก ชอบเที่ยว ตปท บ้างมั้ย เวลาว่างชอบทำกิจกรรมอะไรบ้าง แล้วพอหลังแต่งงานกับคุณ เขาได้ทำสิ่งเหล่านั้นบ้างมั้ย ซึ่งถ้าให้เดาก็คือ การเป็นพ่อบ้านฟูลไทม์ กระดิกตัวไปไหนยาก ถึงอยากไปบ้างเวลาว่าง ก็ไม่ค่อยจะมีที่ให้ไปเหมือนในเมือง
เขาเลือกที่จะแต่งงานกับคุณ แล้วเลือกย้ายมาอยู่ ตจว กับคุณ ก็คิดว่ารักแหละ รักพอที่จะยอมเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตัวเอง แต่พอมาใช้ชีวิตแบบนี้จริงๆ ลึกๆ เขาอาจจะคิดว่าเขาคิดผิดก็ได้นะ แต่ด้วยความรับผิดชอบต่อครอบครัว เลยยอมทิ้งตัวตน แล้วอยู่ไปแกนๆ ทำหน้าที่อย่างเดียว เราพอเข้าใจเลยว่า แพชชั่นต่างๆ มันจะหดหายไปแค่ไหน มันไม่เชิงว่าเบื่อคุณหรอก ก็เพิ่งแต่งงานไม่นาน แต่เบื่อชีวิตตอนนี้ เลยส่งผลให้แพชชั่นที่มีต่อคุณมันจืดจาง
แสดงความคิดเห็น
สามีเป็นพ่อที่ดี แต่เฉยเมยกับเมีย จะอยู่กันรอดมั้ยคะ
เราพยายามมองข้อดีของเค้า นอกจาก ไม่กินเหล้า ไม่เจ้าชู้ ก็พบว่า เค้าเลี้ยงลูกดีมาก รักลูกมาก นั่นคือข้อดีอย่างเดียวจริงๆ ค่ะ แต่กับเมียคือ ละเลยความรู้สึกอะไรหลายๆ อย่าง ใจนึงเวลาที่เค้าทำให้เรารู้สึกแย่ เราอยากเลิกมากๆ เลยค่ะ แต่เค้าไม่ได้ทำความผิดอะไรขนาดนั้น...
เราอยากรู้ว่า ปัญหาที่มันเป็นอยู่ คือผิดที่เราคาดหวังมากไป หรือเค้าละเลยจริงๆ
แล้วถ้าอยู่กันเพื่อลูกแบบนี้ไปเรื่อยๆ เพื่อนๆ คิดว่า ชีวิตคู่แบบนี้มันจะไปรอดมั้ยคะ