รับคำท้า(หัวใจ)ยัยตัวแสบ ตอนที่ 31 วัดดวง

รับคำท้าฯ 
ตอนที่ 31
 
                เมื่อปริมาเงยหน้าขึ้นมองหนุ่มหน้าหวาน  ที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้รอสบตากับเธอ เขายิ้มน้อย ๆ  เธอกวาดสายตาสำรวจใบหน้าของพ่อหนุ่มจอมกวน ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว ดวงตา  จมูก ปาก คาง แก้ม ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติแม้แต่น้อย นอกจากสายตาหวานที่มองมานิ่งงัน  ราวกับจะสะกดเธอให้อยู่ใต้มนตร์ของเขา

                ‘หนอย! ไม่เห็นเป็นอะไรซะหน่อย ส่งตาหวานมาอีกแล้ว หมั่นไส้!’ เธอรู้ทัน นี่มันหลอกให้มองหน้าเขาชัด ๆ ว่าแล้วรับมุกคนขี้อ้อนหน่อยเป็นไร
                “ตายแล้ว!  คิ้วนายแหว่งไปหน่อยนึง”  หญิงสาวแสร้งทำหน้าตาตื่น พลางยกนิ้วชี้จิ้มไปที่คิ้วซ้ายของตัวเองถี่ ๆ  

                หนุ่มขี้อ้อนรีบยกมือขวาแตะไปมาที่คิ้วข้างขวาของตัวเอง  อ้าปากค้าง เบิกตาโตด้วยสีหน้าตกใจ
                “ผมตรงนี้ของนาย ก็หายไปกระจุกหนึ่ง”  เธอเอียงคอมองผมที่ข้างหูด้านซ้ายของเขา แกล้งตีสีหน้าตกอกตกใจสุดขีด  มองหน้าชายหนุ่มเวลาตกใจ  มันตลกมาก  เห็นแล้วอดขำไม่ได้  
                “จริงเหรอ!  ผมหายไปเป็นกระจุกเลยเหรอ?”  หนุ่มหน้าหวานพูดพลางขมวดคิ้วย่น หน้าตายิ่งตกใจหนักกว่าเดิม พลางยกมือขวาแตะบริเวณผมข้างหูไปมาอย่างใจเสีย
                หญิงสาวพยายามซ่อนยิ้มไว้ในสีหน้า
                “นี่...นายมีสิวด้วย หลายเม็ดเลย  ตรงนี้ก็มี มีกี่เม็ดเนี่ย...”  เธอเปลี่ยนเป็นไปสำรวจสิวของเขาแทนที่ขึ้นอยู่บริเวณปลายคาง และตามไรผมด้านข้าง

                “พอแล้ว!”  หนุ่มหน้าหวานเบือนหน้าหนีคนขี้แกล้ง  ยกมือสองข้างปิดหน้าปิดตาด้วยความอายเดินกลับไปที่โต๊ะอาหาร         
                เขาอยากจะบ้าตาย  ‘คนเขาอยากสบตาด้วย ดันมาสำรวจแต่สิว โอ๊ย!’
                ยัยตัวแสบได้แต่ยืนหัวเราะขำ  ก่อนจะเดินตามไป
                “เดี๋ยวซี่...ฉันยังไม่ได้นับเลย  นายมีสิวกี่เม็ด มาให้ฉันนับก่อน...”  

                หนุ่มนักดนตรีกลับมานั่งกินข้าวโดยไม่พูดไม่จา ขว้างค้อนสายตาให้คนที่นั่งข้าง ๆ  แต่ทว่าดันกินถูกพริก รู้สึกเผ็ดมาก รีบเอื้อมมือไปหยิบชมพู่ทับทิมสองสามลูกที่อยู่เยื้องไปด้านขวามือของแม่ครัวตัวดี แทบจะชนกับหน้าของเธอ  จนคนที่นั่งติดกับเขาต้องรีบหลบ  สีหน้าของเธอไม่มีการสำนึกผิดแม้แต่นิดเดียว 

                ปริมามองปฏิกิริยาของชายหนุ่มพบคนมีอาการงอนหนึ่งอัตรา เขากัดกินชมพู่ที่อยู่ในมือ รสหวานสดชื่นดับความเผ็ดร้อนของพริกได้ดีมาก ยังไม่ทันกลืนกัดเข้าปากไปอีกเพื่อระบายความน้อยใจ เคี้ยวตุ้ย ๆ จนแก้มขาวละมุนตุงจนโย้ทั้งสองข้าง  ดูน่ารักน่าชังเหลือเกินเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด
                “พี่การครับ  ผมตักสุกี้มาให้ครับ”  ปีโป้วางชามสุกี้ร้อน ๆ ลงตรงหน้าชายหนุ่มอย่างเอาใจ
                “ขอบคุณครับ”  หนุ่มผมยาวหันไปมองเด็กชาย  พอกินชมพู่จนหายเผ็ดแล้ว  จึงหยิบตะเกียบคีบวุ้นเส้นเข้าปาก  แล้วทำตาลุกวาวด้วยความอร่อย รสชาติจี๊ดจ๊าดมาก
                “อร่อยมากเลย ปีโป้ ปรุงได้ถูกใจพี่จริง ๆ”  เขาหันไปชมเด็กน้อยที่นั่งอยู่ติดกับเขาทางด้านซ้ายมือ  ก่อนจะคีบแผ่นเกี๊ยวทอดกรอบเข้าปาก  ซดน้ำสุกี้  แล้วพ่นลมคลายความร้อนออกจากปาก 

                “พี่การกินได้น่าอร่อยมากเลยค่ะ”  แป้งนวลมองลีลาทานสุกี้ของหนุ่มนักดนตรี ไม่ว่าเขาจะกินอะไรก็ดูน่าอร่อยไปหมด  แอบขำเมื่อเขาใช้ตะเกียบไปคีบแย่งแผ่นเกี๊ยวทอดในชามของลูกพี่คนสวยของเธอ  ฝ่ายนั้นไม่ยอมโวยวายเสียงดัง  ช่างเป็นภาพที่น่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง  เหมือนคู่กัดในซีรีส์เกาหลีไม่มีผิด

                หลังจากทานข้าวกันเรียบร้อยแล้ว ปฏิการเล่นกีต้าร์ร้องเพลงตามคำขอของเด็ก ๆ อย่างสนุกสนาน 
                หนุ่มนักดนตรีมองหน้ายัยตัวแสบ  ถ้าเขาไม่พูดกับเธอก่อน  อีกฝ่ายก็ไม่ยอมพูดด้วย  คนอะไรใจแข็งขนาดนี้  เขากลับเป็นฝ่ายทนไม่ได้ ต้องยอมพูดกับเธอก่อนทุกครั้งไป

                “น้อง ๆ เตรียมตัวกลับบ้านได้แล้วนะ  เย็นมากแล้ว” แป้งนวลหันไปบอกเด็กๆ ที่กำลังนั่งฟังเพลงหน้าสลอนล้อมรอบตัวนักร้องหนุ่ม ที่สำคัญอยากให้คู่กัดได้อยู่กันตามลำพังบ้างก่อนจะค่ำมืดเสียก่อน 
                “พี่การ ขอเพลงสุดท้ายค่ะ เพลงอะไรก็ได้” 

                หนุ่มหน้าหวานเลือกเล่นเพลง ไกลแค่ไหน คือใกล้ เป็นเพลงสุดท้าย  สายตาพยายามมองหาตัวยัยตัวแสบซึ่งกำลังเดินไปเดินมาเก็บข้าวเก็บของอยู่  ตั้งใจร้องเพลงนี้ให้กับคนใจแข็งอย่างเธอ  เขาจะรอวันที่หญิงสาวจะยอมใจอ่อนและยอมรับเขา
 
พยายามจะทำวิธีต่างๆ ให้เธอนั้นรักฉัน
พยายามทุกวัน มอบให้ทุกอย่างที่เธอต้องการ
เหมือนเดินบนสะพานที่มีปลายทางคือใจของเธอ
ยังคงคิดและหวังจะนำเอารักแท้นี้ไปให้
แต่ทำไม เดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที
แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป
อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร
อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที
อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน เสียที
มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด
บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย
ยังไม่คิดยอมแพ้ ฉันเพียงแต่อ้อนล้าก็เท่านั้น
ภายในใจยังคงรักเธอเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยน
คงจะดีไม่น้อย ถ้าเธอบอกให้ฉันได้รับรู้
ความในใจของเธอ เหตุผลต่างต่างที่ยังซ่อนไว้
ว่าทำไมเดินมาเนิ่นนานไม่ถึงซักที
แต่ทำไม มองดูเส้นทางเหมือนยาวออกไป
อยากรู้ว่าฉันต้องทำตัวอย่างไร
อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที
อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน เสียที
มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด
บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย
มีความหมาย
อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที
อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน เสียที
มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด
บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย
อีกไกลแค่ไหน จนกว่าฉันจะใกล้ บอกที
อีกไกลแค่ไหนจนกว่าเธอจะรักฉัน
มีทางใดที่อาจทำให้เธอสนใจ ได้โปรด
บอกกับฉันให้รู้ที ว่าสุดท้ายแล้วฉันยังมีความหมาย
 

                “พี่การผมต้องกลับแล้ว  ขอบคุณมากนะครับ  ผมมีความสุขและสนุกมากเลยครับ”  ปีโป้เข้ามาบอกลา เมื่อได้เวลาต้องกลับบ้าน ก่อนจะเข้าไปกอดชายหนุ่มเอาไว้
                หนุ่มนักดนตรีโน้มตัวเข้ามากอดเด็กน้อย  ยกมือข้างหนึ่งเขย่าหัวเด็กชายเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู  ทั้งคู่ยกหมัดชนกันชนกันเป็นการบอกลา

                แป้งนวลอมยิ้มน้อย ๆ อยู่ในสีหน้า เขาช่างเป็นผู้ชายที่อบอุ่นและอ่อนโยนมาก  สาวน้อยเอียงหัวซบที่ไหล่ของลูกพี่คนสวยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พลางอมยิ้มเขิน
                “อยากกอดม่าง....”

                ปริมายกมือมาหยิกแขนคนซบไหล่
                “พูดอะไร? น่าเกลียด!”  หญิงสาวหันมาปรามด้วยน้ำเสียงดุ ๆ

                “อู๊ย...ส์...”
                คนถูกหยิกส่งเสียงรอดไรฟันด้วยความเจ็บ  รีบดึงศีรษะกลับมาโดยด่วน  พลางทำหน้ายู่  เอามือลูบแขนที่โดนหยิกเบา ๆ  ไม่เข้าใจลูกพี่ของเธอเลย  มีหนุ่มหล่อขนาดนี้ น่ารัก แสนดีขนาดนี้มาจีบยังไม่ยอมใจอ่อนอีก  จะใจแข็งไปถึงไหน  หรือว่าลูกพี่ของเธอจะทำตามคำพูดจริง ๆ ว่าอยากจะขึ้นคาน  
                ‘ไม่น้า..............’  เธออยากให้หัวหน้าเด็กมีคนที่ดีคอยดูแลบ้าง
                
                หลังจากที่ปริมายืนรอส่งเด็ก ๆ กลับบ้านไปกันหมดแล้ว หันกลับมายังเห็นหนุ่มผมยาวนั่งเกากีต้าร์เบา ๆ อยู่ที่เดิม ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิกเล่น และกลับไปเสียที
                “นายกลับไปได้แล้ว”  หญิงสาวเดินมาสั่งเขาด้วยน้ำเสียงเน้นหนัก

                “ยังไม่กลับ”  อีกฝ่ายตอบลอยหน้าลอยตาแกล้งกวนประสาทคนสั่ง
                “ตามใจ อยากนั่งตากยุงก็เชิญ ฉันเข้าบ้านก่อนนะ”  หญิงสาวทำหน้าเซ็งแล้วเดินกลับเข้าบ้าน  แต่ยังเข้าไม่ได้ เพราะหนุ่มนักดนตรีรีบลุกขึ้น เดินมาขวางทางเข้าบ้านไว้

                “เดี๋ยวสิ!” 
                “อะไรของนาย!”  คนถูกขวางทางจ้องหน้าเขาเขม็ง

                “อย่าเพิ่งไป  ฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอ”  น้ำเสียงและสีหน้าของหนุ่มจอมกวนเปลี่ยนเป็นดูจริงจังมากกว่าปกติ
                “มีอะไร” หญิงสาวมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาของคำถาม ด้วยน้ำเสียงกึ่งรำคาญ

                “นั่งคุยกันก่อนสิ มีเรื่องอยากถาม”  
                เจ้าของบ้านต้องยอมจำนน  เดินกลับไปนั่งที่โต๊ะยาว  เพราะอีกฝ่ายเอาตัวเองไปยืนกางแขนกางขาแปะอยู่หน้าประตูบ้านของเธอ  เอากับเขาสิ!

                หนุ่มจอมกวนอมยิ้ม รีบเดินตามไปนั่งฝั่งตรงกันข้าม  มองหน้ายัยตัวแสบ  พลางเอียงหน้ามองเธอซ้ายทีขวาที

                “โหงวเฮ้งของปริม ตอนนี้กำลังจะมีลาภนะ”  คนพูดอมยิ้มน้อย ๆ
                “นี่! ตอนนี้ผักของเธอส่งขายที่ไหนบ้าง  อยากขายผักเพิ่มขึ้นรึเปล่า?” 

                ปริมาขมวดคิ้วเล็กน้อย  มองหน้าชายหนุ่มตรงหน้าอย่างสงสัย
                “ไม่ได้ส่งที่ไหน  ขายแต่ที่รีสอร์ทกับที่นี่ ถ้ามีคนมาติดต่อขอซื้อ ทำไมเหรอ?”
                “เธออยากส่งผักเพิ่มมั้ย?”  เขาถามต่อไป

                “ถ้ามีตลาดเพิ่ม ก็อยากส่งนะ เพราะมีชาวบ้านหลายรายอยากเปลี่ยนมาปลูกผักอินทรีย์  แต่ติดว่ายังหาตลาดส่งไม่ได้  ถ้ามีตลาดส่ง ฉันก็อยากจะส่งเสริมให้ชาวบ้านหันมาปลูกผักแบบไม่ใช้สารเคมีนะ  แต่เราต้องหาตลาดให้ได้ก่อน”
                “แล้วมีใบรับรองอะไรไหม”

                “มีสิ  พี่ปรามไปติดต่อขอไว้หมดแล้ว ตอนนี้ได้ GAP ของกรมวิชาการเกษตร  กับมาตรฐานสินค้าออแกนิค ก่อนหน้านี้มีคนมาติดต่ออยากจะให้ส่งผักให้เขา  เลยส่งคนมาดู  แล้วให้คนของเขามาตรวจ เพื่อส่งไปขอ  HACCP ISO วันนี้พี่ปรามไปคุยกับลูกค้ารายนี้อยู่” ปริมาอธิบายถึงมาตรฐานพืชผักไร้สารพิษในสวนของเธอนั้นมีมาตรฐานรับรองที่น่าเชื่อถือได้

                “ทำไมเธอถึงปลูกผักไร้สารพิษขายเหรอ” เขาถามต่อไปอย่างอยากรู้

                “ตอนที่แม่เลิกกับพ่อ  แม่พาฉันกับพี่ปรามกลับมาอยู่ที่นี่  แม่บอกว่า ถึงเราจะไม่มีเงินมาก แต่เราก็มีของกิน  เลยปลูกผักขาย ตอนแรกปลูกแบบใช้สารเคมีได้ประมาณสองปี แม่รู้สึกเหนื่อย ไม่มีแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  เลยไปหาหมอ  หมอถามแม่ว่าได้กินเหล้า สูบหรี่ไหม  เพราะตับได้รับสารพิษ  แม่งงมากเพราะไม่เคยดื่ม ไม่เคยสูบบุรี่เลย  เลยคิดว่าเป็นเพราะการใช้สารเคมีปลูกผักนี่แหละ  หลังจากนั้น  แม่เลยเลิกปลูกผัก  เปลี่ยนเป็นไปรับผักมาขายตามตลาดนัด  ซึ่งจะต้องเอาผักมามัดเป็นกำ ๆ ขาย เวลากำผักขาย แม่จะได้กลิ่นสารเคมีตลอด  จะรู้เลยผักนี้ใส่สารเคมีตัวไหน แต่อาการป่วยยังไม่ดีขึ้น  ไปหาหมออีก หมอบอกอย่างเดิมว่าตับมีค่าสารพิษสูง  แล้วได้รู้จักกับแพทย์วิถีธรรม  เขาบอกให้เลิกขายผักและปลูกผักไร้สารพิษกินเอง  แม่ก็ทำตามทุกอย่าง  หลังจากนั้นอาการป่วยของแม่ก็ค่อย ๆ ดีขึ้นจนหาย มีหลายรายที่จะมีอาการแบบนี้ก็มาปรึกษา แม่ก็จะแนะนำให้หันมาปลูกผักไร้สารพิษแทน”

                หนุ่มหน้าหวานนั่งฟังเธอเล่าอย่างสนใจ  ไม่อยากจะเชื่อว่า การใช้สารเคมีจะส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพขนาดนี้เลย  เขาเคยได้ยินข่าวการพยายามผลักดันขอให้ออกกฏหมายยกเลิกใช้สารเคมีร้ายแรงสามชนิด  ซึ่งในหลายประเทศได้เลิกใช้สารเคมีชนิดนี้แล้ว  แต่ประเทศไทยยังใช้อยู่  เหมือนว่าจะออกกฏหมายได้  แต่กลับต้องชะลอการออกกฏหมายนี้ออกไป ซึ่งสารเคมีนี้มีอันตรายแทรกซึมเข้าไปใน DNA ของพืช  แน่นอนว่า มันต้องมีผลต่อ DNA ของคนบริโภคด้วยเช่นกัน มีงานวิจัยถึงผลของสารเคมีว่าทำให้เป็นโรคอะไรบ้างหลายโรคเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่