มาทำรู้จัก ธันวา สุริยจักร พระเอกหนุ่มจาก สปป.ลาว กับเรื่องราววัยเด็ก อาหาร และการลงแข่งมาสเตอร์เชฟฯ



     หลายคนอาจคิดว่า ‘ธันวา สุริยจักร’ คือนักแสดงที่จับพลัดจับผลูมาทำอาหาร เพราะเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นเขาจับตะหลิวในรายการ MasterChef Celebrity Thailand Season2 และถ้ายังจำได้ อาหารของเขายังได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 จานที่ดีที่สุดด้วย แต่กลับกัน เขาเริ่มฝึกทำอาหารที่บ้านเกิด สปป.ลาว ก่อนมาเป็นพระเอกด้วยซ้ำ  ที่น่าสนใจคือเขาโตมากับบรรดารสชาติหลากหลายวัฒนธรรมตั้งแต่ ไทย จีน เวียดนาม ฝรั่งเศส จนเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง และฝันอยากทำไฟน์ไดนิ่ง เล่าเรื่องชีวิตวัยเด็กที่เขาเติบโตมาผ่านอาหารฟิวชัน และอะไรคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงใหลการทำอาหาร

     บทสนทนาต่อจากนี้ ขอให้คุณสลัดภาพของพระเอกทิ้งไป แล้วชวนรู้จักเขาในอีกมุมผ่านอาหาร มาดูกันว่าเมนคอร์สไหนคือตัวตนที่เขากำลังค้นหาความหมาย ชวนมาชิมไฟน์ไดนิ่งฉบับธันวาได้ในคอลัมน์ Talk of The Cloud  
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


     “เคยเห็นพิซซ่าเวียดนามไหมครับ”
     “ผมจะทำพิซซ่าเวียดนามแบบใหม่ ข้างนอกเป็นแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะย่างกรอบๆ ข้างในเป็นล็อบสเตอร์คลุกมายองเนสกับซอสศรีราชา เนื้อสัมผัสจะครีมมีๆ หน่อย เนื้อล็อบเสตอร์เด้งๆ มีความเผ็ดของซอสศรีราชาตัด แล้วก็มีโฟมกะทิอยู่ข้างๆ”

    ธันวา-ธันวา สุริยจักร เล่าให้เราฟัง พร้อมอวดภาพอาหารที่เขาทำให้เราดูไปพลาง นี่เป็นไฟน์ไดนิ่งที่เขาตั้งใจทำให้เพื่อนๆ ชิมเป็นครั้งแรก เป็นเมนูอาหารเวียดนามที่มีกลิ่นอายของตะวันตก ธันวาเผยว่าทั้งหมดที่เห็นนั้น ได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารที่บ้านในวัยเด็ก 
เขาเกิดและเติบโตในเมืองปากเซ สปป.ลาว ดินแดนลุ่มแม่น้ำโขงที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมหลากหลาย พ่อมีเชื้อสายไทย จีน ฝรั่งเศส ส่วนแม่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีนและเวียดนาม บนโต๊ะอาหารที่บ้านของธันวาจึงมีอาหารหลายชนชาติ เป็นเมนูใหม่ๆ ที่แตกต่างจากบ้านอื่นๆ ที่นั่น

     ภาพของธันวาที่ทุกคนจำได้เป็นแบบไหน หลายคนคงรู้จักเขาในฐานะพระเอกละครช่อง 7HD แต่ในปีนี้เขากำลังจะเป็นที่จดจำในฐานะเชฟผู้ที่รักการทำอาหาร ซึ่งเราก็เพิ่งเคยเห็นมุมนี้ของธันวาเช่นเดียวกัน

     ในตอนแรกของรายการ MasterChef Celebrity Thailand Season 2 จานของธันวาได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 3 จานที่ดีที่สุดของแมตช์นั้น เขาสลัดภาพของพระเอกทิ้งไปชั่วคราว แล้วนั่งคุยกับเราในฐานะคนชอบทำอาหาร นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้เรารู้จักธันวาในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อนจากละครทีวี และรู้ว่าเขาชื่นชอบการทำอาหารมากคนหนึ่ง
   
ไปแข่ง MasterChef Celebrity Thailand Season 2 มา เป็นอย่างไรบ้าง
     จริงๆ รายการติดต่อมาตั้งแต่ซีซั่นแรกแล้ว แต่ตอนนั้นผมว่าตัวเองยังไม่พร้อม ความรู้ด้านอาหารยังไม่มากพอ ก็เลยไปซ้อมก่อนจะมาแข่งซีซั่นนี้ ผมมั่นใจว่าเรียนรู้เรื่องวัตถุดิบเยอะ และฝึกซ้อมมานานพอสมควร

คาดหวังอะไรจากการแข่งขันครั้งนี้
     หวังแชมป์อยู่แล้ว แต่ไม่อยากกดดันตัวเองมากไป เพราะคนเก่งไม่ได้หมายความว่าจะเข้ารอบ คนไม่เก่งก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้ารอบไม่ได้ เป็นเรื่องของจังหวะที่เรากำหนดไม่ได้ สิ่งเดียวที่เรากำหนดได้ก็คือ ตั้งใจทำมันให้เต็มที่กับทุกๆ งานที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นละครหรือการแข่งขัน เราต้องเต็มที่ที่สุด

หลังจากแข่งขันรายการนี้ คุณมองตัวเองบนเส้นทางอาหารอย่างไร
     มาสเตอร์เชฟ ทำให้คนทั่วไปได้เห็นผมอีกมุม ซึ่งบางคนอาจไม่เคยรู้ ผมคิดว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ทำให้คนเห็นความสามารถและวิธีคิดในการทำอาหารของผม ผมอยากต่อยอดอีกเยอะเลย เพราะชอบการทำอาหาร อยากทำสิ่งนี้ต่อไปเรื่อยๆ อยากมีรายการเกี่ยวกับอาหารของตัวเอง อยากทำอาหารไฟน์ไดนิ่ง

ก่อนหน้านี้คนยังไม่ค่อยรู้ว่าคุณชอบทำอาหาร แล้วทีมงานเห็นอะไรในตัวคุณถึงชวนไปแข่ง 
     น่าจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ผมเปิดร้านอาหาร แล้วครอบครัวก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารอยู่แล้วด้วย 

ได้ยินมาว่าที่ลาวมีร้านบะหมี่ของคุณย่าด้วย
     เมื่อก่อนคุณย่าเปิดร้านอาหารคล้ายๆ โรงเตี๊ยมของจีน ให้อารมณ์เหมือนคาเฟ่ที่มีคนมานั่งเล่นหมากรุกจีนกัน เปิดมาตั้งแต่คุณย่ายังสาวๆ อาหารที่ขายส่วนใหญ่จะมีหมั่นโถว หมั่นโถวทอด ซาลาเปา ชา กาแฟ มีน้ำต่างๆ รวมถึงบะหมี่จีน เส้นก็ทำเอง เป็นบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงแบบดั้งเดิม เรียกได้ว่าเป็นร้านเก่าแก่อย่างนั้นเลย

จำได้ไหมว่าบะหมี่ของย่ารสชาติเป็นอย่างไร
     ตอนเด็กๆ ถ้ากลับมาจากโรงเรียนแล้วมีบะหมี่ร้อนๆ ของคุณย่ารออยู่จะดีใจมาก เวลาเลิกเรียนเหนื่อยๆ หิวก็ต้องกินบะหมี่ของคุณย่าประจำ น้ำซุปเป็นซุปกระดูกแท้ คุณพ่อทำเส้นบะหมี่เองตั้งแต่เด็กๆ ผมเลยได้ซึมซับการทำอาหารมาจากพ่อด้วย



ทำไมคุณถึงชอบทำอาหาร
     แม้ว่าจะเป็นนักแสดง แต่ผมหลงใหลการทำอาหาร เพราะมันทำให้เราได้ผ่อนคลายหลังจากทำงาน เหมือนได้รีเซตตัวเองใหม่ ผมเลยมีความสุขทุกครั้งเวลาได้จับมีด จับกระทะ หรือเวลาที่ได้รังสรรค์เมนูใหม่ๆ ความหลงใหลที่ว่ามันทำให้เราเจอทางของตัวเองด้วย

คุณฝึกทำอาหารตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วตอนนั้นทำให้ใครชิม
     ผมฝึกทำอาหารตั้งแต่ยังเด็ก หัดผัด หัดทำเมนูต่างๆ โดยมีคุณย่ากับคุณลุงสอนเรื่องการปรุงรส ว่าควรใส่เครื่องปรุงอะไร สัดส่วนเท่าไหร่บ้าง บ้านที่ลาวมีสองหลัง คือบ้านของครอบครัวและบ้านย่า ครัวที่บ้านย่าเป็นแบบดั้งเดิม มีเตาอั้งโล่เรียงกันเพราะที่บ้านขายบะหมี่ เวลาผัดก็ใช้เตาอั้งโล่ ส่วนที่บ้านของครอบครัวจะใช้เตาแก๊สธรรมดา แต่ด้วยความที่บ้านเราชอบทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็นคุณย่า คุณลุง หรือแม่ พื้นที่ห้องครัวก็จะใหญ่กว่าปกติ

เมนูแรกๆ ที่หัดทำคืออะไร
     ตอนเด็กๆ คุณย่าสอนทำปลานึ่งซีอิ๊วสูตรโบราณ ซึ่งเป็นสูตรของคุณย่าเอง ต้องเล่าก่อนว่าเมืองที่ผมอยู่ใกล้กับแม่น้ำและมีปลาน้ำจืดเยอะมาก คนก็มักจะนำปลาน้ำจืดมาทำอาหารกัน เมนูที่ผมทำถ้าเทียบกับเมนูของไทยคงคล้ายๆ ปลาทูต้มหวาน น้ำซอสออกสีดำๆ แต่ที่ลาวจะใส่ขิงเข้าไปด้วย เพื่อเพิ่มความหอมและดับกลิ่นคาวในตัวปลา ส่วนเนื้อปลาก็จะมีความฉ่ำ เพราะมีไขมันแทรก

อาหารในบ้านที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ต่างจากบ้านอื่นๆ อย่างไร
     บ้านผมทำอาหารหลายแบบ ทั้งอาหารพื้นเมืองของเวียดนาม อาหารแบบจีน แล้วก็ผสมผสานความเป็นฝรั่งเศสเข้าไปด้วย ผมจำได้ว่าทุกวันรวมญาติจะมีเมนู ‘รากู’ ที่ใช้เนื้อน่องลายไปตุ๋นให้เปื่อยจนรสชาติเข้มข้น หน้าตาออกมาคล้ายๆ สตูว์เนื้อ ทานกับขนมปังบาแกตต์ 
     อีกจานที่ผมชอบคือ ‘บั๋นหมี่’ ซึ่งมีขายทั่วไปที่ลาว แต่บั๋นหมี่ของครอบครัวจะไม่เหมือนที่ไหน เป็นอาหารที่ผสมผสานความเป็นเวียดนามกับฝรั่งเศสเข้าด้วยกัน ทำให้ผมรู้สึกว่าแม้อาหารตะวันตกกับอาหารลาวจะแตกต่างกันมาก แต่ก็ประยุกต์ให้เข้ากันได้


บั๋นหมี่ที่บ้านต่างจากที่อื่นอย่างไร
     เราจะใส่ ‘ปาเต’ (Pâté) หรือตับบด ซึ่งใช้ตับไก่หรือตับหมูก็ได้มาบดให้ละเอียดเป็นเนื้อครีม จากนั้นนำมาทาบนขนมปังบาแกตต์ ใส่ผักดองต่างๆ เติมซอสศรีราชาเข้าไปหน่อย รสชาติจะออกแนวตะวันตกผสมเวียดนาม เป็นเมนูโปรดที่ผมชอบมาก

ทำไมถึงติดใจเมนูนี้
     มันมีเรื่องราวเยอะ ผมเติบโตมากับเมนูนี้ ตอนเด็กๆ ทานบ่อย แต่ก่อนผมมักจะปั่นจักรยานไปเรียน แม่จะให้เงินวันละยี่สิบบาท เราจ่ายสิบบาท ก็ซื้อบั๋นหมี่กินได้แล้ว
อาหารลาวเมนูไหนที่คุณคิดว่าหากินที่ไหนก็ไม่เหมือนกินที่ลาว  บั๋นหมี่นี่แหละ ที่ทำให้รู้สึกว่าไม่มีที่ไหนเหมือนที่ลาว ต่อให้ที่นี่มีร้านอาหารมากมาย แต่บั๋นหมี่ไม่เหมือนแน่นอน เพราะที่นู่นจะมีความดั้งเดิมมากกว่า รวมถึงก๋วยจั๊บญวนกับเฝอด้วย ตอนกินที่ลาวมันเป็นรสชาติที่อธิบายไม่ถูก แต่ไม่เหมือนที่ไหน ผมว่ามันมีความนุ่มลึกกว่า

ทั้งๆ ที่ชอบกินและชอบทำอาหารขนาดนี้ ทำไมผันตัวมาเป็นนักแสดงได้
     เพื่อนของ พี่เอ (ศุภชัย ศรีวิจิตร) เจอผมที่เวียงจันทน์ ตอนนั้นผมไปเรียนพิเศษพอดี เขาก็ชักชวนให้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง พี่เอบินมาหาที่ลาว ได้พูดคุยกัน สุดท้ายก็ได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง โดยเป็นไม่กี่คนในลาวที่ได้รับโอกาสนั้น ผมว่าตัวเองโชคดีมาก ต้องขอบคุณพี่เอด้วยที่เป็นคนช่วยผลักดันให้มา 

ทำไมถึงรู้สึกโชคดีที่ได้ทำงานนี้
     ตอนนั้นคิดว่าได้เรียนไปด้วย หาเงินไปด้วย ถือเป็นโอกาสดีๆ ที่ได้ทำ งานแรกๆ เป็นงานเดินแบบ พอเราได้เงิน เราก็ไม่ต้องพึ่งพาครอบครัวแล้ว ตอนนั้นผมปักธงกับตัวเองไว้ว่า ผมจะหาเงินเพื่อส่งเสียค่าเล่าเรียนของตัวเองให้ได้ ให้ครอบครัวดูแลน้องสาวต่อไป ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เรายังทำต่อเรื่อยๆ

ถ้าไม่ได้เป็นนักแสดง คุณอยากทำอะไร
     ความใฝ่ฝันของผมมีเยอะมากเลย ผมฝันอยากเป็นนักธุรกิจ อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง อยากเป็นนักลงทุน แต่พอได้มาเป็นนักแสดงแล้วก็พบว่า เรายังสานฝันเก่าๆ ได้ เราเก็บเงินที่เหลือจากการทำงานไปลงทุนได้

ทำไมคุณถึงชอบการลงทุน
     การทำธุรกิจมันเหมือนการสร้างระบบขึ้นมาเพื่อทอนแรงตัวเอง ผมไม่มีทางเป็นนักแสดงไปได้ตลอด วันหนึ่งก็ต้องแก่ตัวลง เป็นพระเอกไม่ได้ การลงทุนก็เปรียบเสมือนการหว่านเมล็ดพันธุ์ เราไม่รู้เลยว่าเมล็ดพันธุ์ไหนจะออกดอก ออกผล คล้ายกับการปลูกต้นมะม่วง มันใช้เวลานานกว่าจะออกผลให้เรากิน อาจจะตายกลางคันก็ได้ สิ่งที่เราต้องทำคือ ต้องหว่านเรื่อยๆ อย่าหยุดหว่าน วันหนึ่งถ้ามันโตขึ้น ก็เป็นโชคดีที่เราได้ผลลัพธ์จากมัน
ไม่มีใครอยากลงทุนโดยไม่ได้ผลลัพธ์ ซึ่งผลลัพธ์ของมันก็เกิดจากประสบการณ์ เกิดจากการสูญเสียที่มากพอ ได้เรียนรู้จากความผิดพลาด ผมมองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตเลย

ถ้าเปรียบงานแสดงเป็นการลงทุน ตอนนี้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร
     ผลลัพธ์คือความรู้สึกผูกพันระหว่างคนดูกับตัวเรา ทุกคนรู้จักเราในฐานะพระเอกช่อง 7HD เพราะทำงานเก็บประสบการณ์ตรงนี้มาหลายปี ก็จะช่วยเวลาที่เราอยากทำงานอื่นๆ ในวงการนี้ต่อ ผมเชื่อว่ามันจะเป็นการลงทุนที่ไม่เสียเปล่าแน่นอน

ชอบงานของตัวเองชิ้นไหนมากที่สุด
     ผลงานละครล่าสุด เรื่อง หลงกลิ่นจันทน์ (ค.ศ. 2021) เพราะเป็นบทที่ดีมาก เป็นบทที่เปิดโอกาสให้ผมได้แสดงศักยภาพในการเล่นละครเยอะมาก

รู้สึกอย่างไรกับปีที่ 11 ในวงการบันเทิง 
     ผมภูมิใจที่พาตัวเองมาถึงจุดนี้ได้ ได้รับประสบการณ์มากขึ้น มีพัฒนาการมากขึ้นในทุกๆ วัน ผลลัพธ์ของบางคนอาจจะเป็นเงินเก็บที่มากพอหรือการมีชื่อเสียง แต่สำหรับผม ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็คือประสบการณ์ในการใช้ชีวิต หลายอย่างมันสอนให้เราโตขึ้น แข็งแกร่งขึ้น ในอนาคตเราอาจไม่ได้เป็นนักแสดงต่อแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น มันก็คุ้มค่าที่ได้ทำ

มองอนาคตในวงการบันเทิงอย่างไร
     มีอีกหลายงานมากเลยที่ยังรอผมอยู่ ผมอยากเล่นบทที่ท้าทายขึ้น อย่างละครเรื่อง พริกกับเกลือ ที่กำลังจะเข้าฉายก็เป็นหนึ่งในนั้น ผมยังต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ทั้งในเรื่องการแสดง การวางตัว รวมถึงด้านการทำอาหารด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่