JJNY : ม็อบไทรอัมพ์ บุกทำเนียบ│เริ่มลุยแล้ว! ม็อบ‘Truck Power’ชลบุรี│"แฟรนไชส์"แห่ปิดตัวคืนสิทธิ์│โควิดสงขลาโคม่า

ม็อบไทรอัมพ์ บุกทำเนียบ ทวงเงินเยียวยาถูกเลิกจ้าง ขู่ปีนรั้ว-ปักหลักยาว
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6684544

 
สหภาพแรงงานไทรอัมพ์ นำลูกจ้างกว่า 100 คน ชุมนุมหน้าทำเนียบฯ อีกรอบ ทวงเงินเยียวยาถูกเลิกจ้าง ขู่ปีนรั้ว-ปักหลักยาว หันลำโพงกวนที่ประชุมครม.
 
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2564 ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล นางกรรจาย แก้วชู ตัวแทนสหภาพแรงงานไทรอัมพ์อินเตอร์เนชั่นแนลแห่งประเทศไทย พร้อมพนักงานกว่า 100 คน จากบริษัท บริลเลียนท์ อัลไลแอนซ์ไทย โกลบอล จ.สมุทรปราการ ผู้ผลิตชุดชั้นในยี่ห้อดัง ที่ถูกนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่บอกล่วงหน้า รวมตัวชุมนุมกันที่ถนนพิษณุโลก หน้าทำเนียบรัฐบาล ยาวไปถึงบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปิดการจราจร 1 ช่องจราจร
 
พร้อมนำรถกระบะติดเครื่องขยายเสียง ปราศรัย เรียกร้องให้รัฐบาล และกระทรวงแรงงาน นำงบกลาง มาจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายให้กับผู้ใช้แรงงานกว่า 1,300 คน จำนวน 242 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ผู้ชุมนุมกลุ่มดังกล่าวเคยมาชุมนุมเรียกร้องที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลมาแล้วแต่ยังไม่เป็นผล
 
ตัวแทนผู้ชุมนุมปราศรัยว่า หากวันนี้ไม่ได้รับการเจรจาจนได้ข้อยุติ จะปีนรั้วทำเนียบฯ เหมือนที่เคยปีนรั้วกระทรวงแรงงานมาแล้ว และจะไม่เดินทางกลับ จะปักหลักชุมนุมต่อไป เราขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะกำกับกระทรวงแรงงาน ออกจากที่ประชุมครม. เพื่อมาเจรจารับข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุม
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัย 1 กองร้อย อย่างไรก็ตาม ตลอดการชุมนม กลุ่มผู้ใช้แรงงานได้ปราศรัยผ่านเครื่องกระจายเสียงส่งเสียงดัง โดยหันลำโพงเข้ามาทางทำเนียบฯ เพื่อรบกวนการประชุมครม.ที่จัดขึ้นในตึกสันติไมตรี
  


 
เริ่มลุยแล้ว! ม็อบ ‘Truck Power’ ชลบุรี เคลื่อนขบวนบุก จี้รัฐตรึงราคาน้ำมันด่วน
https://www.dailynews.co.th/news/389130/
 
เริ่มลุยแล้ว! สมาคมผู้ประกอบการขนส่งแหลมฉบังชลบุรี เคลื่อนขบวน ‘Truck Power’ เรียกร้อง 5 ข้อ จี้ รัฐบาล-กระทรวงพลังงาน ตรึงราคาน้ำมันดีเซลด่วน
 
เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่บริเวณลานจอดรถ หน้าประตู 2 เขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นางสุนีย์ ภูติวณิชย์ นายกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งแหลมฉบังชลบุรี ร่วมกับผู้ประกอบการรถบรรทุก จัดกิจกรรม ‘Truck Power’ เพื่อเรียกร้องและยื่นข้อเสนอแนะ 5 ข้อ มุ่งเน้นในเรื่องของการตรึงราคาน้ำมันดีเซล (B7 หรือ B6) ราคาขายปลีก 25 บาท/ลิตร ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มี นายอภิชาต คงถอด ปลัดอำเภอศรีราชา พ.ต.อ.จิราวัฒน์ ศักดิ์ศรีวัฒนา ผกก.สภ.แหลมฉบัง นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าสังเกตการณ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดชลบุรี เข้าร่วมตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด

ทั้งนี้ พ.ต.อ.จิราวัฒน์ ผกก.สภ.แหลมฉบัง ได้อ่านประกาศคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดชลบุรี ที่ 15/2564 ที่ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องด้วยพื้นที่ใน จ.ชลบุรี ยังคงเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด อย่างไรก็ตามหากผู้ร่วมชุมนุมมีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ มีลักษณะที่อาจจะเป็นความผิดดังกล่าว จึงขอให้ผู้ร่วมกิจกรรมในครั้งยุติกิจกรรม ภายใน 30 นาที โดยทันที
  
ด้าน นางสุนีย์ ภูติวณิชย์ นายกสมาคมผู้ประกอบการขนส่งแหลมฉบังชลบุรี กล่าวว่า ทางสมาคมฯ ได้ปฏิบัติตามมาตรการชุมนุมในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมโดยสงบ และก่อนที่จะเริ่มกิจกรรม ได้มีแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว อย่างไรก็ตามการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ โดยข้อเรียกร้องของทางสมาคมฯ ประกอบด้วย 5 ข้อ
  
1. ขอให้รัฐบาลและกระทรวงพลังงาน ตรึงราคาน้ำมันดีเซล (B7 หรือ B6) ราคาขายปลีก 25 บาท/ลิตร เป็นระยะเวลา 1 ปี ในช่วงสถานการณ์วิกฤติไวรัสโควิด-19 วิกฤติสภาวะเศรษฐกิจ และวิกฤติอุทกภัย ภัยพิบัติต่างๆ จนกว่าสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลาย
 
2. ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท เป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยหารายได้จากส่วนอื่นๆ มาทดแทน 
 
3. ปรับโครงสร้างราคาน้ำมันให้เป็นธรรม ยึดหลักธรรมาภิบาล ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่เอาเปรียบประชาชนและผู้บริโภคน้ำมันในระบบผูกขาด ตัดตอนจนเกินไป 
 
4. ราคา ณ โรงกลั่น ต้องเท่ากับราคาสิงคโปร์ ที่ใช้เป็นฐานอ้างอิงน้ำมันสำเร็จรูป (ราคา ณ โรงกลั่นต้องเท่ากัน) 
 
และ 5. ในสถานการณ์วิกฤติต่างๆ ต้องลดค่าการตลาดลงกึ่งหนึ่ง เพราะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันแพงเกินไป และเป็นการผลักภาระและสร้างกำไรทางธุรกิจที่ขาดหลักจริยธรรม และคุณธรรมทางธุรกิจกึ่งผูกขาด
  

  
"แฟรนไชส์" แห่ปิดตัวคืนสิทธิ์ ต้านพิษโควิดไม่ไหว-รายใหม่ชะลอลงทุน
https://www.prachachat.net/marketing/news-782658
  
พิษโควิดยังลามไม่หยุด ล็อกดาวน์ทำธุรกิจไม่ต่อเนื่อง เปิด ๆ ปิด ๆ รายได้ไม่คุ้มค่าใช้จ่าย เผยแฟรนไชส์เครื่องดื่มเหนื่อยหนัก เศรษฐกิจ-กำลังซื้อ ทุบน่วม รายได้ไม่มี-ภาระต้นทุนหนักอึ้ง แบกไม่ไหว ทยอยคืนสิทธิ์-คืนพื้นที่ โบกมือลา โอดเข้าถึงแหล่งเงินทุนยาก ขณะที่นักลงทุนชะลอแผนขยายธุรกิจ ย้ำไม่วางใจสถานการณ์
 
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่กระทบระลอกแล้วระลอกเล่า ทำให้ธุรกิจแฟรนไชส์อาหารและเครื่องดื่มต้องเผชิญกับความยากลำบาก ต้องแบกรับต้นทุนสูง ขณะเดียวกันลูกค้าก็ยังไม่กลับมาใช้จ่าย ซึ่งมีตัวแปรด้านเศรษฐกิจและกำลังซื้อเข้ามาเป็นโจทย์ใหญ่ ทำให้อยู่ต่อไม่ไหวต้องโบกมือออกจากตลาดไป
 
ต้านไม่ไหว-ทยอยปิดร้าน
 
แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการนมพร้อมดื่มรายใหญ่เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นและลากยาวมาเกือบ 2 ปี ทำให้ธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเครื่องดื่มค่อนข้างลำบาก โดยที่ผ่านมามีแฟรนไชซีจำนวนหนึ่งที่ได้ทยอยขอคืนแฟรนไชส์ รวมทั้งมีการคืนพื้นที่ให้กับเจ้าของพื้นที่ โดยเฉพาะรายที่เน้นการเปิดร้านในเทสโก้ โลตัส บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สถานีบริการน้ำมัน รวมถึงสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เนื่องจากไม่มีรายได้เข้ามา เพราะต้องปิดร้านในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ แต่ตรงกันข้ามยังต้องแบกรับค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเช่าพื้นที่ พนักงาน
 
“ตอนนี้ แม้ว่าภาครัฐเริ่มผ่อนคลายธุรกิจแล้ว แต่ทราฟฟิกยังไม่กลับมา ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายจากปัญหาเรื่องกำลังซื้อ ประกอบกับการแข่งขันสูง จึงทำให้ยังมีภาพของการทยอยคืนแฟรนไชส์เพิ่มอย่างต่อเนื่อง”
 
นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์ อาทิ ร้านอาหารญี่ปุ่น เซ็น อากะ ร้านอาหารญี่ปุ่น ปิ้งย่าง และแฟรนไชซอร์ ร้านอาหารตามสั่ง “เขียง” แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปีที่แล้ว ลากยาวมาถึงปีนี้มีผลต่อสภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้ออย่างมาก และกระทบถึงธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร ร้านกาแฟ ขนาดเล็กไปจนถึงกลาง ทั้งร้านในศูนย์การค้า สถานีบริการน้ำมัน ตลาดสด ซึ่งลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการหายไปกว่า 80-90%
 
เมื่อไม่มีรายได้เข้ามา แต่รายจ่ายยังมีต่อเนื่อง ทั้งค่าแรกเข้า ค่ารายเดือน ค่าวัตถุดิบ และค่าจ้างพนักงาน ไปจนถึงค่าเช่าพื้นที่ แม้ทางการจะเริ่มทยอยคลายล็อก ธุรกิจเริ่มกลับมาเปิดให้บริการ แต่ตอนนี้ในแง่ทราฟฟิกยังไม่กลับมา 100% รายจ่ายไม่บาลานซ์กับรายรับ สภาพคล่องเริ่มมีปัญหา ปัจจุบันแม้แต่รายใหญ่ยังเหนื่อย แต่น้อยกว่ารายเล็ก วันนี้หากจะลงทุนต้องคิดหนัก บางธุรกิจต้องเลื่อนแผนงานออกไป เพื่อเก็บเงินสด รอประเมินสถานการณ์ปลายปี ไปจนถึงปีหน้า เพราะตอนนี้โควิดยังมีการระบาด ทุกอย่างเสี่ยงหมด เวฟ 5 เวฟ 6 จะมาอีกหรือไม่ ยังไม่มีใครประเมินได้
 
“ในช่วงล็อกดาวน์ ธุรกิจเปิด ๆ ปิด ๆ ไม่มีความต่อเนื่อง ทุนเริ่มหาย ธุรกิจเริ่มไปต่อไม่ได้ สิ่งที่ผู้ประกอบการแฟรนไชส์รายเล็กต้องการ คือ การเข้าถึงแหล่งทุน ทางออกที่จะช่วยเรื่องนี้ได้ คือ สถาบันการเงินควรเปลี่ยนกฎเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อใหม่ ไม่ควรนำหลักเกณฑ์การขอสินเชื่อของรายใหญ่มาใช้กับรายย่อย”
 
ซีอีโอบริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น ระบุว่า สำหรับเซ็น คอร์ปอเรชั่นเองต้องยอมรับว่า มีการปิดร้านอาหารบางสาขา แต่ด้วยสเกลธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ และยังมีสาขาจำนวนมากที่ทำรายได้ มีแคชโฟลว์ และเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่าย จึงสามารถเดินหน้าขยายสาขาร้านอาหารตามสั่ง เขียง อีกราว ๆ 50 สาขา
 
นักลงทุนชะลอลงทุน
 
นางสาวภคมน สมบูรณ์เวชชการ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท โกลเด้น ครีม จำกัด ผู้บริหารร้านกาแฟ “ดิโอโร่” ยอมรับว่า ภาพรวมการทำธุรกิจแฟรนไชส์ร้านเครื่องดื่มในช่วงสถานการณ์ที่มีโควิดรวมค่อนข้างเหนื่อย โดยเฉพาะรายที่เน้นการเปิดสาขาในห้างสรรพสินค้า หรือศูนย์การค้า เนื่องจากมีความเสี่ยงรอบด้าน จากสภาพตลาดค่อนข้างซบเซา เมื่อผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ ก็กระทบกับการเปิดร้าน ยอดขายไม่มา แต่ค่าใช้จ่ายและต้นทุนวัตถุดิบ ต้องแบกรับต้นทุนสูง แม้ตอนนี้จะเริ่มผ่อนคลายกิจกรรมต่าง ๆ แต่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน ออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านน้อยลง ทำงานที่บ้านมากขึ้น และระมัดระวังการจับจ่าย ทำให้หลายรายไม่สามารถแบกรับภาระที่เกิดขึ้นได้ ต้องปิดให้บริการไป
 
อย่างไรก็ตาม สำหรับร้านกาแฟดิโอโร่เอง ที่เน้นการขายแฟรนไชส์สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนและมีกิจการเป็นของตัวเอง ที่ผ่านมาก็ต้องปรับตัว ด้วยการเน้นการคัดกรองพาร์ตเนอร์อย่างละเอียด รวมไปถึงทำเลต้องดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการคืนสัญญาก่อนกำหนด
 
“แฟรนไชส์ก็เหมือนเข้ามาเป็นครอบครัวเดียวกัน และจะต้องเติบโตไปด้วยกันในระยะยาว วันนี้แม้ตลาดอาจจะเงียบ แต่ยังมีผู้สนใจติดต่อเข้ามา แต่ยังไม่ตัดสินใจ ยังไม่ลงทุน เพราะรอประเมินบรรยากาศต้นปีหน้า”
 
แฟรนไชส์รายเล็กเหนื่อยหนัก
 
นายสุภัค หมื่นนิกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีซี่ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล แฟรนไชส์ จำกัด ผู้บริหารร้านแฮมเบอร์เกอร์ Siam Steak และผู้ก่อตั้งสถาบันธุรกิจแฟรนไชส์อาหาร ให้ข้อมูลในเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันแฟรนไชส์มีอยู่ 3 เซ็กเมนต์ ประกอบไปด้วย แฟรนไชซอร์รายใหญ่ เช่น อเมซอน, แบล็ค แคนยอน และไมเนอร์ฟู้ด จะไม่ค่อยมีปัญหา เพราะมีกำลังซัพพอร์ตแฟรนไชซี ทั้งเรื่องของแบรนดิ้ง มาร์เก็ตติ้ง ช่องทางขายออนไลน์ ออฟไลน์ รวมทั้งมีการปรับโมเดลธุรกิจทั้ง short term-long term อย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้
 
ถัดมาคือ แฟรนไชซอร์ขนาดกลาง ประเภทลงทุนหลักแสนบาท อาทิ ร้านกาแฟ ร้านชานมไข่มุก ขนมปังเบเกอรี่ ฯลฯ บางรายปรับตัวหันไปเพิ่มช่องทางจำหน่ายที่เป็นดีลิเวอรี่ เพื่อประคับประคองธุรกิจ ขณะที่บางแบรนด์มีการปรับตัวช้าหรือไม่ปรับตัว ยังขายสินค้าเดิม ๆ ช่องทางขายเดิม ๆ จึงไม่สามารถดึงลูกค้าได้ รายได้ไม่มีต้องปิดกิจการ ส่วนแฟรนไชส์ที่ลงทุนหลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาท ส่วนใหญ่จะเน้นขายสินค้า วัตถุดิบ ร้านเหล่านี้แข่งกันด้วยการขายแฟรนไชส์ราคาถูก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่