ในบทความ *** เปิดประตู สู่โลกผีญี่ปุ่น *** ผมได้พาทุกท่านไปรู้จักกับผีญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ทั้ง “กัปปะ” หรือ “นางเงือก” ซึ่งนอกจากความหลอน เรายังได้รู้เรื่องราววัฒนธรรมบางอย่างของญี่ปุ่นไปพร้อมกัน
บทความนี้ ผมจะมาเล่าเรื่องผีญี่ปุ่นอีก 8 ตน ที่เป็นผียังมีการกล่าวถึงในยุคปัจจุบันนะครับ มีทั้งเรื่องที่เคยหลอนเราในสมัยเด็ก (เรื่องที่ 3) เรื่องชวนหัวที่สุด (เรื่องที่ 6) เรื่องผีไล่โควิด (เรื่องที่ 7) และผีที่คนเจอเยอะที่สุด! (เรื่องที่ 8 )
...โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม…
ในบทความ *** เปิดประตู สู่โลกผีญี่ปุ่น *** ผมได้พาทุกท่านไปรู้จักกับผีญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ทั้ง “กัปปะ” หรือ “นางเงือก” ซึ่งนอกจากความหลอน เรายังได้รู้เรื่องราววัฒนธรรมบางอย่างของญี่ปุ่นไปพร้อมกัน
บทความนี้ ผมจะมาเล่าเรื่องผีญี่ปุ่นอีก 8 ตน ที่เป็นผียังมีการกล่าวถึงในยุคปัจจุบันนะครับ มีทั้งเรื่องที่เคยหลอนเราในสมัยเด็ก (เรื่องที่ 3) เรื่องชวนหัวที่สุด (เรื่องที่ 6) เรื่องผีไล่โควิด (เรื่องที่ 7) และผีที่คนเจอเยอะที่สุด! (เรื่องที่ 8 )
...โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม…
ภาพแนบ: คุจิซะเกะ อนนะ จากบันทึกสมัยศตวรรษที่ 19
เรื่องที่ 1: ผีสาวปากฉีก
ตำนานผีสาวปากฉีกหรือ “คุจิซะเกะ อนนะ” มีที่มาที่ไปหลายฉบับ บ้างก็ว่าเธอเป็นภรรยาซามูไรแต่มีชู้ เลยโดนดาบฟันปากฉีก แต่บ้างก็ว่าเธอโดนผู้หญิงอีกคนที่อิจฉาในความงามกรีดหน้าเป็นแผล
...ไม่ว่าจะอย่างไร เธอตายไปแบบช้ำใจ เลยกลายเป็นวิญญาณอาฆาต ตามหลอกหลอนคนอื่นมาจนถึงทุกวันนี้
เธอมักปรากฏตัวในยามค่ำคืนตรงที่มีแสงสลัว เป็นหญิงสาวที่มีผ้าหรือพัดปิดปากไว้ (แต่ยุคปัจจุบันคนมักเล่ากันว่าเธอใส่หน้ากากอนามัย เป็นผู้มาก่อนกาลตั้งแต่ยังไม่มีโรคระบาด) พร้อมกับอาวุธแหลมคม ซึ่งอาจจะเป็นมีดหรือกรรไกร รวมไปถึงเคียว แตกต่างกันตามคนเล่า
เธอจะเข้าไปหาผู้เคราะห์ร้ายแล้วถามว่า “ฉันสวยไหม?” ถ้าตอบว่า “ไม่” จะโดนฆ่าทันที แต่ถ้าตอบว่า “สวย” เธอจะเปิดปากให้เห็นแล้วถามซ้ำอีกที ซึ่งถ้าเปลี่ยนใจตอบว่าไม่ ก็จะถูกฆ่า
แล้วถ้ายังยืนยันว่า “สวย” ล่ะ? เธอก็จะใช้อาวุธมีคมกรีดปากคนตอบให้ “สวย” เหมือนกับเธอทันที!
ถึงกระนั้นก็มีบางเวอร์ชั่นที่เธอปล่อยผู้เคราะห์ร้ายไปเมื่อได้รับการยืนยันว่าสวยทั้งสองครั้ง แต่ถ้าจะให้รอดแน่นอนกว่านั้น มีคำแนะนำคือ ต้องตอบไปว่า “ก็ดี” เธอจะงง ทำให้คนโดนถามมีจังหวะวิ่งหนีได้
หรือถ้าไม่อยากตอบ สามารถโยนเศษเหรียญหรือลูกอมน้ำตาลใส่เธอได้ ผีสาวจะไปเก็บมัน แทนที่จะวิ่งไล่เหยื่อ
...ใครจะรู้ว่า คนที่ใส่มาสก์เดินสวนกับเราตรงหน้าปากซอย ใช่ผีสาวหรือเปล่านะ...
เรื่องที่ 2: ผีครึ่งตัว
รถไฟถือเป็นขนส่งสาธารณะที่คนญี่ปุ่นใช้กันอย่างแพร่หลายด้วยความสะดวกสบายและรวดเร็ว
จากสถิติในปี 2019 มีผู้ใช้รถไฟเฉลี่ยมากกว่า 2,500 ล้านคน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเป็นครั้งคราว และทำให้เกิดเป็นเรื่องผีประจำสถานีรถไฟตามมา…
ภาพแนบ: ซีนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องเทเคะ เทเคะ (テケテケ)
ผีจากอุบัติเหตุรถไฟที่มีชื่อเสียงได้แก่ “เทเคะ เทเคะ” ซึ่งเกิดจากเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งตกลงไปในรางรถไฟ ทำให้โดนรถทับตัวขาดครึ่งท่อน และเนื่องจากเธอตายไม่ดี เลยกลายเป็นวิญญาณร้าย สิงอยู่ในสถานี ออกมาให้คนเห็นยามค่ำคืน
เนื่องจากเด็กสาวมีแค่ครึ่งตัว เวลาเคลื่อนไหวเลยต้องใช้แขนลากทั้งร่างไปตามพื้น เกิดเป็นเสียงตึ่กๆ (คนญี่ปุ่นได้ยินว่า “เทเคะ เทเคะ” อันเป็นที่มาของชื่อ) แต่เธอเคลื่อนไหวได้เร็วเหลือเชื่อ ถ้าเกิดเจอเข้าแล้วหนีไม่ทัน ก็จะโดนจับตัดให้ตัวขาดครึ่งตามไป
ตำนานนี้มีการแตกสายไปเป็นเรื่องของ “คาชิมะ เรย์โกะ” ซึ่งประสบอุบัติเหตุตกรางแล้วโดนรถไฟชนเสียชีวิตเหมือนกัน แม้ตัวไม่ได้ขาดครึ่งท่อน แต่ขาสองข้างหายไป ทำให้เธอยังเป็นผีวนเวียน โดยบางทีคนจะเจอเรย์โกะอยู่ในห้องน้ำ โดยเธอจะถามว่า “ขาฉันไปไหน?” ถ้าตอบไม่ได้หรือไม่ถูกใจ จะถูกตัดขาระบายความแค้น
การเอาตัวรอดจากเรย์โกะ ต้องตอบไปว่า “อยู่ที่รถไฟสายเมชิน!” (เป็นสายระหว่างเมืองนาโกย่า-โกเบ) หรือตอบว่า “คาเมน ชินิน มะ” (แปลว่า หน้ากาก ความตาย และปีศาจ) ซึ่งเป็นการเล่นคำกับนามสกุล “คาชิมะ” ของเธอเอง
...ต้องจำให้ดีนะครับ เพราะว่ากันว่า พอได้รู้เรื่องนี้แล้ว ภายในหนึ่งเดือนเธออาจมาทดสอบคุณ! ...เหอะ เหอะ
(อนึ่งเวอร์ชันไทยของเธอสามารถฟังได้จากเรื่อง “ป๊อกป๊อกครืด” นะครับ)
เรื่องที่ 3: ผีในห้องน้ำโรงเรียน
ตอนเด็กๆ เวลาไปโรงเรียน เคยไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำคนเดียวไหมครับ? แค่จะไปล้างมือยังต้องชวนเพื่อนไปด้วย มาคิดดูตอนนี้อาจจะไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าต้องกลัวอะไรขนาดนั้น
ทำไมผีถึงอยากจะไปสิงห้องน้ำอับๆ ก็ไม่รู้? ...แต่ที่ญี่ปุ่น ความเชื่อนี้มีเรื่องราวครับ
ภาพแนบ: ฮานาโกะซังมักปรากฏตัวโดยใส่ชุดกระโปรงสีแดง
ผีในห้องน้ำญี่ปุ่น มักมีชื่อว่า “ฮานาโกะซัง” คนเล่าว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงผมบ็อบใส่ชุดกระโปรงสีแดง ที่มาที่ไปของน้องมีหลายแบบ แต่ที่ฮิตๆ ก็คือ:
1) ฮานาโกะเป็นเด็กที่ตายจากการทิ้งระเบิดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะอยู่ในห้องน้ำ
2) ฮานาโกะเป็นเด็กที่ถูกใครก็มีรู้ฆาตกรรมในห้องน้ำ และ
3) ฮานาโกะฆ่าตัวตายในห้องน้ำ
ภาพแนบ: ฮานาโกะซังจากเรื่องคิทาโร่
ฮานาโกะสามารถมาหลอนคนแบบ random แต่หากอยากเห็นก็สามารถอัญเชิญฮานาโกะซังออกมาได้เหมือนกัน โดยการเข้าห้องน้ำหญิงไปคนเดียว (ผู้ชายไม่ควรทำนะครับ) ซึ่งจะต้องเป็นห้องน้ำชั้นสาม จากนั้นก็ไปยังหน้าประตูชักโครกบานที่ 3 เคาะ 3 ที แล้วถามว่า “ฮานะโกะซังอยู่ไหม?”
ถ้าเธออยู่จะมีเสียงตอบกลับมา ซึ่งก็มีคนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นหลายเวอร์ชั่น เช่น จะเห็นมือเปื้อนเลือดโผล่ออกมาจากโถส้วมบ้าง เห็นมือจางๆ (ไม่เปื้อน) บ้าง หรือบางเวอร์ชันเชื่อว่าฮานาโกะจะโผล่มากลากเราลงส้วมไปถึงนรกก็มี! (เวอร์ชันนี้ก็ไม่เข้าใจความคิดของคนที่ไปลองของเหมือนกัน)
...เอาเป็นว่า อย่าไปกวนใครเวลาเขาเข้าห้องน้ำละกันครับ มันไม่ดี ไม่ว่าจะคนจะผีก็ตาม
ภาพแนบ: จินเมนเคนในเรื่องโยไควอทช์
เรื่องที่ 4: ผีหมาหน้าคน
เคยได้ยินเรื่อง “หมาหน้าคน” กันหรือเปล่าครับ? หมาหน้าคนในที่นี้ไม่ใช่คำเปรียบเปรยว่าสุนัขตัวนั้นหน้าตาดีเลิศ แต่เป็นสุนัขที่มีหน้าเหมือนมนุษย์เลยต่างหาก!
ผีหมาหน้าคนเหล่านี้เรียกว่า “จินเมนเคน” มักปรากฏตัวในตอนกลางคืน
ที่มาหลักๆ มีสองเวอร์ชันคือ:
1. มันเกิดจากคนที่ทำบาปกรรมมาก ชาติต่อมาผลกรรมทำให้เกิดมาผิดปกติ คือเกิดเป็นหมาแล้วยังมีลักษณะมนุษย์ของชาติก่อนอยู่ เวอร์ชันนี้จินเมนเคนเป็นหมาปกติ แค่หน้าเหมือนคน
2. มันเกิดมาจากวิญญาณคนที่โดนรถชนระหว่างพาสัตว์เลี้ยงของตนเดินเล่นอยู่แล้วผูกพันวิญญานกัน เวอร์ชันนี้จินเมนเคนเป็นหมาผี ไม่ใช่หมาปกติ มีนิสัยชอบวิ่งแข่งกับรถบนทางด่วน ด้วยความเร็วระดับตีนผี และบางครั้งก็จะตัดหน้ารถให้คนขับตกใจเล่น
จินเมนเคนเวอร์ชันผีสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ แต่ไม่อยากพูด และไม่อยากสุงสิงกับใคร ถ้าเราไปกวนมันเข้าจะโดนไล่ เช่นขณะที่จินเมนเคนคุ้ยขยะอยู่หากมีใครเข้าไปทัก มันจะตะโกนกลับมาว่า “อย่างยุ่งกับข้า!” แล้วมีท่าทีหงุดหงิด
...ถึงจะไม่มีเขี้ยวแบบสุนัข และไม่มีเรื่องเล่าว่ามันไล่กัดใคร แต่เจอท่าทางแบบนี้ก็หลอนอยู่
ภาพแนบ: ป้ายอาโอคิกาฮาระ
เรื่องที่ 5: ผีแห่งป่าฆ่าตัวตาย
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการฆ่าตัวตายเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จากผลสำรวจขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจในปี 2017 พบว่า ในจำนวนประชากรญี่ปุ่น 100,000 คน มีฆ่าตัวตายราว 15 คน โดยในปี 2019 องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าญี่ปุ่นเป็นชาติที่ฆ่าตัวตายเยอะสุดในกลุ่ม G7
ทางการญี่ปุ่นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ออกมาตรการป้องกันต่างๆ ขึ้นมามากมาย แต่ก็ไม่อาจห้ามความตั้งใจของคนที่สิ้นหวังได้ ซึ่งสถานที่ฆ่าตัวตายยอดนิยมของประเทศคือ “อาโอคิกาฮาระ” ป่าทึบสมญานาม “ทะเลไพร” บริเวณฐานภูเขาไฟฟูจิ
ทำไมต้องเป็นป่าแห่งนี้? มีเรื่องเล่ากันว่าแต่ก่อนมักมีผู้มาทำ “อุบะสึเตะ” หรือประเพณีการทิ้งคนแก่ที่ไม่อยากดูแลที่นี่ พอคนเหล่านั้นตายไปด้วยความทรมานก็กลายเป็นสัมภเวสี สร้างพลังงานลบให้ป่าแห่งนี้อย่างมหาศาล
ว่ากันว่า คนคิดจะฆ่าตัวตาย ต่อให้ไม่แน่ใจยังไง แต่พอมาถึงที่นี่ ก็จะมีพลังบางอย่าง เหนี่ยวนำจนปลิดชีพตัวเองได้สำเร็จทุกครั้ง...
ความน่ากลัวของอาโอคิกาฮาระนอกจากนี้คือ เมื่อเดินเข้าไปในป่า เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์จะใช้ไม่ได้ โทรศัพท์จะไม่มีสัญญาณ แม้แต่เข็มทิศยังหมุนติ้วไร้ทิศทาง แม้จะมีผู้พยายามพิสูจน์ว่า น่าจะมาจากปฏิกิริยาของแร่ใต้ดินที่เกิดจากภูเขาไฟ แต่นั่นก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไมคนถึงถูกดึงดูดมาฆ่าตัวตายที่นี่มากขนาดนี้...
ภาพแนบ: ป้ายเตือนในป่าว่า "ชีวิตเป็นของมีค่าที่พ่อแม่ให้มา โปรดไตร่ตรองอย่างใจเย็นถึงพ่อแม่พี่น้องและบุตรหลานอีกครั้ง อย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียว โปรดปรึกษาผู้อื่น พร้อมเบอร์สายด่วนสุขภาพจิต
ภาพแนบ: ผู้พันแซนเดอร์สตัวจริง ถ่ายในปี 1974
เรื่องที่ 6: ผี KFC
ท่านผู้อ่านคงทราบกันว่า KFC คือแบรนด์ไก่ทอดที่คิดค้นโดย “ผู้พันแซนเดอร์ส” คุณปู่หน้าตาใจดี ตัวค่อนข้างท้วม ผมขาวๆ มีเคราเล็กน้อย เหมือนซานตาครอส แต่รู้ไหมครับว่า สำหรับคนญี่ปุ่นบางส่วน เขาเชื่อว่าผู้พันแกเป็นผีเฮี้ยน!
ภาพแนบ: โดทงโบริ สังเกตได้ว่ามีคลองผ่ากลาง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในปี 1985 เมื่อทีมเบสบอลแห่งภูมิภาคคันไซ “ฮันชินไทเกอร์ส” ได้ชัยในศึก “เจแปนซีรีส์” หรือรอบชิงชนะเลิศระหว่างแชมป์จากสองโปรลีกเบสบอลของญี่ปุ่นเพื่อหาอันดับหนึ่งในใต้หล้า (ลีกท๊อปเบสบอลญี่ปุ่น แบ่งเป็นสองสายได้แก่ “เซ็นทรัลลีก” ที่มีทีมชื่อดังสังกัดอย่าง โยมิอุริไจแอนท์สกับฮันชินไทเกอร์ และ “แปซิฟิคลีก” ที่มี ฟุคุโอกะซอฟต์แบงค์ฮอว์ค เป็นดาวเด่น) แฟนๆ ไทเกอร์สเลยดีใจมาก ฉลองกันใหญ่โต
แฟนจำนวนหนึ่งไปสังสรรค์กันที่โดทงโบริ (ย่านการค้าในโอซาก้าบริเวณเดียวกับที่มีป้ายกูลิโกะอยู่นั่นแหละ) แล้วด้วยความเมาหรืออะไรไม่ทราบ พวกเขาได้ขโมยรูปปั้นผู้พันแซนเดอร์สหน้าร้านเคเอฟซีมาโยนลงคลองไป!
*** อ่านต่อใน comment นะครับ ***
*** เปิดประตูผีญี่ปุ่นสมัยใหม่ ***
บทความนี้ ผมจะมาเล่าเรื่องผีญี่ปุ่นอีก 8 ตน ที่เป็นผียังมีการกล่าวถึงในยุคปัจจุบันนะครับ มีทั้งเรื่องที่เคยหลอนเราในสมัยเด็ก (เรื่องที่ 3) เรื่องชวนหัวที่สุด (เรื่องที่ 6) เรื่องผีไล่โควิด (เรื่องที่ 7) และผีที่คนเจอเยอะที่สุด! (เรื่องที่ 8 )
...โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม…
ในบทความ *** เปิดประตู สู่โลกผีญี่ปุ่น *** ผมได้พาทุกท่านไปรู้จักกับผีญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ทั้ง “กัปปะ” หรือ “นางเงือก” ซึ่งนอกจากความหลอน เรายังได้รู้เรื่องราววัฒนธรรมบางอย่างของญี่ปุ่นไปพร้อมกัน
บทความนี้ ผมจะมาเล่าเรื่องผีญี่ปุ่นอีก 8 ตน ที่เป็นผียังมีการกล่าวถึงในยุคปัจจุบันนะครับ มีทั้งเรื่องที่เคยหลอนเราในสมัยเด็ก (เรื่องที่ 3) เรื่องชวนหัวที่สุด (เรื่องที่ 6) เรื่องผีไล่โควิด (เรื่องที่ 7) และผีที่คนเจอเยอะที่สุด! (เรื่องที่ 8 )
...โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม…
ภาพแนบ: คุจิซะเกะ อนนะ จากบันทึกสมัยศตวรรษที่ 19
เรื่องที่ 1: ผีสาวปากฉีก
ตำนานผีสาวปากฉีกหรือ “คุจิซะเกะ อนนะ” มีที่มาที่ไปหลายฉบับ บ้างก็ว่าเธอเป็นภรรยาซามูไรแต่มีชู้ เลยโดนดาบฟันปากฉีก แต่บ้างก็ว่าเธอโดนผู้หญิงอีกคนที่อิจฉาในความงามกรีดหน้าเป็นแผล
...ไม่ว่าจะอย่างไร เธอตายไปแบบช้ำใจ เลยกลายเป็นวิญญาณอาฆาต ตามหลอกหลอนคนอื่นมาจนถึงทุกวันนี้
เธอมักปรากฏตัวในยามค่ำคืนตรงที่มีแสงสลัว เป็นหญิงสาวที่มีผ้าหรือพัดปิดปากไว้ (แต่ยุคปัจจุบันคนมักเล่ากันว่าเธอใส่หน้ากากอนามัย เป็นผู้มาก่อนกาลตั้งแต่ยังไม่มีโรคระบาด) พร้อมกับอาวุธแหลมคม ซึ่งอาจจะเป็นมีดหรือกรรไกร รวมไปถึงเคียว แตกต่างกันตามคนเล่า
เธอจะเข้าไปหาผู้เคราะห์ร้ายแล้วถามว่า “ฉันสวยไหม?” ถ้าตอบว่า “ไม่” จะโดนฆ่าทันที แต่ถ้าตอบว่า “สวย” เธอจะเปิดปากให้เห็นแล้วถามซ้ำอีกที ซึ่งถ้าเปลี่ยนใจตอบว่าไม่ ก็จะถูกฆ่า
แล้วถ้ายังยืนยันว่า “สวย” ล่ะ? เธอก็จะใช้อาวุธมีคมกรีดปากคนตอบให้ “สวย” เหมือนกับเธอทันที!
ถึงกระนั้นก็มีบางเวอร์ชั่นที่เธอปล่อยผู้เคราะห์ร้ายไปเมื่อได้รับการยืนยันว่าสวยทั้งสองครั้ง แต่ถ้าจะให้รอดแน่นอนกว่านั้น มีคำแนะนำคือ ต้องตอบไปว่า “ก็ดี” เธอจะงง ทำให้คนโดนถามมีจังหวะวิ่งหนีได้
หรือถ้าไม่อยากตอบ สามารถโยนเศษเหรียญหรือลูกอมน้ำตาลใส่เธอได้ ผีสาวจะไปเก็บมัน แทนที่จะวิ่งไล่เหยื่อ
...ใครจะรู้ว่า คนที่ใส่มาสก์เดินสวนกับเราตรงหน้าปากซอย ใช่ผีสาวหรือเปล่านะ...
เรื่องที่ 2: ผีครึ่งตัว
รถไฟถือเป็นขนส่งสาธารณะที่คนญี่ปุ่นใช้กันอย่างแพร่หลายด้วยความสะดวกสบายและรวดเร็ว
จากสถิติในปี 2019 มีผู้ใช้รถไฟเฉลี่ยมากกว่า 2,500 ล้านคน จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเป็นครั้งคราว และทำให้เกิดเป็นเรื่องผีประจำสถานีรถไฟตามมา…
ภาพแนบ: ซีนหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องเทเคะ เทเคะ (テケテケ)
ผีจากอุบัติเหตุรถไฟที่มีชื่อเสียงได้แก่ “เทเคะ เทเคะ” ซึ่งเกิดจากเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งตกลงไปในรางรถไฟ ทำให้โดนรถทับตัวขาดครึ่งท่อน และเนื่องจากเธอตายไม่ดี เลยกลายเป็นวิญญาณร้าย สิงอยู่ในสถานี ออกมาให้คนเห็นยามค่ำคืน
เนื่องจากเด็กสาวมีแค่ครึ่งตัว เวลาเคลื่อนไหวเลยต้องใช้แขนลากทั้งร่างไปตามพื้น เกิดเป็นเสียงตึ่กๆ (คนญี่ปุ่นได้ยินว่า “เทเคะ เทเคะ” อันเป็นที่มาของชื่อ) แต่เธอเคลื่อนไหวได้เร็วเหลือเชื่อ ถ้าเกิดเจอเข้าแล้วหนีไม่ทัน ก็จะโดนจับตัดให้ตัวขาดครึ่งตามไป
ตำนานนี้มีการแตกสายไปเป็นเรื่องของ “คาชิมะ เรย์โกะ” ซึ่งประสบอุบัติเหตุตกรางแล้วโดนรถไฟชนเสียชีวิตเหมือนกัน แม้ตัวไม่ได้ขาดครึ่งท่อน แต่ขาสองข้างหายไป ทำให้เธอยังเป็นผีวนเวียน โดยบางทีคนจะเจอเรย์โกะอยู่ในห้องน้ำ โดยเธอจะถามว่า “ขาฉันไปไหน?” ถ้าตอบไม่ได้หรือไม่ถูกใจ จะถูกตัดขาระบายความแค้น
การเอาตัวรอดจากเรย์โกะ ต้องตอบไปว่า “อยู่ที่รถไฟสายเมชิน!” (เป็นสายระหว่างเมืองนาโกย่า-โกเบ) หรือตอบว่า “คาเมน ชินิน มะ” (แปลว่า หน้ากาก ความตาย และปีศาจ) ซึ่งเป็นการเล่นคำกับนามสกุล “คาชิมะ” ของเธอเอง
...ต้องจำให้ดีนะครับ เพราะว่ากันว่า พอได้รู้เรื่องนี้แล้ว ภายในหนึ่งเดือนเธออาจมาทดสอบคุณ! ...เหอะ เหอะ
(อนึ่งเวอร์ชันไทยของเธอสามารถฟังได้จากเรื่อง “ป๊อกป๊อกครืด” นะครับ)
เรื่องที่ 3: ผีในห้องน้ำโรงเรียน
ตอนเด็กๆ เวลาไปโรงเรียน เคยไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำคนเดียวไหมครับ? แค่จะไปล้างมือยังต้องชวนเพื่อนไปด้วย มาคิดดูตอนนี้อาจจะไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่าต้องกลัวอะไรขนาดนั้น
ทำไมผีถึงอยากจะไปสิงห้องน้ำอับๆ ก็ไม่รู้? ...แต่ที่ญี่ปุ่น ความเชื่อนี้มีเรื่องราวครับ
ภาพแนบ: ฮานาโกะซังมักปรากฏตัวโดยใส่ชุดกระโปรงสีแดง
ผีในห้องน้ำญี่ปุ่น มักมีชื่อว่า “ฮานาโกะซัง” คนเล่าว่าเธอเป็นเด็กผู้หญิงผมบ็อบใส่ชุดกระโปรงสีแดง ที่มาที่ไปของน้องมีหลายแบบ แต่ที่ฮิตๆ ก็คือ:
1) ฮานาโกะเป็นเด็กที่ตายจากการทิ้งระเบิดช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะอยู่ในห้องน้ำ
2) ฮานาโกะเป็นเด็กที่ถูกใครก็มีรู้ฆาตกรรมในห้องน้ำ และ
3) ฮานาโกะฆ่าตัวตายในห้องน้ำ
ภาพแนบ: ฮานาโกะซังจากเรื่องคิทาโร่
ฮานาโกะสามารถมาหลอนคนแบบ random แต่หากอยากเห็นก็สามารถอัญเชิญฮานาโกะซังออกมาได้เหมือนกัน โดยการเข้าห้องน้ำหญิงไปคนเดียว (ผู้ชายไม่ควรทำนะครับ) ซึ่งจะต้องเป็นห้องน้ำชั้นสาม จากนั้นก็ไปยังหน้าประตูชักโครกบานที่ 3 เคาะ 3 ที แล้วถามว่า “ฮานะโกะซังอยู่ไหม?”
ถ้าเธออยู่จะมีเสียงตอบกลับมา ซึ่งก็มีคนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นหลายเวอร์ชั่น เช่น จะเห็นมือเปื้อนเลือดโผล่ออกมาจากโถส้วมบ้าง เห็นมือจางๆ (ไม่เปื้อน) บ้าง หรือบางเวอร์ชันเชื่อว่าฮานาโกะจะโผล่มากลากเราลงส้วมไปถึงนรกก็มี! (เวอร์ชันนี้ก็ไม่เข้าใจความคิดของคนที่ไปลองของเหมือนกัน)
...เอาเป็นว่า อย่าไปกวนใครเวลาเขาเข้าห้องน้ำละกันครับ มันไม่ดี ไม่ว่าจะคนจะผีก็ตาม
ภาพแนบ: จินเมนเคนในเรื่องโยไควอทช์
เรื่องที่ 4: ผีหมาหน้าคน
เคยได้ยินเรื่อง “หมาหน้าคน” กันหรือเปล่าครับ? หมาหน้าคนในที่นี้ไม่ใช่คำเปรียบเปรยว่าสุนัขตัวนั้นหน้าตาดีเลิศ แต่เป็นสุนัขที่มีหน้าเหมือนมนุษย์เลยต่างหาก!
ผีหมาหน้าคนเหล่านี้เรียกว่า “จินเมนเคน” มักปรากฏตัวในตอนกลางคืน
ที่มาหลักๆ มีสองเวอร์ชันคือ:
1. มันเกิดจากคนที่ทำบาปกรรมมาก ชาติต่อมาผลกรรมทำให้เกิดมาผิดปกติ คือเกิดเป็นหมาแล้วยังมีลักษณะมนุษย์ของชาติก่อนอยู่ เวอร์ชันนี้จินเมนเคนเป็นหมาปกติ แค่หน้าเหมือนคน
2. มันเกิดมาจากวิญญาณคนที่โดนรถชนระหว่างพาสัตว์เลี้ยงของตนเดินเล่นอยู่แล้วผูกพันวิญญานกัน เวอร์ชันนี้จินเมนเคนเป็นหมาผี ไม่ใช่หมาปกติ มีนิสัยชอบวิ่งแข่งกับรถบนทางด่วน ด้วยความเร็วระดับตีนผี และบางครั้งก็จะตัดหน้ารถให้คนขับตกใจเล่น
จินเมนเคนเวอร์ชันผีสามารถพูดภาษามนุษย์ได้ แต่ไม่อยากพูด และไม่อยากสุงสิงกับใคร ถ้าเราไปกวนมันเข้าจะโดนไล่ เช่นขณะที่จินเมนเคนคุ้ยขยะอยู่หากมีใครเข้าไปทัก มันจะตะโกนกลับมาว่า “อย่างยุ่งกับข้า!” แล้วมีท่าทีหงุดหงิด
...ถึงจะไม่มีเขี้ยวแบบสุนัข และไม่มีเรื่องเล่าว่ามันไล่กัดใคร แต่เจอท่าทางแบบนี้ก็หลอนอยู่
ภาพแนบ: ป้ายอาโอคิกาฮาระ
เรื่องที่ 5: ผีแห่งป่าฆ่าตัวตาย
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการฆ่าตัวตายเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จากผลสำรวจขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจในปี 2017 พบว่า ในจำนวนประชากรญี่ปุ่น 100,000 คน มีฆ่าตัวตายราว 15 คน โดยในปี 2019 องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่าญี่ปุ่นเป็นชาติที่ฆ่าตัวตายเยอะสุดในกลุ่ม G7
ทางการญี่ปุ่นก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ออกมาตรการป้องกันต่างๆ ขึ้นมามากมาย แต่ก็ไม่อาจห้ามความตั้งใจของคนที่สิ้นหวังได้ ซึ่งสถานที่ฆ่าตัวตายยอดนิยมของประเทศคือ “อาโอคิกาฮาระ” ป่าทึบสมญานาม “ทะเลไพร” บริเวณฐานภูเขาไฟฟูจิ
ทำไมต้องเป็นป่าแห่งนี้? มีเรื่องเล่ากันว่าแต่ก่อนมักมีผู้มาทำ “อุบะสึเตะ” หรือประเพณีการทิ้งคนแก่ที่ไม่อยากดูแลที่นี่ พอคนเหล่านั้นตายไปด้วยความทรมานก็กลายเป็นสัมภเวสี สร้างพลังงานลบให้ป่าแห่งนี้อย่างมหาศาล
ว่ากันว่า คนคิดจะฆ่าตัวตาย ต่อให้ไม่แน่ใจยังไง แต่พอมาถึงที่นี่ ก็จะมีพลังบางอย่าง เหนี่ยวนำจนปลิดชีพตัวเองได้สำเร็จทุกครั้ง...
ความน่ากลัวของอาโอคิกาฮาระนอกจากนี้คือ เมื่อเดินเข้าไปในป่า เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์จะใช้ไม่ได้ โทรศัพท์จะไม่มีสัญญาณ แม้แต่เข็มทิศยังหมุนติ้วไร้ทิศทาง แม้จะมีผู้พยายามพิสูจน์ว่า น่าจะมาจากปฏิกิริยาของแร่ใต้ดินที่เกิดจากภูเขาไฟ แต่นั่นก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไมคนถึงถูกดึงดูดมาฆ่าตัวตายที่นี่มากขนาดนี้...
ภาพแนบ: ป้ายเตือนในป่าว่า "ชีวิตเป็นของมีค่าที่พ่อแม่ให้มา โปรดไตร่ตรองอย่างใจเย็นถึงพ่อแม่พี่น้องและบุตรหลานอีกครั้ง อย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียว โปรดปรึกษาผู้อื่น พร้อมเบอร์สายด่วนสุขภาพจิต
ภาพแนบ: ผู้พันแซนเดอร์สตัวจริง ถ่ายในปี 1974
เรื่องที่ 6: ผี KFC
ท่านผู้อ่านคงทราบกันว่า KFC คือแบรนด์ไก่ทอดที่คิดค้นโดย “ผู้พันแซนเดอร์ส” คุณปู่หน้าตาใจดี ตัวค่อนข้างท้วม ผมขาวๆ มีเคราเล็กน้อย เหมือนซานตาครอส แต่รู้ไหมครับว่า สำหรับคนญี่ปุ่นบางส่วน เขาเชื่อว่าผู้พันแกเป็นผีเฮี้ยน!
ภาพแนบ: โดทงโบริ สังเกตได้ว่ามีคลองผ่ากลาง
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในปี 1985 เมื่อทีมเบสบอลแห่งภูมิภาคคันไซ “ฮันชินไทเกอร์ส” ได้ชัยในศึก “เจแปนซีรีส์” หรือรอบชิงชนะเลิศระหว่างแชมป์จากสองโปรลีกเบสบอลของญี่ปุ่นเพื่อหาอันดับหนึ่งในใต้หล้า (ลีกท๊อปเบสบอลญี่ปุ่น แบ่งเป็นสองสายได้แก่ “เซ็นทรัลลีก” ที่มีทีมชื่อดังสังกัดอย่าง โยมิอุริไจแอนท์สกับฮันชินไทเกอร์ และ “แปซิฟิคลีก” ที่มี ฟุคุโอกะซอฟต์แบงค์ฮอว์ค เป็นดาวเด่น) แฟนๆ ไทเกอร์สเลยดีใจมาก ฉลองกันใหญ่โต
แฟนจำนวนหนึ่งไปสังสรรค์กันที่โดทงโบริ (ย่านการค้าในโอซาก้าบริเวณเดียวกับที่มีป้ายกูลิโกะอยู่นั่นแหละ) แล้วด้วยความเมาหรืออะไรไม่ทราบ พวกเขาได้ขโมยรูปปั้นผู้พันแซนเดอร์สหน้าร้านเคเอฟซีมาโยนลงคลองไป!
*** อ่านต่อใน comment นะครับ ***