JJNY : 4in1 เอกชนฟันธง‘ต่างชาติ’เมินเที่ยวไทย│นักรบชุดขาวพ้อ!เหมือนถูกโกง│เพจดังซัด‘โมเดอร์นา’ไม่มาตามนัด│พัทยาไม่คึกคัก

เอกชนฟันธง ‘ต่างชาติ’ เมินเที่ยวไทย เหตุข้อจำกัดเยอะ หลังรัฐอ้าแขนรับ 46 ประเทศ
https://www.matichon.co.th/economy/news_3004534
 
 
เอกชนฟันธง ‘ต่างชาติ’ เมินเที่ยวไทย เหตุข้อจำกัดเยอะ หลังรัฐอ้าแขนรับ 46 ประเทศ
 
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข้อกำหนดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 36 กำหนดพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว และปลดล็อกมาตรการเคอร์ฟิวในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว 17 จังหวัด ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ แบบไม่กักตัวและไม่จำกัดพื้นที่เที่ยว แต่ต้องได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว และมาจากประเทศเสี่ยงต่ำ ซึ่งเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ที่ผ่านมา รวมรัฐบาลได้ประกาศรายชื่อ 46 ประเทศหรือพื้นที่ความเสี่ยงต่ำมาแล้วนั้น เบื้องต้นถือว่ามีความชัดเจนในรายชื่อประเทศที่ออกมา แต่แม้มีรายชื่อประเทศออกมาถือว่ามีจำนวนค่อนข้างมาก แต่จากการพิจารณาแล้วพบว่า มีบางประเทศที่แม้อยู่ในรายชื่อประเทศเสี่ยงต่ำ แต่คงยังไม่มาแน่นอน เพราะนโยบายของรัฐบาลประเทศต้นทาง และเมื่อเดินทางกลับไปประเทศต้นทางแล้วยังต้องกักตัวอยู่ อาทิ ชาวจีน ที่บางเมืองต้องกักตัว 14 วัน หรือบางเมืองต้องกักตัวถึง 21 วัน ทำให้แม้การเดินทางเข้ามาไทยจะทำได้ง่ายขึ้น แต่นักท่องเที่ยวจริงๆ คงยังไม่เข้ามา เพราะกลับประเทศต้นทางแล้วยังต้องกักตัวอยู่ ทำให้คนที่เข้ามาจะเป็นกลุ่มที่มีความจำเป็นในการเดินทางเข้ามามากกว่า อาทิ ทำธุรกิจ มีภารกิจต้องทำ รวมถึงได้หารือร่วมกับผู้ประกอบการทัวร์ในประเทศยุโรป พบว่า ขั้นตอนต่างๆ ยังไม่ชัดเจนเพียงพอ โดยเฉพาะยังต้องขอหนังสือรับรองการเดินทางเข้าไทย (ซีโออี) เพื่อใช้ประกอบวีซ่าเข้าไทยตามเดิม หรือว่าจะเปลี่ยนเป็นระบบไทยแลนด์พลัส แทน ซึ่งตรงนี้ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนออกมา
 
นายธเนศ กล่าวว่า ที่ผ่านมา นายกฯ มักออกมาประกาศนโยบายก่อน แต่แผนการดำเนินงานที่ชัดเจนมักจะมาตามหลังแบบค่อนข้างช้า เหมือนการประกาศรายชื่อประเทศเสี่ยงต่ำ ที่นายกฯ ประกาศไว้นานแล้วว่าจะเปิดให้เข้ามาวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ แต่ก็เพิ่งประกาศราชกิจจาฯ ออกมา ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่จะเดินทางเข้ามาความจริงจะต้องวางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว เพราะขั้นตอนการยื่นเอกสารต่างๆ ค่อนข้างมาก พอมีคยามไม่แน่นอนเรื่องมาตรการ กฎระเบียบ หรือขั้นตอนการเข้าประเทศ ก็ตัดสินใจไปเที่ยวที่อื่นแทน เพราะรอไม่ไหว เหมือนลูกค้าของโรงแรมตัวเองที่สอบถามมาว่า ตกลงแล้วหากเดินทางมาจากประเทศเสี่ยงต่ำ ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถเข้ามาได้อย่างไร สามารถจองโรงแรม 1 คืน เพื่อรอผลตรวจ RT-PCR หากไม่พบเชื้อสามารถเที่ยวได้ทั่วประเทศทันทีหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ยังตอบคำถามไม่ได้ เพราะต้องรอการประกาศขั้นตอนของจังหวัดอยู่ ทำให้สุดท้ายเรื่องจะติดอยู่ที่ระบบของราชการ
 
“การประกาศรายชื่อเสี่ยงต่ำออกมากว่า 46 ประเทศ แต่ไม่มีรัสเซีย ที่เป็นตลาดนักท่องเที่ยวหลักของพัทยา และคาดหวังว่าจะเข้ามาจำนวนมาก เนื่องจากแสดงความต้องการ (ดีมานด์) เข้ามาเที่ยวไทยสูงมาก แต่เมื่อไม่อยู่ในรายชื่อประเทศเสี่ยงต่ำ ก็ต้องมาในรูปแบบการเข้าพักในพื้นที่แซนด์บล็อก หรือพื้นที่สีฟ้า (บลูโซน) ซึ่งพื้นที่บลูโซน ทำให้ดีมานด์น่าจะลดลงจากเดิม เพราะจากการหารือร่วมกับผู้ประกอบการทัวร์ในรัสเซีย หรือชาวรัสเซีย พบว่าประเทศไทยยังมีเงื่อนไขการเข้าประเทศค่อนข้างมาก หากเทียบกับแหล่งท่องเที่ยวคู่แข่งอื่น อาทิ มัลดีฟส์ อียิปต์ ตุรกี ประเทศเหล่านี้ไม่มีเงื่อนไขที่จำกัดการเดินทางแล้ว อาทิ การตรวจ RT-PCR การซื้อประกันสุขภาพ 5 หมื่นเหรียญสหรัฐ รวมถึงตลาดอินเดีย ที่มีดีมานด์เข้ามาสูงมาก แต่ไทยยังไม่รับรองวัคซีนโควาซิน ที่ฉีดในอินเดีย ทำให้เข้ามาแล้วยังต้องกักตัวอยู่ ซึ่งการกักตัวอย่างน้อย 7 วัน ไม่สอดคล้องกับชาวอินเดีย ที่เข้ามาเฉลี่ย 4-5 วันต่อทริป” นายธเนศ กล่าว

นายธเนศ กล่าวว่า หลังจากประเมินรายชื่อประเทศเสี่ยงต่ำ ที่ตลาดท่องเที่ยวหลักๆ ยังไม่สามารถเข้ามาได้ และข้อจำกัดในขั้นตอนการเข้าเมืองต่างๆ มองว่าช่วง 2 เดือนที่เหลือ (พฤศจิกายน-ธันวาคม) ของปี 2564 เมืองพัทยาน่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาเที่ยวเหลือเพียง 5% เท่านั้น จากเดิมที่คาดว่าจะสามารถทำได้ประมาณ 10% โดยในปี 2562 จังหวัดชลบุรี มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดินทางเข้ามาเยี่ยมเยือน จำนวน 9,980,499 คน แบ่งเป็นเฉพาะในเดือนพฤศจิกายน จำนวน 898,915 คน เดือนธันวาคม 861,903 คน ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เข้ามาประมาณ 80-85% นิยมเที่ยวในพื้นที่พัทยา บางละมุง สัตหีบ ทำให้ 2 เดือนสุดท้าย จะเหลือนักท่องเที่ยวต่างชาติ เข้ามาเพียง 5 หมื่นคนต่อเดือนเท่านั้น
 


นักรบชุดขาวพ้อ! ชีวิตเหมือนถูกโกง งานหนัก-แต่เงินค่าเวรถูกตัด ร้อง ‘บิ๊กตู่’6ปีเรื่องเงียบ
https://www.dailynews.co.th/news/401083/
 
นักรบชุดขาวสุดทน ดับเครื่องชนหน่วยงานรัฐ พ้อชีวิตพยาบาลเหมือนถูกโกง ทำงานหนักแต่ต้องควักเงินตัวเองจ่ายค่าแทนเวร แฉร้องขอความเป็นธรรมจาก "บิ๊กตู่" ไปนาน 6 ปี แต่เรื่องกลับเงียบหาย

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. นางนวพรรษ ภู่ทรัพย์สกุล พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ ตัวแทนสหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทยและพยาบาล รพ.มหาราช ได้เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมผ่านนายกสมาคมสื่อมวลชน จ.นครศรีธรรมราช โดยมีนายยุทธนา แต่งวงศ์ นายกสมาคมสื่อมวลชน จ.นครศรีธรรมราช  และนายไพฑูรย์ อินทศิลา อุปนายกและประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ร่วมรับเรื่องร้องเรียน ขอช่วยเป็นตัวกลางให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขระเบียบการเบิกค่าเวร เนื่องจากพยาบาลถูกตัดค่าเวร ทั้งนี้ได้เคยส่งร้องเรียนขอความเป็นธรรมถึงนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา
 
นางนวพรรษ กล่าวว่า ตนปฏิบัติงานอยู่แผนกศัลยกรรม รพ.มหาราช ตลอดระยะเวลา 35 ปี ของการเป็นข้าราชการในวิชาชีพพยาบาล รวมถึงเพื่อนร่วมงาน และน้อง ๆ ที่เป็นพยาบาลอีกจำนวนมาก ถูกเอาเปรียบเรื่องเงินค่าตอบแทนมาโดยตลอด คือเงินค่าเวรบ่าย-ดึกถูกตัดลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะเมื่อขึ้นเวรมากและหาคนอื่นมาขึ้นแทน ทางโรงพยาบาลก็ไม่สามารถเบิกค่าเวรบ่าย-ดึก ให้คนที่มาเข้าเวรได้ ทำให้เจ้าของเวรจะต้องควักเงินจ่ายเอง ทาง รพ.ชี้แจงมาว่า ระเบียบการเบิกเงินค่าตอบแทนนั้นมาจากระเบียบที่ว่า วันไหนที่ตั้งเบิกค่าเวรแล้ว จะเบิกค่า OT ไม่ได้ แต่ในความเป็นจริง พยาบาลต้องควงเวรถึงวันละ 2 เวร ติดต่อกัน 3-4 วัน ระเบียบนี้จึงเป็นต้นเหตุที่ทำให้พยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขที่อยู่เวรมากเท่าใด ก็จะถูกตัดค่าเวรออกไปเรื่อยๆ ทั้ง ๆ ที่ต้องอยู่เวรหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งระเบียบของ ก.พ. นี้ทำร้ายวิชาชีพพยาบาลมาโดยตลอด
 
นางนวพรรษ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันนี้ทาง รพ.มหาราช จ่ายค่า OT ให้พยาบาล วันละ 660 บาท และค่าเวรบ่าย-ดึก 280 บาท/เวร ซึ่ง 280 บาทนี้ให้เป็นค่าอยู่เวรกลางคืน ที่ต้องเสียสุขภาพต้องอดหลับ อดนอน แค่ 280 บาท แต่ก็ยังมาถูกตัดออกไปอีก ชีวิตพยาบาลเหมือนถูกโกงมาโดยตลอด ทำให้พยาบาลที่อยู่เวรกลางคืนไม่สามารถรับค่าเวรได้ทุกคืนเท่ากัน เช่น ขณะที่ทำงานอยู่ด้วยกัน เวรบ่าย 8 คน อาจจะมีแค่ 7 คนได้ค่าเวร ส่วนอีก 1 คนไม่ได้ เพราะคน ๆ นั้นขึ้นเวรมากจนไม่มีที่จะให้ตั้งเบิก
 
นางนวพรรษ กล่าวต่ออีกว่า ชีวิตพยาบาลถูกแรงกดดันเรื่องเงินคำตอบแทนนี้มานานมาก จนเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลมาเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ในช่วงแรกตนและทีมสหภาพพยาบาลคิดว่าท่านคงจะเห็นใจพยาบาลและให้ความสำคัญกับพยาบาลให้ไม่ถูกเพิกเฉยอีกต่อไป ตนจึงเขียนบทความ “ลมหายใจสุดท้ายของพยาบาลไทยในยุคปฏิรูป” แนบท้าย รวมไปกับข้อร้องเรียนกับทีมสหภาพพยาบาล เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 58
 
“หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบมาจนถึงปัจจุบันและนับวันชีวิตของคนที่อยู่ในสายวิชาชีพพยาบาล ยิ่งเหมือนอยู่ใกล้ขุมนรกเข้าไปทุกที โดยเฉพาะช่วงโควิดระบาดอย่างหนัก บุคลากรทางการแพทย์ ติดเชื้อกันจำนวนมากที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ ต้องทำงานหนักและติดเชื้อโควิดไปพร้อม ๆ กับผู้ป่วยอย่างระเนนระนาด ส่วนที่เหลือก็ต้องเข้าเวรอย่างหนักเป็นเท่าตัว อุปกรณ์ของใช้ที่จะมาป้องกันตัวก็ขาดแคลน อีกทั้งยังมาถูกตัดค่าเวรเพิ่มขึ้น ปัญหานี้เชื่อว่าเกิดกับพยาบาลเกือบทุกแห่งของกระทรวงสาธารณสุข พยาบาลในตอนนี้กำลังจะสิ้นใจอย่างรวยรินไร้คนช่วยเหลืออย่างจริงจัง” พยาบาลสาว กล่าว
 
นางนวพรรษ กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อเรียกร้องของตนและสหภาพพยาบาลแห่งประเทศไทยประกอบด้วย 
1. เร่งจ่ายค่าตอบแทนที่ค้างจ่ายบุคลากรสาธารณสุขทั้งประเทศ บางที่ถูกค้างถึง 19 เดือน 
2. อัตราการจ่ายคำตอบแทนไม่เป็นธรรมตามวิชาชีพ ค่าความเสี่ยงควรต่างกันตามเนื้องาน 
3. สหภาพพยาบาลได้ร้องขอให้ชดเชยการตายจากโควิด-19 เพิ่มอีก 1 เท่า คือ 4 ล้านบาท ยังแต่ไม่ได้รับคำตอบ 
และ 4. พยาบาลถูกตัดค่าเวรเพิ่มขึ้นตามจำนวนเวรที่ถูกขึ้นเพิ่มมากเรื่อยๆ เนื่องจากระเบียบการตั้งเบิกที่วางไว้อย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งพยาบาลต้องใช้เงินของตนเองไปจ่ายคู่เวรบ่าย-ดึกแทนหน่วยงานที่รับผิดชอบ
 
นางนวพรรษ กล่าวต่อไปอีกว่าว่า ตนตัดสินใจที่จะออกมาต่อสู้เรียกร้องในเรื่องนี้ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อน้องๆ พยาบาลในรุ่นต่อไป ส่วนตนจะถูกผู้บังคับบัญชาหมายหัวเพื่อเล่นงานกลั่นแกล้งอย่างไรนั้น ตนไม่กลัวใด ๆ ทั้งสิ้น ตนอายุ 56 ปีแล้ว อะไรจะเกิดมันต้องเกิด หากตนไม่ตัดสินใจเปิดเผยเรื่องการเอารัดเอาเปรียบพยาบาลก็ต้องมีอยู่ตลอดไป จึงตัดสินใจดับเครื่องชน และจะขอต่อสู้เรียกร้องเพื่อวิชาชีพพยาบาลต่อไปจนถึงที่สุด.
 

 
เพจดังซัด ‘โมเดอร์นา’ ไม่มาตามนัด ไร้หน่วยงานแอคชั่นคุ้มครองปชช.
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_3004793

เพจดังซัด ‘โมเดอร์นา’ ไม่มาตามนัด ไร้หน่วยงานแอคชั่นคุ้มครองปชช.
 
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม เพจ Dr.Review โพสต์ข้อความถึงกรณีเลื่อนนัดฉีดวัคซีนโมเดอร์นา ระบุว่า
 
สงสัยมั้ยครับ…
 
ตอนนี้ใกล้เปิดประเทศแล้ว แผนรองรับคือ…ถ้ามีปัญหาก็ปิด มีหลายคนคิดว่าก็ถูกแล้ว เปิดแล้วก็ปิด
ปัญหาที่คนดียังอยู่ได้ ไม่ไปไหน ก็อาจจะเพราะมีคนแบบนี้อยู่ก็เป็นได้
 
สงสัยมั้ยครับ
 
Moderna ที่ไม่มาตามนัด ไม่มีใคร หรือ หน่วยงานไหน ออกมาเรียกร้อง ออกมาคุ้มครอง ออกมาดูแลผู้บริโภคเลย ได้แต่มีประชาชนเย้ว ๆ ตั้งกลุ่มคุยกันเองไปมา หรือถ้าจะสบายใจว่า 31 ธ.ค. ก็ยังไตรมาสสุดท้ายก็เรื่องของคุณเถอะ
 
สงสัยมั้ยครับ
 
Pfizer ที่ US ให้ผ่านใช้ได้ทั่วไปนานชาติแล้ว ประเทศเชื้อตาย ยังมีแคมเปญ เด็กนักเรียน ไม่ฉีด Pfizer อยู่เลย แต่ไม่มีใครพูดถึง ไม่มีใครเรียกร้อง ให้มันผ่านใช้ได้ทั่วไป ให้ รพ. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใด ๆ ก็สามารถนำเข้าได้เอง เพื่อช่วยทุกคน
 
…สงสัยมั้ยครับ ทำไม เงียบกริบ ไม่มีคนเรียกร้อง
 
ก็ไม่แปลก ถ้าคุณไม่เดือดร้อน และเลือกที่จะเงียบ แต่ถ้าคุณก็เดือดร้อนแล้วก็ยังเงียบ…ก็เรื่องของคุณเช่นกันครับ คุณก็จะมีคนดี คอยดูแล แบบนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน
 
นี่แค่กับเรื่อง ๆ เดียว ที่มีผลกับคนทั้งประเทศ และทุกความล่าช้า ส่งผลถึงความตายของคนนะครับ คนยังนิ่งเฉยกันได้ขนาดนี้เลยครับ ไม่ต้องแปลกใจกับเรื่องอื่น ๆ เลย

https://www.facebook.com/dr.reviewbydr.p/posts/425719178915776
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่