ผมว่า คนไทยที่ "ยังไม่ได้ไปใช้ชีวิต อาศัยอยู่ต่างประเทศ"
มักจะได้รับข้อมูลมา ไม่หมด
ไม่มีใครบอกเล่าให้หมด ว่า การรักษาพยาบาลในการไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศนั้น เป็นอย่างไร?
ส่วนดี ของการรักษาพยาบาลในประเทศที่พัฒนาแล้ว
คือ
แน่นอนครับ ว่า หลักสูตรทางการแพทย์ วิชาความรู้ การฝึกปฎิบัติ ยารักษา เครื่องมือทางการแพทย์ สถานพยาบาล ฯลฯ
มีความพร้อม มีความทันสมัย มากกว่าครับ
นอกนั้น
ผมมองหาไม่เจอในส่วนดีแล้วครับ
ลองเปรียบเทียบ กับการเข้าถึง การเข้ารับการรักษาพยาบาล ในประเทศไทยนะครับ
หลายๆท่าน น่าจะเคยได้ยิน หรือ จำข่าวดัง
ที่ญาติคนป่วย หรือ ตัวผู้ป่วยเอง โวยวายในสถานพยาบาล บางข่าวถึงขั้นลงมือทำร้ายเจ้าหน้าที่แพทย์ เจ้าหน้าที่พยาบาลก็มี
เพียงเพราะ
-- ใ ห้ ร อ น า น -- !!!!!
ในประเทศไทยนั้น
ไข้ขึ้น 37.5 องศา
ไปสถานพยาบาลใกล้บ้าน
รออย่างมาก ครึ่งชั่วโมง ก็ได้พบแพทย์วิชาชีพ ให้แพทย์ตรวจอาการ วิเคราะห์อาการ ให้แนวทางการรักษา จ่ายยาเสร็จสรรพ
กลับบ้าน สบายใจ
จนติดเป็น "ความเคยชิน" ว่า ไม่สบายก็ไปหาหมอ
ในประเทศที่เจริญแล้ว
ไข้ขึ้น 37.5 องศา ไปสถานพยาบาลนั้น
นอกจาก "อย่าหวัง ว่าจะได้พบแพทย์วิชาชีพ เพียงแค่เพราะไข้ขึ้น 37.5 องศา" แล้ว
เขาอาจจะแนะนำให้คุณกลับบ้าน
ระหว่างทางกลับบ้าน อย่าลืมแวะซื้อยาพาราเซตามอล ไปกินบรรเทาอาการ
ถ้า 2 วันแล้วยังไม่หาย
ให้ "โทรฯมา ขอคำปรึกษา" เพิ่มเติม
แค่นั้นแหละครับ
อย่าถามซื้อยา จากสถานพยาบาลนะครับ
- ไม่มีครับ - ยามีขายที่ร้านขายยา เท่านั้นครับ
แวะร้านขายยา
"อย่าหวัง จะซื้อยาลดน้ำมูก ยาละลายเสมหะ ยาฆ่าเชื้อ ฯลฯ" นะครับ
-- เขา "ไม่ขาย" ให้คุณครับ --
เว้นแต่ จะมีใบสั่งยา จากหมอ !
ซื้อยาจากร้านขายยาได้นั้น อย่างมากก็ พาราเซตามอล ครับ
คนไทย เอะอะเป็นอะไรนิด อะไรหน่อย
ไปหาหมอ
ไปนั่งรอแป๊บเดียว ก็ได้เจอหมอ
ต่อให้คุณต้องออกจากบ้านตั้งแต่ ตี4 เพื่อไปนั่งรอคิว ได้พบหมอตอน บ่าย2 ก็เถอะ
- คุณก็ยังได้เจอหมอ - นะครับ
ในประเทศที่พัฒนาแล้ว
ถ้าคุณไม่ได้เป็นอะไรหนักๆ อย่างมากก็มีแค่ พยาบาลวิชาชีพ เข้ามาดูแลให้คำแนะนำครับ (ไม่ใช่รักษานะครับ แค่ให้คำแนะนำเบื้องต้น)
ในกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษา หนักๆ
- จ่ายแพง - นะครับ
ประเภทที่จะหวังว่า จะได้รับการรักษาใช้บัตรทอง (30บาทรักษาทุกโรค)
อย่าหวังครับ
ประชากรในประเทศที่พัฒนาแล้ว รายได้ส่วนหนึ่งของพวกเขาจึงถูกใช้จ่ายไปกับ "ประกันสุขภาพ และประกันชีวิต" ครับ
แพงนะครับ ประกันพวกนี้ ไม่ใช่ถูกๆ
(เห็นไหมครับ นอกจากจะต้องจ่ายภาษีเงินได้ และ vat ในอัตราที่สูงกว่าคนไทยแล้ว ยังต้องซื้อประกันแพงๆอีก)
มีบุตร คลอดบุตร
ในประเทศไทยเหรอ
- ฝากครรภ์ สิครับ -
ยังไงก็มีหมอประจำ รับฝากครรภ์ของคุณ
ไม่ว่าจะเป็นหมอสูติฯ โรงพยาบาลรัฐบาล (คิวยาว) หรือ หมอสูติฯชื่อเสียงโด่งดังในโรงพยาบาลเอกชน
มีแพ๊คเก็จรับฝากครรภ์ด้วยนะครับ ของโรงพยาบาลเอกชน ตั้งแต่หลักหมื่น ยันหลักแสนครับ
ที่แน่ๆ "หมอสูติฯ" รับดูแลครรภ์ของคุณ ตั้งแต่รู้ตัวว่าท้อง จนกระทั่งคลอด
ในประเทศที่พัฒนาแล้ว
คุณจะได้รับการให้คำปรึกษา คำแนะนำ ดูแล จนกระทั่งคลอดโดย "เจ้าหน้าที่ผดุงครรภ์" (Midwife) ครับ
หมอ เหมอ ไม่มีครับ
เว้นแต่ ครรภ์คุณ "ผิดปกติ" ครับ
ใครที่ยังเข้าใจว่า
ไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้วนั้น จะ "เข้าถึงและได้รับ" การดูแลรักษาเป็นอย่างดีเยี่ยม นั้น
ลองหาข้อมูลดูใหม่นะครับ
ผมถึงบอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ว่า
- คนไทยที่อยู่ต่างประเทศนั้น (จำนวนมาก) ไม่เล่าเรื่อง "ความลำบาก" ที่ตนเองต้องประสบหรอกครับ !! -
ส่วนใหญ่ จะเล่าแต่เรื่องดีๆ สวยๆ งามๆ
เพื่อให้คนไทย ที่อยู่ในประเทศไทย "อิจฉา" พวกเขาไงครับ
ใช้ชีวิตต่างประเทศ จะเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่ดีกว่า สะดวกกว่าจริงๆหรือ?????
มักจะได้รับข้อมูลมา ไม่หมด
ไม่มีใครบอกเล่าให้หมด ว่า การรักษาพยาบาลในการไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศนั้น เป็นอย่างไร?
ส่วนดี ของการรักษาพยาบาลในประเทศที่พัฒนาแล้ว
คือ
แน่นอนครับ ว่า หลักสูตรทางการแพทย์ วิชาความรู้ การฝึกปฎิบัติ ยารักษา เครื่องมือทางการแพทย์ สถานพยาบาล ฯลฯ
มีความพร้อม มีความทันสมัย มากกว่าครับ
นอกนั้น
ผมมองหาไม่เจอในส่วนดีแล้วครับ
ลองเปรียบเทียบ กับการเข้าถึง การเข้ารับการรักษาพยาบาล ในประเทศไทยนะครับ
หลายๆท่าน น่าจะเคยได้ยิน หรือ จำข่าวดัง
ที่ญาติคนป่วย หรือ ตัวผู้ป่วยเอง โวยวายในสถานพยาบาล บางข่าวถึงขั้นลงมือทำร้ายเจ้าหน้าที่แพทย์ เจ้าหน้าที่พยาบาลก็มี
เพียงเพราะ
-- ใ ห้ ร อ น า น -- !!!!!
ในประเทศไทยนั้น
ไข้ขึ้น 37.5 องศา
ไปสถานพยาบาลใกล้บ้าน
รออย่างมาก ครึ่งชั่วโมง ก็ได้พบแพทย์วิชาชีพ ให้แพทย์ตรวจอาการ วิเคราะห์อาการ ให้แนวทางการรักษา จ่ายยาเสร็จสรรพ
กลับบ้าน สบายใจ
จนติดเป็น "ความเคยชิน" ว่า ไม่สบายก็ไปหาหมอ
ในประเทศที่เจริญแล้ว
ไข้ขึ้น 37.5 องศา ไปสถานพยาบาลนั้น
นอกจาก "อย่าหวัง ว่าจะได้พบแพทย์วิชาชีพ เพียงแค่เพราะไข้ขึ้น 37.5 องศา" แล้ว
เขาอาจจะแนะนำให้คุณกลับบ้าน
ระหว่างทางกลับบ้าน อย่าลืมแวะซื้อยาพาราเซตามอล ไปกินบรรเทาอาการ
ถ้า 2 วันแล้วยังไม่หาย
ให้ "โทรฯมา ขอคำปรึกษา" เพิ่มเติม
แค่นั้นแหละครับ
อย่าถามซื้อยา จากสถานพยาบาลนะครับ
- ไม่มีครับ - ยามีขายที่ร้านขายยา เท่านั้นครับ
แวะร้านขายยา
"อย่าหวัง จะซื้อยาลดน้ำมูก ยาละลายเสมหะ ยาฆ่าเชื้อ ฯลฯ" นะครับ
-- เขา "ไม่ขาย" ให้คุณครับ --
เว้นแต่ จะมีใบสั่งยา จากหมอ !
ซื้อยาจากร้านขายยาได้นั้น อย่างมากก็ พาราเซตามอล ครับ
คนไทย เอะอะเป็นอะไรนิด อะไรหน่อย
ไปหาหมอ
ไปนั่งรอแป๊บเดียว ก็ได้เจอหมอ
ต่อให้คุณต้องออกจากบ้านตั้งแต่ ตี4 เพื่อไปนั่งรอคิว ได้พบหมอตอน บ่าย2 ก็เถอะ
- คุณก็ยังได้เจอหมอ - นะครับ
ในประเทศที่พัฒนาแล้ว
ถ้าคุณไม่ได้เป็นอะไรหนักๆ อย่างมากก็มีแค่ พยาบาลวิชาชีพ เข้ามาดูแลให้คำแนะนำครับ (ไม่ใช่รักษานะครับ แค่ให้คำแนะนำเบื้องต้น)
ในกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษา หนักๆ
- จ่ายแพง - นะครับ
ประเภทที่จะหวังว่า จะได้รับการรักษาใช้บัตรทอง (30บาทรักษาทุกโรค)
อย่าหวังครับ
ประชากรในประเทศที่พัฒนาแล้ว รายได้ส่วนหนึ่งของพวกเขาจึงถูกใช้จ่ายไปกับ "ประกันสุขภาพ และประกันชีวิต" ครับ
แพงนะครับ ประกันพวกนี้ ไม่ใช่ถูกๆ
(เห็นไหมครับ นอกจากจะต้องจ่ายภาษีเงินได้ และ vat ในอัตราที่สูงกว่าคนไทยแล้ว ยังต้องซื้อประกันแพงๆอีก)
มีบุตร คลอดบุตร
ในประเทศไทยเหรอ
- ฝากครรภ์ สิครับ -
ยังไงก็มีหมอประจำ รับฝากครรภ์ของคุณ
ไม่ว่าจะเป็นหมอสูติฯ โรงพยาบาลรัฐบาล (คิวยาว) หรือ หมอสูติฯชื่อเสียงโด่งดังในโรงพยาบาลเอกชน
มีแพ๊คเก็จรับฝากครรภ์ด้วยนะครับ ของโรงพยาบาลเอกชน ตั้งแต่หลักหมื่น ยันหลักแสนครับ
ที่แน่ๆ "หมอสูติฯ" รับดูแลครรภ์ของคุณ ตั้งแต่รู้ตัวว่าท้อง จนกระทั่งคลอด
ในประเทศที่พัฒนาแล้ว
คุณจะได้รับการให้คำปรึกษา คำแนะนำ ดูแล จนกระทั่งคลอดโดย "เจ้าหน้าที่ผดุงครรภ์" (Midwife) ครับ
หมอ เหมอ ไม่มีครับ
เว้นแต่ ครรภ์คุณ "ผิดปกติ" ครับ
ใครที่ยังเข้าใจว่า
ไปใช้ชีวิตอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้วนั้น จะ "เข้าถึงและได้รับ" การดูแลรักษาเป็นอย่างดีเยี่ยม นั้น
ลองหาข้อมูลดูใหม่นะครับ
ผมถึงบอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ว่า
- คนไทยที่อยู่ต่างประเทศนั้น (จำนวนมาก) ไม่เล่าเรื่อง "ความลำบาก" ที่ตนเองต้องประสบหรอกครับ !! -
ส่วนใหญ่ จะเล่าแต่เรื่องดีๆ สวยๆ งามๆ
เพื่อให้คนไทย ที่อยู่ในประเทศไทย "อิจฉา" พวกเขาไงครับ