JJNY : 4in1 เทียบ“โมลนูฯ”VS“แพกซ์โลวิด”│ฉีดซิโนแวค ชักตกบันไดสิ้นใจ│‘เดอะสตรีทรัชดา’ไร้เงาต่างชาติ│UNชี้เมียนมาเข้าข่าย

เทียบชัด! ประสิทธิภาพยา“โมลนูพิราเวียร์” VS “แพกซ์โลวิด”ของไฟเซอร์
https://www.tnnthailand.com/news/covid19/95802/
 
เปรียบเทียบกันชัดๆ ประสิทธิภาพยา“โมลนูพิราเวียร์” VS “แพกซ์โลวิด”ของไฟเซอร์ 2 ความหวังของโลกจุดเปลี่ยนเกมโควิด-19
 
บริษัทไฟเซอร์ เปิดเผย ผลการทดสอบประสิทธิภาพยาเม็ดแบบรับประทานที่มีชื่อว่า“แพกซ์โลวิด”(Paxlovid) เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 โดยสามารถลดอัตราการป่วยหนักหรือเสียชีวิตได้ร้อยละ 89 “แพกซ์โลวิด” เป็นยาต้านไวรัสชนิดเม็ดที่ถูกออกแบบมาให้ยับยั้งเอนไซม์โปรตีเอส (protease)  ซึ่งเชื้อไวรัสต้องใช้ในการเพิ่มจำนวน และเมื่อใช้ร่วมกับยาต้านไวรัสชนิดเม็ดที่เรียกว่า “ริโทนาเวียร์” (ritonavir) ในโดสที่ต่ำ จะทำให้ “แพกซ์โลวิด”อยู่ในร่างกายได้นานขึ้น ในการใช้ “แพกซ์โลวิด” ผู้ป่วยต้องรับประทานยาครั้งละ 3 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หรือ 6 เม็ดต่อวัน เป็นเวลา 5 วัน รวมรับประทานทั้งหมด 30 เม็ด โดยควรรับยาภายใน 3 วันแรกของการป่วย
 
ส่วนราคา ไฟเซอร์คาดว่า จะใกล้เคียงกับราคายา “โมลนูพิราเวียร์” ของบริษัท “เมอร์ค แอนด์ โค” และ “ริดจ์แบค ไบโอเทอรา พิวติกส์” สองบริษัทผู้ผลิตยาของสหรัฐฯ ที่ทำสัญญาซื้อขายกับรัฐบาลสหรัฐฯ อยู่ที่700 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 23,600บาท) ต่อ 1 ชุด หรือ คอร์สรักษาที่ใช้เวลา 5 วัน
ขณะที่ ไฟเซอร์กำลังพิจารณาทางเลือกสำหรับบรรดาประเทศที่มีรายได้ต่ำ เพื่อให้เข้าถึงยานี้แบบไม่มีอุปสรรค และกำหลังเจรจาทำสัญญาซื้อขายกับอีก 90 ประเทศเพื่อให้เข้าถึงยาเม็ด“แพกซ์โลวิด”ได้เร็วที่สุด ไฟเซอร์คาดว่าจะผลิตยาเม็ดได้ 180,000 คอร์สในช่วงสิ้นปีนี้ และอย่างน้อย 50 คอร์สในช่วงสิ้นปีหน้า
 
อย่างไรก็ตามไฟเซอร์กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการเพิ่มเป้าหมายการผลิตในปีหน้าให้เป็น 2 เท่า และขณะนี้บริษัทได้เตรียมส่งผลการทดลองให้แก่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ หรือ เอฟดีเอ แล้ว หลังจากยื่นขออนุมัติใช้ยาดังกล่าวเป็นกรณีฉุกเฉินต่อเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ส่วน "ยาโมลนูพิราเวียร์(molnupiravir) ที่ทางบริษัทเมอร์คฯ ได้ยื่นขออนุมัติใช้งานฉุกเฉินจากเอฟดีเอ ก่อนหน้านี้นั้น บริษัทได้ยืนยันผลการทดลอง ว่า มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ รวมถึงสายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดเป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลกขณะนี้โดยสามารถลดอัตราการป่วยหนัก และต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตได้ร้อยละ 50สำหรับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการไม่รุนแรง
 
ยา “โมลนูพิราเวียร์”จะออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่จำเป็นเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส (viral polymerase)โดยจะทำให้รหัสพันธุกรรมของไวรัสผิดพลาดจนไม่สามารถเพิ่มจำนวนขึ้นได้ กลไกการทำงานของยา “โมลนูพิราเวียร์”แตกต่างจากวัคซีนโควิดเนื่องจากไม่ได้เล็งเป้าหมายไปที่ “โปรตีนหนาม” ซึ่งเป็นตัวแบ่งแยกสายพันธุ์ของไวรัส
 
ดังนั้นจึงสามารถยับยั้งเชื้อโควิด-19 ได้อย่างครอบคลุมแม้จะมีการกลายพันธุ์ก็ตาม การใช้ยา “โมลนูพิราเวียร์” ผู้ป่วยต้องรับประทานยาเม็ดขนาด 200 มิลลิกรัมจำนวน 40 เม็ด โดยรับประทานครั้งละ 4 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หรือ 8 เม็ดวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วันโดยราคายา 1 ชุดอยู่ที่ประมาณ 700 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ23,600 บาท
 
ทั้งนี้บริษัทเมอร์คฯ ได้มอบช่วงสิทธิบัตรผลิตยา “โมลนูพิราเวียร์” ให้แก่ประเทศกลุ่มรายได้ต่ำและปานกลางจำนวน 105 ประเทศทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศในเอเชียและแอฟริกา โดยจะไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมใดจากประเทศเหล่านั้น คาดว่าการมอบช่วงสิทธิบัตรผลิตยา จะทำให้ยา“โมลนูพิราเวียร์”มีราคาถูกลงเหลือเพียงคอร์สละ 20 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 650 บาท
 
ด้านอังกฤษถือเป็นชาติแรกในโลกที่ได้อนุมัติใช้ยานี้ ส่วนยุโรปก็เร่งดำเนินการพิจารณาอนุมัติเช่นกัน ด้าน รัฐบาลสหรัฐฯ ทำสัญญาสั่งจองยาดังกล่าว จำนวน 1ล้าน7แสนชุด มูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ ล่าสุด ประธานาธิบดี โจ ไบเดน แถลงเมื่อวานนี้ ว่า สหรัฐฯ ได้จองซื้อยาเม็ด“แพกซ์โลวิด”ของไฟเซอร์อีก 1 ล้านชุด เพื่อเป็นการเพิ่มเครื่องมือใหม่ให้แก่สหรัฐฯ ในการปกป้องชาวอเมริกันให้รอดพ้นจากโควิด
 
ด้านผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อในสหรัฐให้ความเห็นว่า แม้ยาเม็ดรักษาโควิดของไฟเซอร์และเมอร์คคืออีกทางเลือกในการรับมือโควิดแต่การป้องกันการติดเชื้อผ่านการฉีดวัคซีน ยังคงเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับควบคุมโรคระบาดใหญ่ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 5 ล้านคนทั่วโลก 
 

 
เมียช็อก! ผัวกลับจากฉีดซิโนแวค จู่ๆ ชักตกบันไดสิ้นใจต่อหน้า อึ้งก่อนตายเห็นดอกไม้
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6718197

เมียช็อก! ผัวกลับจากฉีดซิโนแวค จู่ๆ ชักตกบันไดสิ้นใจต่อหน้า อึ้งก่อนตายเห็นดอกไม้ บอกให้ไปเก็บ ทั้งที่ไม่มี ร้องขอความเป็นธรรม
   
เมื่อเวลา 18.00.วันที่ 6 พ.ย.64 น.ส.วัชรี สุทธิเม อายุ 54 ปี แม่ค้าขายข้าวกล่อง พร้อมด้วย น.ส.ธนวฤนท์ เดชศิริ อายุ 43 ปี แม่ค้าหมูปิ้ง เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.บุญเลิศ เหล็กมา รอง สว.(สอบสวน) สภ.สาขลา จ.สมุทรปราการ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ หลังนายอาณัติ คำสวนจิก อายุ 40 ปี ไปฉีดวัคซีนกลับมาแล้วเกิดชักเกร็งตกบันไดบ้านเสียชีวิต และได้ฌาปนกิจศพเมื่อเวลา 15.00 น.ที่ผ่านมา ที่วัดประเสริฐสุทธาวาส เขตราษฎร์บูรณะ กทม.
 
เบื้องต้นทราบว่า เมื่อเวลา 13.20 น.วันที่ 4 พ.ย.64 นายอาณัติ ได้ไปฉีดวัคซีนซิโนแวค ที่โรงเรียนราชประชาสมาสัย ฝ่ายมัธยม รัชดาภิเษกในพระบรมราชูปถัมภ์ ต.บางจาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เป็นเข็มแรก พร้อมกับ น.ส.วัชรี ซึ่งเป็นภรรยา และ นายสรเดช ท่าทราย กับภรรยารวม 4 คน หลังจากฉีดวัคซินเสร็จก็ได้เดินทางกลับมาที่ห้องพักที่อพาร์ตเมนต์ ซอยประชาอุทิศ 90 ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
 
โดยผู้ตายกับภรรยาพักอยู่ห้องที่ 2 ของชั้น 2 ขณะที่ผู้ตายกำลังเดินขึ้นบันไดเพื่อกลับเข้าห้องพักเพียงลำพัง จู่ๆ ก็เกิดอาการชักเกร็งและวูบหมดสติตกจากชั้น 2 ลงไปหัวกระแทกพื้นปูนด้านล่าง ขณะนั้นภรรยายังอยู่ด้านล่าง พอเห็นเหตุการณ์ได้รีบวิ่งไปดู ก่อนโทรแจ้ง 1669 เมื่อรถกู้ชีพมาถึงก็พบว่าผู้ตายหมดสติ จึงรีบนำตัวส่ง ร.พ.พระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ ก่อนที่ ร.พ.แจ้งว่า นายอาณัติ เสียชีวิตแล้ว
 
จากนั้นตำรวจจึงให้เจ้าหน้าที่มูลนิธินำศพส่งชันสูตรที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต จนมาเมื่อวันที่ 5 พ.ย. ภรรยาและพี่สาวของผู้ตาย ได้เดินทางไปรับศพ โดยแพทย์ลงความเห็นการเสียชีวิตว่า กะโหลกศีรษะแตก สมองได้รับบาดเจ็บ ร่วมกับสูญเสียโลหิตปริมาณมากในช่องอก จากขั้วปอดฉีดขาด จากนั้นภรรยาและพี่สาวได้นำร่างมาตั้งสวดอภิธรรมศพ 1 คืน ที่วัดประเสริฐสุทธาวาส เขตราษฎร์บูรณะ และฌาปนกิจในวันนี้
 
จากการสอบถามภรรยาและพี่สาว ยังสงสัยในการเสียชีวิต เนื่องจากผู้ตายเป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว พอไปฉีดวัคซีนผู้ตายเกิดอาการชักและวูบ ตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรงจนเสียชีวิต ทางภรรยาและพี่สาวติดใจว่าอาจจะเกิดจากวัคซีนหรือไม่ เพราะเคยดูข่าวว่าการฉีดวัคซีนจะมีผลกระทบหรืออาการข้างเคียง แต่ไม่นึกว่าจะมาเกิดกับคนในครอบครัว โดยภรรยาและพี่สาวได้ร้องหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง และหาทางช่วยเหลือเยียวยาเนื่องจากผู้ตายเป็นเสาหลักของครอบครัว และมีลูกวัย 4 ขวบอยู่ที่ต่างจังหวัดอีก
 
ขณะที่ นายสรเดช ท่าทราย อายุ 45 ปี เล่าว่า ระหว่างที่ผู้ตายเดินขึ้นบันไดและยืนรอภรรยา ตนจึงเดินเข้าห้อง กระทั่งได้ยินภรรยาของผู้ตายร้องโวยวาย จึงได้ออกมาดูก็พบว่าผู้ตายตกลงไปแล้ว โดยตนได้สอบถามกับภรรยาของผู้ตายทราบว่า ก่อนจะมีอาการชักนั้นผู้ตายได้พูดกับภรรยาว่าให้เก็บดอกไม้ให้หน่อย ดอกพิกุลตกที่พื้นเยอะแยะเลย แต่ภรรยาก็บอกกลับไปว่า ไม่มีดอกไม้ เมื่อพูดจบ ผู้ตายก็ชักและหงายหลังตกลงไปชั้นล่างจนเสียชีวิตดังกล่าว
 
ด้าน น.ส.วัชรี ภรรยาผู้ตาย กล่าวว่า วันเกิดเหตุได้เดินทางกลับมาจากฉีดวัคซีน จนกระทั่งมาถึงหน้าตึกผู้ตายได้เดินขึ้นไปก่อนและไปรอตนอยู่ที่ชั้น 2  เมื่อตนขึ้นไปผู้ตายก็ได้บอกกับตนว่า ให้ไปเอาดอกพิกุลให้หน่อย มีคนฝากไว้ให้เต็มไปหมดเลย ตนก็พยายามมองหา แต่ก็ไม่มีและได้หันกลับมาบอกผู้ตายว่า ไม่มี เมื่อพูดจบ ผู้ตายก็เกิดอาการชักและตกลงไปบริเวณชั้นล่างเสียชีวิตต่อหน้าต่อตา โดยผู้ตายนั้นสุขภาพแข็งแรง ตนคิดว่าอาจเกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยตรวจสอบและเยียวยาเรื่องนี้ด้วย


 
ตลาดไนท์ ‘เดอะสตรีทรัชดา’ กลับมาคึกคัก แต่ยังไร้เงาต่างชาติ บางร้านลด 90%
https://www.matichon.co.th/economy/news_3029548
 
ตลาดไนท์ ‘เดอะสตรีทรัชดา’ กลับมาคึกคัก แต่ยังไร้เงาต่างชาติ บางร้านลด 90%
 
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์และเปิดประเทศ ทำให้บรรยากาศตลาดไนท์หน้าศูนย์การค้า ‘เดอะ สตรีท รัชดา’ ซึ่งกลับมาเปิดขายเมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีคนมาเดินช้อปปปิ้งและซื้ออาหารทานกันค่อนข้างคึกคัก ส่วนใหญ่เป็นคนไทย ยังไม่มีต่างชาติ
 
จากการสอบถามผู้ค้า ต่างระบุตรงกันว่า “ช่วงนี้ลูกค้ามาเดินซื้อของกันมากขึ้นและใช้เวลาในการเดินนานขึ้น โดยเฉพาะช่วงดึกจะยิ่งคึกคักมาก คนเดินจนตลาดปิด 4 ทุ่ม โดยเฉพาะวันทำงาน เพราะคนทำงานย่านนี้เยอะ และลูกค้าส่วนใหญ่จะจ่ายโดยผ่านโครงการคนละครึ่ง ทำให้ขายดีขึ้น แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็หวังว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ”
 
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่บรรยากาศในศูนย์การค้าเดอะสตรีทก็เริ่มคึกคักเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะโซนอาหาร ร้านกาแฟ ที่อยู่ชั้นล่าง ซึ่งทางห้างได้กลับมาเปิดบริการ 24 ชั่วโมงแล้ว แต่มีบางร้านที่เปิด เช่น เคเอฟซี เบอร์เกอร์คิง ฟู้ดแลนด์ ฟาร์แมกซ์ เซเว่นอีเลฟเว่น
อย่างไรก็ตาม มีบางร้านได้จัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้า 90% เนื่องจากจะปิดกิจการในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่