สวัสดีค่ะ ลูกชายเราเข้าศูนย์เด็กเล็กตั้งแต่ต้นปี 2021 หรืออายุได้ 1 ขวบ ทุกอย่างปกติดี รัฐบาลที่นี่ก็ดูแล เข้มงวดเรื่องโควิดเป็นอย่างดี จนมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อครูพี่เลี้ยงในห้องของลูกชายมีผลบวก (ติดโควิด) เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2021 เที่ยงวันมีการประกาศจากโรงเรียนให้รีบไปรับบุตรหลานให้ไวที่สุด
กลับมาดูอาการ 3 วัน ไม่มีปัญหาใดๆ ไม่พบอาการอะไรที่น่าเป็นห่วง (ลูกชายเราไม่ได้รับการตรวจโควิด [ART Swab test] เพราะอายุไม่ถึงกำหนด และไม่มีอาการใดๆ น่าสงสัย
และเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2021 มีอาการเสียงแหบ และมีไข้ขึ้นสูง แฟนเราจึงตัดสินใจทำการตรวจโควิด [ART Swab test] และผลออกมาเป็นบวก คือติดโควิด ทำการรายงานไปทางโรงเรียน ทางโรงเรียนแจ้งให้ดูการอาการไข้ 24 ชั่วโมง ถ้าไม่ดีขึ้นให้ไปพบแพทย์ ลูกเราไข้สูงมาก ถึง 39.5C ให้กินยาพาราฯ แบบน้ำสำหรับเด็กก็ลงมาแค่ 37.5C - 38C และเช็ดตัวร่วมด้วย ก็เอาไม่อยู่ ผ่านจนครบ 24 ชั่วโมง (ในวันเดียวกัน เมื่อทราบผลว่าลูกชายติดโควิด ทุกคนในบ้าน รวมถึงแม่บ้าน ทำการตรวจ และผลออกมาเป็นลบ มีแต่ลูกชายเรามี่ติด >> ทำการแจ้งเพื่อนบ้านและกลุ่มพี่เลี้ยงของเพื่อนลูกให้ทราบ เพราะเขาไปเล่นตรงสนามเด็กเล่นใต้คอนโด เพื่อให้สังเกตุอาการ และทำการตรวจโรค สรุปทุกคนในบ้านไม่ติด
วันถัดมา 5 พฤจิกายน 2021 พาลูกไปคลีนิคเพื่อให้หมอดูอาการ และขอใบส่งตัวเพื่อเข้าโรงบาล อาการของน้องตอนนี้คือ ไข้สูง เริ่มหายใจไม่สะดวก เหมือนมีเสมหะที่ปอด หมอเขียนไปส่งตัว ส่งเข้าห้องฉุกเฉินที่ KK โรงพยาบาลแม่ และเด็ก เมื่อไปถึงเราก็แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบว่าลูกเราติดโควิด และทำการแยกตัวเรา และลูกมาในฝั่งโควิด และในห้องปลอดเชื้อ พยาบาลทำการเช็คปอด และวัดไข้ และทำการ Swab test อีกครั้ง เพื่อทำการตรวจ PCR test และรอหมอมาตรวจอีกครั้ง เมื่อหมอมาถึงก็ได้อธิบายและให้คำแนะนำการดูแลลูกเรา ว่าเราควรทำอย่างไร จัดยาให้ และส่งตัวกลับบ้าน รายละเอียดที่หมอแจ้งมีดังนี้
1. หากเด็กหายใจลำบาก และสังเกตุว่าท้องยุบ หรือไม่ ถ้ายุบ หายใจติดขัดให้โทรเรียกรถฉุกเฉินให้ไปรับทันที
2. ให้ยา Ibuprofen เมื่อไข้เกิน >38.5C ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง หาก ไข้ลด หรือต่ำกว่า 38.5C ให้ทาน พาราเซตามอลแบบน้ำแทน
3. ให้ยาลดน้ำมูก ขจัดเสมหะ และยาแก้ไอ ให้ทานได้ก็ต่อเมื่อมีอาการ (ลูกเราไม่มีอาการไอ มีแต่ไข้กับหายใจติดขัดมีน้ำมูก) **เราใช้ยาหยอกจมูกแทน ชื่อ iliadin จมูกซ้าย-ขวา ข้างละ 1 หยด เขาหายใจโล่งขึ้น และดีขึ้น ข้อห้ามคือ ห้ามใช้เกิน 5 วันติดต่อกัน ยาตัวนี้สำหรับเราคือดีมาก แทบไม่ต้องดูดน้ำมูกออกจากจมูกเลย ถ้าเป็นหวัดปกติ เราจะสเปย์น้ำเกลือ และดูดน้ำมูกออกก่อน แล้วหยด iliadin ตาม
วันที่ 6-7 พฤศจิกายน 2021 ลูกชายยังคงมีไข้สูง แต่ไม่ถี่มาก อาจจะเพราะยา Ibuprofen ที่ช่วยให้ไข้ลดลง แต่ยังมีหายใจลำบากอยู่เป็นบางครั้งและหยอดยาที่จมูกช่วย ผล ART test ยังคงเป็น บวก และในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2021 มีข้อความจาก MOH (Ministry of health) ส่งมาให้ลูกชายเราอยู่แต่ในบ้านจนถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2021 ช่วงนี้ก็รักษาตามอาการ (แต่เราก็ได้กักตัวลูกชายตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน แล้ว โดยไม่ให้ออกจากห้องเลย โดยเราอยู่ดูแล และวันที่ 5 พ.ย ที่ออกไปก็ต้องปิดจมูกตลอดเวลา)
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2021 ลูกชายยังคงมีผลบวก และไพ่ตกที่เรามีผลบวกเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ตรวจทุกวันไม่มี เกริ่นก่อนว่าเราได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็มครบ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม และรอข้อความจากรัฐบาลสำหรับเข็มที่ 3 เพื่อบูส อาการที่พบคือมีไข้สูง และในวันนี้ลูกชายอาการไข้เป็นปกติ 35C - 37C สำหรับเราก็กินพารารักษาอาการตามที่เป็น มีไอบ้าง มีน้ำมูกบ้าง เราทำการรายงานผลตรวจ ART ของเราไปยัง MOH เพื่อให้หน่วยงานทราบทางลิ้งค์
ห้องที่เราอยู่ ไม่มีอนุญาติให้ใคร เข้า-ออก ส่งข้าว-น้ำ คือวางไว้หน้าประตู ลดการสัมผัสกับแม่บ้าน ทุกอย่างในห้องเราต้องทำเอง ซักผ้า ทำความสะอาดห้อง อาหารต้องใส่ถุง แล้วมาเทใส่จาน-ชามในห้องเอง ล้างเอง และขยะ ทิ้งวันละ 1-2 ครั้งต่อวัน แม่บ้านต้องสเปร์แอลกอลฮอร์ ทุกครั้งก่อนสัมผัสของที่ออกจากห้อง
วันที่ 9-10 พฤศจิกายน ทุกอย่างปกติ แค่มีน้ำมูกทั้งแม่และลูก อาการไข้เรามีในตอนกลางคืน แต่ก็กินยาพาราก็หาย ผลตรวจของเราทั้งคู่ยังเป็นบวก แต่อาการโดยรวมก็ไม่แย่มาก ยังทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ปกติ วันที่ 9 พ.ย มีนัดคุยกับคุณหมอผ่าน Zoom เพื่อเช็คอาการของลูกชายเรา และเราก็มีคำถามที่อยากทราบปนะมาณ 2-3 ข้อดังนี้
1. เรายังคงเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ยังสามารถให้ลูกทานได้อยู่หรือไม่ เมื่อผลการตรวจของลูกเป็นผลลบแล้ว หรือไม่มีเชื้อโควิดแล้ว แต่ตัวแม่ยังมีเชื้ออยู่?
คำตอบคือ ยังสามารถให้นมได้ปกติ และในน้ำนมแม่จะช่วยสร้างภูมิให้ลูกด้วย
2. ข้อความจาก MOH แจ้งให้ลูกชายกักตัวถึงวันที่ 14 พ.ย หากแม่ยังไม่สามารถออกจากห้องกักตัวได้ในวันนั้น (เช่น แม่สามารถออกจากห้องได้ในวันที่ 18 พ.ย.) และยังมีผลตรวจเป็นบวก สามารถให้ลูกเราอยู่ในห้องกับเราจนครบกำหนดของเราได้หรือไม่?
คำตอบคือ ได้ และลูกเราจะไม่ติดเชื้อโควิดอีก
3. หากเรายังมีผลตรวจเป็นบวก ลูกชายผลตรวจเป็นลบ เราจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่ไหม?
คำตอบคือ ไม่จำเป็น เพราะต่างก็ติดโควิดทั้งคู่ แล้วเมื่อหายแล้วจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
วันที่ 11 พฤศจิกายน ลูกชายมีผลตรวจเป็นลบไม่มีเชื้อแล้ว อาการของเราทั้งคู่ คือ ไม่มีไข้, ไอ หรือน้ำมูก และเหมือนทุกอย่างจะปกติ แต่เราจมูกไม่ได้กลิ่น และลิ้นยังรับรสได้ปกติ ผลตรวจเรายังเป็นบวก
วันที่ 12 พฤศจิกายน ลูกชายเรากลับมาปกติ ดูจากอาการไม่มีอะไรให้กังวลแล้ว แทบจะหาย 100% มีอาการอยากออกจากห้องมากขึ้น แต่ก็ยังสามารถควบคุมได้ อาการของเรายังคงไม่ได้กลิ่น รสชาติอาหารยังสามารถรู้รสได้ปกติ
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2021 วันนี้ดีใจมาก หายสักที ผลตรวจเราเป็นลบ หายแล้วจ้า
แต่ก็ยังต้องอยู่ในห้องไปก่อนสัก 4-5 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าหายจริงๆ วันนี้จมูกก็ยังไม่ได้กลิ่นเหมือนเดิม คิดว่าคงค่อยๆ ดีขึ้นในอีกไม่ช้า
บทสรุปของการติดโควิดในครั้งนี้
1. ไม่ควรตื่นตระหนก รักษาตามอาการ
2. ยา Ibuprofen สำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ควรมีติดบ้านไว้ กรณีที่ไข้ขึ้นสูงมากๆ และพาราเอาไม่อยู่ ยาแก้หวัด ยาแก้ไอ และยาหยอดจมูก อันนี้จำเป็นกรณีหายใจลำบาก มีน้ำมูกติดขัดในจมูก
3. เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 เดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป ควรอยู่ในความควบคุมของแพทย์อย่างใกล้ชิด **ข้อมูลจากคุณหมอ และตอนนี้รายงานเด็กติดโควิดกันเยอะมาก เพราะเด็กยังไม่สามารถรับวัคซีนได้ในประเทศที่เราอยู่ ณ ตอนนี้
4. ควรแยกห้องกักตัวให้เป็นสัดส่วน ควรมีห้องน้ำในตัว เพราะง่ายต่อการควบคุมเชื้อ น้ำยาฆ่าเชื้อโรค (เดทตอล) แอลกอฮอร์ + ผ้าสำหรับเช็ดทำความสะอาด มีความจำเป็นมากสำหรับฆ่าเชื้อในห้องกักตัว
5. สำหรับเด็ก อุปกรณ์ ของเล่น หนังสือ ไอเพด (ที่จริงไอเพด หรือจอมือถือไม่ควรให้เด็ก แต่สำหรับเรา คือจำเป็นมากๆ ในกรณีที่เขาเบื่อของเล่น และร้องไห้จะออกจากห้องให้ได้ ลูกเราปลดล๊อคประตู และเปิดออกได้ เสี่ยงมากๆ ที่จะเปิดออกไปข้างนอก)
6. เสื้อผ้าเปลี่ยนในแต่ละวันต้องพร้อม ชุดนอน ชุดอยู่ในห้อง เราเตรียมอย่างละ 3-4 ชุด ลูกเราก็เหมือนกัน มีการซักทุกวันด้วย เพราะไม่อยากมีการเปิดตู้เสื้อผ้า ลดการกระจายเชื้อภายในห้องด้วย
7. อาหารทุกมื้อ ต้องใส่ถุง หนังยางรัด หรือกระดาษฟอยล์ เพื่อให้ง่ายต่อการทิ้ง ลดการกระจายเชื้อจากจานชามที่เอามาเสริ์ฟ จานชามต้องพร้อมในห้อง + ฟองน้ำ, น้ำยาล้างจาน
8. อันนี้ส่วนตัว คนที่อยู่ในบ้านควรทำตัวให้เงียบที่สุด เพราะลูกเราเมื่อได้ยินเสียงใครอยู่ข้างนอก มีร้องไห้ออกไปทุกครั้ง ส่วนอาหารที่เอามาส่งก็ส่งข้อความแจ้งกันใน WhatsApp หรือ Line แล้วแต่สะดวก
*** อาการของเรากับลูกอาจจะไม่หนัก แต่ก็อยากไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น อยากให้ทุกคนระวัง เลี่ยงแหล่งที่มีคนเยอะๆ เด็กควรใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้าน พยายามกักตัวเองเมื่อตรวจเจอเชื้อให้ไวที่สุด เพื่อลดการกระจายเชื้อ และหาข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่าข้างต้นที่เรากล่าวก็ดีนะค่ะ เพราะเด็กแต่ละคนมีสุขภาพที่ไม่เหมือนกันค่ะ แค่พอเอาเป็นแนวทางแก้ปัญหา และรับมือ ส่วนตัวเราจะด้วยเพราะเรามีวัคซีน และการดูแลสุขภาพที่ดีของตัวเราเองด้วย จึงมีอาการที่แสดงออก เหมือนไข้หวัดธรรมดาๆ แต่จมูกไม่ได้กลิ่นนี้ก็มาจากเชื้อของโควิดที่ทำให้ต่อมรับกลิ่นไม่สามารถทำงานได้ปกติ และเราก็หวังว่า การรับกลิ่นทางจมูกของเราจะกลับมาในไม่ช้า
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะค่ะ สำหรับการแชร์ประสบการณ์ของเราครั้งนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อยกับทุกท่านนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
เมื่อลูกชายวัย 1 ขวบ 10 เดือนของฉันติดโควิด
สวัสดีค่ะ ลูกชายเราเข้าศูนย์เด็กเล็กตั้งแต่ต้นปี 2021 หรืออายุได้ 1 ขวบ ทุกอย่างปกติดี รัฐบาลที่นี่ก็ดูแล เข้มงวดเรื่องโควิดเป็นอย่างดี จนมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อครูพี่เลี้ยงในห้องของลูกชายมีผลบวก (ติดโควิด) เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2021 เที่ยงวันมีการประกาศจากโรงเรียนให้รีบไปรับบุตรหลานให้ไวที่สุด
กลับมาดูอาการ 3 วัน ไม่มีปัญหาใดๆ ไม่พบอาการอะไรที่น่าเป็นห่วง (ลูกชายเราไม่ได้รับการตรวจโควิด [ART Swab test] เพราะอายุไม่ถึงกำหนด และไม่มีอาการใดๆ น่าสงสัย
และเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2021 มีอาการเสียงแหบ และมีไข้ขึ้นสูง แฟนเราจึงตัดสินใจทำการตรวจโควิด [ART Swab test] และผลออกมาเป็นบวก คือติดโควิด ทำการรายงานไปทางโรงเรียน ทางโรงเรียนแจ้งให้ดูการอาการไข้ 24 ชั่วโมง ถ้าไม่ดีขึ้นให้ไปพบแพทย์ ลูกเราไข้สูงมาก ถึง 39.5C ให้กินยาพาราฯ แบบน้ำสำหรับเด็กก็ลงมาแค่ 37.5C - 38C และเช็ดตัวร่วมด้วย ก็เอาไม่อยู่ ผ่านจนครบ 24 ชั่วโมง (ในวันเดียวกัน เมื่อทราบผลว่าลูกชายติดโควิด ทุกคนในบ้าน รวมถึงแม่บ้าน ทำการตรวจ และผลออกมาเป็นลบ มีแต่ลูกชายเรามี่ติด >> ทำการแจ้งเพื่อนบ้านและกลุ่มพี่เลี้ยงของเพื่อนลูกให้ทราบ เพราะเขาไปเล่นตรงสนามเด็กเล่นใต้คอนโด เพื่อให้สังเกตุอาการ และทำการตรวจโรค สรุปทุกคนในบ้านไม่ติด
วันถัดมา 5 พฤจิกายน 2021 พาลูกไปคลีนิคเพื่อให้หมอดูอาการ และขอใบส่งตัวเพื่อเข้าโรงบาล อาการของน้องตอนนี้คือ ไข้สูง เริ่มหายใจไม่สะดวก เหมือนมีเสมหะที่ปอด หมอเขียนไปส่งตัว ส่งเข้าห้องฉุกเฉินที่ KK โรงพยาบาลแม่ และเด็ก เมื่อไปถึงเราก็แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ทราบว่าลูกเราติดโควิด และทำการแยกตัวเรา และลูกมาในฝั่งโควิด และในห้องปลอดเชื้อ พยาบาลทำการเช็คปอด และวัดไข้ และทำการ Swab test อีกครั้ง เพื่อทำการตรวจ PCR test และรอหมอมาตรวจอีกครั้ง เมื่อหมอมาถึงก็ได้อธิบายและให้คำแนะนำการดูแลลูกเรา ว่าเราควรทำอย่างไร จัดยาให้ และส่งตัวกลับบ้าน รายละเอียดที่หมอแจ้งมีดังนี้
1. หากเด็กหายใจลำบาก และสังเกตุว่าท้องยุบ หรือไม่ ถ้ายุบ หายใจติดขัดให้โทรเรียกรถฉุกเฉินให้ไปรับทันที
2. ให้ยา Ibuprofen เมื่อไข้เกิน >38.5C ทุกๆ 2-3 ชั่วโมง หาก ไข้ลด หรือต่ำกว่า 38.5C ให้ทาน พาราเซตามอลแบบน้ำแทน
3. ให้ยาลดน้ำมูก ขจัดเสมหะ และยาแก้ไอ ให้ทานได้ก็ต่อเมื่อมีอาการ (ลูกเราไม่มีอาการไอ มีแต่ไข้กับหายใจติดขัดมีน้ำมูก) **เราใช้ยาหยอกจมูกแทน ชื่อ iliadin จมูกซ้าย-ขวา ข้างละ 1 หยด เขาหายใจโล่งขึ้น และดีขึ้น ข้อห้ามคือ ห้ามใช้เกิน 5 วันติดต่อกัน ยาตัวนี้สำหรับเราคือดีมาก แทบไม่ต้องดูดน้ำมูกออกจากจมูกเลย ถ้าเป็นหวัดปกติ เราจะสเปย์น้ำเกลือ และดูดน้ำมูกออกก่อน แล้วหยด iliadin ตาม
วันที่ 6-7 พฤศจิกายน 2021 ลูกชายยังคงมีไข้สูง แต่ไม่ถี่มาก อาจจะเพราะยา Ibuprofen ที่ช่วยให้ไข้ลดลง แต่ยังมีหายใจลำบากอยู่เป็นบางครั้งและหยอดยาที่จมูกช่วย ผล ART test ยังคงเป็น บวก และในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2021 มีข้อความจาก MOH (Ministry of health) ส่งมาให้ลูกชายเราอยู่แต่ในบ้านจนถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2021 ช่วงนี้ก็รักษาตามอาการ (แต่เราก็ได้กักตัวลูกชายตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน แล้ว โดยไม่ให้ออกจากห้องเลย โดยเราอยู่ดูแล และวันที่ 5 พ.ย ที่ออกไปก็ต้องปิดจมูกตลอดเวลา)
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2021 ลูกชายยังคงมีผลบวก และไพ่ตกที่เรามีผลบวกเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ตรวจทุกวันไม่มี เกริ่นก่อนว่าเราได้รับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็มครบ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม และรอข้อความจากรัฐบาลสำหรับเข็มที่ 3 เพื่อบูส อาการที่พบคือมีไข้สูง และในวันนี้ลูกชายอาการไข้เป็นปกติ 35C - 37C สำหรับเราก็กินพารารักษาอาการตามที่เป็น มีไอบ้าง มีน้ำมูกบ้าง เราทำการรายงานผลตรวจ ART ของเราไปยัง MOH เพื่อให้หน่วยงานทราบทางลิ้งค์
ห้องที่เราอยู่ ไม่มีอนุญาติให้ใคร เข้า-ออก ส่งข้าว-น้ำ คือวางไว้หน้าประตู ลดการสัมผัสกับแม่บ้าน ทุกอย่างในห้องเราต้องทำเอง ซักผ้า ทำความสะอาดห้อง อาหารต้องใส่ถุง แล้วมาเทใส่จาน-ชามในห้องเอง ล้างเอง และขยะ ทิ้งวันละ 1-2 ครั้งต่อวัน แม่บ้านต้องสเปร์แอลกอลฮอร์ ทุกครั้งก่อนสัมผัสของที่ออกจากห้อง
วันที่ 9-10 พฤศจิกายน ทุกอย่างปกติ แค่มีน้ำมูกทั้งแม่และลูก อาการไข้เรามีในตอนกลางคืน แต่ก็กินยาพาราก็หาย ผลตรวจของเราทั้งคู่ยังเป็นบวก แต่อาการโดยรวมก็ไม่แย่มาก ยังทำกิจกรรมอื่นๆ ได้ปกติ วันที่ 9 พ.ย มีนัดคุยกับคุณหมอผ่าน Zoom เพื่อเช็คอาการของลูกชายเรา และเราก็มีคำถามที่อยากทราบปนะมาณ 2-3 ข้อดังนี้
1. เรายังคงเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ยังสามารถให้ลูกทานได้อยู่หรือไม่ เมื่อผลการตรวจของลูกเป็นผลลบแล้ว หรือไม่มีเชื้อโควิดแล้ว แต่ตัวแม่ยังมีเชื้ออยู่?
คำตอบคือ ยังสามารถให้นมได้ปกติ และในน้ำนมแม่จะช่วยสร้างภูมิให้ลูกด้วย
2. ข้อความจาก MOH แจ้งให้ลูกชายกักตัวถึงวันที่ 14 พ.ย หากแม่ยังไม่สามารถออกจากห้องกักตัวได้ในวันนั้น (เช่น แม่สามารถออกจากห้องได้ในวันที่ 18 พ.ย.) และยังมีผลตรวจเป็นบวก สามารถให้ลูกเราอยู่ในห้องกับเราจนครบกำหนดของเราได้หรือไม่?
คำตอบคือ ได้ และลูกเราจะไม่ติดเชื้อโควิดอีก
3. หากเรายังมีผลตรวจเป็นบวก ลูกชายผลตรวจเป็นลบ เราจำเป็นต้องใส่หน้ากากอนามัยอยู่ไหม?
คำตอบคือ ไม่จำเป็น เพราะต่างก็ติดโควิดทั้งคู่ แล้วเมื่อหายแล้วจะไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
วันที่ 11 พฤศจิกายน ลูกชายมีผลตรวจเป็นลบไม่มีเชื้อแล้ว อาการของเราทั้งคู่ คือ ไม่มีไข้, ไอ หรือน้ำมูก และเหมือนทุกอย่างจะปกติ แต่เราจมูกไม่ได้กลิ่น และลิ้นยังรับรสได้ปกติ ผลตรวจเรายังเป็นบวก
วันที่ 12 พฤศจิกายน ลูกชายเรากลับมาปกติ ดูจากอาการไม่มีอะไรให้กังวลแล้ว แทบจะหาย 100% มีอาการอยากออกจากห้องมากขึ้น แต่ก็ยังสามารถควบคุมได้ อาการของเรายังคงไม่ได้กลิ่น รสชาติอาหารยังสามารถรู้รสได้ปกติ
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2021 วันนี้ดีใจมาก หายสักที ผลตรวจเราเป็นลบ หายแล้วจ้า แต่ก็ยังต้องอยู่ในห้องไปก่อนสัก 4-5 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าหายจริงๆ วันนี้จมูกก็ยังไม่ได้กลิ่นเหมือนเดิม คิดว่าคงค่อยๆ ดีขึ้นในอีกไม่ช้า
บทสรุปของการติดโควิดในครั้งนี้
1. ไม่ควรตื่นตระหนก รักษาตามอาการ
2. ยา Ibuprofen สำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ควรมีติดบ้านไว้ กรณีที่ไข้ขึ้นสูงมากๆ และพาราเอาไม่อยู่ ยาแก้หวัด ยาแก้ไอ และยาหยอดจมูก อันนี้จำเป็นกรณีหายใจลำบาก มีน้ำมูกติดขัดในจมูก
3. เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 เดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป ควรอยู่ในความควบคุมของแพทย์อย่างใกล้ชิด **ข้อมูลจากคุณหมอ และตอนนี้รายงานเด็กติดโควิดกันเยอะมาก เพราะเด็กยังไม่สามารถรับวัคซีนได้ในประเทศที่เราอยู่ ณ ตอนนี้
4. ควรแยกห้องกักตัวให้เป็นสัดส่วน ควรมีห้องน้ำในตัว เพราะง่ายต่อการควบคุมเชื้อ น้ำยาฆ่าเชื้อโรค (เดทตอล) แอลกอฮอร์ + ผ้าสำหรับเช็ดทำความสะอาด มีความจำเป็นมากสำหรับฆ่าเชื้อในห้องกักตัว
5. สำหรับเด็ก อุปกรณ์ ของเล่น หนังสือ ไอเพด (ที่จริงไอเพด หรือจอมือถือไม่ควรให้เด็ก แต่สำหรับเรา คือจำเป็นมากๆ ในกรณีที่เขาเบื่อของเล่น และร้องไห้จะออกจากห้องให้ได้ ลูกเราปลดล๊อคประตู และเปิดออกได้ เสี่ยงมากๆ ที่จะเปิดออกไปข้างนอก)
6. เสื้อผ้าเปลี่ยนในแต่ละวันต้องพร้อม ชุดนอน ชุดอยู่ในห้อง เราเตรียมอย่างละ 3-4 ชุด ลูกเราก็เหมือนกัน มีการซักทุกวันด้วย เพราะไม่อยากมีการเปิดตู้เสื้อผ้า ลดการกระจายเชื้อภายในห้องด้วย
7. อาหารทุกมื้อ ต้องใส่ถุง หนังยางรัด หรือกระดาษฟอยล์ เพื่อให้ง่ายต่อการทิ้ง ลดการกระจายเชื้อจากจานชามที่เอามาเสริ์ฟ จานชามต้องพร้อมในห้อง + ฟองน้ำ, น้ำยาล้างจาน
8. อันนี้ส่วนตัว คนที่อยู่ในบ้านควรทำตัวให้เงียบที่สุด เพราะลูกเราเมื่อได้ยินเสียงใครอยู่ข้างนอก มีร้องไห้ออกไปทุกครั้ง ส่วนอาหารที่เอามาส่งก็ส่งข้อความแจ้งกันใน WhatsApp หรือ Line แล้วแต่สะดวก
*** อาการของเรากับลูกอาจจะไม่หนัก แต่ก็อยากไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครทั้งนั้น อยากให้ทุกคนระวัง เลี่ยงแหล่งที่มีคนเยอะๆ เด็กควรใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้าน พยายามกักตัวเองเมื่อตรวจเจอเชื้อให้ไวที่สุด เพื่อลดการกระจายเชื้อ และหาข้อมูลเพิ่มเติมมากกว่าข้างต้นที่เรากล่าวก็ดีนะค่ะ เพราะเด็กแต่ละคนมีสุขภาพที่ไม่เหมือนกันค่ะ แค่พอเอาเป็นแนวทางแก้ปัญหา และรับมือ ส่วนตัวเราจะด้วยเพราะเรามีวัคซีน และการดูแลสุขภาพที่ดีของตัวเราเองด้วย จึงมีอาการที่แสดงออก เหมือนไข้หวัดธรรมดาๆ แต่จมูกไม่ได้กลิ่นนี้ก็มาจากเชื้อของโควิดที่ทำให้ต่อมรับกลิ่นไม่สามารถทำงานได้ปกติ และเราก็หวังว่า การรับกลิ่นทางจมูกของเราจะกลับมาในไม่ช้า
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะค่ะ สำหรับการแชร์ประสบการณ์ของเราครั้งนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อยกับทุกท่านนะค่ะ ขอบคุณค่ะ