ผมทำงานเป็นพนักงานเช็ดทำความสะอาดรถ
อยู่เต็นท์รถมือสองแห่งหนึ่ง
มาสมัครงานเพราะพี่ที่รู้จักกันชวนมาทำ
เพราะบริษัทกำลังจะเปิดสาขาใหม่
แล้วให้พี่คนนี้ไปเป็นคนดูแลสาขาใหม่
ให้เงินเดือน 10000 บาท (ไม่มีวุฒิ)
ผมค่อนข้างโอเคกับราคานี้
เพราะรถในเต็นท์ใหม่มีแค่ 20 คันเท่านั้น
หน้าที่ของผมคือ เช้าเช็ดรถให้สะอาด+แว็กซ์รถ
บ่ายก็คอยไล่ปัดฝุ่น เย็นล็อครถ ว่างก็นั่งพักได้
แต่เจ้านายใหญ่ดึงตัวเราให้มาทำที่สาขาใหญ่ด้วย
โดยเพิ่มเงินเดือนให้เป็น 15000 แต่ทำงานสองที่
เช้าเช็ด+แว็กซ์ที่สาขาใหญ่ มีรถ 50-60 คัน
บ่ายไปเช็ดรถที่สาขาเล็กต่อ ช่วงแรกแฮปปี้ครับ
เพราะรายได้เพิ่มขึ้น พอมาถึงสาขาเล็กช่วงบ่าย
เช็ดอะไรเสร็จก็ได้พัก ทำมาได้ 3-4 เดือน
แต่แล้วยอดขายก็ตกจึงต้องยุบสาขาเล็ก
แล้วเอารถมารวมกันทั้งหมดที่สาขาใหญ่
นั่นแหละครับจุดเริ่มต้นความอึดอัด...
จากที่ช่วงใกล้เลิกงานเราจะได้นั่งพักบ้าง
กลายเป็นเจ้านายจับตาดู และยัดงานให้ตลอด
เช่นให้ไปฉีดพื้น เช็ดกระจก(มีแม่บ้าน) เก็บขยะ
และงานอื่นๆอีกสารพัด
หลายๆท่านเคยเจอปัญหาแบบนี้
และมีวิธีการรับมืออย่างไรบ้างครับ
มีวิธีรับมือกับเจ้านายที่ชอบใช้งานนอกเหนือหน้าที่อย่างไร ?
อยู่เต็นท์รถมือสองแห่งหนึ่ง
มาสมัครงานเพราะพี่ที่รู้จักกันชวนมาทำ
เพราะบริษัทกำลังจะเปิดสาขาใหม่
แล้วให้พี่คนนี้ไปเป็นคนดูแลสาขาใหม่
ให้เงินเดือน 10000 บาท (ไม่มีวุฒิ)
ผมค่อนข้างโอเคกับราคานี้
เพราะรถในเต็นท์ใหม่มีแค่ 20 คันเท่านั้น
หน้าที่ของผมคือ เช้าเช็ดรถให้สะอาด+แว็กซ์รถ
บ่ายก็คอยไล่ปัดฝุ่น เย็นล็อครถ ว่างก็นั่งพักได้
แต่เจ้านายใหญ่ดึงตัวเราให้มาทำที่สาขาใหญ่ด้วย
โดยเพิ่มเงินเดือนให้เป็น 15000 แต่ทำงานสองที่
เช้าเช็ด+แว็กซ์ที่สาขาใหญ่ มีรถ 50-60 คัน
บ่ายไปเช็ดรถที่สาขาเล็กต่อ ช่วงแรกแฮปปี้ครับ
เพราะรายได้เพิ่มขึ้น พอมาถึงสาขาเล็กช่วงบ่าย
เช็ดอะไรเสร็จก็ได้พัก ทำมาได้ 3-4 เดือน
แต่แล้วยอดขายก็ตกจึงต้องยุบสาขาเล็ก
แล้วเอารถมารวมกันทั้งหมดที่สาขาใหญ่
นั่นแหละครับจุดเริ่มต้นความอึดอัด...
จากที่ช่วงใกล้เลิกงานเราจะได้นั่งพักบ้าง
กลายเป็นเจ้านายจับตาดู และยัดงานให้ตลอด
เช่นให้ไปฉีดพื้น เช็ดกระจก(มีแม่บ้าน) เก็บขยะ
และงานอื่นๆอีกสารพัด
หลายๆท่านเคยเจอปัญหาแบบนี้
และมีวิธีการรับมืออย่างไรบ้างครับ