JJNY : ‘วายจี’เผย‘ลิซ่า’เคาต์ดาวน์ที่ไทยไม่ได้│'แบงก์ชาติ'เตือนหนี้ท่วม│ประจวบฯเลื่อนเปิดสถานศึกษา│สิงคโปร์ติดโควิดพุ่ง

‘วายจี’ เผย ‘ลิซ่า’ ร่วมงานเคาต์ดาวน์ที่ไทยไม่ได้ เหตุตารางงานกำหนดไว้แล้ว
https://www.matichon.co.th/entertainment/interstars/news_3013892
 
 
‘วายจี’ เผย ‘ลิซ่า’ ร่วมงานเคาต์ดาวน์ที่ไทยไม่ได้ เหตุตารางงานกำหนดไว้แล้ว
 
บริษัทวายจี เอ็นเตอร์เทนเมนต์ บริษัทต้นสังกัตของ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล สมาชิกวงแบล็กพิงค์ ชาวไทย ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 28 ตุลาคม ระบุว่า ลิซ่า ไม่สามารถมาร่วมงานเคาต์ดาวน์ที่ประเทศไทยได้ตามที่มีกระแสข่าวไปก่อนหน้านี้ เนื่องจากตารางงานได้กำหนดไว้แล้ว
โดยข้อความระบุว่า
 
เนื่องจากมีการรายงานข่าวว่า ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ซึ่งเป็นศิลปินในสังกัดของทางบริษัทฯ จะเข้า ร่วมงานเดานด์ดาวน์ฉลองปีใหม่ ณ ประเทศไทย ทาง YG Entertainment ขอเรียนชี้แจง ดังนี้
 
ทางเรารู้สึกขอบคุณและเป็นกียรติอย่างสูง ที่ได้รับการติดต่อให้ศิลปินในสังกัดเข้าร่วมงานดังกล่าวแต่ทางบริษัทฯ ต้องขอแจ้งให้ทราบว่า ลิซ่า ไม่สมารถร่วมงานได้ ด้วยตารางงานที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ทางบริษัทฯ จึงเรียนแจ้งเพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ขอขอบคุณที่ติดตามผลงานของศิลปินเป็นอย่างดีมาโดยตลอด



'แบงก์ชาติ' เตือนคนไทยหนี้ท่วม ไม่มีเงินสำรองถ้าหยุดงาน 3 เดือน
https://www.matichon.co.th/economy/news_3013723

‘แบงก์ชาติ’ เตือนคนไทยหนี้ท่วม ไม่มีเงินสำรองถ้าหยุดงาน 3 เดือน
 
นางสาวนวพร มหารักขกะ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายบริหารความเสี่ยงองค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ร่วมกับ สำนักงานสถิติแห่งชาติในการสำรวจระดับทักษะทางการเงินของคนไทยตามกรอบของ The Organization for Economic Co-operation and Development (OECD) เป็นครั้งที่ 8 ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างทุกจังหวัดทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 11,901 ครัวเรือน เพื่อเป็นข้อมูลในการพัฒนาทักษะทางการเงินของคนไทย และสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินที่ดี
 
ภาพรวมผลการสำรวจปี 2563 พบว่าคนไทยมีพัฒนาการระดับทักษะทางการเงินดีขึ้นอยู่ที่ 71% สูงกว่าการสำรวจครั้งก่อนในปี 2561 อยู่ที่ 66.2% และสูงกว่าค่าเฉลี่ยการสำรวจทักษะทางการเงิน
 
ครั้งล่าสุดของ OECD ในปี 2563 อยู่ที่ 60.5% เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของทักษะทางการเงินทั้ง 3 ด้าน พบว่าคนไทยมีพัฒนาการดีขึ้นในทุกด้าน โดยความรู้ทางการเงินอยู่ที่ 62.9% ในปี 2561 อยู่ที่ 55.7% ปรับตัวดีขึ้นในทุกหัวข้อ แต่ยังมีหัวข้อที่สามารถพัฒนาและส่งเสริมเพิ่มเติม ได้แก่ การคำนวณดอกเบี้ยเงินฝากทบต้น การกระจายความเสี่ยงในการลงทุน และมูลค่าของเงินตามกาลเวลา
 
ด้านพฤติกรรมทางการเงินอยู่ที่ 71.1% ในปี 2561 อยู่ที่ 67.8% โดยหัวข้อการจัดสรรเงินก่อนใช้และศึกษาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือมีคะแนนเพิ่มขึ้นมาก อย่างไรก็ดี หัวข้อการบริหารจัดการเงินเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเงินไม่พอใช้มีคะแนนลดลง ขณะที่ด้านทัศนคติทางการเงินอยู่ที่ 82% ในปี 2561 อยู่ที่ 78.0%พัฒนาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทัศนคติในเรื่องการวางแผนเพื่ออนาคตในระยะยาวเป็นหัวข้อที่มีพัฒนาการจากปี 2561 มากที่สุด ซึ่งความไม่มั่นคงทางรายได้จากวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 น่าจะมีส่วนทำให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญในการเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคตมากขึ้น
 
สำหรับการสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมการออม พบว่าสัดส่วนผู้มีเงินออมในกลุ่มตัวอย่างเพิ่มขึ้นเป็น 74.7% ในปี 2561 อยู่ที่ 72.0% และคนส่วนใหญ่มีความตระหนักเรื่องการออมเงินเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน และการออมเพื่อการเกษียณ ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ประชาชนตระหนักถึงความจำเป็นของการเก็บเงินสำรองมากขึ้น อย่างไรก็ดี มีเพียง 38% ที่มีเงินสำรองอยู่ได้เกิน 3 เดือนหากต้องหยุดงานกะทันหัน แสดงให้เห็นว่ายังมีความจำเป็นต้องส่งเสริมการออมให้บรรลุเป้าหมาย ทั้งนี้ แรงจูงใจสำคัญในการออมมาจากการมีเป้าหมายหรือแผนที่ชัดเจนที่จะต้องใช้เงินในอนาคต แต่มีเพียง 19.7% ที่จัดสรรเงินเพื่อออมก่อนนำเงินไปใช้จ่ายจึงอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เป้าหมายการออมไม่สำเร็จ
 
“จากสถานการณ์โควิด ความเปราะบางทางเงินของคนไทยสะท้อนจากตัวเลขหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงตัวเลขการขอปรับโครงสร้างหนี้ อย่างไรก็ตามจากการสำรวจในครั้งนี้ก็ได้สะท้อนว่าคนกว่า 62% ไม่มีเงินสำรองหากต้องหยุดงาน 3 เดือน ซึ่งมีความเปราะบางมากทีเดียว” นางสาวนวพร กล่าว



ยอดโควิดยังสูง! ประจวบฯเลื่อนเปิดสถานศึกษาเป็น 15 พ.ย.นี้
https://www.tnnthailand.com/news/local/94958/

มติคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดประจวบฯ มีมติเลื่อเปิดสถานศึกษาเป็น 15 พ.ย. หลังยอดโควิดยังสูง

วันนี้( 28 ต.ค.64) นายเจนวิท ผลิศักดิ์ รักษาการแทนสาธารณสุขอำเภอหัวหิน กล่าวว่า กรณีการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ของสถานศึกษาในจ.ประจวบฯนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีมติให้สถานศึกษาทุกสังกัดในจังหวัดเลื่อนวันเปิดการเรียนการสอนที่โรงเรียน จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 พ.ย.64 ออกไปก่อน เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด 19 ของจ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังคงมีผู้ติดเชื้อรายวันสูงอยู่ซึ่งวันนี้พบผู้ป่วย 280 รายเสียชีวิต 2 ราย

ประกอบกับขณะนี้อยู่ระหว่างบุลากรการแพทย์ในทุกอำเภอ เร่งดำเนินการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเด็กนักเรียนอายุ 12 -18 ปีให้ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็ม ซึ่งคาดว่าจะเรียบร้อยในปลายเดือนนี้ จากนั้นต้องรอภูมิคุ้มกันขึ้นประมาณ 2 สัปดาห์ รวมทั้งจะต้องพิจารณาแนวทางของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขร่วมด้วย
 
เบื้องต้นจึงเห็นควรให้เลื่อนวันเปิดการเรียนการสอนที่โรงเรียนไปเป็นวันที่ 15 พ.ย.64
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่