สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
ทำได้ครับ ทำได้แน่นอน เพราะผมทำมา 30 ปีแล้ว ...
ถ้าหมายถึง วันๆคุยแต่กับแค่คนในครอบครัว ไปโรงเรียนหรือมหาลัยก็คุยแต่กับคนอื่นแค่เฉพาะเรื่องเรียนเท่านั้น เวลาจบมาไปทำงานก็คุยกับคนอื่นแค่เรื่องงานเท่านั้น ไม่เคยไปไหนกับคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวเลย แทบจะไม่ไปไหนคนเดียวด้วยถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ถ้าหมายถึงประมาณนี้ ... ใช่ครับ ผมทำมา 30 ปีแล้วครับ ...
แต่ถ้าถามว่าแล้วรู้สึกยังไง ? ตอบเลยว่า โคตรทรมาน ไม่ใช่ว่าผมทำเพราะหยิ่ง หรือไม่อย่างคบใครหรอกนะ ผมพยายามไม่รู้กี่รอบแล้ว ทำทุกวิธีทั้งปั้นหน้า โกหก ใช้เงินซื้อคนอื่น หรือจะใช้ความจริงใจ ให้ใจกับคนอื่นแบบเต็มร้อย ไม่ว่าวิธีไหน สุดท้ายก็ไม่เคยมีใครที่ผมจะคุยได้เกิน 3 เดือนเลยครับ สมัยเด็กๆตอนคบเพื่อนที่โรงเรียนหรือเพื่อนสมัยมหาลัย ผมก็ไม่ใจกล้าพอที่จะไปกับกลุ่มเพื่อน เพราะช่วงนั้นค่อนข้างเป็นซึมเศร้าหนักด้วย เลยไม่ค่อยกล้าไปกับคนอื่น กลัวอาการกำเริบขึ้นมาแล้วทำอะไรขาดสติลงไป จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ นั่นทำให้ผมรู้สึกแย่กับการต้องคอยค้นหาและเฝ้ารอ หวังว่าสักวันจะมีเพื่อนแท้กับเขาบ้างสักคน ...
จนตอนนี้ผมเรียนรู้แล้วว่า จริงๆสิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิต คือการอยู่อย่างเข้าใจตัวเองมากกว่า ไม่ว่าเราจะมีเพื่อนหรือไม่ก็ตาม คนที่รู้สึกสุขหรือ ทุกข์ ก็คือตัวของเราเอง คนอื่นแค่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไป สิ่งที่เราทำได้ คือต้อนรับเขาด้วยความยินดี เก็บสิ่งดีๆที่มีให้กัน และส่งเขาไปต่อได้อย่างมีความสุข แค่นั้นครับ ไม่ว่าคนๆนั้นจะผ่านเข้ามาในชีวิตเราแล้วอยู่กับเรานานแค่ไหนก็ตาม จะ 3 วัน 3 เดือน 3 ปี หรือ 30 ปี ก็ตาม สุดท้ายกระบวนการมันก็เหมือนกัน การที่เราทุกข์เราเหงาเพราะไม่มีเพื่อน มันคือเราไม่เข้าใจวัฏจักรการผ่านเข้ามาและผ่านออกไปของคนอื่นนี้ดีพอนั่นเอง เราจึงคอยแต่เฝ้ารอว่าใครจะเข้ามา คาดหวังให้เขาอยู่กับเรานานๆ และปฎิเสธว่าเขาจะไม่จากเราไป ซึ่งล้วนขัดกับหลักธรรมชาติทั้ง 3 ข้อเลย ขอแค่เข้าใจในจุดนี้ การอยู่คนเดียวก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นอีกเยอะเลยครับ อยู่ได้อย่างไม่ต้องคอยพึ่งพาคนอื่นอีกด้วย
ถ้าหมายถึง วันๆคุยแต่กับแค่คนในครอบครัว ไปโรงเรียนหรือมหาลัยก็คุยแต่กับคนอื่นแค่เฉพาะเรื่องเรียนเท่านั้น เวลาจบมาไปทำงานก็คุยกับคนอื่นแค่เรื่องงานเท่านั้น ไม่เคยไปไหนกับคนอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวเลย แทบจะไม่ไปไหนคนเดียวด้วยถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ถ้าหมายถึงประมาณนี้ ... ใช่ครับ ผมทำมา 30 ปีแล้วครับ ...
แต่ถ้าถามว่าแล้วรู้สึกยังไง ? ตอบเลยว่า โคตรทรมาน ไม่ใช่ว่าผมทำเพราะหยิ่ง หรือไม่อย่างคบใครหรอกนะ ผมพยายามไม่รู้กี่รอบแล้ว ทำทุกวิธีทั้งปั้นหน้า โกหก ใช้เงินซื้อคนอื่น หรือจะใช้ความจริงใจ ให้ใจกับคนอื่นแบบเต็มร้อย ไม่ว่าวิธีไหน สุดท้ายก็ไม่เคยมีใครที่ผมจะคุยได้เกิน 3 เดือนเลยครับ สมัยเด็กๆตอนคบเพื่อนที่โรงเรียนหรือเพื่อนสมัยมหาลัย ผมก็ไม่ใจกล้าพอที่จะไปกับกลุ่มเพื่อน เพราะช่วงนั้นค่อนข้างเป็นซึมเศร้าหนักด้วย เลยไม่ค่อยกล้าไปกับคนอื่น กลัวอาการกำเริบขึ้นมาแล้วทำอะไรขาดสติลงไป จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ นั่นทำให้ผมรู้สึกแย่กับการต้องคอยค้นหาและเฝ้ารอ หวังว่าสักวันจะมีเพื่อนแท้กับเขาบ้างสักคน ...
จนตอนนี้ผมเรียนรู้แล้วว่า จริงๆสิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิต คือการอยู่อย่างเข้าใจตัวเองมากกว่า ไม่ว่าเราจะมีเพื่อนหรือไม่ก็ตาม คนที่รู้สึกสุขหรือ ทุกข์ ก็คือตัวของเราเอง คนอื่นแค่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านออกไป สิ่งที่เราทำได้ คือต้อนรับเขาด้วยความยินดี เก็บสิ่งดีๆที่มีให้กัน และส่งเขาไปต่อได้อย่างมีความสุข แค่นั้นครับ ไม่ว่าคนๆนั้นจะผ่านเข้ามาในชีวิตเราแล้วอยู่กับเรานานแค่ไหนก็ตาม จะ 3 วัน 3 เดือน 3 ปี หรือ 30 ปี ก็ตาม สุดท้ายกระบวนการมันก็เหมือนกัน การที่เราทุกข์เราเหงาเพราะไม่มีเพื่อน มันคือเราไม่เข้าใจวัฏจักรการผ่านเข้ามาและผ่านออกไปของคนอื่นนี้ดีพอนั่นเอง เราจึงคอยแต่เฝ้ารอว่าใครจะเข้ามา คาดหวังให้เขาอยู่กับเรานานๆ และปฎิเสธว่าเขาจะไม่จากเราไป ซึ่งล้วนขัดกับหลักธรรมชาติทั้ง 3 ข้อเลย ขอแค่เข้าใจในจุดนี้ การอยู่คนเดียวก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นอีกเยอะเลยครับ อยู่ได้อย่างไม่ต้องคอยพึ่งพาคนอื่นอีกด้วย
แสดงความคิดเห็น
คนเราสามารถใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีทั้งเพื่อนและแฟนได้ไหมครับ?