เรื่องมันเริ่มจากผมนั้นเป็นคนนึงที่ไม่ชอบเวลามีคนด่าว่าโง่ ควาย ปัญญาอ่อน ไม่ชอบจริงๆ ยิ่งถ้าเป็นเพื่อน คนสนิท ยิ่งทำให้ผมยิ่งไม่ชอบและครั้งนี้เป็นแม่ของผมเองที่กลับด่าผมในเรื่องที่มันไม่สมเหตุผลเลยถึงขั้นต้องด่าคำว่า ปัญญาอ่อน กับผมเพียงแค่ผมถามหาของอะไรบางอย่างที่เค้าเอาไปเก็บไว้ไม่เจอเค้าก็กลับด่าผมต่างๆ นานาและรวมถึงคำนี้ที่ทำให้ผมสะดุดใจเป็นอย่างมาก ผมโกรธและโมโหทันทีและตะโกนสวนกลับไปอย่างหยาบคายทั้งที่ปกติผมจะไม่พูดคำหยาบกับแม่ของผมแต่ตอนนั้นผมได้ตะโกนไปว่า "พูดไรวะ" ผมผลักประตูออกมาและเดินมาหาแม่ของผมแล้วถามว่า ถามดีดีไมพูดแบบนี้ ไมต้องด่าปัญญาอ่อน ด้วยเสียงที่ตะคอก แต่แม่ผมกลับขำและพูดกับผมอีกว่า บ้าไปแล้ว มันยิ่งทำให้ผมโมโหกว่าเดิมผมตบขนมปังในชามที่แม่เขาเตรียมจะกิน เขาก็ตะโกนมาว่า เก็บเลยนะ ผมก็ตะโกนไปว่าไม่เก็บ แม่ก็บอกว่าเดวกุจะถ่ายส่งไปให้พ่อดู หลังจากนั้นผมกลับไปที่ห้องไม่กี้นั่งลงเก็บของจากช่องที่ผมกำลังค้นหาของไม่กี้ และผมก็เลือกกลับไปเก็บพวกเศษขนมปังที่แตกที่ผมตบกระเด็นไป แม่ของผมก็ดูทีวีไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนผมก็ขึ้นไปบนห้องของผม ร้องไห้สมเพชตัวเอง และผมก็เลือกที่จะเก็บของทุกอย่างของผมและไปอยู่ที่บ้านเก่าคนเดียวแต่หลังจากที่ผมเพิ่งถึงที่บ้านเก่าและเก็บกวาดบ้านไปส่วนหนึ่งจนถึงค่ำ (เนื่องจากบ้านนี้ไม่ได้กลับมานานแล้ว ประกอบกับของต่างๆ เป็นกองภูเขาของแม่ผมที่วางตากแดดตากลมไว้ ถุงพลาสติกมันเลยแตกเป็นผงๆ ฝุ่นก็ขึ้น ขี้นกก็เต็มระเบียง) ผมออกจากบ้านมาตั้งแต่ 11 โมงจนถึงบ้านเก่าอยู่ที่นั้นจน 5 ทุ่มพ่อผมก็โทรมาหาผมบอกว่าให้ผมกลับไป เช้ามาก็บอกว่าแม่ของผมนั้นเขาเครียดนอนไม่หลับ ผมตอบพ่อผมไปว่า ผมอยากอยู่คนเดียวสักพัก ผมเครียดงาน
ผมไม่อยากทะเลาะกับแม่อีก พ่อผมก็แนะนำให้ไปอยู่บ้านญาติแต่ผมก็ไม่อยากเพราะไม่ได้ไปสนิทกับเขา ประกอบกับผมคิดว่าถ้าผมมาอยู่คนเดียวที่นี้น่าจะ
ทำให้ผมโฟกัสกับงานได้มากกว่า เพราะเวลาผมอยู่บ้านนั้น ไม่เรื่องทะเลาะกับแม่ผม ก็เป็นเสียงดังๆ ของแม่ผมที่มักจะเข้าประชุมศาสนาของเขา
ต้นเหตุที่ทำให้ผมโมโหมองว่าหลักๆ เป็นเพราะสติและอารมณ์ของผมตอนนั้น ก่อนหน้านั้นผมตื่นมาและเจอปัญหากับเรื่องงานของผมกับเพื่อนๆ ช่วงนั้นผมทำงานดึกมากทำงานเกือบทั้งวันทั้งคืน ผมกำลังรู้สึกท้อแท่กับสิ่งที่ผมเจอว่าทำไมมันต้องมีปัญหาแบบนี้กับผมทุกที
ความสัมพันธ์ของผมกับแม่ปกติผมก็ไม่ค่อยลงลอยอยู่แล้ว ไม่ค่อยจะได้พูดคุยกันดีดีสักครั้ง โดนบ่นเป็นส่วนใหญ่ ส่วนผมก็มักจะเงียบไม่ตอบและก็หนีไปอยู่ที่อืนหรือออกไปเดินข้างนอกบ้านแต่ยังอยู่ใกล้ๆ บ้าน ผมนั้นไม่ชอบแม่ของผมที่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นหรือคุยกับคนอื่นเขาไม่พูดคำหยาบ หรือใช้เสียงดังๆ เลยเวลาคุยแต่กลับมาทำกับผม ผมนั้นเป็นคนมั่นใจกับเรื่องความสามารถ สติปัญญาของผมดีว่าผมไม่ปัญญาอ่อนแน่นอน ผมเรียนรู้เรื่องยากๆ ได้ทำงานยากๆ ได้ แต่ก็เขาก็มักจะพูดกลับผมว่า ทำแบบนี้ไปใครเขาจะไปรับทำงาน ทำงานแบบนี้ได้โดนไล่ออก หางานไม่ได้ ทำงานไม่เป็น ทั้งที่ปัจจุบันผมก็ทำอยู่ในขณะที่ผมเรียนไปด้วย และไม่ใช่งานได้เงินน้อยๆ และสิ่งที่ทำให้เค้าด่าผมมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการทำงานของผมเลย มันทำให้ผมยิ่งมองแม่ของผมในแง่ลบว่าไม่ใช่คนที่ผมสนิทใจ และไม่ชอบ และหลายๆ เรื่องที่ผมเจอกับแม่ของผมก็ยิ่งทำให้ผมไม่ชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้ว่ามันแย่ที่จะเกลียดแม่ของตัวเองแต่ผมในตอนนี้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ สำหรับผมเขากลายเป็นคนหลอกลวง พูดจาไม่ดี ชอบด่าทอผม
หลังจากที่พ่อของผมมาบอกผมว่าแม่ผมเครียดนอนไม่หลับตอน 5 ทุ่มผมก็อยากจะสงสารแต่ในหัวผมมันคิดว่า ทั้งตอนที่ผมทะเลาะกับเขา ตอนที่ผมเดินออกจากบ้านไป เขาก็ไม่เห็นจะมีท่าทีอะไรก็เห็นดูทีวีขำหัวเราะเสียงดัง จนผมไปถึงบ้านเก่า เกือบจนดึกก็ไม่ได้ทักอะไรผมมา จนถึงตอน 5 ทุ่มที่พ่อโทรมาหาผมและวันถัดมาก็บอกผมให้กลับมาดูแม่หน่อยไหมเค้าเครียด ซึ่งสำหรับผมแล้วมันไม่สมเหตุสมผลเลยแล้วจะให้ผมกลับแล้วไปทำให้เกิดเรื่องทะเลาะกับเขาอีกหรอ ให้เขาบ่นอีกหรอ ในใจลึกๆ ผมก็ไม่อยากกลับ เพราะพอผมกลับไปทุกอย่างมันก็คงเหมือนเดิม ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของผมกับแม่ของผมนั้นมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน ทั้งที่ตอนที่ผมยังเด็กทุกอย่างมันไม่ได้เป็นแบบนี้ และผมกับเขาก็ไม่ได้ทะเลาะกัน คำหยาบคายเขาก็ไม่พูดกับผมในตอนนั้น ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ ส่วนนึงผมก็คิดว่าปัญหามันคงอยู่ที่ตัวผมและผมก็คิดว่าถ้าผมอยู่คนเดียวปัญหาก็คงจบ แต่ผมก็ไม่รู้จะบอกยังไงกับพ่อของผม
ผมรู้สึกอึดอัดกับแม่ของผม และรู้สึกแย่กับตัวเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง
ผมไม่อยากทะเลาะกับแม่อีก พ่อผมก็แนะนำให้ไปอยู่บ้านญาติแต่ผมก็ไม่อยากเพราะไม่ได้ไปสนิทกับเขา ประกอบกับผมคิดว่าถ้าผมมาอยู่คนเดียวที่นี้น่าจะ
ทำให้ผมโฟกัสกับงานได้มากกว่า เพราะเวลาผมอยู่บ้านนั้น ไม่เรื่องทะเลาะกับแม่ผม ก็เป็นเสียงดังๆ ของแม่ผมที่มักจะเข้าประชุมศาสนาของเขา
ต้นเหตุที่ทำให้ผมโมโหมองว่าหลักๆ เป็นเพราะสติและอารมณ์ของผมตอนนั้น ก่อนหน้านั้นผมตื่นมาและเจอปัญหากับเรื่องงานของผมกับเพื่อนๆ ช่วงนั้นผมทำงานดึกมากทำงานเกือบทั้งวันทั้งคืน ผมกำลังรู้สึกท้อแท่กับสิ่งที่ผมเจอว่าทำไมมันต้องมีปัญหาแบบนี้กับผมทุกที
ความสัมพันธ์ของผมกับแม่ปกติผมก็ไม่ค่อยลงลอยอยู่แล้ว ไม่ค่อยจะได้พูดคุยกันดีดีสักครั้ง โดนบ่นเป็นส่วนใหญ่ ส่วนผมก็มักจะเงียบไม่ตอบและก็หนีไปอยู่ที่อืนหรือออกไปเดินข้างนอกบ้านแต่ยังอยู่ใกล้ๆ บ้าน ผมนั้นไม่ชอบแม่ของผมที่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นหรือคุยกับคนอื่นเขาไม่พูดคำหยาบ หรือใช้เสียงดังๆ เลยเวลาคุยแต่กลับมาทำกับผม ผมนั้นเป็นคนมั่นใจกับเรื่องความสามารถ สติปัญญาของผมดีว่าผมไม่ปัญญาอ่อนแน่นอน ผมเรียนรู้เรื่องยากๆ ได้ทำงานยากๆ ได้ แต่ก็เขาก็มักจะพูดกลับผมว่า ทำแบบนี้ไปใครเขาจะไปรับทำงาน ทำงานแบบนี้ได้โดนไล่ออก หางานไม่ได้ ทำงานไม่เป็น ทั้งที่ปัจจุบันผมก็ทำอยู่ในขณะที่ผมเรียนไปด้วย และไม่ใช่งานได้เงินน้อยๆ และสิ่งที่ทำให้เค้าด่าผมมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการทำงานของผมเลย มันทำให้ผมยิ่งมองแม่ของผมในแง่ลบว่าไม่ใช่คนที่ผมสนิทใจ และไม่ชอบ และหลายๆ เรื่องที่ผมเจอกับแม่ของผมก็ยิ่งทำให้ผมไม่ชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้ว่ามันแย่ที่จะเกลียดแม่ของตัวเองแต่ผมในตอนนี้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ สำหรับผมเขากลายเป็นคนหลอกลวง พูดจาไม่ดี ชอบด่าทอผม
หลังจากที่พ่อของผมมาบอกผมว่าแม่ผมเครียดนอนไม่หลับตอน 5 ทุ่มผมก็อยากจะสงสารแต่ในหัวผมมันคิดว่า ทั้งตอนที่ผมทะเลาะกับเขา ตอนที่ผมเดินออกจากบ้านไป เขาก็ไม่เห็นจะมีท่าทีอะไรก็เห็นดูทีวีขำหัวเราะเสียงดัง จนผมไปถึงบ้านเก่า เกือบจนดึกก็ไม่ได้ทักอะไรผมมา จนถึงตอน 5 ทุ่มที่พ่อโทรมาหาผมและวันถัดมาก็บอกผมให้กลับมาดูแม่หน่อยไหมเค้าเครียด ซึ่งสำหรับผมแล้วมันไม่สมเหตุสมผลเลยแล้วจะให้ผมกลับแล้วไปทำให้เกิดเรื่องทะเลาะกับเขาอีกหรอ ให้เขาบ่นอีกหรอ ในใจลึกๆ ผมก็ไม่อยากกลับ เพราะพอผมกลับไปทุกอย่างมันก็คงเหมือนเดิม ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของผมกับแม่ของผมนั้นมันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหน ทั้งที่ตอนที่ผมยังเด็กทุกอย่างมันไม่ได้เป็นแบบนี้ และผมกับเขาก็ไม่ได้ทะเลาะกัน คำหยาบคายเขาก็ไม่พูดกับผมในตอนนั้น ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ ส่วนนึงผมก็คิดว่าปัญหามันคงอยู่ที่ตัวผมและผมก็คิดว่าถ้าผมอยู่คนเดียวปัญหาก็คงจบ แต่ผมก็ไม่รู้จะบอกยังไงกับพ่อของผม