นายกฯหารือทูตจีนความสัมพันธ์แน่นแฟ้น บริจาควัคซีนให้ไทยอีก 1.5 ล้านโดส
วันศุกร์ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564, 17.09 น.
นายกฯหารือทูตจีนแน่นแฟ้น บริจาควัคซีนให้ไทยอีก 1.5 ล้านโดส
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายหาน จื้อเฉียง (Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ พร้อมชื่นชมการทำงานเชิงรุกของเอกอัครราชทูตนับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่าด้วยความสามารถ และประสบการณ์ของเอกอัครราชทูต จะพัฒนาหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทย-จีน ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยรัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเอกอัครราชทูตฯ อย่างเต็มที่ โอกาสนี้ ขอบคุณประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อุปทูตและคณะทูตของจีน ที่ทำงานร่วมกับไทยอย่างเต็มศักยภาพตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาดำรงตำแหน่งในไทย ในโอกาสนี้ ขอฝากความปรารถนาดีจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีจีน นายหลี่ เค่อเฉียง ถึงนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้นำเสนอข้อคิดเห็นและทิศทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ดังนี้ รักษาการติดต่อสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศ ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 และด้านเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
“ในโอกาสนี้ รัฐบาลจีนพร้อมบริจาควัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติมอีกจำนวน 1.5 ล้านโดสให้ไทย ร่วมกับเวชภัณฑ์สำหรับการตรวจและผลิตออกซิเจน รวมทั้ง เครื่องวัดออกซิเจน เชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศ เพื่อเสถียรภาพและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศ ตลอดจน เพิ่มพูนการประสานงานและความร่วมมือระหว่างประเทศ”
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้....
- ด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรี ขอบคุณรัฐบาลจีนในการบริจาควัคซีนให้ไทย ซึ่งทั้งสองเห็นพ้องร่วมมือกันในด้านการวิจัย พัฒนาวัคซีนและยารักษาโควิด-19 และการตั้งโรงงานผลิตวัคซีน แบ่งและบรรจุขวดวัคซีนในไทย
- ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองเห็นพ้องเร่งรัดจัดการประชุมกลไกระดับสูงด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้ง เห็นพ้องส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งระหว่างข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (BRI) กับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ความเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ระหว่างเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) กับเขตอ่าวกวางตุ้ง - ฮ่องกง - มาเก๊า (GBA) คณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย – จีน (JC เศรษฐกิจ) ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) และโครงการรถไฟไทย-จีน ที่จะช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงและเศรษฐกิจในระดับประเทศและภูมิภาคโดยรวม และในการค้า ขอให้ทั้งสองฝ่ายพิจารณานำ E-Commerce เข้ามาใช้ ตลอดจน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงจุดหมายร่วมกันที่ต้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งจีนมีความเชี่ยวชาญ
- ด้านการเดินทางระหว่างกัน ไทยขอให้จีนพิจารณาการฟื้นฟูการเดินทางระหว่างกัน โดยเฉพาะการอนุญาตให้นักศึกษาไทย สามารถเดินทางกลับไปศึกษาต่อที่จีนได้ในเร็ววัน
- ด้านความร่วมมือพหุภาคี นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยพร้อมสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์และการเป็น “มหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบ” ต่อประชาคมโลกของ และในวาระที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค (APEC) ในปี 2565 ไทยขอรับการสนับสนุนจากจีน เพื่อร่วมกันเสริมสร้างภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่เปิดกว้าง มีพลวัต ยืดหยุ่น สมดุลและยั่งยืน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีหวังว่า จะได้มีโอกาสต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในโอกาสเดินทางมาเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมฯ
ในตอนท้าย เอกอัครราชทูตฯ ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนการทำงานของอุปทูตจีนเป็นอย่างดีตลอดเวลาที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่าการเป็นมิตรแท้ในยามที่จีนต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลให้มิตรภาพระหว่างไทย-จีน เพิ่มพูนและใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
https://www.naewna.com/politic/615329
นายกฯของไทยเป็นผู้มีความเป็นมิตรกับนานาประเทศ
ไปต่างประเทศทั่วโลกก็มีคนต้อนรับ ล้วนแล้วเป็นเรื่องที่ดีต่อบ้านเมือง
ความสัมพันธ์ประเทศไทยและจีน แน่นแฟ้นยืนยาวตลอดมา
ยิ่งในยุคลุงตู่ยิ่งเห็นความสัมพันธ์ที่ดี ต่อกันมากขึ้น
ไทยจะได้รับวัคซีนบริจาคมาอีกเป็นล้านโดส เพื่อดูแลคนไทย
ยินดีไปกับนายกฯลุงตู่ด้วยค่ะ
ต้องขอบคุณรัฐบาลจีนนะคะ...💘
💙มาลาริน/ขอบคุณรัฐบาลจีนนะคะ...นายกฯหารือทูตจีนแน่นแฟ้น บริจาควัคซีนให้ไทยอีก 1.5 ล้านโดส
วันศุกร์ ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564, 17.09 น.
นายกฯหารือทูตจีนแน่นแฟ้น บริจาควัคซีนให้ไทยอีก 1.5 ล้านโดส
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายหาน จื้อเฉียง (Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเข้ารับหน้าที่
ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ พร้อมชื่นชมการทำงานเชิงรุกของเอกอัครราชทูตนับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่าด้วยความสามารถ และประสบการณ์ของเอกอัครราชทูต จะพัฒนาหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทย-จีน ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยรัฐบาลไทยพร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของเอกอัครราชทูตฯ อย่างเต็มที่ โอกาสนี้ ขอบคุณประธานาธิบดีสี จิ้นผิง อุปทูตและคณะทูตของจีน ที่ทำงานร่วมกับไทยอย่างเต็มศักยภาพตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ยินดีและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มาดำรงตำแหน่งในไทย ในโอกาสนี้ ขอฝากความปรารถนาดีจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีจีน นายหลี่ เค่อเฉียง ถึงนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้นำเสนอข้อคิดเห็นและทิศทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างไทย-จีน ดังนี้ รักษาการติดต่อสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศ ส่งเสริมความร่วมมือเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 และด้านเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
“ในโอกาสนี้ รัฐบาลจีนพร้อมบริจาควัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติมอีกจำนวน 1.5 ล้านโดสให้ไทย ร่วมกับเวชภัณฑ์สำหรับการตรวจและผลิตออกซิเจน รวมทั้ง เครื่องวัดออกซิเจน เชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศ เพื่อเสถียรภาพและยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศ ตลอดจน เพิ่มพูนการประสานงานและความร่วมมือระหว่างประเทศ”
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือร่วมกันในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญ ดังนี้....
- ด้านสาธารณสุข นายกรัฐมนตรี ขอบคุณรัฐบาลจีนในการบริจาควัคซีนให้ไทย ซึ่งทั้งสองเห็นพ้องร่วมมือกันในด้านการวิจัย พัฒนาวัคซีนและยารักษาโควิด-19 และการตั้งโรงงานผลิตวัคซีน แบ่งและบรรจุขวดวัคซีนในไทย
- ด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองเห็นพ้องเร่งรัดจัดการประชุมกลไกระดับสูงด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์โควิด-19 รวมทั้ง เห็นพ้องส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างกันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งระหว่างข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (BRI) กับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ความเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ระหว่างเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) กับเขตอ่าวกวางตุ้ง - ฮ่องกง - มาเก๊า (GBA) คณะกรรมการร่วมว่าด้วยการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย – จีน (JC เศรษฐกิจ) ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) และโครงการรถไฟไทย-จีน ที่จะช่วยส่งเสริมความเชื่อมโยงและเศรษฐกิจในระดับประเทศและภูมิภาคโดยรวม และในการค้า ขอให้ทั้งสองฝ่ายพิจารณานำ E-Commerce เข้ามาใช้ ตลอดจน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องถึงจุดหมายร่วมกันที่ต้องเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความยากจน ซึ่งจีนมีความเชี่ยวชาญ
- ด้านการเดินทางระหว่างกัน ไทยขอให้จีนพิจารณาการฟื้นฟูการเดินทางระหว่างกัน โดยเฉพาะการอนุญาตให้นักศึกษาไทย สามารถเดินทางกลับไปศึกษาต่อที่จีนได้ในเร็ววัน
- ด้านความร่วมมือพหุภาคี นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยพร้อมสนับสนุนบทบาทที่สร้างสรรค์และการเป็น “มหาอำนาจที่มีความรับผิดชอบ” ต่อประชาคมโลกของ และในวาระที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค (APEC) ในปี 2565 ไทยขอรับการสนับสนุนจากจีน เพื่อร่วมกันเสริมสร้างภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่เปิดกว้าง มีพลวัต ยืดหยุ่น สมดุลและยั่งยืน ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีหวังว่า จะได้มีโอกาสต้อนรับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในโอกาสเดินทางมาเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมฯ
ในตอนท้าย เอกอัครราชทูตฯ ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนการทำงานของอุปทูตจีนเป็นอย่างดีตลอดเวลาที่ผ่านมา เชื่อมั่นว่าการเป็นมิตรแท้ในยามที่จีนต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะส่งผลให้มิตรภาพระหว่างไทย-จีน เพิ่มพูนและใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
https://www.naewna.com/politic/615329
นายกฯของไทยเป็นผู้มีความเป็นมิตรกับนานาประเทศ
ไปต่างประเทศทั่วโลกก็มีคนต้อนรับ ล้วนแล้วเป็นเรื่องที่ดีต่อบ้านเมือง
ความสัมพันธ์ประเทศไทยและจีน แน่นแฟ้นยืนยาวตลอดมา
ยิ่งในยุคลุงตู่ยิ่งเห็นความสัมพันธ์ที่ดี ต่อกันมากขึ้น
ไทยจะได้รับวัคซีนบริจาคมาอีกเป็นล้านโดส เพื่อดูแลคนไทย
ยินดีไปกับนายกฯลุงตู่ด้วยค่ะ
ต้องขอบคุณรัฐบาลจีนนะคะ...💘