"เรารักกัน แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของกัน แกเข้าใจนะ"
เข้าใจไหมครับ? ผมเองก็ไม่แน่ใจนะครับ เพราะคำพูดนี้ไม่ใช่ของผม..
เป็นคำพูดของนางเอก MV ของเพลงด้านบน ☝️ ประกอบหนังด้วยนะครับ "รักหมดแก้ว" (แต่ผมไม่ได้ดูหรอก แค่กดเพลงฟังเฉยๆ
ผมเข้าใจว่างี้ เป็นความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดครับ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า "โอเพิ่น รึเล้ชึ่นชิฟ" (สำเนียงดีอ่ะดิ ผมรู้ครับ ผมรู้ 😎)
ความสัมพันธ์ก็แบบแฟนเลยครับ แต่ยังเปิดรับคนใหม่ๆอยู่ ยังไปเดทกับคนที่ 2 ที่ 3 ต่อ เพื่อค้นหาคนที่ใช่กว่าต่อไป โดยคนแรกก็จะไม่หึงไม่หวงด้วยนะครับ เพราะเข้าใจตรงกันว่ามีสัมพันธ์กันแบบนี้ต่อกัน (ถ้าใครอยากเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็หาอ่านในอินเตอร์เน็ตเอาเองนะคร้าบบ 😁)
ต่อไปนี้คือคำถาม..
"คุณคิดว่า "ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด" มีข้อดีไหมครับ?" 🤔
ตอนแรกจะถามว่า ชอบไหม? /เห็นด้วยไหม? แต่คำตอบคงไปในทิศทางเดียวกันว่า "ไม่เห็นด้วยแน่" เพราะเราอยู่กับวัฒนธรรมแฟนเดี่ยวมานาน ก็เลยเปลี่ยนมาถามถึงข้อดีแทน
เพราะบางคนอาจไม่เห็นด้วย ไม่ทำเองแน่ แต่ก็อาจจะมองเห็นข้อดีได้เหมือนกัน
ถ้ามองแบบ soft soft หน่อย ผมว่ามันก็คล้ายๆ การมีคนคุยหลายคนน่ะแหละครับ คุยพร้อมๆกัน ก็ดูประหยัดเวลาดี ไม่เสียโอกาสสำหรับคนที่เข้ามาด้วยนะครับ สามารถแก้ปัญหาในกรณีที่ "คนที่ใช่กว่า แต่มาทีหลัง" ได้ด้วยนะครับ
แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบที่ทั้งสองคนยอมรับกันได้ แล้วก็ไม่โกหกกันด้วยนะครับ 😄
แล้วคุณล่ะครับ คิดว่ายังไง? (แถมมม~~)
คุณคิดว่า "ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด" มีข้อดีไหมครับ? 🤔
เข้าใจไหมครับ? ผมเองก็ไม่แน่ใจนะครับ เพราะคำพูดนี้ไม่ใช่ของผม..
เป็นคำพูดของนางเอก MV ของเพลงด้านบน ☝️ ประกอบหนังด้วยนะครับ "รักหมดแก้ว" (แต่ผมไม่ได้ดูหรอก แค่กดเพลงฟังเฉยๆ
ผมเข้าใจว่างี้ เป็นความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัดครับ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า "โอเพิ่น รึเล้ชึ่นชิฟ" (สำเนียงดีอ่ะดิ ผมรู้ครับ ผมรู้ 😎)
ความสัมพันธ์ก็แบบแฟนเลยครับ แต่ยังเปิดรับคนใหม่ๆอยู่ ยังไปเดทกับคนที่ 2 ที่ 3 ต่อ เพื่อค้นหาคนที่ใช่กว่าต่อไป โดยคนแรกก็จะไม่หึงไม่หวงด้วยนะครับ เพราะเข้าใจตรงกันว่ามีสัมพันธ์กันแบบนี้ต่อกัน (ถ้าใครอยากเข้าใจอย่างถ่องแท้ ก็หาอ่านในอินเตอร์เน็ตเอาเองนะคร้าบบ 😁)
ต่อไปนี้คือคำถาม..
"คุณคิดว่า "ความสัมพันธ์แบบไม่ผูกมัด" มีข้อดีไหมครับ?" 🤔
ตอนแรกจะถามว่า ชอบไหม? /เห็นด้วยไหม? แต่คำตอบคงไปในทิศทางเดียวกันว่า "ไม่เห็นด้วยแน่" เพราะเราอยู่กับวัฒนธรรมแฟนเดี่ยวมานาน ก็เลยเปลี่ยนมาถามถึงข้อดีแทน
เพราะบางคนอาจไม่เห็นด้วย ไม่ทำเองแน่ แต่ก็อาจจะมองเห็นข้อดีได้เหมือนกัน
ถ้ามองแบบ soft soft หน่อย ผมว่ามันก็คล้ายๆ การมีคนคุยหลายคนน่ะแหละครับ คุยพร้อมๆกัน ก็ดูประหยัดเวลาดี ไม่เสียโอกาสสำหรับคนที่เข้ามาด้วยนะครับ สามารถแก้ปัญหาในกรณีที่ "คนที่ใช่กว่า แต่มาทีหลัง" ได้ด้วยนะครับ
แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบที่ทั้งสองคนยอมรับกันได้ แล้วก็ไม่โกหกกันด้วยนะครับ 😄
แล้วคุณล่ะครับ คิดว่ายังไง? (แถมมม~~)