AVERMEDIA เป็นแบรนด์ที่สาย Straming หลายๆคนน่าจะรู้จักกันดีครับ และในยุคที่หลายๆคนนั้นเริ่มมาสนใจ Straming หรือ ในแนว Casting เยอะมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการ Live Gaming หรือ ทำงานด้านอื่นๆซึ่งในตัว Capture Card ก็เริ่มมีผลอย่างมากและเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็น ยิ่งในยุคสมัยนี้ที่หน้าจอมือถือ หรือแม้แต่ทีวีต่างๆเริ่มเข้าสู่ยุค 2K 4K แบบเต็มตัวทำให้การ Live ในความละเอียดสูงยิ่งมีผลในการ Live และ มีผลต่อการถ่ายทอดเรื่องราว เล่นเกมต่างๆมากขึ้นไปหลายเท่าตัว และช่วยในเรื่องความหน่วง ความคมชัดที่เราจะเจอใน live ทั่วไปซึ่งตัวนี้ทำได้ดีและสามารถรองรับการใช้งานได้ทั้งหมด ทั้งการบันทึก และ ถ่ายทอดสด และครั้งนี้เราจะมารีวิวกันใน 3 ตัวที่รองรับในการใช้งานหลากหลายแบบแตกต่างกันทั้ง แบบเสียบกับ ตัว PC PCI หรือแม้แต่ Thunderbolt 4 ที่รองรับกับคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ และ USB-C 3.1 แตกต่างกันทั้ง 3 แบบและสามารถรองรับ 4K HDR ทั้งหมดเลย และที่สำคัญทั้ง 3 ชิ้นได้รับรางวัล Taiwan Excellence Award ทั้งหมดถือว่าเป็นตัวการันตีได้เลยว่าคุณภาพแน่น
AVERMEDIA ทั้ง 3 รุ่นนี้มาพร้อมกับการรองรับ Live Streaming ความละเอียดสูง 4K ได้ทั้งหมด แต่จะแตกต่างกันในแง่ของการรองรับ พอร์ตเชื่อมต่อ หรือว่า การใช้งานของแต่ละคนซะมากกว่า รวมถึงงานออกแบบตัวบอดี้ทั้งหมดก็จะแตกต่างกันด้วยทั้งหมด ทั้งมี RGB หรือว่า แบบเรียบๆทั่วไป ซึ่งในรุ่นเทพสุดคือ Live Gamer Bolt นั้นจะเป็นตัวเทพสุด เทคโนโลยีใหม่ Thunderbolt และ มาพร้อม RGB บนตัวบอดี้ แต่จะรองรับ Thunderbolt 3,4 เท่านั้น USB-C ทั่วไปที่ไม่มีมาตรฐานแบบ Thunderbolt ไม่สามารถใช้งานได้นะครับ ส่วนทางด้าน Live Gamer 4K นั้นจะเป็นแบบ PCI ที่ติดตั้งไปบนตัว Mainboard ที่สามารถใช้งานได้บนตัว PC และ ตัวพกพาสำหรับ USB-C 3.1 ที่จะเป็นขนาดเล็กที่สุด ซึ่งมีการใช้งานหรือว่ากลุ่มลูกค้าแตกต่างกันทั้ง 3 ตัวเลยนั้นเองครับ ส่วนสเปกที่รองรับ Video Output Pass-Through : 2160p60 HDR สบายๆทั้ง 3 ตัวเช่นกันครับ
PRICE
- AVERMEDIA LIVE GAMER BOLT : 13,900 บาท
- AVERMEDIA LIVE GAMER 4K : 9,990 บาท
- ACERMEDIA LIVE GAMER ULTRA : 7,590 บาท
AVERMEDIA LIVE ULTRA
สำหรับน้องเล็กตัวนี้ถือว่ามีราคาที่จับต้องได้ง่ายที่สุดและสเปกที่ให้มานั้นไม่ธรรมดา Capture Card แบบ USB 3.1 ที่รองรับ USB-C 3.1 และให้สาย USB-C ไป USB-A พร้อมใช้งาน ในรุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจและสามารถใช้งานได้หลากหลายเพราะมาตรฐาน USB-A ทั่วไปได้ทันที ซึ่งจะเป็น USB 3.1 (Gen 1) Type C และ มีพอร์ตเชื่อมต่อเข้าแบบ HDMI ทั้ง เข้าและออก พร้อมรองรับ Max Pass-Through Resolutions ความละเอียดสูงสุด 2160p60 HDR /1440p144 / 1080p240 และ การบันทึกสูงสุด 2160p30 / 1440p60 / 1080p120 / 1080p60 HDR รวมถึงรองรับความละเอียดเข้า 2160p, 1440p, 1080p, 1080i, 720p, 576p, 480p และใช้งาน Record Format : MPEG 4 (H.264+AAC) or (H.265+AAC)* ทำให้นักแคสเกมสามารถสัมผัส การเล่นเกมในระดับ 4K HDR ได้ และ หากคุณใช้ความละเอียด Full HD มันยังสามารถส่งผ่านสัญญาณ HDMI Pass-thourh ออกจอได้ถึง 240Hz เลยทีเดียว และใช้งานง่านแค่เสียบก็จะสามารถเจอได้ในหลายๆโปรแกรม หรือโปรแกรม RECentral เป็นซอฟต์แวร์แคปเจอร์ ที่สามารถโหลดใช้งานได้ รวมถึงแถม PowerDirector 15 มาให้ในกล่องทุกตัว สามารถใช้ Key และ โหลดใช้งานได้เลยนั้นเองครับ แน่นอนว่าสะดวกต่อการใช้งานมากๆ
UNBOX
อุปกรณ์ในกล่องนั้นให้มาพร้อมใช้งานทั้งสาย HDMI 2.0 และ สาย USB-C ไปยัง USB-A ที่เป็น 3.1 ตามมาตรฐานการรองรับที่ให้มากับเครื่อง รวมถึงคู่มือการใช้งาน และ คีย์สำหรับโหลด PowerDirector 15 Lite จะแถมมาให้ทั้ง 3 รุ่นเลยนะครับ สำหรับแบรนด์นี้ รวมถึง ตัวเครื่องก็ให้มาเรียบร้อยถือว่าภาพรวมพร้อมใช้งานได้เลย
DESIGN
งานออกแบบรุ่นนี้ถือว่ามีขนาดเล็กลงกว่าเดิมถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว ทำให้การเปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้นเยอะทั้ง พอร์ตแบบใหม่ USB-C และ รองรับแค่ USB 3.1 เท่านั้นนะครับถ้า 2.0 ไม่รองรับ ส่วนงานออกแบบมีความเรียบดุดันสวยงาม และมีช่องระบายความร้อนในด้านหน้าพร้อมตระแกรงสีแดงข้างใน รวมถึงไฟสถานะในมุมขวาสีฟ้าเวลาใช้งาน และขนาดภาพรวมบอกเลยว่าสวยงามและสามารถพกพาได้ด้วยเช่นกัน ส่วนวัสดุต่างๆทำได้ดี
ทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อแน่นอนว่ารุ่นนี้จะเป็นแบบ USB Type-C แบบ USB 3.1 สำหรับการเสียบคอมพิวเตอร์ที่จะเป็นตัวทำหน้าที่ Live ครับ ส่วน พอร์ตด้านอื่นๆนั้นจะเป็น HDMI 2.0 ทั้งเข้า และ ออก สำหรับเสียบจากคอมพิวเตอร์ที่จะเป็นตัวเล่นเกม หรือ มือถือ กล้อง PS4 PS5 ต่างๆ และ อีกช่องเป็น ส่งออกภาพออกไปอีกหน้าจอสำหรับการใช้งานเล่นเกมนั้นเอง ซึ่งรองรับได้สบายๆในความละเอียด 4K ถือว่าทำได้ดีและไม่มีความหน่วงเลยครับ
AVERMEDIA LIVE BOLT
ในรุ่น BOLT ถือว่าตัวเทพและสเปกโหดในแง่ของการเชื่อมต่อเพราะว่าใช้งาน Thunderbolt 3 เทคโนโลยีล่าสุด และสามารถรอรับ ส่งสัญญาณเสียง 7.1 ขึ้นไลฟ์ได้ รวมถึง รองรับการบันทึกภาพในระดับ 4K 60fps และ เฟรมเรทสูงสุด 240 เฟรม สำหรับ Full HDR รวมถึงรองรับการใช้งานบน Mac และ Windows และ ส่งภาพขึ้นจอด้วยดีเลย์เพียง 50ms หรือต่ำกว่า เวลาส่งหน้าจอไปจอหลักนั้นเอง ซึ่งรุ่นนี้นอกเหนือจากสเปกต่างๆนั้น มีการออกแบบที่มาพร้อมกับ RGB รอบตัวเครื่องรวมถึงด้านในตรงบอดี้ ซึ่งถ้าเวลาใช้งานจะเป็นสีแดงกระพริบทั้งหมด แต่ข้อจำกัดเองต้องใช้ THUNDERBOLT 4 , 3 เท่านั้นนะครับ
UNBOX
อุปกรณ์ในกล่องนั้นให้มาพร้อมใช้งานทั้งหมด แน่นอนว่ามีตัวเครื่อง และ สายให้มาทั้งหมด 3 สาย ที่สำคัญคือ Thunderbolt 3 ที่หัวจะเป็นแบบ TYPE-C ที่เราคุ้นเคยกันนั้นเองครับ ทั้ง 2 ฝั่ง แต่จะใช้งานได้กับช่องที่เป็น Thunderbolt เท่านั้นนะ ส่วนสายอื่นจะเป็น HDMI 2.0 และ สาย 3.5 มม. สำหรับส่งสัญญาณเสียง 7.1 ไปยังตัว Live Bolt และทำให้ Live เสียง 7.1 ได้เลยนั้นเอง และมาพร้อมกับคู่มือการใช้งาน และ คีย์สำหรับใช้งาน โปรแกรม PowerDirector 15 (lite) แต่โปรแกรมอื่นๆที่ให้มาของค่ายก็สามารถใช้งานได้เลยในเว็บทางการ
DESIGN
งานออกแบบสำหรับตัว Bolt แน่นอนว่ามีขนาดใหญ่กว่ารุ่น Ultra ชัดเจนด้วยสเปก การรองรับที่โหดขึ้นและมาพร้อมกับ ไฟ RGB รอบตัวเครื่องทำให้มีพื้นที่การใช้งาน การระบายความร้อนต่างๆได้ดี เราจะเห็นตระแกรงด้านหน้าทั้งหมดเต็มๆแผ่น พร้อมกับช่องระบายความร้อนข้างๆ ตัวบอดี้เครื่องทั้งหมด และ ไฟสถานะก็จะใช้ไฟ RGB เป็นตัวแสดงทั้งหมด ส่วนวัสดุน้ำหนักต่างๆนั้นถือว่าแอบหนักและงานประกอบต่างๆนั้นทำได้ดีขนาดภาพรวมนั้นพอๆกับพวก กล้อง Mi Box ต่างๆที่เป็นกล่องทีวี และการที่มีไฟ RGB รอบคันทำให้เราสามารถตั้งโชว์และตกแต่งห้องคอมได้ด้วย
พอร์ตเชื่อมต่อทั้งหมดจะอยู่ด้านหลังทั้งหมด มาพร้อมกับ Thunderbolt 3 และ HDMI 2.0 ทั้งเข้า และ ออก สามารถส่งออกภาพได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงรู 3.5 มม. สำหรับเสียงส่งผ่านออกไฟยัง Live ได้ด้วยเช่นกัน ส่วนฐานเครื่องนั้นจะเป็นวัสดุยางทั้งบอดี้พร้อมกับไฟล้อมรอบเครื่องทั้งหมด และในด้านหน้าจะเป็นช่องระบายความร้อนและมีแสงไฟข้างในด้วยเช่นกัน ถือว่างานประกอบ งานออกแบบส่วนตัวรู้สึกว่าสมราคาและมีความสวยและเรียบไปในตัว
AVERMEDIA LIVE 4K
ในรุ่นที่เป็นการเสียบใช้งานแบบ PCI x4 สำหรับติดตั้งลงบน PC บน Mainboard เลยนั้นเองเพื่อบันทึกไฟล์หรือสตรีมวิดีโอ 4K 60fps ที่ส่งมาจาก Console หรือ PC เครื่องตัวเอง หรือเครื่องอื่นต่างๆได้ทั้งหมด ที่ใช้เล่นเกมผ่านสาย HDMI ซึ่งตัวนี้สามารถบันทึกได้ที่ความละเอียด 2160p, 1440p, 1080p, 1080i, 720p, 576p และ 480p และแน่นอนว่า มาพร้อม RGB lighting (3 preset modes) ทำให้การใช้งานตกแต่งบนตัว PC สวยงามมากขึ้นเท่าตัว ปรับได้ผ่าน Software ของค่ายนะครับ แน่นอนว่าตัวนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้กับรุ่นอื่นๆของค่ายนี้ด้วยเช่นกันและการติดตั้งเองนั้นก็ทำได้ง่าน และสามารถเพิ่มความสวยในตัวเคสเราได้ทันทีรวมถึงการระบายความร้อนก็ทำได้ดี
UNBOX
อุปกรณ์ในกล่องแน่นอนว่าด้วยการออกแบบที่เป็นเสียบเข้ากับ PCI นั้นเอง ทำให้เรื่องของสายเองให้มาแค่ HDMI 2.0 เท่านั้น และ คู่มือการใช้งาน และ คีย์สำหรับใช้งาน โปรแกรม PowerDirector 15 (lite) แน่นอนว่าเหมือนกับตัวอื่นๆทั้งหมด ทั้งสาย HDMI และ คีย์สำหรับการใช้งาน ส่วนตัวกล่องใส่อะไรมาให้แน่นหนาเช่นกันในตัวนี้ครับ
DESIGN
งานออกแบบแน่นอนว่าตัวนี้แม้จะเป็นแบบเสียบในการใช้งานบนตัวเมนบอร์ด PCIX4 ที่เราจะเห็นได้ในบรรดาเมนบอร์ดทุกตัวนั้นเองถือว่าค่ายนี้ ใส่ใจในการออกแบบเพราะว่าเมื่อเสียบใช้งานอาจจะไม่ต้องเน้นความสวยแสงสีมากนัก แต่ตัวนี้ออกแบบมาได้ดีมากๆทั้งการเล่นลวดลายด้านใน และ แสงสี RGB ต่างๆบอกเลยว่าสวยและลงตัวมากๆ ดูสมกับราคา และการใช้งานในเรื่องของการระบายความร้อน ช่องระบายอากาศต่างๆนั้นให้มาเยอะเช่นกัน และในแง่ของวัสดุต่างๆนั้นเป็น อลูมิเนียมทั้งหมด และมีความแข็งแรงทั้งหมดรวมถึงสามารถใช้น็อตไขควงแกะได้
ด้านหลังเราจะเห็นว่าตัวบอร์ดชิปทั้งหมดซึ่งด้านนี้จะเป็นส่วนบนเมื่อเราเสียบใช้งานแอบน่าเสียดานน่าจะมีที่ปิดหรือแผ่นบังด้านบนป้องกันเรื่องฝุ่นอะไรให้มา แต่ตัวบอร์ดมันเก็บงานได้ดีดูเป็นระเบียบ และทำสีดำทั้งหมดพร้อมกับเชื่อมต่อแบบ PCI-Express Gen 2 x4 รองรับในเมนบอร์ดหลายๆตัวในปัจจุบัน เสียบช่องใต้การ์ดจอได้ด้วย ส่วนด้านหน้าเองนั้นเราจะเห็นว่ามีโลโก้ และ มีแถบไฟ RGB มาให้จัดเต็มทั้งด้านหน้า และ แสงจะทะลุลงไปข้างล่าง ที่เป็นช่องสามเหลี่ยมที่เราเห็นในภาพแรก และทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อนั้นให้มาในด้านหลัง HDMI 2.0 ทั้งเข้า และ ออกครับ อาจจะไม่ได้รองรับ Multi In แบบอีกตัว แต่แค่นี้ก็สามารถใช้งานในการ Live ได้สบายเพียงพอทั้งหมด
[SR] รีวิว AVerMEDIA Capture Card ระดับ 4K จัดเต็ม 3 รุ่น รองรับครบทุกการใช้งาน !
AVERMEDIA เป็นแบรนด์ที่สาย Straming หลายๆคนน่าจะรู้จักกันดีครับ และในยุคที่หลายๆคนนั้นเริ่มมาสนใจ Straming หรือ ในแนว Casting เยอะมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการ Live Gaming หรือ ทำงานด้านอื่นๆซึ่งในตัว Capture Card ก็เริ่มมีผลอย่างมากและเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็น ยิ่งในยุคสมัยนี้ที่หน้าจอมือถือ หรือแม้แต่ทีวีต่างๆเริ่มเข้าสู่ยุค 2K 4K แบบเต็มตัวทำให้การ Live ในความละเอียดสูงยิ่งมีผลในการ Live และ มีผลต่อการถ่ายทอดเรื่องราว เล่นเกมต่างๆมากขึ้นไปหลายเท่าตัว และช่วยในเรื่องความหน่วง ความคมชัดที่เราจะเจอใน live ทั่วไปซึ่งตัวนี้ทำได้ดีและสามารถรองรับการใช้งานได้ทั้งหมด ทั้งการบันทึก และ ถ่ายทอดสด และครั้งนี้เราจะมารีวิวกันใน 3 ตัวที่รองรับในการใช้งานหลากหลายแบบแตกต่างกันทั้ง แบบเสียบกับ ตัว PC PCI หรือแม้แต่ Thunderbolt 4 ที่รองรับกับคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ และ USB-C 3.1 แตกต่างกันทั้ง 3 แบบและสามารถรองรับ 4K HDR ทั้งหมดเลย และที่สำคัญทั้ง 3 ชิ้นได้รับรางวัล Taiwan Excellence Award ทั้งหมดถือว่าเป็นตัวการันตีได้เลยว่าคุณภาพแน่น
AVERMEDIA ทั้ง 3 รุ่นนี้มาพร้อมกับการรองรับ Live Streaming ความละเอียดสูง 4K ได้ทั้งหมด แต่จะแตกต่างกันในแง่ของการรองรับ พอร์ตเชื่อมต่อ หรือว่า การใช้งานของแต่ละคนซะมากกว่า รวมถึงงานออกแบบตัวบอดี้ทั้งหมดก็จะแตกต่างกันด้วยทั้งหมด ทั้งมี RGB หรือว่า แบบเรียบๆทั่วไป ซึ่งในรุ่นเทพสุดคือ Live Gamer Bolt นั้นจะเป็นตัวเทพสุด เทคโนโลยีใหม่ Thunderbolt และ มาพร้อม RGB บนตัวบอดี้ แต่จะรองรับ Thunderbolt 3,4 เท่านั้น USB-C ทั่วไปที่ไม่มีมาตรฐานแบบ Thunderbolt ไม่สามารถใช้งานได้นะครับ ส่วนทางด้าน Live Gamer 4K นั้นจะเป็นแบบ PCI ที่ติดตั้งไปบนตัว Mainboard ที่สามารถใช้งานได้บนตัว PC และ ตัวพกพาสำหรับ USB-C 3.1 ที่จะเป็นขนาดเล็กที่สุด ซึ่งมีการใช้งานหรือว่ากลุ่มลูกค้าแตกต่างกันทั้ง 3 ตัวเลยนั้นเองครับ ส่วนสเปกที่รองรับ Video Output Pass-Through : 2160p60 HDR สบายๆทั้ง 3 ตัวเช่นกันครับ
PRICE
- AVERMEDIA LIVE GAMER BOLT : 13,900 บาท
- AVERMEDIA LIVE GAMER 4K : 9,990 บาท
- ACERMEDIA LIVE GAMER ULTRA : 7,590 บาท
AVERMEDIA LIVE ULTRA
สำหรับน้องเล็กตัวนี้ถือว่ามีราคาที่จับต้องได้ง่ายที่สุดและสเปกที่ให้มานั้นไม่ธรรมดา Capture Card แบบ USB 3.1 ที่รองรับ USB-C 3.1 และให้สาย USB-C ไป USB-A พร้อมใช้งาน ในรุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจและสามารถใช้งานได้หลากหลายเพราะมาตรฐาน USB-A ทั่วไปได้ทันที ซึ่งจะเป็น USB 3.1 (Gen 1) Type C และ มีพอร์ตเชื่อมต่อเข้าแบบ HDMI ทั้ง เข้าและออก พร้อมรองรับ Max Pass-Through Resolutions ความละเอียดสูงสุด 2160p60 HDR /1440p144 / 1080p240 และ การบันทึกสูงสุด 2160p30 / 1440p60 / 1080p120 / 1080p60 HDR รวมถึงรองรับความละเอียดเข้า 2160p, 1440p, 1080p, 1080i, 720p, 576p, 480p และใช้งาน Record Format : MPEG 4 (H.264+AAC) or (H.265+AAC)* ทำให้นักแคสเกมสามารถสัมผัส การเล่นเกมในระดับ 4K HDR ได้ และ หากคุณใช้ความละเอียด Full HD มันยังสามารถส่งผ่านสัญญาณ HDMI Pass-thourh ออกจอได้ถึง 240Hz เลยทีเดียว และใช้งานง่านแค่เสียบก็จะสามารถเจอได้ในหลายๆโปรแกรม หรือโปรแกรม RECentral เป็นซอฟต์แวร์แคปเจอร์ ที่สามารถโหลดใช้งานได้ รวมถึงแถม PowerDirector 15 มาให้ในกล่องทุกตัว สามารถใช้ Key และ โหลดใช้งานได้เลยนั้นเองครับ แน่นอนว่าสะดวกต่อการใช้งานมากๆ
UNBOX
อุปกรณ์ในกล่องนั้นให้มาพร้อมใช้งานทั้งสาย HDMI 2.0 และ สาย USB-C ไปยัง USB-A ที่เป็น 3.1 ตามมาตรฐานการรองรับที่ให้มากับเครื่อง รวมถึงคู่มือการใช้งาน และ คีย์สำหรับโหลด PowerDirector 15 Lite จะแถมมาให้ทั้ง 3 รุ่นเลยนะครับ สำหรับแบรนด์นี้ รวมถึง ตัวเครื่องก็ให้มาเรียบร้อยถือว่าภาพรวมพร้อมใช้งานได้เลย
DESIGN
งานออกแบบรุ่นนี้ถือว่ามีขนาดเล็กลงกว่าเดิมถ้าเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว ทำให้การเปลี่ยนแปลงพัฒนาขึ้นเยอะทั้ง พอร์ตแบบใหม่ USB-C และ รองรับแค่ USB 3.1 เท่านั้นนะครับถ้า 2.0 ไม่รองรับ ส่วนงานออกแบบมีความเรียบดุดันสวยงาม และมีช่องระบายความร้อนในด้านหน้าพร้อมตระแกรงสีแดงข้างใน รวมถึงไฟสถานะในมุมขวาสีฟ้าเวลาใช้งาน และขนาดภาพรวมบอกเลยว่าสวยงามและสามารถพกพาได้ด้วยเช่นกัน ส่วนวัสดุต่างๆทำได้ดี
ทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อแน่นอนว่ารุ่นนี้จะเป็นแบบ USB Type-C แบบ USB 3.1 สำหรับการเสียบคอมพิวเตอร์ที่จะเป็นตัวทำหน้าที่ Live ครับ ส่วน พอร์ตด้านอื่นๆนั้นจะเป็น HDMI 2.0 ทั้งเข้า และ ออก สำหรับเสียบจากคอมพิวเตอร์ที่จะเป็นตัวเล่นเกม หรือ มือถือ กล้อง PS4 PS5 ต่างๆ และ อีกช่องเป็น ส่งออกภาพออกไปอีกหน้าจอสำหรับการใช้งานเล่นเกมนั้นเอง ซึ่งรองรับได้สบายๆในความละเอียด 4K ถือว่าทำได้ดีและไม่มีความหน่วงเลยครับ
AVERMEDIA LIVE BOLT
ในรุ่น BOLT ถือว่าตัวเทพและสเปกโหดในแง่ของการเชื่อมต่อเพราะว่าใช้งาน Thunderbolt 3 เทคโนโลยีล่าสุด และสามารถรอรับ ส่งสัญญาณเสียง 7.1 ขึ้นไลฟ์ได้ รวมถึง รองรับการบันทึกภาพในระดับ 4K 60fps และ เฟรมเรทสูงสุด 240 เฟรม สำหรับ Full HDR รวมถึงรองรับการใช้งานบน Mac และ Windows และ ส่งภาพขึ้นจอด้วยดีเลย์เพียง 50ms หรือต่ำกว่า เวลาส่งหน้าจอไปจอหลักนั้นเอง ซึ่งรุ่นนี้นอกเหนือจากสเปกต่างๆนั้น มีการออกแบบที่มาพร้อมกับ RGB รอบตัวเครื่องรวมถึงด้านในตรงบอดี้ ซึ่งถ้าเวลาใช้งานจะเป็นสีแดงกระพริบทั้งหมด แต่ข้อจำกัดเองต้องใช้ THUNDERBOLT 4 , 3 เท่านั้นนะครับ
UNBOX
อุปกรณ์ในกล่องนั้นให้มาพร้อมใช้งานทั้งหมด แน่นอนว่ามีตัวเครื่อง และ สายให้มาทั้งหมด 3 สาย ที่สำคัญคือ Thunderbolt 3 ที่หัวจะเป็นแบบ TYPE-C ที่เราคุ้นเคยกันนั้นเองครับ ทั้ง 2 ฝั่ง แต่จะใช้งานได้กับช่องที่เป็น Thunderbolt เท่านั้นนะ ส่วนสายอื่นจะเป็น HDMI 2.0 และ สาย 3.5 มม. สำหรับส่งสัญญาณเสียง 7.1 ไปยังตัว Live Bolt และทำให้ Live เสียง 7.1 ได้เลยนั้นเอง และมาพร้อมกับคู่มือการใช้งาน และ คีย์สำหรับใช้งาน โปรแกรม PowerDirector 15 (lite) แต่โปรแกรมอื่นๆที่ให้มาของค่ายก็สามารถใช้งานได้เลยในเว็บทางการ
DESIGN
งานออกแบบสำหรับตัว Bolt แน่นอนว่ามีขนาดใหญ่กว่ารุ่น Ultra ชัดเจนด้วยสเปก การรองรับที่โหดขึ้นและมาพร้อมกับ ไฟ RGB รอบตัวเครื่องทำให้มีพื้นที่การใช้งาน การระบายความร้อนต่างๆได้ดี เราจะเห็นตระแกรงด้านหน้าทั้งหมดเต็มๆแผ่น พร้อมกับช่องระบายความร้อนข้างๆ ตัวบอดี้เครื่องทั้งหมด และ ไฟสถานะก็จะใช้ไฟ RGB เป็นตัวแสดงทั้งหมด ส่วนวัสดุน้ำหนักต่างๆนั้นถือว่าแอบหนักและงานประกอบต่างๆนั้นทำได้ดีขนาดภาพรวมนั้นพอๆกับพวก กล้อง Mi Box ต่างๆที่เป็นกล่องทีวี และการที่มีไฟ RGB รอบคันทำให้เราสามารถตั้งโชว์และตกแต่งห้องคอมได้ด้วย
พอร์ตเชื่อมต่อทั้งหมดจะอยู่ด้านหลังทั้งหมด มาพร้อมกับ Thunderbolt 3 และ HDMI 2.0 ทั้งเข้า และ ออก สามารถส่งออกภาพได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงรู 3.5 มม. สำหรับเสียงส่งผ่านออกไฟยัง Live ได้ด้วยเช่นกัน ส่วนฐานเครื่องนั้นจะเป็นวัสดุยางทั้งบอดี้พร้อมกับไฟล้อมรอบเครื่องทั้งหมด และในด้านหน้าจะเป็นช่องระบายความร้อนและมีแสงไฟข้างในด้วยเช่นกัน ถือว่างานประกอบ งานออกแบบส่วนตัวรู้สึกว่าสมราคาและมีความสวยและเรียบไปในตัว
AVERMEDIA LIVE 4K
ในรุ่นที่เป็นการเสียบใช้งานแบบ PCI x4 สำหรับติดตั้งลงบน PC บน Mainboard เลยนั้นเองเพื่อบันทึกไฟล์หรือสตรีมวิดีโอ 4K 60fps ที่ส่งมาจาก Console หรือ PC เครื่องตัวเอง หรือเครื่องอื่นต่างๆได้ทั้งหมด ที่ใช้เล่นเกมผ่านสาย HDMI ซึ่งตัวนี้สามารถบันทึกได้ที่ความละเอียด 2160p, 1440p, 1080p, 1080i, 720p, 576p และ 480p และแน่นอนว่า มาพร้อม RGB lighting (3 preset modes) ทำให้การใช้งานตกแต่งบนตัว PC สวยงามมากขึ้นเท่าตัว ปรับได้ผ่าน Software ของค่ายนะครับ แน่นอนว่าตัวนี้ก็ทำได้ดีไม่แพ้กับรุ่นอื่นๆของค่ายนี้ด้วยเช่นกันและการติดตั้งเองนั้นก็ทำได้ง่าน และสามารถเพิ่มความสวยในตัวเคสเราได้ทันทีรวมถึงการระบายความร้อนก็ทำได้ดี
UNBOX
อุปกรณ์ในกล่องแน่นอนว่าด้วยการออกแบบที่เป็นเสียบเข้ากับ PCI นั้นเอง ทำให้เรื่องของสายเองให้มาแค่ HDMI 2.0 เท่านั้น และ คู่มือการใช้งาน และ คีย์สำหรับใช้งาน โปรแกรม PowerDirector 15 (lite) แน่นอนว่าเหมือนกับตัวอื่นๆทั้งหมด ทั้งสาย HDMI และ คีย์สำหรับการใช้งาน ส่วนตัวกล่องใส่อะไรมาให้แน่นหนาเช่นกันในตัวนี้ครับ
DESIGN
งานออกแบบแน่นอนว่าตัวนี้แม้จะเป็นแบบเสียบในการใช้งานบนตัวเมนบอร์ด PCIX4 ที่เราจะเห็นได้ในบรรดาเมนบอร์ดทุกตัวนั้นเองถือว่าค่ายนี้ ใส่ใจในการออกแบบเพราะว่าเมื่อเสียบใช้งานอาจจะไม่ต้องเน้นความสวยแสงสีมากนัก แต่ตัวนี้ออกแบบมาได้ดีมากๆทั้งการเล่นลวดลายด้านใน และ แสงสี RGB ต่างๆบอกเลยว่าสวยและลงตัวมากๆ ดูสมกับราคา และการใช้งานในเรื่องของการระบายความร้อน ช่องระบายอากาศต่างๆนั้นให้มาเยอะเช่นกัน และในแง่ของวัสดุต่างๆนั้นเป็น อลูมิเนียมทั้งหมด และมีความแข็งแรงทั้งหมดรวมถึงสามารถใช้น็อตไขควงแกะได้
ด้านหลังเราจะเห็นว่าตัวบอร์ดชิปทั้งหมดซึ่งด้านนี้จะเป็นส่วนบนเมื่อเราเสียบใช้งานแอบน่าเสียดานน่าจะมีที่ปิดหรือแผ่นบังด้านบนป้องกันเรื่องฝุ่นอะไรให้มา แต่ตัวบอร์ดมันเก็บงานได้ดีดูเป็นระเบียบ และทำสีดำทั้งหมดพร้อมกับเชื่อมต่อแบบ PCI-Express Gen 2 x4 รองรับในเมนบอร์ดหลายๆตัวในปัจจุบัน เสียบช่องใต้การ์ดจอได้ด้วย ส่วนด้านหน้าเองนั้นเราจะเห็นว่ามีโลโก้ และ มีแถบไฟ RGB มาให้จัดเต็มทั้งด้านหน้า และ แสงจะทะลุลงไปข้างล่าง ที่เป็นช่องสามเหลี่ยมที่เราเห็นในภาพแรก และทางด้านพอร์ตเชื่อมต่อนั้นให้มาในด้านหลัง HDMI 2.0 ทั้งเข้า และ ออกครับ อาจจะไม่ได้รองรับ Multi In แบบอีกตัว แต่แค่นี้ก็สามารถใช้งานในการ Live ได้สบายเพียงพอทั้งหมด
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้