ช่วงนี้เรารู้สึกเบื่อหน่าย หมดไฟ ไม่มีแพชชั่น ไม่มีเป้าหมาย ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากแม้กระทั่งตื่นขึ้นมาใช้ชีวิต รู้สึกมันน่าเบื่อมากๆทั้งเรื่องงานและอื่นๆ ทั้งงานที่เราทำอยู่ทำให้เรามีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง แต่จะออกไปทำงานสายอื่นก็ทำไม่เป็นเพราะทำงานสายนี้มาตลอดบวกกับวุฒิการศึกษาน้อย
ตอนนี้เราอยู่ในช่วงลาพักซึ่งกำลังจะหมดลง
เรื่องงานที่จริงยื่นใบลาออกไปแล้วแต่ผจก.ยังไม่เซ็นให้เพราะอยากให้กลับไปคิดทบทวนในช่วงพักอีกที ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง เช่น กำลังจะเลื่อนตำแหน่งค่าตอบแทนจะเพิ่มขึ้น ทรัพยากรบุคคลไม่พอหรือกว่าจะฝึกหาคนมาอยู่ตรงนี้ได้มันใช้เวลาและยากพอสมควรเพราะระบบงานในบ.ค่อนข้างจุกจิก
ส่วนตัวตอนนี้มีภาระที่ยังต้องจ่ายอยู่คืองวดรถ+โทรศัพท์ ตกราวๆเดือนละ 4000-4500 บาท เหลืออยู่ 18 งวด ยอดทั้งหมดประมาณ 81,000 บาท ซึ่งเกินครึ่งของเงินเก็บ ถ้าออกจากงานก็คงไม่มีเงินเหลือ ไหนจะค่ากินอยู่ในการใช้ชีวิตประจำวันอีก แต่ตัวเรามันหมดแพชชั่น เหนื่อยเบื่อหน่าย ใจออกแล้วและปัญหาสุขภาพอีก ถ้าจะเอาเงินเก็บไปต่อยอดก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดียิ่งยุคโควิดแบบนี้ก็กลัวว่าเงินจะสูญไปเฉยๆ
ถ้าเป็นเพื่อนๆชาวพันทิปจะจัดการตัวเองอย่างไรดี อยากลองฟังความคิดเห็นคำแนะนำของแต่ละคน
ปล.ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง ถ้าไม่เลิกทำงานสายนี้ก็จะไม่หายถ้าอยากหายต้องหยุดทำอย่างเดียว
ปล.2 ข้อความอาจจะอ่านยากสักหน่อยเพราะพิมพ์ในโทรศัพท์ แท็กผิดห้องต้องขออภัยด้วยครับ
เพิ่มเติม ..
ขอพูดก่อนเลยว่าเราคิดอยู่ว่าเราจะเพิ่มข้อความนี้หรือไม่เพิ่มดี กลัวหากเพื่อนๆอ่านแล้วจะคิดว่ามีคำตอบในใจแล้ว ก็เหมือนไม่อยากทำแล้วจะมาถามทำไม เลยขอตอบความสงสัยนั้นไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าเราไม่อดทนหรือพยายามเราคงไม่มีเก็บมาจนถึงเงินส่วนนี้ในขณะที่ฐานเงินเดือนน้อยกว่า 15k การมาตั้งกระทู้นี้เพื่อมาลองหาความเห็นความน่าจะเป็น คำแนะนำของแต่ละบุคคล ซึ่งเราอาจจะลาออกหรืออยู่ต่อไปก็ได้
เราอ่านคำแนะนำของเพื่อนๆมาสักพัก เลยมาขอเพิ่มเติมให้ว่าปัญหาสุขภาพคืออะไร
เกริ่นก่อนเลยว่ามันเริ่มมาจากที่ทำงานเดิม ที่ทำงานเดิมตอนนั้นไม่มีคนเลยทำให้ต้องทำงานลากกะ 07.00-00.00 ลากกะอยู่เดือนนิดๆ หั่นของ เก็บของ ล้างของ หมักของ ล้างเตาทอด ล้างระหว่างวัน ฯลฯ ผลคือมือเปื่อยนิ้วลอกมือลอกทั้งมือซ้ายขวาเลยขอหยุดทำกะเดียว พอลอกแล้วมือก็บาง มือบางแล้วก็แตกเลือดซิบๆนั่นแหละฮะ พอหยุดลากกะก็ดีขึ้นหน่อย ประจวบกับเปลี่ยนตำแหน่งจากผู้ช่วยมาหน้าเตา ไม่ได้หายทันทีแต่ลดลงเพราะเราเลิกล้างของล้างแค่หน้าเตา ส่วนของอื่นๆผู้ช่วยล้างให้ เรื่องนี้เราเคยไปรักษากับหมอผิวหนังโดยตรง มันจะไม่หายถ้าเราไม่หยุดโดนน้ำบ่อยล้างมือบ่อย ซึ่งงานครัวมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่โดนน้ำ แล้วกรณีใส่ถุงมือ จริงๆยิ่งทำให้มันแย่ เพราะมือจะอับ ล้างของแล้วน้ำเข้าถุงมือแย่กว่าเดิมอีก
จนเราย้ายมากรุงเทพ ตอนแรกก็เลี่ยงที่จะสมัครงานครัวแล้วไปสมัครงานอื่นแต่พอดีแฟนส่งใบสมัครของร้านนี้ให้แล้วเขาดันโทรมาให้ไปสัมภาษณ์เจ้าแรก ไอ้เราเลยลองไปเพราะอยู่เฉยๆมาเดือนกว่าแล้ว เริ่มแรกก็ยังพอทำได้อยู่ ก็ทนๆเอาอย่างเพื่อนว่าๆดีกว่าไม่มีกิน พอนานเข้าระบบระบายน้ำไม่ค่อยดี ล้างครัวเท้าเปียกแช่น้ำ น้ำท่วมขังบวกกับการใส่ถุงเท้าและรองเท้าหัวปิดมาตลอดวัน ทำให้กลายเป็นเท้ากัดน้ำ เป็น2ข้างที่ฝ่าเท้า ซอกนิ้วเท้า ที่หนักคือมันคันๆๆ เพราะมันเป็นโรคเกี่ยวกับเชื้อรา (ร้านเดิมไม่เป็นเพราะแค่กวาดและถูแห้ง) มาถึงตรงนี้ทุกอาจคิดว่าเราคงถอดใจ แต่เปล่าเราก็ยังทำงานต่อ ไปหาหมอให้ยามาทา มันก็ดีขึ้นแต่ไม่หายขาดเพราะคลุกคลีอยู่กับน้ำ เลยอดทนจนเก็บเงินมาเกือบแสนถึงมีความคิดว่าจะพอหรือไปต่อดี จะกลับบ้านไปทำงานที่บ้าน เริ่มทำอะไรสักอย่าง หรืออดทนทำงานที่นี่ต่อไป
สำหรับใครที่อยากทราบว่าอาการป่วยมันหนักไหน เรามีภาพปลากรอบ แต่ใจไม่ถึงอย่ากดดูนะฮะ เดี๋ยวทานข้าวไม่ลง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ภาพแรกเป็นสภาพมือปัจจุบัน ภาพอื่นเป็นภาพส่วนหนึ่งที่ถ่ายบันทึกไว้เพราะส่งให้แม่ดู โดยปกติไม่ได้ถ่ายไว้เพราะตัวเองยังกลัว
แก้ไขเพิ่มอีกหน่อย บางคนเห็นรูปแล้วคงนึกไปถึงไอ้จขกท.นี่ทำงานร้านไหน คงไม่อยากจะบริโภคร้านนั้นเลย เราใส่ถุงมือตลอดนะครับ และจรรยาบรรณส่วนตัวนึกถึงความสะอาดและความปลอดภัยที่ผู้บริโภคจะได้รับอยู่แล้ว ไม่เคยใช้มือเปล่าหยิบจับทำอะไรในงานเลย อยากให้เพื่อนๆเขาใจตรงนี้ด้วยนะครับ
มีเงินเก็บอยู่1แสนบาท อยากลาออกจากงานประจำ
ตอนนี้เราอยู่ในช่วงลาพักซึ่งกำลังจะหมดลง
เรื่องงานที่จริงยื่นใบลาออกไปแล้วแต่ผจก.ยังไม่เซ็นให้เพราะอยากให้กลับไปคิดทบทวนในช่วงพักอีกที ด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง เช่น กำลังจะเลื่อนตำแหน่งค่าตอบแทนจะเพิ่มขึ้น ทรัพยากรบุคคลไม่พอหรือกว่าจะฝึกหาคนมาอยู่ตรงนี้ได้มันใช้เวลาและยากพอสมควรเพราะระบบงานในบ.ค่อนข้างจุกจิก
ส่วนตัวตอนนี้มีภาระที่ยังต้องจ่ายอยู่คืองวดรถ+โทรศัพท์ ตกราวๆเดือนละ 4000-4500 บาท เหลืออยู่ 18 งวด ยอดทั้งหมดประมาณ 81,000 บาท ซึ่งเกินครึ่งของเงินเก็บ ถ้าออกจากงานก็คงไม่มีเงินเหลือ ไหนจะค่ากินอยู่ในการใช้ชีวิตประจำวันอีก แต่ตัวเรามันหมดแพชชั่น เหนื่อยเบื่อหน่าย ใจออกแล้วและปัญหาสุขภาพอีก ถ้าจะเอาเงินเก็บไปต่อยอดก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดียิ่งยุคโควิดแบบนี้ก็กลัวว่าเงินจะสูญไปเฉยๆ
ถ้าเป็นเพื่อนๆชาวพันทิปจะจัดการตัวเองอย่างไรดี อยากลองฟังความคิดเห็นคำแนะนำของแต่ละคน
ปล.ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง ถ้าไม่เลิกทำงานสายนี้ก็จะไม่หายถ้าอยากหายต้องหยุดทำอย่างเดียว
ปล.2 ข้อความอาจจะอ่านยากสักหน่อยเพราะพิมพ์ในโทรศัพท์ แท็กผิดห้องต้องขออภัยด้วยครับ
เพิ่มเติม ..
ขอพูดก่อนเลยว่าเราคิดอยู่ว่าเราจะเพิ่มข้อความนี้หรือไม่เพิ่มดี กลัวหากเพื่อนๆอ่านแล้วจะคิดว่ามีคำตอบในใจแล้ว ก็เหมือนไม่อยากทำแล้วจะมาถามทำไม เลยขอตอบความสงสัยนั้นไว้ตรงนี้เลยว่า ถ้าเราไม่อดทนหรือพยายามเราคงไม่มีเก็บมาจนถึงเงินส่วนนี้ในขณะที่ฐานเงินเดือนน้อยกว่า 15k การมาตั้งกระทู้นี้เพื่อมาลองหาความเห็นความน่าจะเป็น คำแนะนำของแต่ละบุคคล ซึ่งเราอาจจะลาออกหรืออยู่ต่อไปก็ได้
เราอ่านคำแนะนำของเพื่อนๆมาสักพัก เลยมาขอเพิ่มเติมให้ว่าปัญหาสุขภาพคืออะไร
เกริ่นก่อนเลยว่ามันเริ่มมาจากที่ทำงานเดิม ที่ทำงานเดิมตอนนั้นไม่มีคนเลยทำให้ต้องทำงานลากกะ 07.00-00.00 ลากกะอยู่เดือนนิดๆ หั่นของ เก็บของ ล้างของ หมักของ ล้างเตาทอด ล้างระหว่างวัน ฯลฯ ผลคือมือเปื่อยนิ้วลอกมือลอกทั้งมือซ้ายขวาเลยขอหยุดทำกะเดียว พอลอกแล้วมือก็บาง มือบางแล้วก็แตกเลือดซิบๆนั่นแหละฮะ พอหยุดลากกะก็ดีขึ้นหน่อย ประจวบกับเปลี่ยนตำแหน่งจากผู้ช่วยมาหน้าเตา ไม่ได้หายทันทีแต่ลดลงเพราะเราเลิกล้างของล้างแค่หน้าเตา ส่วนของอื่นๆผู้ช่วยล้างให้ เรื่องนี้เราเคยไปรักษากับหมอผิวหนังโดยตรง มันจะไม่หายถ้าเราไม่หยุดโดนน้ำบ่อยล้างมือบ่อย ซึ่งงานครัวมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่โดนน้ำ แล้วกรณีใส่ถุงมือ จริงๆยิ่งทำให้มันแย่ เพราะมือจะอับ ล้างของแล้วน้ำเข้าถุงมือแย่กว่าเดิมอีก
จนเราย้ายมากรุงเทพ ตอนแรกก็เลี่ยงที่จะสมัครงานครัวแล้วไปสมัครงานอื่นแต่พอดีแฟนส่งใบสมัครของร้านนี้ให้แล้วเขาดันโทรมาให้ไปสัมภาษณ์เจ้าแรก ไอ้เราเลยลองไปเพราะอยู่เฉยๆมาเดือนกว่าแล้ว เริ่มแรกก็ยังพอทำได้อยู่ ก็ทนๆเอาอย่างเพื่อนว่าๆดีกว่าไม่มีกิน พอนานเข้าระบบระบายน้ำไม่ค่อยดี ล้างครัวเท้าเปียกแช่น้ำ น้ำท่วมขังบวกกับการใส่ถุงเท้าและรองเท้าหัวปิดมาตลอดวัน ทำให้กลายเป็นเท้ากัดน้ำ เป็น2ข้างที่ฝ่าเท้า ซอกนิ้วเท้า ที่หนักคือมันคันๆๆ เพราะมันเป็นโรคเกี่ยวกับเชื้อรา (ร้านเดิมไม่เป็นเพราะแค่กวาดและถูแห้ง) มาถึงตรงนี้ทุกอาจคิดว่าเราคงถอดใจ แต่เปล่าเราก็ยังทำงานต่อ ไปหาหมอให้ยามาทา มันก็ดีขึ้นแต่ไม่หายขาดเพราะคลุกคลีอยู่กับน้ำ เลยอดทนจนเก็บเงินมาเกือบแสนถึงมีความคิดว่าจะพอหรือไปต่อดี จะกลับบ้านไปทำงานที่บ้าน เริ่มทำอะไรสักอย่าง หรืออดทนทำงานที่นี่ต่อไป
สำหรับใครที่อยากทราบว่าอาการป่วยมันหนักไหน เรามีภาพปลากรอบ แต่ใจไม่ถึงอย่ากดดูนะฮะ เดี๋ยวทานข้าวไม่ลง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขเพิ่มอีกหน่อย บางคนเห็นรูปแล้วคงนึกไปถึงไอ้จขกท.นี่ทำงานร้านไหน คงไม่อยากจะบริโภคร้านนั้นเลย เราใส่ถุงมือตลอดนะครับ และจรรยาบรรณส่วนตัวนึกถึงความสะอาดและความปลอดภัยที่ผู้บริโภคจะได้รับอยู่แล้ว ไม่เคยใช้มือเปล่าหยิบจับทำอะไรในงานเลย อยากให้เพื่อนๆเขาใจตรงนี้ด้วยนะครับ