รีวิวมือถือเก่า Vodafone 903SH มือถือฝาพับจากแบรนด์หม้อหุงข้าว ส่งตรงจากญี่ปุ่นถึงมาบุญครอง

จะว่าไป คนเรานี่ก็ช่างสรรหาดีเนอะ มือถือในไทยมีเป็นร้อยรุ่นไม่ซื้อ ไปซื้อมือถือนอก มือถือแปลก เอาเข้ามาก็ต้องมาหาที่ปลดล็อค หาที่ลงเฟิร์มแวร์กันให้วุ่นวาย แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาหนึ่งที่มือถือนำเข้าจากต่างประเทศกลายเป็นที่นิยม โดยเฉพาะในกรุงเทพ ที่มีตลาดซื้อ-ขายมือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่างห้างมาบุญครอง ชั้นสี่ ซึ่งถ้านับด้วยสายตาแล้ว ในยุคนั้นก็มีมากกว่าร้อยร้าน เฉพาะร้านที่นำเข้ามือถือจากนอก อย่างต่ำก็มีสิบร้านขึ้นไป วนเวียนซื้อขายกันอยู่

ยุคที่มือถือจากประเทศญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักในไทย ก็คงต้องย้อนกลับไปช่วงประมาณปี 2548 โดยในสมัยนั้น มือถือญี่ปุ่นจัดได้ว่าเป็นมือถือที่มีฟังก์ชันล้ำสมัย เช่นหน้าจอสีความละเอียดสูง ดีไซน์ฝาพับ หมุนจอได้ กล้องความละเอียดสูง เพิ่มเมมโมรี่ได้ มีลำโพงคู่สเตอริโอมาให้อย่างดี เลยทำให้คนใช้มือถือในยุคนั้นสนใจหามาใช้กัน แต่ก็ต้องพบเจอกับปัญหาเครื่องล็อค ซึ่งแน่นอนว่ามือถือญี่ปุ่นเค้าล็อคไว้ให้คนประเทศเค้าใช้อย่างเดียวเท่านั้น

 แต่... ก็ไม่เกินความสามารถของช่างไทย ที่สามารถหาวิธีปลดล็อคมือถือเหล่านี้ได้ ซึ่งคนใช้มือถือญี่ปุ่น หรือมือถือนอก ต้องรู้จักร้านคุณปีเตอร์จากร้าน 3G กับคุณชัยรัตน์แห่งร้าน Mobile Collection ผู้จัดจำหน่ายและผู้ปลดล็อคมือถือเจ้าดังแห่งมาบุญครอง ซึ่งในสมัยนั้น มือถือที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่นเกือบทั้งหมด จะมาจากค่าย Vodafone เป็นค่ายเดียวในตอนนั้นที่สามารถปลดล็อคและนำไปใช้ในประเทศอื่นได้ และเป็นรุ่นที่วางขายในช่วงปลายปี 2547 ถึงช่วงปลายปี 2548 เท่านั้น เหตุผลที่ต้องเป็นมือถือในกลุ่มนี้ ก็เพราะว่าในช่วงปี 2549 Vodafone Japan ถูกบริษัท Softbank ซื้อไป ทำให้มือถือญี่ปุ่นที่ออกมาหลังจากนั้น ต้องเปลี่ยนการปลดล็อคไปใช้วิธีอื่น โดยรุ่นที่นำมาปลดล็อคขายกันในช่วงนั้น ส่วนใหญ่จะผลิตโดย Sharp และ Toshiba เป็นหลัก มีรุ่นที่หลายคนรู้จักกันก็อย่างเช่น 802SH, 902SH, 903SH, 703SH, 803T, 902T และ 903T โดยมือถือที่จะนำมารีวิวในวันนี้ เป็นมือถือจากค่าย Vodafone รุ่น 903SH ผลิตโดย Sharp วางขายในช่วงปลาย ปี 2548


Vodafone 903SH เป็นมือถือทรงฝาพับ ปลดล็อคมาแล้วเรียบร้อย สามารถใส่ซิมไทย และรองรับเครือข่าย 3G ในไทยได้ทุกเครือข่าย ดีไซน์เรียบง่าย แต่ดูหรูหราแบบมือถือญี่ปุ่น

ฝาพับเรียบง่าย ไม่มีอะไรเลยนอกจากตราสัญลักษณ์และตัวอักษร Vodafone แปะอยู่ด้านหน้าเครื่อง มีวางจำหน่าย 3 สีด้วยกันคือสีดำ สีแดง และสีทองแชมเปญ ตัวที่นำมารีวิววันนี้เป็นสีทองแชมเปญ ได้มาจากรุ่นพี่ท่านหนึ่งที่เชียงใหม่ สภาพผ่านการใช้งานมาพอสมควร

หน้าจอเป็นแบบ ASV LCD ขนาด 2.4 นิ้ว ความละเอียด QVGA หรือ 240x320 พิกเซล ให้สีสันที่สดใสกว่ามือถือในสมัยนั้นหลายเท่า

หน้าจอสามารถหมุนได้ 180 องศาเพื่อเข้าสู่การใช้งานกล้องถ่ายรูป แต่ตอนนี้กล้องพังไปแล้ว ตอนนี้ต้องทำการล็อคปุ่มกดเพื่อกันไม่ให้เครื่องเข้าโหมดกล้อง ซึ่งกล้องตัวนี้ให้ความละเอียดมาถึง 3.2 ล้านพิกเซล แถมซูมออพติคอลได้ถึง 2 เท่า (ธรรมดาซะที่ไหน ละเอียดกว่า Nokia N70 อีก)

เมนูหน้าจอ สามารถปรับธีมการแสดงผลได้ 3 แบบ

หน้าตาเมนูด้านใน รองรับการฟังเพลง MP3 แต่ต้องไปเปลี่ยนเฟิร์มแวร์ให้เป็น EU Firmware ก่อนถึงจะฟังได้ ซึ่งตัวนี้เป็น Japan Firmware จะรองรับเฉพาะไฟล์ AAC และ M4A เท่านั้น 

รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และ Infrared ครบครัน และปัจจุบันยังรองรับเครือข่าย 3G ในประเทศไทยครบทุกเครือข่าย (ของจขกท. ใช้เป็นของ DTAC สัญญาณการโทรคุยถือว่ายอดเยี่ยม)

สำหรับการใช้งานในยุค 2021 ก็ต้องถือว่ามันยังทำหน้าที่ของมันได้ดีเยี่ยมในยุคนี้ การรองรับเครือข่าย 3G ที่ทุกวันนี้ครอบคลุมเกือบทั่วประเทศแล้ว ยังสามารถใช้ต่อได้อีกนาน ส่วนปัญหาการใช้งานตอนนี้หลักๆ ก็คือไม่สามารถใช้งานกล้องได้เนื่องจากสายแพมีปัญหา และเวลาโทรต้องหมุนจอพับเพื่อเปิดไมโครโฟน นอกนั้นถือว่าปกติ ถ้าใครยังเก็บมือถือรุ่นนี้ไว้ (หรือมือถือญี่ปุ่นรุ่นอื่น) ก็ลองเอาออกมาเล่นซักหน่อยเพื่อรำลึกความหลังละกัน หรือถ้าใครจะบริจาค หรือขายต่อ ก็สามารถแจ้งทางข้อความหลังไมค์ได้ สำหรับวันนี้ ไปละ สวัสดี ฝากติดตามบทความ 25 ปีวงการมือถือไทยไว้ด้วยนะ

ปามมี่ สาวเชียงใหม่

26 ตุลาคม 2564



แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่