ขอเล่าคร่าวๆละกันค่ะ ว่าเรากับแฟนคบกันมาจนถึงวัยที่เหมาะจะคุยกันเรื่องแต่งงาน
ก็มีการคุยกันเรื่องอนาคต เรื่องแต่งงาน แต่ประเด็นคือมักจะทะเลาะกันเมื่อพูดถึงดีเทลในการจัดงานนี่แหละค่ะ
ขอ List เป็นข้อๆดังนี้
จำนวนแขกและสถานที่
แฟนอยากจะให้จัดเป็นงานเล็กๆไม่เกิน50คน เค้าจะเชิญญาติตัวแทนบ้านละ1คน
แต่ญาติเราก็50คนเข้าไปแล้ว ทำให้สถานที่ๆเราสองคนดูไว้ตั้งแต่แรกอาจจะจุคนไม่พอ ซึ่งแฟนก็เฟลๆค่ะ
แหวนหมั้น
แฟนเสนอว่าเป็นทองได้มั้ย เค้าไม่คิดว่าเแหวนพชรมันจะมีมูลค่าอะไร
ขายก็ไม่ได้ (แม้ว่าเราบอกไปแล้วค่ะว่าไม่มีใครเค้าขายแหวนหมั้น แหวนแต่งงานกัน)
แต่เราชอบส่งรูปแหวนเพชรให้เค้าดูค่ะ ทำให้เค้าบอกว่าเหมือนเราไม่เปิดใจรับในสิ่งที่เค้าเสนอเลย
ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง
เค้าเสนอว่าให้เพื่อนๆมาช่วยถ่าย แล้วก็เอาไปอัดที่ร้านแถวบ้านได้มั้ย
แต่เราคิดว่า ทำไมเราไม่จ้างช่างภาพไปเลย เค้าก็แต่งรูปให้เราจบเลยไม่งั้นก็ขอดูตัวอย่างภาพที่เพื่อนถ่ายหน่อย
เค้าก็บอกไม่มีหรอก และพูดออกมาว่าเรามองหาแต่ความเพอร์เฟค ความต้องการของตัวเอง ไม่สนใจในสิ่งที่แฟนเสนอ
พิธีต่างๆ
เค้าไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแห่ขันหมาก ต้องเลี้ยงพระหรือทำไมต้องมีพิธีต่างๆ เค้าไม่อยาทกำ อยากมีแค่เลี้ยงอาหารคนในงาน นั่งพูดคุยกัน
จริงๆก็มีรายละเอียดหลายอย่างที่ยังคงเถียงกัน ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของเราที่ดูกดดันเรื่องให้เค้ามาขอ เช่น พูดออกมาว่าไม่อยากต้องโกหกแม่เวลาไปเที่ยวค้างคืนด้วยกันแล้ว (เราไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน) หรือการส่งรูปแหวนให้ดู ซึ่งมองว่ามันเป็นการเร่งรัดเค้ามากเกินไป
สรุปรวมๆคือเค้าเคยบอกเราค่ะ ว่าไม่อยากสูญเงินไปกับสิ่งที่มันดูเอาเงินไปละลายและไม่ได้อะไรกลับมา เช่นงานแต่งงาน ลึกๆใจเค้าคืออยากแค่จดทะเบียน นัดกินข้าวคนในครอบครัว แต่เรามีพี่สาวที่แต่งงานไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากคุยกับแม่ ถ้าคิดจะอยู่ด้วยกันก็ต้องแต่ง ต้องจัดงานให้เหมือนพี่สาวค่ะ
ตอนนี้เราสองคนยังไม่มีการสู่ขออย่างเป็นทางการ แค่คุยกันเรื่องแต่งงาน ก็ทะเลาะกันบ่อยขนาดนี้แล้ว
เราย้อนกลับไปคิดเลย ว่าหรือสุดท้ายมันจะไม่มีทางให้ไปต่อ...เราไม่ได้รีเควสงานใหญ่โตอะไรเลยนะคะ ส่วนทางแม่เราก็บอกเราแล้วว่าจะคืนสินสอดให้เหมือนพี่สาว ถ้าแม่รู้ว่าคืนสินสอดให้แล้วแต่ยังไม่อยากจะจัดงาน ก็คงไม่อยากให้เราแต่งต่ะ
ส่วนเค้าก็มองว่า เราอยากได้แบบนั้น แบบนี้ จะเอาแต่ใจตัวเอง เค้าเสนออะไรมาเราก็ไม่โอเค งั้นเราก็ไปจัดแจงเองแล้วกัน เพราะความต้องการของเรามันไม่มีที่สิ้นสุด
พอฟังแล้วมันก็ท้อค่ะ ได้แต่คิดว่า เราผิดใช่มั้ยที่เราจะอยากได้งานแต่งงานในขณะที่เค้าไม่อยากจัดงานเลย
เพื่อนๆคิดเห็นยังไง หรือคนที่แต่งงานไปแล้วรู้สึกยังไงบ้าง ลองมาเตือนสติเราได้นะคะ ถ้าคิดว่าความคิดเรามันไม่โอเค
ปล. ถ้ามีการจัดงานคือเรากับแฟนจะช่วยกันจ่ายเองค่ะ ไม่ได้ขอพ่อแม่
ทะเลาะกับแฟนเรื่องงานแต่งงาน หรือจริงๆอาจจะยังไม่ถึงเวลา?
ก็มีการคุยกันเรื่องอนาคต เรื่องแต่งงาน แต่ประเด็นคือมักจะทะเลาะกันเมื่อพูดถึงดีเทลในการจัดงานนี่แหละค่ะ
ขอ List เป็นข้อๆดังนี้
จำนวนแขกและสถานที่
แฟนอยากจะให้จัดเป็นงานเล็กๆไม่เกิน50คน เค้าจะเชิญญาติตัวแทนบ้านละ1คน
แต่ญาติเราก็50คนเข้าไปแล้ว ทำให้สถานที่ๆเราสองคนดูไว้ตั้งแต่แรกอาจจะจุคนไม่พอ ซึ่งแฟนก็เฟลๆค่ะ
แหวนหมั้น
แฟนเสนอว่าเป็นทองได้มั้ย เค้าไม่คิดว่าเแหวนพชรมันจะมีมูลค่าอะไร
ขายก็ไม่ได้ (แม้ว่าเราบอกไปแล้วค่ะว่าไม่มีใครเค้าขายแหวนหมั้น แหวนแต่งงานกัน)
แต่เราชอบส่งรูปแหวนเพชรให้เค้าดูค่ะ ทำให้เค้าบอกว่าเหมือนเราไม่เปิดใจรับในสิ่งที่เค้าเสนอเลย
ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง
เค้าเสนอว่าให้เพื่อนๆมาช่วยถ่าย แล้วก็เอาไปอัดที่ร้านแถวบ้านได้มั้ย
แต่เราคิดว่า ทำไมเราไม่จ้างช่างภาพไปเลย เค้าก็แต่งรูปให้เราจบเลยไม่งั้นก็ขอดูตัวอย่างภาพที่เพื่อนถ่ายหน่อย
เค้าก็บอกไม่มีหรอก และพูดออกมาว่าเรามองหาแต่ความเพอร์เฟค ความต้องการของตัวเอง ไม่สนใจในสิ่งที่แฟนเสนอ
พิธีต่างๆ
เค้าไม่เข้าใจว่าทำไมต้องแห่ขันหมาก ต้องเลี้ยงพระหรือทำไมต้องมีพิธีต่างๆ เค้าไม่อยาทกำ อยากมีแค่เลี้ยงอาหารคนในงาน นั่งพูดคุยกัน
จริงๆก็มีรายละเอียดหลายอย่างที่ยังคงเถียงกัน ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของเราที่ดูกดดันเรื่องให้เค้ามาขอ เช่น พูดออกมาว่าไม่อยากต้องโกหกแม่เวลาไปเที่ยวค้างคืนด้วยกันแล้ว (เราไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกัน) หรือการส่งรูปแหวนให้ดู ซึ่งมองว่ามันเป็นการเร่งรัดเค้ามากเกินไป
สรุปรวมๆคือเค้าเคยบอกเราค่ะ ว่าไม่อยากสูญเงินไปกับสิ่งที่มันดูเอาเงินไปละลายและไม่ได้อะไรกลับมา เช่นงานแต่งงาน ลึกๆใจเค้าคืออยากแค่จดทะเบียน นัดกินข้าวคนในครอบครัว แต่เรามีพี่สาวที่แต่งงานไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากคุยกับแม่ ถ้าคิดจะอยู่ด้วยกันก็ต้องแต่ง ต้องจัดงานให้เหมือนพี่สาวค่ะ
ตอนนี้เราสองคนยังไม่มีการสู่ขออย่างเป็นทางการ แค่คุยกันเรื่องแต่งงาน ก็ทะเลาะกันบ่อยขนาดนี้แล้ว
เราย้อนกลับไปคิดเลย ว่าหรือสุดท้ายมันจะไม่มีทางให้ไปต่อ...เราไม่ได้รีเควสงานใหญ่โตอะไรเลยนะคะ ส่วนทางแม่เราก็บอกเราแล้วว่าจะคืนสินสอดให้เหมือนพี่สาว ถ้าแม่รู้ว่าคืนสินสอดให้แล้วแต่ยังไม่อยากจะจัดงาน ก็คงไม่อยากให้เราแต่งต่ะ
ส่วนเค้าก็มองว่า เราอยากได้แบบนั้น แบบนี้ จะเอาแต่ใจตัวเอง เค้าเสนออะไรมาเราก็ไม่โอเค งั้นเราก็ไปจัดแจงเองแล้วกัน เพราะความต้องการของเรามันไม่มีที่สิ้นสุด
พอฟังแล้วมันก็ท้อค่ะ ได้แต่คิดว่า เราผิดใช่มั้ยที่เราจะอยากได้งานแต่งงานในขณะที่เค้าไม่อยากจัดงานเลย
เพื่อนๆคิดเห็นยังไง หรือคนที่แต่งงานไปแล้วรู้สึกยังไงบ้าง ลองมาเตือนสติเราได้นะคะ ถ้าคิดว่าความคิดเรามันไม่โอเค
ปล. ถ้ามีการจัดงานคือเรากับแฟนจะช่วยกันจ่ายเองค่ะ ไม่ได้ขอพ่อแม่