ประสบการณ์มองโลกจากมุมสูงของผมนั้นถือว่าจำกัดมาก
• ขึ้นเครื่องบินไม่กี่ครั้ง แถมเพิ่งเคยขึ้นตอนแก่ละ
• มีโดรนก็บินน้อยมาก อีกทั้งมันให้ความรู้สึกเหมือนแค่ดูวีดีโอเฉย ๆ
และผมก็คิดว่า ประสบการณ์สัมผัสท้องฟ้าของผม มันคงมีแค่นั้นแหละ แต่แล้ววันหนึ่งก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งดังติดต่อมาให้ผมไปถ่ายงาน และเป็นการถ่ายงานโดยขึ้น Paramotor ด้วย
ภาพนี้เป็นภาพเปิดที่ผมรู้สึกว่ามันให้เนื้อหาครบถ้วนดี เพราะ ท้องฟ้าสีฟ้าด้านบน / เมฆอยู่กับเรา / เราอยู่เหนือเมฆนิดหน่อย เข้าไปในเมฆนิดหน่อย / ด้านล่างเป็นภาพเมือง / คนนั่งหันมามองกล้องซึ่งแน่นอนผมไม่ได้ขยายภาพดูหรอกว่าเขายิ้มอยู่ไหม แต่ภาพนี้มันเหมือนบอกว่าเขายิ้มอยู่นะ
ขอแบ่งประสบการณ์เป็น 2 ฐานะคือ คนทั่วไป และในฐานะช่างภาพ
ประสบการณ์แบบคนทั่วไป
• ผมรู้สึกเหมือนได้บินจริง ๆ ผมตีความรู้สึกนี้ว่า มันคล้ายกับอารมณ์การขี่มอเตอร์ไซค์เลยครับ คือ มันได้สัมผัสลม แรงสั่นสะเทือน เสียง การรบกวน สิ่งแวดล้อม อื่น ๆ ทั้งหมดอย่างใกล้ชิด และรู้สึกว่า สิ่งเหล่านี้อยู่รอบตัวเรา
• เป็นประสบการณ์แปลกที่พอคิดดี ๆ ก็เข้าใจได้ ว่ามันควรเป็นแบบนี้ แต่ตอนอยู่บนนั้นจริง ๆ มันรู้สึกดีมาก และผมก็พบว่าลูกค้าผมทุกคนดูเป็นแบบนั้นเหมือนกัน ทุกคนยิ้มไม่หุบ ทุกคนดูอิ่มประสบการณ์ดี แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ
• ถามว่าถ้าให้ผมขึ้นไปบินบ่อย ๆ จะไปไหม ตอบว่า ถ้าคนอื่นขับ ผมแค่ซ้อน ผมไม่ได้อยากขึ้นบ่อย ปีนึงขึ้นซักไม่กี่ครั้งก็พอ หรือไม่ขึ้นก็ได้ แต่ถ้าให้ผมขับเอง ผมอยากขึ้นบ่อย ๆ ซักสัปดาห์ละครั้ง
การรอขึ้นบินของคุณลูกค้าเพราะฝนตกอยู่
• น่ากลัวไหม ตอบว่าไม่น่ากลัวนะครับ รู้สึกดีมาก จริง ๆ ผมเป็นคนกลัวความสูงนะ ยิ่งตอนเด็ก ๆ นี่กลัวมาก ตอนนี้ก็กลัว แต่แปลว่าอยู่บน paramotor ผมไม่ได้กลัวความสูงเลยแม้แต่น้อย
• แม้ว่าจะเจอแดด แต่บอกตรง ๆ ว่าไม่ร้อนครับ มีลมตลอด แล้วเราก็อยู่สูงนะ แต่ถ้าจะให้บินตอนกลางวัน ผมว่าน่าจะร้อน
• รอบแรกที่ขึ้นบิน มีฝนตก ทำให้ต้องรออยู่พักใหญ่ แต่พอฝนซาไปมากแล้ว ก็ขึ้นบินพร้อมฝนปอย ๆ ก็รู้สึกแปลกดีครับ ฝนตกไม่หนัก ฝนตีหน้าไม่ได้รู้สึกเจ็บเหมือนตอนขี่มอเตอร์ไซค์แฮะ หรือว่าเพราะฝนมันปอยมากแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน
ความได้เปรียบอย่างหนึ่งของการขึ้นที่สูง และฝนยังพอจะมีปอย ๆ อยู่บ้าง หรือมีฝนตกอยู่ไม่ไกลออกไปนัก คือ ถ้าคุณหันหน้าทำมุมดี ๆ ผมเชื่อว่าคุณจะต้องเห็นรุ้งแน่ ๆ
ประสบการณ์ในการถ่ายภาพ
• ตอนรับงานผมรู้สึกดีใจ แต่ไม่กังวลอะไรเลย ผมค่อนข้างเป็นคนมั่นใจพอสมควรสำหรับงานภาพนิ่งว่าตนเองนั้นเอาอยู่ในงานส่วนใหญ่ เพราะผมก็ผ่านประสบการณ์ถ่ายงานลักษณะแปลก ๆ โหด ๆ มามาก หลากหลาย และก็บริหารจัดการได้แม้จะต้องทำมันคนเดียว
• การโฟกัสไม่ง่ายนัก ผมรู้สึกว่ากล้อง auto focus วืดวาดบ่อยขึ้นกว่าปกติ คาดว่าอาจจะเป็นเพราะช่วงเช้า มันมีละอองน้ำ ไอหมอก เมฆ ที่มารบกวนการ focus หรือเปล่า ทำให้มันต้องใช้ความพยายามมากขึ้น แต่ก็ ok ครับ ไม่ได้ถึงกับลำบากอะไรมาก เพราะส่วนใหญ่ผมจะเตรียมพร้อมก่อนจะถึงเฟรมภาพ องค์ประกอบที่ต้องการอยู่แล้ว ทำให้เมื่อถึงจังหวะก็กดถ่ายก่อนเพื่อทดสอบ แล้วรีบแก้ไขถ้ามีปัญหา
• เป็นการถ่ายครั้งแรก ตอนแรกคุยกับคนขับ เหมือนเขาอยากได้ระยะในช่วงเลนส์ 24-70 mm. แต่ผมคิดว่า ควรใช้ 70-200 mm. น่าจะให้ภาพที่น่าประทับใจมากกว่า อีกทั้งคิดว่าส่วนใหญ่อาจจะใช้ 24-70 mm. กัน เพราะฉะนั้น ถ้าเราถ่าย 70-200 mm. จะได้มิติภาพที่น่าสนใจ และแปลกใหม่ ซึ่งก็ถือว่า ok นะครับ
แสงอ่อน ๆ ของท้องฟ้ายามเช้า เมฆหมอกของช่วงปลายฝนต้นหนาว ความสดชื่นของสีเขียว สีฟ้ารอบ ๆ ตัว
• บิน 3 ครั้ง (ลูกค้ามี 3 กลุ่ม) ตอนลงมาก็ไม่อะไรครับ รู้สึกปกติดี แต่ตกเย็น มีอาการเมื่อยต้นแขนนิดหน่อย เหมือนไปออกกำลังกายหนัก แล้วกล้ามเนื้อล้า คงเพราะต้องสู้กับแรงลม แล้วผมก็เอี้ยวตัวเพื่อถ่ายภาพเยอะอยู่ครับ
• รู้สึกหวิว ๆ นิดหน่อย ตอนเราเอี้ยวตัวเยอะ แล้วเครื่องของเราต้องบินเลี้ยววงแคบมากกว่าปกติ (ลูกค้าคงไม่ได้มีประสบการณ์การบินแบบนี้ แต่สำหรับผม คนขับต้องรีบทำมุม ทำเวลา เพื่อให้ผมถ่ายภาพได้) พอโค้งหนัก ๆ เอียงตัวเยอะ ๆ แล้วยิ่งตอนเราเอี้ยวตัวอยู่ ก็แอบมีหวิว ๆ 555 แต่รู้สึกว่าปลอดภัยนะครับ มันไม่ได้เหมือนว่าเรากระเด้งกระดอนอะไร
• ไม่รู้ว่าแบตเสื่อมไหม (แต่มันก็ดูเหมือนไม่เสื่อม) เพราะถ่ายภาพไปไม่เยอะมากนัก แบตจาก 40% มันก็หมดเลย อาจจะเพราะอากาศเย็นด้วย เราถ่ายตอนเช้า แถมเริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว เชียงใหม่ บนที่สูงย่อมเย็น และทำให้แบตมันคลายประจุเยอะ
สถานที่ขึ้นบินอยู่ที่อำเภอดอยสะเก็ด เชียงใหม่ ข้อดีของพื้นที่ตรงนี้คือ มีภูเขาไม่ไกล มีป่า มีชุมชนเล็ก มีทุ่งนา และมองเห็นเมืองใหญ่อย่างตัวเมืองเชียงใหม่ และดอยสุเทพอย่างเด่นชัด ผมว่าค่อนข้างครบเครื่องเลยครับ
• รอบแรกผมเอาเลนส์ขึ้นไปเตรียมเปลี่ยน (เลนส์ใส่กระเป๋าสะพายไป) แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยน และคิดว่าลมมันก็แรง มีความเสี่ยงที่จะปลิวหล่น แต่เอาจริง ๆ ลมไม่ได้แรงขนาดนั้ะ ถ้าจะเปลี่ยนเลนส์จริง ๆ ก็เปลี่ยนได้แน่ ๆ ครับ แต่คิดว่า ใช้เลนส์ตัวเดียวดีกว่าครับ
• ตอนแรกคิดไว้ว่า เออ ถ้ามีโอกาสเสนองานถ่ายวีดีโอให้ลูกค้าที่ขึ้นบินได้ก็ดี แต่พอบินถ่ายภาพนิ่งแล้ว รู้สึกว่า การถ่ายวีดีโอเป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลย และมันต้องใช้เวลา ทำให้ภาพนิ่งอาจจะได้ไม่เยอะ และคิดว่า เพื่อให้งานดูมีหลายมิติมากขึ้น อาจจะมีการสัมภาษณ์ตอนอยู่บนดินด้วย ซึ่งทำให้กินเวลาอีก คงไม่ง่ายอย่างที่คิด
ถ้าไม่ใช้เลนส์ระยะ 70-200 อาจจะได้ภาพนี้ในลักษณะที่ต่างออกไปอยู่บ้าง ภาพนี้ถ่ายที่ระยะ 135 mm. ถอยห่างออกไปพอสมควร แต่มิติภาพก็จะดึงฉากหลังที่เป็นตัวเมืองให้ใกล้เข้ามาหน่อยนึง ทำให้รู้สึกเนื้อหาที่จะสื่อคือการบินเหนือตัวเมือง
ท่านไหนสนใจจ้างผมถ่ายภาพนิ่ง ถ่ายวีดีโอ จะแนวสารคดี MV ท่องเที่ยว งานองค์กร หรืออื่น ๆ ก็ติดต่อได้นะครับ ลองชมผลงานผมได้จากลิงก์ต่าง ๆ ในช่อง spoil นะครับ ^ ^
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ตัวอย่างผลงานวีดีโอบางส่วนครับ https://www.youtube.com/channel/UCiSRxhr1NlVkqY8q0YtYN5A
เพจ ภาพฝัน https://www.facebook.com/dreamimageclub
เพจ บันทึกช่างภาพ https://www.facebook.com/PhotoDiaryClub
ภาพนี้เห็นเหมือนมิติขนาดตัวเราเทียบกับผืนดินด้านล่างได้ชัดเจนดี แต่ตัว paramotor ก็ไม่ดูเล็กจนเกินไป
รอยยิ้มที่ยิ้มไม่หุบของลูกค้า
แม้จะขึ้นพร้อมฝนปอย ๆ แต่ก็รู้สึกว่า ดีใจที่ได้ขึ้นพร้อมที่ยังมีฝนปอย ๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่แน่ใจว่าจะได้ภาพที่มีรุ้งปรากฎแบบนี้ไหม
ขึ้นบินเพียงไม่กี่นาที เราก็บินเหนือพื้นที่สีเขียว ภูเขา และป่าต่าง ๆ อยู่เบื้องล่างแล้ว
นี่เป็นภาพตอนผมกำลังจะล่อนลง
คุณลูกค้ายังรู้สึกดีแม้ตอนเครื่องลงจอดเกือบจะสนิทแล้ว ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นนะ
คุณขึ้นบินแล้วสัมผัสได้ถึงลมที่พัดผ่านหน้า คุณจะทำท่าอย่างไรหรอ
ลูกค้าส่วนใหญ่จะมาเป็นคู่ แต่ก็มีการบินรอบที่ 3 ที่ผมขึ้นไปถ่ายลูกค้าที่บินคนเดียว
เลนส์ระยะ 70-200 mm. ทำให้ดูทั้ง 2 คนที่บินพร้อมกันดูเหมือนอยู่ใกล้กันมากขึ้นอีกนิด
แค่เมฆเปล่า ๆ ก็ให้ความรู้สึกที่ดีได้แล้ว แม้จะไม่เห็นวิวอะไรก็ตาม
ให้อนุมานไปเองว่า เรากำลังขี่มอเตอร์ไซค์ไปบนภูเขาก้อนเมฆด้วยความเร็วสูง และไม่มีอะไรจะมาขวางเราได้
ความตื่นเต้นเมื่อเริ่มนิ่ง แต่ก็ไม่นอนก้นสนิท เราจะเริ่มรู้สึกดีอีกรูปแบบหนึ่ง เราจะมองรอบ ๆ มากขึ้น
จริง ๆ บินขึ้นไปสูงพอสมควร แต่เลนส์ระยะนี้ทำให้ฉากหลังดึงเข้ามา ทำให้ทุกอย่างอยู่ในภาพเดียวกันแบบตัวใหญ่ซักหน่อยได้
ปกติพวกแกมักจะบินข้ามหัวฉัน วันนี้ฉันบินข้ามหัวพวกแกบ้างนะ ผลัดกัน
กำลังไปนะ ไปไหนหรอ ไม่รู้ซิ แล้วแต่สายลมจะพาไป (จริง ๆ คนขับบอกว่า แล้วแต่ผมจะพาไปมากกว่าครับ)
ถ้ามีโอกาสซักครั้ง จะไม่บินเข้าไปในเมฆจนมองไม่เห็นอะไรแบบนี้จริง ๆ หรอ ไม่ซิ เราต้องเข้าไปแบบนี้แหละ ถูกต้องแล้ว
เราพ้นเมฆออกมาแล้วก็พบความสดใส
อิสระที่อยู่บนฟ้า แม้ไม่นานแต่ก็รู้สึกว่าเหมือนได้ ได้เติมความรู้สึกที่พิเศษให้กับชีวิต
ขึ้นไปถ่ายภาพบน Paramotor กับความรู้สึกคล้ายนกมากที่สุดในชีวิต
• ขึ้นเครื่องบินไม่กี่ครั้ง แถมเพิ่งเคยขึ้นตอนแก่ละ
• มีโดรนก็บินน้อยมาก อีกทั้งมันให้ความรู้สึกเหมือนแค่ดูวีดีโอเฉย ๆ
และผมก็คิดว่า ประสบการณ์สัมผัสท้องฟ้าของผม มันคงมีแค่นั้นแหละ แต่แล้ววันหนึ่งก็มีโทรศัพท์สายหนึ่งดังติดต่อมาให้ผมไปถ่ายงาน และเป็นการถ่ายงานโดยขึ้น Paramotor ด้วย
ขอแบ่งประสบการณ์เป็น 2 ฐานะคือ คนทั่วไป และในฐานะช่างภาพ
ประสบการณ์แบบคนทั่วไป
• ผมรู้สึกเหมือนได้บินจริง ๆ ผมตีความรู้สึกนี้ว่า มันคล้ายกับอารมณ์การขี่มอเตอร์ไซค์เลยครับ คือ มันได้สัมผัสลม แรงสั่นสะเทือน เสียง การรบกวน สิ่งแวดล้อม อื่น ๆ ทั้งหมดอย่างใกล้ชิด และรู้สึกว่า สิ่งเหล่านี้อยู่รอบตัวเรา
• เป็นประสบการณ์แปลกที่พอคิดดี ๆ ก็เข้าใจได้ ว่ามันควรเป็นแบบนี้ แต่ตอนอยู่บนนั้นจริง ๆ มันรู้สึกดีมาก และผมก็พบว่าลูกค้าผมทุกคนดูเป็นแบบนั้นเหมือนกัน ทุกคนยิ้มไม่หุบ ทุกคนดูอิ่มประสบการณ์ดี แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ
• ถามว่าถ้าให้ผมขึ้นไปบินบ่อย ๆ จะไปไหม ตอบว่า ถ้าคนอื่นขับ ผมแค่ซ้อน ผมไม่ได้อยากขึ้นบ่อย ปีนึงขึ้นซักไม่กี่ครั้งก็พอ หรือไม่ขึ้นก็ได้ แต่ถ้าให้ผมขับเอง ผมอยากขึ้นบ่อย ๆ ซักสัปดาห์ละครั้ง
• แม้ว่าจะเจอแดด แต่บอกตรง ๆ ว่าไม่ร้อนครับ มีลมตลอด แล้วเราก็อยู่สูงนะ แต่ถ้าจะให้บินตอนกลางวัน ผมว่าน่าจะร้อน
• รอบแรกที่ขึ้นบิน มีฝนตก ทำให้ต้องรออยู่พักใหญ่ แต่พอฝนซาไปมากแล้ว ก็ขึ้นบินพร้อมฝนปอย ๆ ก็รู้สึกแปลกดีครับ ฝนตกไม่หนัก ฝนตีหน้าไม่ได้รู้สึกเจ็บเหมือนตอนขี่มอเตอร์ไซค์แฮะ หรือว่าเพราะฝนมันปอยมากแล้วก็ไม่รู้เหมือนกัน
• ตอนรับงานผมรู้สึกดีใจ แต่ไม่กังวลอะไรเลย ผมค่อนข้างเป็นคนมั่นใจพอสมควรสำหรับงานภาพนิ่งว่าตนเองนั้นเอาอยู่ในงานส่วนใหญ่ เพราะผมก็ผ่านประสบการณ์ถ่ายงานลักษณะแปลก ๆ โหด ๆ มามาก หลากหลาย และก็บริหารจัดการได้แม้จะต้องทำมันคนเดียว
• การโฟกัสไม่ง่ายนัก ผมรู้สึกว่ากล้อง auto focus วืดวาดบ่อยขึ้นกว่าปกติ คาดว่าอาจจะเป็นเพราะช่วงเช้า มันมีละอองน้ำ ไอหมอก เมฆ ที่มารบกวนการ focus หรือเปล่า ทำให้มันต้องใช้ความพยายามมากขึ้น แต่ก็ ok ครับ ไม่ได้ถึงกับลำบากอะไรมาก เพราะส่วนใหญ่ผมจะเตรียมพร้อมก่อนจะถึงเฟรมภาพ องค์ประกอบที่ต้องการอยู่แล้ว ทำให้เมื่อถึงจังหวะก็กดถ่ายก่อนเพื่อทดสอบ แล้วรีบแก้ไขถ้ามีปัญหา
• เป็นการถ่ายครั้งแรก ตอนแรกคุยกับคนขับ เหมือนเขาอยากได้ระยะในช่วงเลนส์ 24-70 mm. แต่ผมคิดว่า ควรใช้ 70-200 mm. น่าจะให้ภาพที่น่าประทับใจมากกว่า อีกทั้งคิดว่าส่วนใหญ่อาจจะใช้ 24-70 mm. กัน เพราะฉะนั้น ถ้าเราถ่าย 70-200 mm. จะได้มิติภาพที่น่าสนใจ และแปลกใหม่ ซึ่งก็ถือว่า ok นะครับ
• รู้สึกหวิว ๆ นิดหน่อย ตอนเราเอี้ยวตัวเยอะ แล้วเครื่องของเราต้องบินเลี้ยววงแคบมากกว่าปกติ (ลูกค้าคงไม่ได้มีประสบการณ์การบินแบบนี้ แต่สำหรับผม คนขับต้องรีบทำมุม ทำเวลา เพื่อให้ผมถ่ายภาพได้) พอโค้งหนัก ๆ เอียงตัวเยอะ ๆ แล้วยิ่งตอนเราเอี้ยวตัวอยู่ ก็แอบมีหวิว ๆ 555 แต่รู้สึกว่าปลอดภัยนะครับ มันไม่ได้เหมือนว่าเรากระเด้งกระดอนอะไร
• ไม่รู้ว่าแบตเสื่อมไหม (แต่มันก็ดูเหมือนไม่เสื่อม) เพราะถ่ายภาพไปไม่เยอะมากนัก แบตจาก 40% มันก็หมดเลย อาจจะเพราะอากาศเย็นด้วย เราถ่ายตอนเช้า แถมเริ่มเข้าหน้าหนาวแล้ว เชียงใหม่ บนที่สูงย่อมเย็น และทำให้แบตมันคลายประจุเยอะ
• ตอนแรกคิดไว้ว่า เออ ถ้ามีโอกาสเสนองานถ่ายวีดีโอให้ลูกค้าที่ขึ้นบินได้ก็ดี แต่พอบินถ่ายภาพนิ่งแล้ว รู้สึกว่า การถ่ายวีดีโอเป็นอะไรที่ไม่ง่ายเลย และมันต้องใช้เวลา ทำให้ภาพนิ่งอาจจะได้ไม่เยอะ และคิดว่า เพื่อให้งานดูมีหลายมิติมากขึ้น อาจจะมีการสัมภาษณ์ตอนอยู่บนดินด้วย ซึ่งทำให้กินเวลาอีก คงไม่ง่ายอย่างที่คิด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้