ล่าสุดราคาหน้าปั๊มในไทยเสียงแตก ราคาไม่เท่ากันอย่างที่เคยเป็นมา เหตุเพราะสถานการณ์น้ำมันโลกปรับขึ้นราคาแบบไม่มีเบรก ส่งผลให้ปั๊มน้ำมันในไทยบางปั๊มปรับขึ้นตามตลาดทันที บางปั๊มชะลอการปรับขึ้นแล้ว แต่ทนตลาดไม่ไหว และยังมีบางปั๊มยังฝืนสวนกระแสตลาดโลกจนเฮือกสุดท้าย
มาดูกันว่า มีปั๊มไหนบ้างที่มีการปรับราคาขึ้นไปแล้ว และปั๊มไหนที่ยังคงชะลอการปรับราคาขึ้นสวนทิศทางราคาน้ำมันโลก
ภาพด้านบนนี้ เป็นข้อมูลราคาน้ำมันหน้าปั๊มในไทย ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2564 ... จขกท. ลองแบ่งช่วงราคาเป็น 3 กลุ่มคร่าว ๆ โดยมีราคาหน้าปั๊มสูงสุด ราคาตรงกลาง และราคาน้อยที่สุด ส่วนชนิดน้ำมันที่หยิบยกราคามา เป็นเบนซิน(แก๊สโซฮอล์95) และดีเซล(B10)
- ปั๊มที่มีราคาน้ำมันสูงสุด(สีแดง) เป็นปั๊มต่างชาติทั้งหมด และปั๊มที่มีราคาสูงที่สุด คือปั๊ม Shell ราคาเบนซินอยู่ที่ 34.05 บาท/ลิตร ส่วนดีเซลอยู่ที่ 30.29 บาท/ลิตร (ราคาเกินที่รัฐฯตรึงไว้คือ 30 บาท/ลิตร)
- ปั๊มที่มีราคาสูงรองลงมา(สีส้ม) คือ ปั๊ม Susco และ ปั๊ม PT ปั๊มไทยที่ฝืนราคาตลาดไม่ไหว ขึ้นไปแล้วเหมือนกันวันนี้ โดยปั๊ม Susco ราคาเบนซินอยู่ที่ 32.45 บาท/ลิตร ส่วนดีเซลอยู่ที่ 29.69 บาท/ลิตร และปั๊ม PT ราคาเบนซินอยู่ที่ 32.25 บาท/ลิตร ส่วนดีเซลอยู่ที่ 29.69 บาท/ลิตร
- ปั๊มที่ยังฝืนราคาตลาดโลก(สีเขียว) คือ PTT และบางจาก เป็นสองปั๊มไทย ที่ขึ้นราคารั้งท้ายเพื่อน และราคาทั้งสองปั๊มยังเท่ากัน โดยเบนซินราคาอยู่ที่ 31.95 บาท/ลิตร ส่วนดีเซลอยู่ที่ 29.29 บาท/ลิตร
โดยปกติแล้วเวลาที่ตลาดน้ำมันโลก รวมถึงตลาดน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์มีการปรับราคาขึ้น-ลงทีไร ทุก ๆ ปั๊มในไทย จะมีการปรับราคาเหมือนกัน และราคาหน้าปั๊มจะเท่ากันเสมอ แต่ในช่วงนี้ ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นมาตลาดน้ำมันโลกปรับตัวขึ้นสูงมาก
ปัจจัยหลักมาจากการที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้น ทำให้อุปสงค์หรือความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกเร่งตัวขึ้นตาม แต่อุปทานกลับไม่สามารถตอบสนองกับการเติบโตของอุปสงค์ได้ อย่างเช่น วิกฤตพลังงานที่เกิดขึ้นในเอเชียและยุโรป เนื่องจากการขาดแคลนถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันดิบเพิ่มมากขึ้น และทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น
เลยคิดว่า "
การที่ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น ในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้า ทำให้ปั๊มน้ำมันในไทยเสียงแตก" อย่างปั๊มต่างชาติต้องการปรับราคาตามกลไกของตลาดน้ำมัน ที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของราคา
ส่วนปั๊มไทยอย่าง PTT และบางจาก ที่ยังคงฝืนรั้งราคาให้ขายต่ำที่สุด ต้องการแบ่งเบาภาระให้คนใช้น้ำมันด้วยรึเปล่า? เพราะถึงยังไง ถ้าคิดในแง่บวกนะ คนไทยก็กลับมาใช้น้ำมันมากขึ้นในสภาวะที่เศรษฐกิจในประเทศกำลังฟื้นตัว ถือว่าเป็นโอกาสให้คนเติมน้ำมันได้มีทางเลือกในด้านราคา ปั๊มอาจจะได้กำไรส่วนต่างจากราคาน้อยลง แต่ก็ได้ปริมาณคนเติมที่เยอะขึ้นแทน
ปรากฏการณ์ราคาน้ำมันหน้าปั๊มไม่เท่ากัน! มาเช็คกันว่า ปั๊มไหนถูกสุด ปั๊มไหนแพงสุดในตอนนี้
มาดูกันว่า มีปั๊มไหนบ้างที่มีการปรับราคาขึ้นไปแล้ว และปั๊มไหนที่ยังคงชะลอการปรับราคาขึ้นสวนทิศทางราคาน้ำมันโลก
ภาพด้านบนนี้ เป็นข้อมูลราคาน้ำมันหน้าปั๊มในไทย ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2564 ... จขกท. ลองแบ่งช่วงราคาเป็น 3 กลุ่มคร่าว ๆ โดยมีราคาหน้าปั๊มสูงสุด ราคาตรงกลาง และราคาน้อยที่สุด ส่วนชนิดน้ำมันที่หยิบยกราคามา เป็นเบนซิน(แก๊สโซฮอล์95) และดีเซล(B10)
- ปั๊มที่ยังฝืนราคาตลาดโลก(สีเขียว) คือ PTT และบางจาก เป็นสองปั๊มไทย ที่ขึ้นราคารั้งท้ายเพื่อน และราคาทั้งสองปั๊มยังเท่ากัน โดยเบนซินราคาอยู่ที่ 31.95 บาท/ลิตร ส่วนดีเซลอยู่ที่ 29.29 บาท/ลิตร
โดยปกติแล้วเวลาที่ตลาดน้ำมันโลก รวมถึงตลาดน้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์มีการปรับราคาขึ้น-ลงทีไร ทุก ๆ ปั๊มในไทย จะมีการปรับราคาเหมือนกัน และราคาหน้าปั๊มจะเท่ากันเสมอ แต่ในช่วงนี้ ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นมาตลาดน้ำมันโลกปรับตัวขึ้นสูงมาก
ปัจจัยหลักมาจากการที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวขึ้น ทำให้อุปสงค์หรือความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกเร่งตัวขึ้นตาม แต่อุปทานกลับไม่สามารถตอบสนองกับการเติบโตของอุปสงค์ได้ อย่างเช่น วิกฤตพลังงานที่เกิดขึ้นในเอเชียและยุโรป เนื่องจากการขาดแคลนถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันดิบเพิ่มมากขึ้น และทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น
เลยคิดว่า "การที่ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น ในสภาวะที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้า ทำให้ปั๊มน้ำมันในไทยเสียงแตก" อย่างปั๊มต่างชาติต้องการปรับราคาตามกลไกของตลาดน้ำมัน ที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของราคา
ส่วนปั๊มไทยอย่าง PTT และบางจาก ที่ยังคงฝืนรั้งราคาให้ขายต่ำที่สุด ต้องการแบ่งเบาภาระให้คนใช้น้ำมันด้วยรึเปล่า? เพราะถึงยังไง ถ้าคิดในแง่บวกนะ คนไทยก็กลับมาใช้น้ำมันมากขึ้นในสภาวะที่เศรษฐกิจในประเทศกำลังฟื้นตัว ถือว่าเป็นโอกาสให้คนเติมน้ำมันได้มีทางเลือกในด้านราคา ปั๊มอาจจะได้กำไรส่วนต่างจากราคาน้อยลง แต่ก็ได้ปริมาณคนเติมที่เยอะขึ้นแทน