4 …..คน
3 …..วัน
2 ......คืน
1 ......พันเก้าร้อยห้าสิบบาท/คน
"ทริปเพ็ดชะบุรีที่ไม่รู้จะตั้งชื่อให้ดีกว่านี้ได้ยังไง"
***สำหรับบทความการเดินทางในครั้งนี้ เราจะแบ่งเป็นทั้งหมด 2 ep. ที่จะพาทุกท่านร่วมเดินทางไปด้วยกัน***
1. Heal
และแล้วปฏิทินก็เปิดเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 สภาพ !!! เกือบ 2 ปีที่ผ่านมาเราเหมือนนกน้อยที่ถูกขังอยู่แต่ในกรงอย่างอ้างว้าง เมื่อจังหวะประตูเปิดอ้าก็โผถลาออกสู่นภากว้างอย่างไม่รีรอ
ความเป็นพิษได้สะสมบ่มเพาะตกค้างมาอย่างยาวยาวนาน ทั้งในร่างกายและในความคิด คล้ายกับกระบวนการ biomagnification เพราะมนุษย์อย่างเรา ๆ จัดอยู่ในตำแหน่งสุดท้ายของห่วงโซ่ สถานที่เป็นความหวังแรกสำหรับการพาร่างกายอันแสนอ่อนล้าออกไปเยียวยา จึงได้ถูกกำหนดขึ้น
“สถานที่เที่ยวที่แรกอย่างเป็นทางการ ถ้าไม่นับรวมตอนนั่งรถไปทำงาน ที่แห่งนั้นของคุณคือที่ใด ?”
2. ที่หมาย
อันที่จริงนอกเหนือจากภารกิจรักษาสภาพจิตใจที่แสนหนักอึ้งนี้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งภารกิจคือการ Happy Happy birthday (เป็นทำนองเพลง) เพื่อนสมาชิกในทริปนี้อีกด้วย เนื่องจากนางอยากเป่าเค้กแบบ new normal นอกสถานที่ ปลายทางของเราจึงเลือกที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก เพราะกว่าทุกคนจะเลิกงาน ถ่ายรูปรายงานตัว แล้วต้องบึ่งรถออกมาพร้อมกัน ดังนั้นจังหวัดจุดหมายที่เราเลือกกันไว้คือ จังหวัดที่มีขนมหม้อแกงเป็นที่เลื่องชื่อ ใช่แล้วจังหวัดที่คุณคิดนั่นแหละ
3. ปลายทาง
กว่าพวกเราจะถึงที่พักก็ล่วงเลยเข้าไป 22:00 น. กว่าแล้ว ไหนจะเซอร์ไพรส์เป่าเค้กแบบเสมือนว่าเจ้าตัวไม่รู้เลยจริ๊ง ๆ กว่าชาบูหม่าล่ามื้อดึกของเราจะเดือดปุด ๆ กว่าจะได้อาบน้ำและเอนตัวล้มลงนอน วันที่ก็เปลี่ยนเป็นเลขใหม่ไปเสียแล้ว งั้นพรุ่งนี้พวกเราก็สบาย ๆ หน่อยแล้วกันเนอะ
น้ำในลำธารที่ไหลเชี่ยวส่งเสียงซ่าอย่างกับฝนตก ปลุกให้ต้องลุกตื่นขึ้นมาดื่มด่ำกับธรรมชาติและความสงบ ก่อนจะจัดการกับเสบียงมื้อเช้าเรียกแรงให้กับร่างกายเพื่อเดินทางไปตามแผนที่วางเอาไว้ แต่จะว่าไปแดดสาย ๆ ของเมืองเพชรนี้ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ
4. แกงแล้วแกงอีก
สถานที่แรกจุดหมายคือสะพานยาวที่ทอดไปในทะเล ณ แหลมผักเบี้ย พอไปถึงก็ต้องใจละเหี่ย เพราะสะพานดันเสียปิดปรับปรุงชั่วคราว ได้แต่บอกตัวเองว่าไม่เป็นไรไหน ๆ ก็มาแล้วงั้นขอเปลี่ยนแผนไปแวะที่จุดชมวิวหาดทรายเม็ดแรก ปลายแหลมหลวง ให้ลมทะเลพัดหน้าพอเหนียว ๆ แก้ช้ำใจแทนหน่อยก็แล้วกัน
กลับรถเปลี่ยนจุดหมาย อุณหภูมิในกายแข่งขันกับอุณหภูมิภายนอกได้พอ ๆ กัน สถานที่ต่อไป ย้ายจากทะเลฟ้าใส ข้ามมาบึงใหญ่ในอุทยาน ฯ เราจะไปย้อนวันวานกับ 11 ปี ของสะพานที่มีตำนานหมึก ใช้แล้วครับที่ต่อไป คือสะพานของพี่โชนและน้องน้ำ สะพานแขวน ณ อุทยานแก่งกระจาน กว่า 77 กิโลที่ตัดขับข้ามกลับมา ด้วยหัวใจที่อ่อนล้ายังต้องช้ำแล้วช้ำเล่า “สะพานปิดปรับปรุงนะครับน้อง”
5. บังเอิญสันเขื่อน
วันนี้เป็นวันอะไรว๊ะเนี่ย ถ้าเพื่อนจะเล่นมุกคงจะบอกว่า “วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม” แต่หยุดก่อนอานนท์ อารมณ์พี่ บ่ จอย งั้นก่อนที่ท้องจะร้องหิวเราคงต้องหาร้านอาหาร หรือ คาเฟ่เท่ ๆ เราจะต้องคอมพลีทกับภารกิจนี้ให้ได้ เพื่อตัดความโชคร้ายที่ผิดแผนตั้งแต่ที่แรกของวัน และจุดหมายปลายทางที่เราเลือกนั้นคือ ต้นไม้ ใบหญ้า คาเฟ่ จากรีวิวในเว็บไซต์ท่องเที่ยวแนะนำให้มา ทำให้เราก็ต้องไป
แต่ก่อนจะถึง เราว่าฟ้าคงจะเกิดความสงสารอยากปลอบใจเราบ้างก็เป็นได้ สันเขื่อนที่อยู่ข้างทางตอนเราขับรถผ่านมานั้น เมื่อมองเข้าไปเห็นวิวไกล ๆ โอ้วโหมันช่างสวยสุดประมาณ หักรถเข้าจอดที่บริเวณปากทางที่มีไม้กั้น สองเท้าก้าวเข้าไป สองมือยกประสานหยิบโค้กติดสินบนเจ้าพนักงาน (ฮ่า ๆ อันนี้หลอก ๆ) เพียงแค่เดินลงไปสอบถามและขออนุญาตเจ้าหน้าที่ว่าขอเข้าไปถ่ายรูปสัก 2 – 3 แชะได้ไหม โชคดีพี่เขาอนุญาตไม่ได้ว่าอะไร เราจึงได้แวะชมธรรมชาติที่สวยงามแบบนี้ด้วยความบังเอิญ (แต่อันที่จริงเราว่าตรงนี้ก็น่าจะเดินเข้าไปถ่ายได้อยู่แล้วแหละ แต่แค่ห้ามเอารถเข้าเท่านั้น เพราะอาจเกิดอันตรายได้ก็เท่านั้น)
6. กากีเปาะแปะ
ฝนลงเม็ดไล่หลังมาติด ๆ ท้องฟ้าดังฮึ่ม ๆ แข่งกับท้องที่เริ่มร้องประท้วงว่ามันถึงเวลามื้อกลางวันแล้วนะ GPS ยังคงนำทางวกไปวนมาเหมือนเคย เส้นทางที่จะไปร้านแห่งนี้ก็สมชื่อร้าน ต้นไม้ ใบหญ้าที่แท้ทรู เพราะตลอดสองข้างทางที่รถแล่นผ่านมา อืม....ตามนั้น
ก่อนที่พวกเราจะหมดกำลังใจและตัดสินใจเปลี่ยนที่หมาย โชคดีที่เจอพี่จ่ากำลังขับมอเตอร์ไซค์สวนทางผ่านมาไม่รอช้าโบกมือแวะถามทางเพื่อความแน่ใจ แกบอกว่าให้เราตรงไป เจอแยกหน้าเลี้ยวขวา แล้วขับต่อไปอีกหน่อยเจอแยกที่ 2 จะมีทางเลี้ยวซ้าย แต่ไม่ต้องเลี้ยวนะให้ไปทางขวาแทน บอกเสร็จยังไม่ทันได้ขอบคุณ แกก็รีบวาร์ปไปเร็วพอ ๆ กับฝนที่เปาะแปะลงบนเสื้อสีกากีของแกเปียกเป็นดวง ๆ เราได้แต่มองหน้ากันแล้วพูดว่า ทำไมแกไม่บอกให้เลี้ยวขวาเลยวะ.
7. บ่น ๆ ในฝนตก
ไม่ช้าก็ถึงจุดหมายตามเส้นทางพี่จ่าบอก (จริง ๆ เรียกลุงจ่าน่าจะดีกว่า) ตัวร้านนั้นเลยถัดขึ้นไปอีกหน่อยตั้งอยู่บนเนินเขา หากใครขับรถมาก็สามารถขับขึ้นไปจอดด้านบนเลยก็ได้ แต่เรานั้นเหรอเดินขึ้นสิครับ เพราะรถค่อนข้างเตี้ยขืนฝืนขับขึ้นไปคงจะขูด ครืด ๆ ไปตลอดทางก็เป็นได้ หลังจากลงรถรีบเดินจ้ำอ้าวไปให้ถึงร้านโดยไว ยังไม่ทันหย่อยก้นลงเก้าอี้สิ่งที่พูดไว้เหมือนเห็นดี ว่าถ้าถึงร้านแล้วฝนอยากตกก็เอาให้หนักไปเลย แหมะสมพรปากเลยทีเดียว
บรรยากาศกำลังจะดี ก็ต้องเจอมนุษย์แบบนี้ทุกทีสิน่า วันนี้มันวันอะไรว๊ะ (ไม่เล่นซ้ำนะ) คืออย่างงี้ เดินเข้ามาสั่งอาหาร พอดีมันมีกระเป๋าใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะที่ว่าง อยู่ข้าง ๆ โต๊ะที่พี่แกทั้งคู่นั่งอยู่ เพื่อนเราก็ถามในร้านว่าตรงนี้มีคนจองหรือป่าว หรือว่ากระเป๋าของใครไหมเพราะไม่เห็นมีคนอื่นเลย แล้วโต๊ะในร้านก็มีน้อย ความเงียบคือคำตอบ ให้มันได้อย่างนี้สิ ไม่เป็นไรพอสั่งอาหารเสร็จก็ตัดสินใจงั้นเดี่ยวพวกเราเดินฝ่าฝนไปนั่งโต๊ะด้านนอกก็ได้ พอก้าวขาออกจากร้านเท่านั้น นั่นไงชัดเลยอีเจ๊ รีบเอาออกเลยนะ เพราะถ้าพวกเราได้โต๊ะตรงนี้มันจะบังวิวพี่แกใช่ไหม
บรรยากาศกำลังจะดี ตัดเรื่องสองผัวเมียออกไปก่อน ร้านแห่งนี้เขาก็มีดีเหมือนกัน ถ้าหากมองออกไปรอบ ๆ ร้านจะมีวิว ป่าเขา ยอดสนและธรรมชาติที่สวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว และที่สำคัญรสชาติกับข้าวที่นี่คือโอเคเลย เชื่อแล้วว่าการที่เราได้กินอาหารอร่อย ๆ จะช่วยให้ใจเย็นลง นั้นไงสงสัยก่อนหน้านี้โมโหหิวแหละ (โทษทีนะเจ๊)
8. Hilight
ก่อนจะเข้าสู่อีกหนึ่งโปรแกรมหลักของการมาเที่ยวทริปในที่แบบนี้ กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเลยคุณคิดว่าคืออะไร.... แต่ก่อนจะตอบ เราขอแวะตลาดสดที่อยู่ใกล้ ๆเพื่อตระเตรียมเกียมเสบียงไว้สำหรับเมนูในค่ำคืนนี้ก่อนกลับที่พักก่อนสักหน่อย ที่นี่มีทั้งอาหารทะเล หมู หมึก ไก่ กุ้ง และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ทั้งที่เป็นของสดหรือเป็นกับข้าวที่ทำสำเร็จรูปแล้วก็มี 14.00 น.เราพบว่าพวกเรามากันไวเกินไป แต่โชคยังเข้าข้างที่แม่ค้าที่นี่ใจดียกเอาของที่เราต้องการมาให้เราเลือกก่อนแม้ยังจัดแผงกันไม่เสร็จก็ตาม
คำตอบก่อนหน้านี้ที่ถามคุณว่ากิจกรรมที่ไม่ควรพลาดคืออะไร...สำหรับพวกผมคือ“ร่องแกร่ง” มีใครตอบเหมือนกันบ้างหรือป่าว
เรือยางแบบเหมาลำราคา 1,000 บาท จากปกติ 1,400 บาท หากคุณตัดสินใจลงตอนนี้ แถมเสื้อชูชีพฟรี พร้อมคนคัดท้าย 1 คน (ปกติก็แถมอยู่แล้วมะ) 15.00 น. ถึงคิวที่ดีลไว้ เซคชั่นบ่ายทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่วางไว้อย่างลงตัว เรือยางพร้อมคนคัดท้าย แบบ private ทริป ก็ได้เริ่มต้นขึ้น (เพราะไปเพียงแค่ลำเดียว ลำอื่นเขาไปก่อนแล้ว) การล่องแพครั้งนี้ดูเหมือนกระแสน้ำจะแรงกว่าทุกครั้งที่เคยมาแก่งกระจาน อาจเพราะว่าช่วงนี้หน้าฝน และตอนนี้ฝนก็กำลังโปรยปลายลงมาโดยตลอดทำให้ปริมาณน้ำเลยเยอะกว่าปกติ
ลุงเกียรติรับหน้าที่กัปตันนำทีมพาเดอะแก๊งโลดแล่นไปตามสายน้ำ คอยบอกชื่อรีสอร์ทโน้นที ตอบคำถามนี้ทีไปตลอดทาง การทำลายความเงียบของพวกเราน่ะเหรอ คือการคอยแซวหนุ่ม ๆ สาว ๆ ตลอดสองข้างทางที่แพแล่นผ่าน แต่มันก็สนุกดีนะเพราะเขาก็ตอบรับแซวกลับมาด้วยเหมือนรู้จักกันมานาน แต่อันที่จริงเราว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะ
[CR] ทริปเพชรบุรี ที่ไม่รู้จะตั้งชื่อให้ดีกว่านี้ได้ยังไง Ep.1 แก่งกระจาน - เสือซ่อนยิ้ม
4 …..คน
3 …..วัน
2 ......คืน
1 ......พันเก้าร้อยห้าสิบบาท/คน
และแล้วปฏิทินก็เปิดเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 สภาพ !!! เกือบ 2 ปีที่ผ่านมาเราเหมือนนกน้อยที่ถูกขังอยู่แต่ในกรงอย่างอ้างว้าง เมื่อจังหวะประตูเปิดอ้าก็โผถลาออกสู่นภากว้างอย่างไม่รีรอ
ความเป็นพิษได้สะสมบ่มเพาะตกค้างมาอย่างยาวยาวนาน ทั้งในร่างกายและในความคิด คล้ายกับกระบวนการ biomagnification เพราะมนุษย์อย่างเรา ๆ จัดอยู่ในตำแหน่งสุดท้ายของห่วงโซ่ สถานที่เป็นความหวังแรกสำหรับการพาร่างกายอันแสนอ่อนล้าออกไปเยียวยา จึงได้ถูกกำหนดขึ้น
“สถานที่เที่ยวที่แรกอย่างเป็นทางการ ถ้าไม่นับรวมตอนนั่งรถไปทำงาน ที่แห่งนั้นของคุณคือที่ใด ?”
2. ที่หมาย
อันที่จริงนอกเหนือจากภารกิจรักษาสภาพจิตใจที่แสนหนักอึ้งนี้แล้ว ยังมีอีกหนึ่งภารกิจคือการ Happy Happy birthday (เป็นทำนองเพลง) เพื่อนสมาชิกในทริปนี้อีกด้วย เนื่องจากนางอยากเป่าเค้กแบบ new normal นอกสถานที่ ปลายทางของเราจึงเลือกที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก เพราะกว่าทุกคนจะเลิกงาน ถ่ายรูปรายงานตัว แล้วต้องบึ่งรถออกมาพร้อมกัน ดังนั้นจังหวัดจุดหมายที่เราเลือกกันไว้คือ จังหวัดที่มีขนมหม้อแกงเป็นที่เลื่องชื่อ ใช่แล้วจังหวัดที่คุณคิดนั่นแหละ
3. ปลายทาง
กว่าพวกเราจะถึงที่พักก็ล่วงเลยเข้าไป 22:00 น. กว่าแล้ว ไหนจะเซอร์ไพรส์เป่าเค้กแบบเสมือนว่าเจ้าตัวไม่รู้เลยจริ๊ง ๆ กว่าชาบูหม่าล่ามื้อดึกของเราจะเดือดปุด ๆ กว่าจะได้อาบน้ำและเอนตัวล้มลงนอน วันที่ก็เปลี่ยนเป็นเลขใหม่ไปเสียแล้ว งั้นพรุ่งนี้พวกเราก็สบาย ๆ หน่อยแล้วกันเนอะ
น้ำในลำธารที่ไหลเชี่ยวส่งเสียงซ่าอย่างกับฝนตก ปลุกให้ต้องลุกตื่นขึ้นมาดื่มด่ำกับธรรมชาติและความสงบ ก่อนจะจัดการกับเสบียงมื้อเช้าเรียกแรงให้กับร่างกายเพื่อเดินทางไปตามแผนที่วางเอาไว้ แต่จะว่าไปแดดสาย ๆ ของเมืองเพชรนี้ก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะ
4. แกงแล้วแกงอีก
สถานที่แรกจุดหมายคือสะพานยาวที่ทอดไปในทะเล ณ แหลมผักเบี้ย พอไปถึงก็ต้องใจละเหี่ย เพราะสะพานดันเสียปิดปรับปรุงชั่วคราว ได้แต่บอกตัวเองว่าไม่เป็นไรไหน ๆ ก็มาแล้วงั้นขอเปลี่ยนแผนไปแวะที่จุดชมวิวหาดทรายเม็ดแรก ปลายแหลมหลวง ให้ลมทะเลพัดหน้าพอเหนียว ๆ แก้ช้ำใจแทนหน่อยก็แล้วกัน
กลับรถเปลี่ยนจุดหมาย อุณหภูมิในกายแข่งขันกับอุณหภูมิภายนอกได้พอ ๆ กัน สถานที่ต่อไป ย้ายจากทะเลฟ้าใส ข้ามมาบึงใหญ่ในอุทยาน ฯ เราจะไปย้อนวันวานกับ 11 ปี ของสะพานที่มีตำนานหมึก ใช้แล้วครับที่ต่อไป คือสะพานของพี่โชนและน้องน้ำ สะพานแขวน ณ อุทยานแก่งกระจาน กว่า 77 กิโลที่ตัดขับข้ามกลับมา ด้วยหัวใจที่อ่อนล้ายังต้องช้ำแล้วช้ำเล่า “สะพานปิดปรับปรุงนะครับน้อง”
5. บังเอิญสันเขื่อน
วันนี้เป็นวันอะไรว๊ะเนี่ย ถ้าเพื่อนจะเล่นมุกคงจะบอกว่า “วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม” แต่หยุดก่อนอานนท์ อารมณ์พี่ บ่ จอย งั้นก่อนที่ท้องจะร้องหิวเราคงต้องหาร้านอาหาร หรือ คาเฟ่เท่ ๆ เราจะต้องคอมพลีทกับภารกิจนี้ให้ได้ เพื่อตัดความโชคร้ายที่ผิดแผนตั้งแต่ที่แรกของวัน และจุดหมายปลายทางที่เราเลือกนั้นคือ ต้นไม้ ใบหญ้า คาเฟ่ จากรีวิวในเว็บไซต์ท่องเที่ยวแนะนำให้มา ทำให้เราก็ต้องไป
แต่ก่อนจะถึง เราว่าฟ้าคงจะเกิดความสงสารอยากปลอบใจเราบ้างก็เป็นได้ สันเขื่อนที่อยู่ข้างทางตอนเราขับรถผ่านมานั้น เมื่อมองเข้าไปเห็นวิวไกล ๆ โอ้วโหมันช่างสวยสุดประมาณ หักรถเข้าจอดที่บริเวณปากทางที่มีไม้กั้น สองเท้าก้าวเข้าไป สองมือยกประสานหยิบโค้กติดสินบนเจ้าพนักงาน (ฮ่า ๆ อันนี้หลอก ๆ) เพียงแค่เดินลงไปสอบถามและขออนุญาตเจ้าหน้าที่ว่าขอเข้าไปถ่ายรูปสัก 2 – 3 แชะได้ไหม โชคดีพี่เขาอนุญาตไม่ได้ว่าอะไร เราจึงได้แวะชมธรรมชาติที่สวยงามแบบนี้ด้วยความบังเอิญ (แต่อันที่จริงเราว่าตรงนี้ก็น่าจะเดินเข้าไปถ่ายได้อยู่แล้วแหละ แต่แค่ห้ามเอารถเข้าเท่านั้น เพราะอาจเกิดอันตรายได้ก็เท่านั้น)
6. กากีเปาะแปะ
ฝนลงเม็ดไล่หลังมาติด ๆ ท้องฟ้าดังฮึ่ม ๆ แข่งกับท้องที่เริ่มร้องประท้วงว่ามันถึงเวลามื้อกลางวันแล้วนะ GPS ยังคงนำทางวกไปวนมาเหมือนเคย เส้นทางที่จะไปร้านแห่งนี้ก็สมชื่อร้าน ต้นไม้ ใบหญ้าที่แท้ทรู เพราะตลอดสองข้างทางที่รถแล่นผ่านมา อืม....ตามนั้น
ก่อนที่พวกเราจะหมดกำลังใจและตัดสินใจเปลี่ยนที่หมาย โชคดีที่เจอพี่จ่ากำลังขับมอเตอร์ไซค์สวนทางผ่านมาไม่รอช้าโบกมือแวะถามทางเพื่อความแน่ใจ แกบอกว่าให้เราตรงไป เจอแยกหน้าเลี้ยวขวา แล้วขับต่อไปอีกหน่อยเจอแยกที่ 2 จะมีทางเลี้ยวซ้าย แต่ไม่ต้องเลี้ยวนะให้ไปทางขวาแทน บอกเสร็จยังไม่ทันได้ขอบคุณ แกก็รีบวาร์ปไปเร็วพอ ๆ กับฝนที่เปาะแปะลงบนเสื้อสีกากีของแกเปียกเป็นดวง ๆ เราได้แต่มองหน้ากันแล้วพูดว่า ทำไมแกไม่บอกให้เลี้ยวขวาเลยวะ.
7. บ่น ๆ ในฝนตก
ไม่ช้าก็ถึงจุดหมายตามเส้นทางพี่จ่าบอก (จริง ๆ เรียกลุงจ่าน่าจะดีกว่า) ตัวร้านนั้นเลยถัดขึ้นไปอีกหน่อยตั้งอยู่บนเนินเขา หากใครขับรถมาก็สามารถขับขึ้นไปจอดด้านบนเลยก็ได้ แต่เรานั้นเหรอเดินขึ้นสิครับ เพราะรถค่อนข้างเตี้ยขืนฝืนขับขึ้นไปคงจะขูด ครืด ๆ ไปตลอดทางก็เป็นได้ หลังจากลงรถรีบเดินจ้ำอ้าวไปให้ถึงร้านโดยไว ยังไม่ทันหย่อยก้นลงเก้าอี้สิ่งที่พูดไว้เหมือนเห็นดี ว่าถ้าถึงร้านแล้วฝนอยากตกก็เอาให้หนักไปเลย แหมะสมพรปากเลยทีเดียว
บรรยากาศกำลังจะดี ก็ต้องเจอมนุษย์แบบนี้ทุกทีสิน่า วันนี้มันวันอะไรว๊ะ (ไม่เล่นซ้ำนะ) คืออย่างงี้ เดินเข้ามาสั่งอาหาร พอดีมันมีกระเป๋าใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะที่ว่าง อยู่ข้าง ๆ โต๊ะที่พี่แกทั้งคู่นั่งอยู่ เพื่อนเราก็ถามในร้านว่าตรงนี้มีคนจองหรือป่าว หรือว่ากระเป๋าของใครไหมเพราะไม่เห็นมีคนอื่นเลย แล้วโต๊ะในร้านก็มีน้อย ความเงียบคือคำตอบ ให้มันได้อย่างนี้สิ ไม่เป็นไรพอสั่งอาหารเสร็จก็ตัดสินใจงั้นเดี่ยวพวกเราเดินฝ่าฝนไปนั่งโต๊ะด้านนอกก็ได้ พอก้าวขาออกจากร้านเท่านั้น นั่นไงชัดเลยอีเจ๊ รีบเอาออกเลยนะ เพราะถ้าพวกเราได้โต๊ะตรงนี้มันจะบังวิวพี่แกใช่ไหม
บรรยากาศกำลังจะดี ตัดเรื่องสองผัวเมียออกไปก่อน ร้านแห่งนี้เขาก็มีดีเหมือนกัน ถ้าหากมองออกไปรอบ ๆ ร้านจะมีวิว ป่าเขา ยอดสนและธรรมชาติที่สวยงามไม่น้อยเลยทีเดียว และที่สำคัญรสชาติกับข้าวที่นี่คือโอเคเลย เชื่อแล้วว่าการที่เราได้กินอาหารอร่อย ๆ จะช่วยให้ใจเย็นลง นั้นไงสงสัยก่อนหน้านี้โมโหหิวแหละ (โทษทีนะเจ๊)
8. Hilight
ก่อนจะเข้าสู่อีกหนึ่งโปรแกรมหลักของการมาเที่ยวทริปในที่แบบนี้ กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเลยคุณคิดว่าคืออะไร.... แต่ก่อนจะตอบ เราขอแวะตลาดสดที่อยู่ใกล้ ๆเพื่อตระเตรียมเกียมเสบียงไว้สำหรับเมนูในค่ำคืนนี้ก่อนกลับที่พักก่อนสักหน่อย ที่นี่มีทั้งอาหารทะเล หมู หมึก ไก่ กุ้ง และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ทั้งที่เป็นของสดหรือเป็นกับข้าวที่ทำสำเร็จรูปแล้วก็มี 14.00 น.เราพบว่าพวกเรามากันไวเกินไป แต่โชคยังเข้าข้างที่แม่ค้าที่นี่ใจดียกเอาของที่เราต้องการมาให้เราเลือกก่อนแม้ยังจัดแผงกันไม่เสร็จก็ตาม
ลุงเกียรติรับหน้าที่กัปตันนำทีมพาเดอะแก๊งโลดแล่นไปตามสายน้ำ คอยบอกชื่อรีสอร์ทโน้นที ตอบคำถามนี้ทีไปตลอดทาง การทำลายความเงียบของพวกเราน่ะเหรอ คือการคอยแซวหนุ่ม ๆ สาว ๆ ตลอดสองข้างทางที่แพแล่นผ่าน แต่มันก็สนุกดีนะเพราะเขาก็ตอบรับแซวกลับมาด้วยเหมือนรู้จักกันมานาน แต่อันที่จริงเราว่าเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้