ผมอยากจะสอบถามพี่ๆสมาชิกว่าเคสแบบนี้ผมควรทำอย่างไรดีครับ
เริ่มจากผมทำงานบริษัทเอกชน อายุ27 ฐานเงินเดือน22000บาท รวมOTกับเงินพิเศษแล้วจะสุทธิอยู่ที่ 24,XXX ต่อเดือน มีเงินเก็บประมาณ 600k เงินเก็บมาจากการเล่นคริปโตและรายได้เสริมอื่นๆ
มีความคิดว่าอยากจะมีบ้านสักหลัง เลยเริ่มทำการหาบ้านระแวกที่ไม่ไกลจากที่ทำงาน ไปเจอหลังนึงเป็นบ้านมือสอง
ราคา 2.85ล แต่ก็คิดว่ากู้ยังไงก็ไม่ผ่านแน่ๆ แต่ด้วยเงินเก็บที่มีอยู่มาหักลบกันแล้วก็น่าจะพอมีสิทธิ เลยเลือกที่จะยื่นกู้ดู (ต้องบอกก่อนว่าบ้านที่จะซื้อ ทำการซื้อผ่านนายหน้าซึ่งในวันที่ดูบ้านนายหน้าได้ทำการลองเช็คกับเจ้าหน้าที่ธนาคารดูแล้วน่าจะพอเป็นไปได้) โดยทำการยื่น2แบงค์คือ ซีไอเอ็ม กับ เอสซี ซึ่งทางเอสซีไม่มีปัญหาอะไรเรื่องเข้าระบบตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ติดอีกแบงค์นึงมีการทำงานแปลกๆเลยอยากมาสอบถามความเห็นพี่ๆดูครับ โดยมีไทม์ไลน์ประมาณนี้
 1พย. ผมได้ทำการเตรียมเอกสารต่างๆที่ยื่นกู้ให้นายหน้า
 2พย. มีเจ้าหน้าที่แบงค์โทรเข้ามาสอบถามประวัตินู้นนี่นั่น
 4พย. มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายประเมินโทรมาว่าจะเข้าประเมินหลักทรัพย์ 
 5พย. เข้าประเมิน
 9พย. มีจดหมายส่งมาหาที่บ้าน จากแบงค์ว่าผมไม่ผ่านเกณฑ์การอนุมัติเบื้องต้นลงวันที่ ณ.วันที่5พย. ผมเลยรีบโทรกลับไปหาเจ้าหน้าที่ที่รับเรื่อง ทางนั้นแจ้งว่ามามีการ Reject มา1รอบ แต่ได้ทำการอุธรณ์ใหม่ให้แล้ว ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา
 11พย. เจ้าหน้าที่ที่รับเรื่องโทรมาหาผมแจ้งว่าฝ่ายวิเคราะห์ได้ทำการเช็คเครดิตบูโรผมอีกรอบโดยมียอดเครดิตบูโรเพิ่มขึ้นจากเดิม โดยเจ้าหน้าที่ได้บอกกับผมว่า รอบแรกที่เช็คเครดิตบูโรผมมียอดค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 5XXบาท แต่พอเช็คใหม่อีกครั้งกับมียอดเพิ่มขึ้นมาเป็น 4XXXบาท ซึ่งผมไม่มียอดการใช้จ่ายขนาดนั้นแน่นอน และที่สำคัญวงเงินในบัตรเครดิตผมเต็มทุกใบ และไม่เคยขอสินเชื่อส่วนบุคคล แล้วจะมียอดนั้นมาได้อย่างไร โดยเจ้าหน้าที่บอกกับผมว่าจะทำการเช็คใหม่ให้อีกรอบในวันจันทร์หรืออังคารแล้วจะแจ้งผล

โดยคำถามที่เกิดในหัวผมตอนนี้ึคือ 
1.ไม่เคยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์สินเชื่อโทรหาผมสักครั้งเลย
2.การเช็คเครดิตบูโร ปกติแล้วจะเช็คกันกี่ครั้งครับ
3.เอกสารที่ผมเซ็นยินยอมให้เช็คบูโร เซ็นไปแค่ใบเดียว แล้วทำไมเจ้าหน้าที่ถึงสามารถเช็คได้หลายรอบครับ