ต้องบอกเลยว่ากระเเสเเรงจริงๆสำหรับหนังไทยเรื่องนี้ ที่นับได้ว่าเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องรายได้เเละกระเเสคำวิจารณ์ที่ไปในทิศทางเดียวกันว่าดี
ผมต้องขอออกตัวก่อนว่าผมอินกับหนังเรื่องนี้มาก เพราะเหตุด้วย ครอบครัวผมเคยมีคุณยายเป็นร่างทรงครับ 555555 อันนี้คือเรื่องจริง เเละบรรยากาศต่างๆในหนังคือเเบบ ใช่เลย นี่เเหละร่างทรงของเเท้ คือต้องเเยกก่อนนะครับว่าร่างทรงเเท้ ร่างทรงเทียมเป็นยังไง ร่างทรงในไทยปัจจุบันผมขอเรียกว่าร่างทรงเทียมครับ เทียมเพราะอะไร เพราะมีการเรี่ยไรเงิน การใช้เงินมาเป็นตัวเเปรหลักในการทำพิธีกรรมต่างๆ หรือเรียกความศรัทธาเเละความเคารพ ซึ่งผิดหลักกับร่างทรงเเท้ตรงที่ ร่างทรงเเท้เน้นช่วยเหลือครับ เงินไม่มียังได้ ขอเเค่มีความทุกข์ร้อนใจต่างๆมาที่ทางการเเพทย์ปัจจุบันรักษาไม่หาย มาหาร่างทรงก็จะช่วยทำพิธีปัดเป่าเคราะห์ร้ายให้ทุเลาเบาบางลง ซึ่งเอาจริงๆนะ ร่างทรงสมัยก่อนที่ผมได้ประสบพบเจอมา มันจะมีมนต์ขลังเเปลกๆ คือมันขลัง ไม่ได้เต้นเเร้งเต้นกาเเบบปัจจุบันด้วย ไม่โอเวอร์ ไม่มีการภาษาเทพใดๆ เเต่จะสุขุม นุ่มลึก เเละส่วนใหญ่สังเกตุได้ครับร่างทรงเเท้จะไม่เข้าทรงเทพชั้นสูงครับ เเต่จะเข้าทรงผีบรรพบุรุษมากกว่า หรือผีรุขเวดา ผีปู่ย่าตายาย เเบบนั้น นั่นเเหละครับที่ผมเรียกว่าร่างทรงเเท้ เเต่เรื่องพวกนี้ก็เเล้วเเต่วิจารณญาณของเเต่ละบุคคล เเต่ถ้าใครเคยสัมผัสเเบบผมจะเข้าใจเเมสเสจของหนังเเละเข้าใจร่างทรงในเรื่องเป็นอย่างดี เกริ่นมาซะยืดยาว 555 เเต่อยากให้ผู้อ่านเข้าในร่างทรงก่อน ค่อยพาเข้าไปในเรื่องของร่างทรงในหนัง
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวติดตามกับถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับ ร่างทรง ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชาวอีสานให้ความเคารพและเรียกว่า "ย่าบาหยัน" โดยในภาพยนตร์จะทำให้เราสำรวจเรื่องราวความเชื่อในเรื่องของผี ร่างทรงและสิ่งลี้ลับต่างๆ ระหว่างที่ตามติดชีวิตการทำสารคดีร่างทรงนี้ เรื่องราวที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้นเมื่อ มิ้ง เริ่มมีอาการผิดแปลกไป แม้ทุกคนจะถามเพื่อความแน่ใจว่ามิ้งไม่ได้ไปตอบรับใครใช่หรือไม่ แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับมิ้งคืออะไร และ "ใคร" กันแน่ ที่อยู่ และหมายจะเอาร่างของมิ้งเป็น "ร่างทรง" คนต่อไป
บทหนังที่เรียล สมจริง ประหนึ่งเรากำลังนั่งดูชีวิตคนจริงๆ
ต้องขอบอกว่า GDH เรื่องบทภาพยนตร์นี่ผมไม่ห่วงเลย เเละเรื่องนี้ก็เป็นเช่นนั้น บทของเรื่องมันสะท้อนทุกๆอย่างที่เป็นคนไทยในภาคอีสานไว้ได้อย่างลงตัวเเละจริงที่สุด บทพูดที่เรียกว่าอีส๊านอีสาน ไม่ประดิษประดอยใดๆ เเล้วทุกอย่างถูกเล่าเรื่องด้วยการสมมุติให้มีทีมงานกำลังถ่ายทำครอบครัวนี้อยู่ มันจึงส่งผลให้เรื่องมีความเรียลคูณขึ้นไปอีก เหมือนเราได้นั่งดูสารคดีของครอบครัวนี้ ซึ่งหลายคนอาจมีความกังวนเรื่องว่าจะเป็นสารคดีเกินไปไหม จะเอื่อยหรือเปล่า ต้องขอบอกเลยว่า ไม่เลย เเต่กลับกันมุมมองของสารคดีเช่นนี้มันส่งผลให้ท้ายเรื่องนั้นดูหลอนมากกว่าการนั่งประดิษฐ์มุมกล้องเหมือนหนังผีทั่วไปซะอีก เพราะอย่างที่ผมย้ำไว้ว่า เพราะมันเรียล มันเลยดึงเอาความกลัวเราออกมาได้ ประหนึ่งดูรายการหมอปลา หรือล่าท้าผี ยังไงอย่างงั้น เเต่ต้องขอบอกว่าสำหรับใครที่ไม่ชินอาจมึนได้ เพราะกล้องไม่อยู่นิ่งๆนะครับ เเต่มันจะไปตามผู้ที่ถ่ายนั่นเองซึ่งนี่ถือเป็นศาสตร์หนึ่งของการถ่ายทำที่หนังต่างประเทศอาจมีเยอะเเล้ว เเต่เท่าที่ผมดู มันไม่อินเท่าการทำมุมกล้องของร่างทรง เพราะด้วยเหตุว่า นี่เป็นวัฒนธรรมของบ้านเราเอง การใส่มุมมองเเบบนี้ ผนวกกับวัฒนธรรมผีๆบ้านเรา บอกเลย มันโคตรจะลงตัว ส่งผลให้เรื่องน่ากลัวเข้าไปได้อีก
นักเเสดงที่มอบออสก้าให้เถอะถ้าพี่จะเล่นดีขนาดนี้
คือไม่มีข้อติอะไรของนักเเสดงในเรื่องเลย คือมันเเสดงจนเกินเบอร์ไปเเล้ว โดยเฉพาะมิ้ง
นริลญา กุลมงพลเพชร
รับบท มิ้งค์
ผู้หญิงที่กำลังจะถูกเลือกโดยย่าบาหยัน ให้เป็นร่างทรงคนถัดไป คือต้องบอกเลยว่ามิ้งที่เห็นในทีเซอร์ ยังไม่สุดเท่าเห็นในหนัง เห็นนักเเสดงหน้าใสๆเช่นนี้ คุณคงไม่คิดว่ามิ้งจะไปสุดสมกับคำว่า จากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้ คือลืมความสวยตอนต้นไปเลย ในตอนที่มิ้งโดนสิงโดยสมบูรณ์ เเสดงจนคราบความสวยหายไปหมด มาเเทนด้วยคำว่า "มุงเป็นตัวอะไรกันเเน่ฟะมิ้ง " 5555 อะโหเเล้วเเบบอย่างหลอน หน้าตา อากรับกริยา เมคอัพต่างๆ คือควรให้โล่รางวัลเเก่มิ้งจริงๆ เเสดงให้เห็นเลยว่านักเเสดงคือทุ่มสุดตัวมากๆ เเบบความสวยเอาไว้ก่อน บทนี้ฉันต้องหลอนเเละไปให้สุด อะไรเบอร์นั้นเลย
สวนีย์ อุทุมมา
รับบท นิ่ม
เอาจริงๆผมเห็นป้าเเกในหนังหลายเรื่องเเล้วนะ เเต่บทของป้าจะเป็นเเค่ตัวประกอบหรือไม่ก็ญาติบ้าง เเม่บ้าง หรือคนรับใช้บาง ไม่ค่อยมีบทเด่นให้ป้าเขาฉายเเววเลย เเต่ในบทของป้านิ่มนั้น คือบทที่ทำให้ป้าเเกเปรียบเป็นฮีโร่ของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ เรียกง่ายๆว่ามีป้าเเกที่ไหน อุ่นใจที่นั่นดีกว่า ผมไม่รู้นะว่า คุณ สวนีย์ อุทุมมา เขาเป็นคนภาคไหน ถ้าเป็นคนอีสานผมก็ขอชื่นชมในการเเสดง เเต่ถ้าเป็นคนภาคอื่นเเล้วว่าวอีสานได้ธรรมชาติขนาดนี้ คือผมกราบเท้างามๆเลย
บทของป้านิ่มนั้นเราก็รู้ๆกันอยู่ว่าเเกเป็นคนสืบทอดร่างทรงของ ย่าบาหยัน เเกจะเป็นคนทำพิธีต่างๆภายในเรื่อง ป้านิ่มเเสดงให้ผมเห็นว่า เออนี่ละร่างทรงของเเท้จริงๆ บทป้าที่เป็นร่างทรงคือเรียลมากเลยนะ คือดูเเล้วนึกถึงยายตัวเองเลย ร่างทรงของป้าจะเป็นร่างทรงเเบบไทยเเท้ๆครับ มีความขลังเเบบพิธีบ้านๆ การฟ้อนรำ บายศรี ดอกไม้ธูปเทียนนาๆ ผมว่าหากใครจะเป็นร่างทรงเเนะนำให้ไปเรียนการเเสดงกับป้าด่วนครับ 5555 เพราะขนาดร่างทรงที่ผมเห็นตามทีวี ยังไม่น่าเชื่อถือเท่าป้าเเกเเสดงเลย 5555 (ผมเเซวนะ ขำๆ)
ศิราณี ญาณกิตติกานต์
รับบท น้อย
บทนี้คือบทของเเม่มิ้งครับ เอาจริงๆตัวละครนี้ถึงไม่ได้เด่นเท่าสองคนข้างบนมากนะครับ เเต่บทของตัวละครตัวนี้คือ ความศรัทธาที่ขัดกันเเบบสองขั้วครับ ผมชอบมิติตัวละครตัวนี้มากตรงที่ว่า ป้าน้อยเเกเป็นคนนับถือคริสต์ครับ คือเข้าโบสถ์ สวดคำสรรเสริญชองพระเจ้าด้วย (เเต่ขายเนื้อหมา เอ๊ะงง 5555) เเต่พอเรื่องมิ้งเกิดขึ้นมา ป้าเเกต้องโยกมาเชื่อร่างทรงในฝั่งของป้านิ่ม ทำให้เราได้เห็นว่าคนเราเมื่อถึงยามคับขันไร้ทางออก หลักเกณฑ์ของศาสนาต่างๆดูด้อยค่าลงทันทีเมื่อเทียบกับความเชื่อของเราในทางที่เราคิดว่ามันจะช่วยเหลือเราได้ในยามที่เราไร้ทางออก เหมือนมนุษย์เราเลยครับที่ พอเอาเข้าจริงถ้าเจอเเบบป้าน้อย เราก็พร้อมที่จะละทิ้งอะไรบางอย่าง ความเชื่อเดิม ความหยิ่งยโส อีโก้นาๆ เพื่อที่จะไปทางใหม่ ทางที่เราคิดว่าจะพาเราออกจากจุดๆนี้ไปได้ บทป้าน้อยจึงเป็นตัวละครของความเชื่อทั้งสองฝั่งของศาสนา ระหว่างศาสนาคริสต์ที่เชื่อในพระเจ้า เเละศาสนาผี อย่างร่างทรง
ผีในเรื่องที่ไม่มีตัวตนเเต่มีบรรยากาศที่รู้ว่ามีผี?
ใช้ครับไม่มีผีปรากฎตัวจริงๆในเรื่องให้เราเห็นเลย เเต่ถามว่ามีผีไหม มีครับ โดยผีในเรื่องมาพร้อมกับบรรยากาศครับ ไม่ว่าจะลมกำเริบ เงา ภาพในกล้องวงจร หรือเเม้เเต่อาการของคนที่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนไปคลุ้มคลั่งต่างๆนาๆ ทั้งหมดทั้งมวลที่ผมกล่าวมา ผมนิยามทั้งหมดว่าผีครับ ร่างทรงคือหนังเรื่องที่หนังสยองขวัญเรื่องอื่นควรทำตาม โดยเฉพาะโกสต์เเล็บ ฉีกกฎทดลองผี ที่ฉายลง Netflix ไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา 555555 (ที่จะขอเปรียบเทียบหน่อยเถอะเพราะคันปาก) ที่ผมคิดว่าผีในเรื่องนั้นควรเอาอย่างผีในเรื่องร่างทรง 5555 เพราะร่างทรงตีความผีออกมาให้เรารู้สึกว่า มันจะเป็นผี หรือเรื่องบังเอิญ หรือเเค่อุปทานหมู่ หรืออาการทางจิตของมิ้งกันเเน่ นี่สิ คือรสชาติของการตีความ คือเราไม่เห็นผีด้วยซ้ำ เเต่เมื่อเราดูหนังไปเราจะสัมผัสได้เลยว่า ในเรื่องมันมีผี ไม่ช็อตใดก็ช็อตหนึ่ง มันคือจิตวิทยาทางด้านอารมณ์เเละบรรยากาศครับ ที่ผมว่ายังไงหนังผีก็ต้องมีอย่างขาดไม่ได้ เเล้วร่างทรงก็ชกหน้าหนังผีหลายๆเรื่องด้วยที่ว่า ไม่มีผีเลย เเต่คนกลับกลัวได้เฉย คือคนอื่นไม่รู้ละครับ เเต่สำหรับผมหนังเรื่องร่างทรงมันติดตาเเละติดอยู่ในหัว ทำให้เรากลับไปหลอนเอง ไม่ว่าจะการเเสดงของนักเเสดง เนื้อเรื่องที่มันสมจริงจนเราคิดว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้จริง โดยเมื่อทุกอย่างมันมาผสมลงล็อคได้ที เเน่นอนว่ามันดึงเอาความกลัวของเราออกมา ผ่านทางประสบการณ์ที่เราก็เคยๆเห็นกันในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าที คนทรง การบนบานศาลกล่าว นั่นเเหละครับคือสิ่งที่ผู้กำกับร่างทรงสามรถพาคนไทยให้ไปเเตะเเละสัมผัมตรงนั้นได้ เหมือนผู้กำกับรู้ว่าคนไทยนั้นกลัวอะไร ก็ใส่บรรยากาศเเบบนั้นเเหละลงมา ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าดีมาก
โปรดักชั่นเเละโลเคชั่นที่เรียกผีมากๆ ขนาดผีจริงยังกลัว
คือไม่รู้นะว่าทีมงานไปสรรหาโลเคชั่นเเบบนั้นมาจากไหน น่ากลัวจริงๆ รวมถึงการเซ็ทฉากต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากทำพิธีกรรม ที่ผมบอกเลยว่าสมจริงครับ เพราะผมเคยผ่านพิธีเเบบนั้นมาเเล้วเเละรับรู้ได้ทันทีว่า เขาเซ็ตตามหลักของจริง อาจจะมีเเต่งเเต้มไปบ้างใหนดูขลังขึ้น เเต่โดยรวมมันคือเรื่องจริงของพิธีกรรมร่างทรงเเบบดั้งเดิมเลย ไม่ว่าจะตึกร้าง บายศรี ลงยันต์ น้ำมนต์ มันดูไม่ประดิษฐ์ประดอยเกินจริงไปเเม้เเต่น้อย เเต่มันกลับทำให้เราเชื่อว่าพิธีกรรมนั้นมันสามรถเกิดขึ้นจริงได้ ไม่ว่าทีมงานจะเซ็ตจากของจริง หรือเเต่งขึ้นมาเอง เเต่โดยรวมเเล้วทำให้เราใจเต้นได้ เเล้วรับรู้ถึงมนต์สะกดเเปลกๆ ที่ปนทั้งความน่าเชื่อเเละความน่ากลัวของพิธีในคราวเดียวกัน
หนังผีที่ภาพสวย เเสงดี เเต่ก็เรียล เเต่ก็น่ากลัวด้วย เเต่ก็ดิบเด้วย (เอ๊ะผมยังงง 555)
ตามหัวข้อจริงๆมันมีครบทุกองก์เลย คือเรื่องการถ่ายทำเเบบกล้องสารคดีตามติดที่หลายคนอาจคิดว่าภาพคงไม่สวย กล้องสั่น เเต่เอาจริงนะ ภาพในเรื่องสวยมาก คมกริบ เกลี่ยเเสงดี เเต่ก็เรียลจนเรางง คือมันลงตัวครับ มันลงตัวทั้งเรื่องมุมภาพ สี-เเสงที่ไม่มากเเละไม่น้อย มีศิลปะทางภาพยตร์ หรือเปรียบเทียบชัดๆกับเดอะคอนเจอร์ริ่ง (ภาค 1-2 ไม่นับภาค 3 นะ อิอิ) เเบบนั้นเเหละ หนังสยองขวัญผีที่ภาพสวย เเต่ก็หลอน เเล้วเเถมเรื่องร่างทรงยังพกความดิบเถื่อนมาตอนท้ายเรื่องอีก ที่เรียกว่ามีกระซวกใส้ตับไตไหลกันมาทีเดียว เเต่เเปลกนะ มันพอดี ไม่เยอะเละเทะ เเต่มันน่ากลัวกว่าหนังหลายๆเรื่องที่ทำให้เห็นจะๆซะอีก เเต่เรทก็ 20 + พอควรเลย เพราะมีฉากเซ็กส์ด้วยที่เรียกว่า........ จันดาราฉบับย่อๆเลยก็ว่าได้ 5555 จนเเอบมีตกใจเพราะมันเรียล
บทสรุปชวนน่าขบคิดถึงเหตุผลทั้งหมดภายในเรื่อง
การชวนคิดต่อมันมีเสน่ห์อย่างหนึ่งของภาพยตร์ที่ให้เราชวนคิดตอนจบของเรื่องด้วยตัวของเราเอง เสมือนบริหารความคิดเเละการตกตะกอนไปในตัวเอง เเต่บทสรุปของเรื่องนี้ทรงพลังมากนะครับ เเละตีเเสกหน้าของเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาได้ดีเลย มันช่วนให้เรามาขบคิดว่าเเล้วมันคืออะไรกันเเน่ล่ะ จริงหรือหลอก สุดท้ายก็คงอยู่ที่วิจารณญาณส่วนบุคคลที่ต้องไปพิสูธด้วยตนเอง กับ
"ร่างทรง"
ร่างทรง รีวิวไม่สปอย์ (หนังผีดีที่สะท้อนศาสนาผีของไทย)
ต้องบอกเลยว่ากระเเสเเรงจริงๆสำหรับหนังไทยเรื่องนี้ ที่นับได้ว่าเป็นหนังที่ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องรายได้เเละกระเเสคำวิจารณ์ที่ไปในทิศทางเดียวกันว่าดี
ผมต้องขอออกตัวก่อนว่าผมอินกับหนังเรื่องนี้มาก เพราะเหตุด้วย ครอบครัวผมเคยมีคุณยายเป็นร่างทรงครับ 555555 อันนี้คือเรื่องจริง เเละบรรยากาศต่างๆในหนังคือเเบบ ใช่เลย นี่เเหละร่างทรงของเเท้ คือต้องเเยกก่อนนะครับว่าร่างทรงเเท้ ร่างทรงเทียมเป็นยังไง ร่างทรงในไทยปัจจุบันผมขอเรียกว่าร่างทรงเทียมครับ เทียมเพราะอะไร เพราะมีการเรี่ยไรเงิน การใช้เงินมาเป็นตัวเเปรหลักในการทำพิธีกรรมต่างๆ หรือเรียกความศรัทธาเเละความเคารพ ซึ่งผิดหลักกับร่างทรงเเท้ตรงที่ ร่างทรงเเท้เน้นช่วยเหลือครับ เงินไม่มียังได้ ขอเเค่มีความทุกข์ร้อนใจต่างๆมาที่ทางการเเพทย์ปัจจุบันรักษาไม่หาย มาหาร่างทรงก็จะช่วยทำพิธีปัดเป่าเคราะห์ร้ายให้ทุเลาเบาบางลง ซึ่งเอาจริงๆนะ ร่างทรงสมัยก่อนที่ผมได้ประสบพบเจอมา มันจะมีมนต์ขลังเเปลกๆ คือมันขลัง ไม่ได้เต้นเเร้งเต้นกาเเบบปัจจุบันด้วย ไม่โอเวอร์ ไม่มีการภาษาเทพใดๆ เเต่จะสุขุม นุ่มลึก เเละส่วนใหญ่สังเกตุได้ครับร่างทรงเเท้จะไม่เข้าทรงเทพชั้นสูงครับ เเต่จะเข้าทรงผีบรรพบุรุษมากกว่า หรือผีรุขเวดา ผีปู่ย่าตายาย เเบบนั้น นั่นเเหละครับที่ผมเรียกว่าร่างทรงเเท้ เเต่เรื่องพวกนี้ก็เเล้วเเต่วิจารณญาณของเเต่ละบุคคล เเต่ถ้าใครเคยสัมผัสเเบบผมจะเข้าใจเเมสเสจของหนังเเละเข้าใจร่างทรงในเรื่องเป็นอย่างดี เกริ่นมาซะยืดยาว 555 เเต่อยากให้ผู้อ่านเข้าในร่างทรงก่อน ค่อยพาเข้าไปในเรื่องของร่างทรงในหนัง
เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวติดตามกับถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับ ร่างทรง ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชาวอีสานให้ความเคารพและเรียกว่า "ย่าบาหยัน" โดยในภาพยนตร์จะทำให้เราสำรวจเรื่องราวความเชื่อในเรื่องของผี ร่างทรงและสิ่งลี้ลับต่างๆ ระหว่างที่ตามติดชีวิตการทำสารคดีร่างทรงนี้ เรื่องราวที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้นเมื่อ มิ้ง เริ่มมีอาการผิดแปลกไป แม้ทุกคนจะถามเพื่อความแน่ใจว่ามิ้งไม่ได้ไปตอบรับใครใช่หรือไม่ แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับมิ้งคืออะไร และ "ใคร" กันแน่ ที่อยู่ และหมายจะเอาร่างของมิ้งเป็น "ร่างทรง" คนต่อไป
บทหนังที่เรียล สมจริง ประหนึ่งเรากำลังนั่งดูชีวิตคนจริงๆ
ต้องขอบอกว่า GDH เรื่องบทภาพยนตร์นี่ผมไม่ห่วงเลย เเละเรื่องนี้ก็เป็นเช่นนั้น บทของเรื่องมันสะท้อนทุกๆอย่างที่เป็นคนไทยในภาคอีสานไว้ได้อย่างลงตัวเเละจริงที่สุด บทพูดที่เรียกว่าอีส๊านอีสาน ไม่ประดิษประดอยใดๆ เเล้วทุกอย่างถูกเล่าเรื่องด้วยการสมมุติให้มีทีมงานกำลังถ่ายทำครอบครัวนี้อยู่ มันจึงส่งผลให้เรื่องมีความเรียลคูณขึ้นไปอีก เหมือนเราได้นั่งดูสารคดีของครอบครัวนี้ ซึ่งหลายคนอาจมีความกังวนเรื่องว่าจะเป็นสารคดีเกินไปไหม จะเอื่อยหรือเปล่า ต้องขอบอกเลยว่า ไม่เลย เเต่กลับกันมุมมองของสารคดีเช่นนี้มันส่งผลให้ท้ายเรื่องนั้นดูหลอนมากกว่าการนั่งประดิษฐ์มุมกล้องเหมือนหนังผีทั่วไปซะอีก เพราะอย่างที่ผมย้ำไว้ว่า เพราะมันเรียล มันเลยดึงเอาความกลัวเราออกมาได้ ประหนึ่งดูรายการหมอปลา หรือล่าท้าผี ยังไงอย่างงั้น เเต่ต้องขอบอกว่าสำหรับใครที่ไม่ชินอาจมึนได้ เพราะกล้องไม่อยู่นิ่งๆนะครับ เเต่มันจะไปตามผู้ที่ถ่ายนั่นเองซึ่งนี่ถือเป็นศาสตร์หนึ่งของการถ่ายทำที่หนังต่างประเทศอาจมีเยอะเเล้ว เเต่เท่าที่ผมดู มันไม่อินเท่าการทำมุมกล้องของร่างทรง เพราะด้วยเหตุว่า นี่เป็นวัฒนธรรมของบ้านเราเอง การใส่มุมมองเเบบนี้ ผนวกกับวัฒนธรรมผีๆบ้านเรา บอกเลย มันโคตรจะลงตัว ส่งผลให้เรื่องน่ากลัวเข้าไปได้อีก
นักเเสดงที่มอบออสก้าให้เถอะถ้าพี่จะเล่นดีขนาดนี้
คือไม่มีข้อติอะไรของนักเเสดงในเรื่องเลย คือมันเเสดงจนเกินเบอร์ไปเเล้ว โดยเฉพาะมิ้ง
นริลญา กุลมงพลเพชร
รับบท มิ้งค์
ผู้หญิงที่กำลังจะถูกเลือกโดยย่าบาหยัน ให้เป็นร่างทรงคนถัดไป คือต้องบอกเลยว่ามิ้งที่เห็นในทีเซอร์ ยังไม่สุดเท่าเห็นในหนัง เห็นนักเเสดงหน้าใสๆเช่นนี้ คุณคงไม่คิดว่ามิ้งจะไปสุดสมกับคำว่า จากหน้ามือเป็นหลังเท้าได้ คือลืมความสวยตอนต้นไปเลย ในตอนที่มิ้งโดนสิงโดยสมบูรณ์ เเสดงจนคราบความสวยหายไปหมด มาเเทนด้วยคำว่า "มุงเป็นตัวอะไรกันเเน่ฟะมิ้ง " 5555 อะโหเเล้วเเบบอย่างหลอน หน้าตา อากรับกริยา เมคอัพต่างๆ คือควรให้โล่รางวัลเเก่มิ้งจริงๆ เเสดงให้เห็นเลยว่านักเเสดงคือทุ่มสุดตัวมากๆ เเบบความสวยเอาไว้ก่อน บทนี้ฉันต้องหลอนเเละไปให้สุด อะไรเบอร์นั้นเลย
สวนีย์ อุทุมมา
รับบท นิ่ม
เอาจริงๆผมเห็นป้าเเกในหนังหลายเรื่องเเล้วนะ เเต่บทของป้าจะเป็นเเค่ตัวประกอบหรือไม่ก็ญาติบ้าง เเม่บ้าง หรือคนรับใช้บาง ไม่ค่อยมีบทเด่นให้ป้าเขาฉายเเววเลย เเต่ในบทของป้านิ่มนั้น คือบทที่ทำให้ป้าเเกเปรียบเป็นฮีโร่ของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ เรียกง่ายๆว่ามีป้าเเกที่ไหน อุ่นใจที่นั่นดีกว่า ผมไม่รู้นะว่า คุณ สวนีย์ อุทุมมา เขาเป็นคนภาคไหน ถ้าเป็นคนอีสานผมก็ขอชื่นชมในการเเสดง เเต่ถ้าเป็นคนภาคอื่นเเล้วว่าวอีสานได้ธรรมชาติขนาดนี้ คือผมกราบเท้างามๆเลย
บทของป้านิ่มนั้นเราก็รู้ๆกันอยู่ว่าเเกเป็นคนสืบทอดร่างทรงของ ย่าบาหยัน เเกจะเป็นคนทำพิธีต่างๆภายในเรื่อง ป้านิ่มเเสดงให้ผมเห็นว่า เออนี่ละร่างทรงของเเท้จริงๆ บทป้าที่เป็นร่างทรงคือเรียลมากเลยนะ คือดูเเล้วนึกถึงยายตัวเองเลย ร่างทรงของป้าจะเป็นร่างทรงเเบบไทยเเท้ๆครับ มีความขลังเเบบพิธีบ้านๆ การฟ้อนรำ บายศรี ดอกไม้ธูปเทียนนาๆ ผมว่าหากใครจะเป็นร่างทรงเเนะนำให้ไปเรียนการเเสดงกับป้าด่วนครับ 5555 เพราะขนาดร่างทรงที่ผมเห็นตามทีวี ยังไม่น่าเชื่อถือเท่าป้าเเกเเสดงเลย 5555 (ผมเเซวนะ ขำๆ)
ศิราณี ญาณกิตติกานต์
รับบท น้อย
บทนี้คือบทของเเม่มิ้งครับ เอาจริงๆตัวละครนี้ถึงไม่ได้เด่นเท่าสองคนข้างบนมากนะครับ เเต่บทของตัวละครตัวนี้คือ ความศรัทธาที่ขัดกันเเบบสองขั้วครับ ผมชอบมิติตัวละครตัวนี้มากตรงที่ว่า ป้าน้อยเเกเป็นคนนับถือคริสต์ครับ คือเข้าโบสถ์ สวดคำสรรเสริญชองพระเจ้าด้วย (เเต่ขายเนื้อหมา เอ๊ะงง 5555) เเต่พอเรื่องมิ้งเกิดขึ้นมา ป้าเเกต้องโยกมาเชื่อร่างทรงในฝั่งของป้านิ่ม ทำให้เราได้เห็นว่าคนเราเมื่อถึงยามคับขันไร้ทางออก หลักเกณฑ์ของศาสนาต่างๆดูด้อยค่าลงทันทีเมื่อเทียบกับความเชื่อของเราในทางที่เราคิดว่ามันจะช่วยเหลือเราได้ในยามที่เราไร้ทางออก เหมือนมนุษย์เราเลยครับที่ พอเอาเข้าจริงถ้าเจอเเบบป้าน้อย เราก็พร้อมที่จะละทิ้งอะไรบางอย่าง ความเชื่อเดิม ความหยิ่งยโส อีโก้นาๆ เพื่อที่จะไปทางใหม่ ทางที่เราคิดว่าจะพาเราออกจากจุดๆนี้ไปได้ บทป้าน้อยจึงเป็นตัวละครของความเชื่อทั้งสองฝั่งของศาสนา ระหว่างศาสนาคริสต์ที่เชื่อในพระเจ้า เเละศาสนาผี อย่างร่างทรง
ผีในเรื่องที่ไม่มีตัวตนเเต่มีบรรยากาศที่รู้ว่ามีผี?
ใช้ครับไม่มีผีปรากฎตัวจริงๆในเรื่องให้เราเห็นเลย เเต่ถามว่ามีผีไหม มีครับ โดยผีในเรื่องมาพร้อมกับบรรยากาศครับ ไม่ว่าจะลมกำเริบ เงา ภาพในกล้องวงจร หรือเเม้เเต่อาการของคนที่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนไปคลุ้มคลั่งต่างๆนาๆ ทั้งหมดทั้งมวลที่ผมกล่าวมา ผมนิยามทั้งหมดว่าผีครับ ร่างทรงคือหนังเรื่องที่หนังสยองขวัญเรื่องอื่นควรทำตาม โดยเฉพาะโกสต์เเล็บ ฉีกกฎทดลองผี ที่ฉายลง Netflix ไปเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา 555555 (ที่จะขอเปรียบเทียบหน่อยเถอะเพราะคันปาก) ที่ผมคิดว่าผีในเรื่องนั้นควรเอาอย่างผีในเรื่องร่างทรง 5555 เพราะร่างทรงตีความผีออกมาให้เรารู้สึกว่า มันจะเป็นผี หรือเรื่องบังเอิญ หรือเเค่อุปทานหมู่ หรืออาการทางจิตของมิ้งกันเเน่ นี่สิ คือรสชาติของการตีความ คือเราไม่เห็นผีด้วยซ้ำ เเต่เมื่อเราดูหนังไปเราจะสัมผัสได้เลยว่า ในเรื่องมันมีผี ไม่ช็อตใดก็ช็อตหนึ่ง มันคือจิตวิทยาทางด้านอารมณ์เเละบรรยากาศครับ ที่ผมว่ายังไงหนังผีก็ต้องมีอย่างขาดไม่ได้ เเล้วร่างทรงก็ชกหน้าหนังผีหลายๆเรื่องด้วยที่ว่า ไม่มีผีเลย เเต่คนกลับกลัวได้เฉย คือคนอื่นไม่รู้ละครับ เเต่สำหรับผมหนังเรื่องร่างทรงมันติดตาเเละติดอยู่ในหัว ทำให้เรากลับไปหลอนเอง ไม่ว่าจะการเเสดงของนักเเสดง เนื้อเรื่องที่มันสมจริงจนเราคิดว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้จริง โดยเมื่อทุกอย่างมันมาผสมลงล็อคได้ที เเน่นอนว่ามันดึงเอาความกลัวของเราออกมา ผ่านทางประสบการณ์ที่เราก็เคยๆเห็นกันในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าที คนทรง การบนบานศาลกล่าว นั่นเเหละครับคือสิ่งที่ผู้กำกับร่างทรงสามรถพาคนไทยให้ไปเเตะเเละสัมผัมตรงนั้นได้ เหมือนผู้กำกับรู้ว่าคนไทยนั้นกลัวอะไร ก็ใส่บรรยากาศเเบบนั้นเเหละลงมา ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าดีมาก
โปรดักชั่นเเละโลเคชั่นที่เรียกผีมากๆ ขนาดผีจริงยังกลัว
คือไม่รู้นะว่าทีมงานไปสรรหาโลเคชั่นเเบบนั้นมาจากไหน น่ากลัวจริงๆ รวมถึงการเซ็ทฉากต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากทำพิธีกรรม ที่ผมบอกเลยว่าสมจริงครับ เพราะผมเคยผ่านพิธีเเบบนั้นมาเเล้วเเละรับรู้ได้ทันทีว่า เขาเซ็ตตามหลักของจริง อาจจะมีเเต่งเเต้มไปบ้างใหนดูขลังขึ้น เเต่โดยรวมมันคือเรื่องจริงของพิธีกรรมร่างทรงเเบบดั้งเดิมเลย ไม่ว่าจะตึกร้าง บายศรี ลงยันต์ น้ำมนต์ มันดูไม่ประดิษฐ์ประดอยเกินจริงไปเเม้เเต่น้อย เเต่มันกลับทำให้เราเชื่อว่าพิธีกรรมนั้นมันสามรถเกิดขึ้นจริงได้ ไม่ว่าทีมงานจะเซ็ตจากของจริง หรือเเต่งขึ้นมาเอง เเต่โดยรวมเเล้วทำให้เราใจเต้นได้ เเล้วรับรู้ถึงมนต์สะกดเเปลกๆ ที่ปนทั้งความน่าเชื่อเเละความน่ากลัวของพิธีในคราวเดียวกัน
หนังผีที่ภาพสวย เเสงดี เเต่ก็เรียล เเต่ก็น่ากลัวด้วย เเต่ก็ดิบเด้วย (เอ๊ะผมยังงง 555)
ตามหัวข้อจริงๆมันมีครบทุกองก์เลย คือเรื่องการถ่ายทำเเบบกล้องสารคดีตามติดที่หลายคนอาจคิดว่าภาพคงไม่สวย กล้องสั่น เเต่เอาจริงนะ ภาพในเรื่องสวยมาก คมกริบ เกลี่ยเเสงดี เเต่ก็เรียลจนเรางง คือมันลงตัวครับ มันลงตัวทั้งเรื่องมุมภาพ สี-เเสงที่ไม่มากเเละไม่น้อย มีศิลปะทางภาพยตร์ หรือเปรียบเทียบชัดๆกับเดอะคอนเจอร์ริ่ง (ภาค 1-2 ไม่นับภาค 3 นะ อิอิ) เเบบนั้นเเหละ หนังสยองขวัญผีที่ภาพสวย เเต่ก็หลอน เเล้วเเถมเรื่องร่างทรงยังพกความดิบเถื่อนมาตอนท้ายเรื่องอีก ที่เรียกว่ามีกระซวกใส้ตับไตไหลกันมาทีเดียว เเต่เเปลกนะ มันพอดี ไม่เยอะเละเทะ เเต่มันน่ากลัวกว่าหนังหลายๆเรื่องที่ทำให้เห็นจะๆซะอีก เเต่เรทก็ 20 + พอควรเลย เพราะมีฉากเซ็กส์ด้วยที่เรียกว่า........ จันดาราฉบับย่อๆเลยก็ว่าได้ 5555 จนเเอบมีตกใจเพราะมันเรียล
บทสรุปชวนน่าขบคิดถึงเหตุผลทั้งหมดภายในเรื่อง
การชวนคิดต่อมันมีเสน่ห์อย่างหนึ่งของภาพยตร์ที่ให้เราชวนคิดตอนจบของเรื่องด้วยตัวของเราเอง เสมือนบริหารความคิดเเละการตกตะกอนไปในตัวเอง เเต่บทสรุปของเรื่องนี้ทรงพลังมากนะครับ เเละตีเเสกหน้าของเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาได้ดีเลย มันช่วนให้เรามาขบคิดว่าเเล้วมันคืออะไรกันเเน่ล่ะ จริงหรือหลอก สุดท้ายก็คงอยู่ที่วิจารณญาณส่วนบุคคลที่ต้องไปพิสูธด้วยตนเอง กับ
"ร่างทรง"