แชร์ประสบการณ์ ส่องกล้องลำไส้ใหญ่

เรื่องนี้ผมเห็นมีผู้แชร์อยู่หลายกระทู้แล้ว แต่พอไปทำมาเลยอยากแชร์ในมุมมองของผม อาจจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่กำลังคิดจะทำ เนื้อหาส่วนไหนเยิ่นเย้อก็ข้าม ๆ ไปนะครับ

* การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ คืออะไร?
การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ คือ การใช้กล้องที่ควบคุมให้โค้งงอได้ตามสรีระของลำไส้ โดยสอดกล้องเข้าทางทวารหนัก ผ่านลำไส้ใหญ่ จนเข้าไปถึงส่วนปลายของลำไส้เล็ก กล้องวิดีโอและหลอดไฟติดตั้งอยู่ที่ปลายกล้องช่วยในการตรวจวินิจฉัยโรค รวมทั้งการรักษาในบริเวณดังกล่าว การเตรียมลำไส้ให้พร้อมถือเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะช่วยให้ตรวจสอบวินิจฉัยโรคมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
 
* ทำไมจึงไปส่องกล้อง
คราวนี้ผมมีอาการถ่ายไม่ค่อยง่ายเหมือนเดิม จากที่เคยถ่ายทุกเช้าหลังตื่นนอนได้ไม่นาน อาการนี้เป็นมาตั้งแต่เดือน เม.ย. 64 หลังจากทราบข่าวว่าลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งเป็นมะเร็งลำไส้ ผมก็รู้สึกมีอาการปวดท้องน้อยข้างขวาขึ้นมาทันทีในขณะไปเยี่ยมไข้และฟังเขาเล่าอาการก่อนเป็นให้ฟัง ทำให้ถ่ายไม่ค่อยปกติตั้งแต่วันนั้น บางครั้งขณะแปรงฟันรู้สึกปวดถ่ายเลยรีบบ้วนปาก แต่พอไปนั่งถ่ายกลับไม่ปวดถ่ายเลย จึงต้องใช้ความพยายามมากขึ้นกว่าเดิม ออกแรงเบ่งมากขึ้น แต่เหมือนไม่มีลมดันภายใน ทั้ง ๆ ที่อึก็ไม่ได้แข็ง

อีกปัจจัยหนึ่งที่คิดว่าทำให้ถ่ายไม่ปกติ คือ ช่วงนี้เก็บตัวหลบโควิดเสียนานหลายเดือน อาหารทำทานกันเองเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ กิจกรรมไม่ค่อยมาก แม้ว่าจะวิ่งออกกำลังกายที่บ้านทุกวัน แต่ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยมากนัก และผมก็ทานน้อยลงด้วย จึงอาจทำให้ระบบขับถ่ายแปรปรวนไป (ไม่นานมานี้ ได้ข่าวเพื่อนผมคนหนึ่งเพิ่งเสียชีวิตไปด้วยโรคนี้) … พอไปค้นข้อมูลเก่าพบว่าเคยส่องกล้องลำไส้ใหญ่เมื่อเกือบ 11 ปีพอดี เลยตัดสินใจทำอีกครั้ง ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากแพทย์เสียก่อน
 
* พบหมอเพื่อขอนัดส่องกล้อ
[6/10/64 พ.]
15:00 น. นัดพบหมอ ที่ รพ. แห่งหนี่ง เพื่อขอส่องกล้องลำไส้ใหญ่ … ครั้งก่อนที่ได้เคยส่องกล้องลำไส้ใหญ่มานั้น ไม่ได้มีการตัดชิ้นเนื้ออะไร คราวนี้หมอบอกว่าเนื่องจากเวลาผ่านมาเกือบ 11 ปี และมีอายุมากขึ้น มักจะมีติ่งเนื้อให้ตัดไปตรวจสอบเป็นธรรมดา (ให้ทำใจไว้ก่อน) แต่ค่อนข้างจะไม่ใช่เนื้อร้าย และนัดส่องกล้องได้ในวันที่ 10/10/64 8:00น. ได้ยาระบาย มา 1 ซอง
 
* การควบคุมอาหาร เตรียมลำไส้ให้พร้อม
[7/10/64 พฤ.]
ทั้ง ๆ ที่หมอให้เริ่มควบคุมอาหารวันพรุ่งนี้ แต่ผมเริ่มตั้งแต่วันนี้เลย เพราะเห็นว่าไม่หนักหนาอะไร … แต่เมื่อผ่านมาแล้ว คิดว่าทำตามหมอบอกก็พอครับ ไม่ต้องเข้มกว่านั้น เพียงแค่ทานอาหารที่ย่อยง่าย ๆ เข้าไว้ เวลาระบายจะได้สะดวกขึ้น

สิ่งที่ รพ. กำหนดไว้สำหรับวันที่ 8/10/64 (แต่ผมเริ่มก่อน 1 วัน):
-  งดรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชทุกชนิด รวมทั้งข้าวกล้อง ข้าวไม่ชัดสี ทานได้แต่ข้าวขาว
-  งดเครื่องเทศ เช่น ผักชี ต้นหอม ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด พริก พริกไทย (งดทุกชนิดไปเลย)
-  รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย หรืออาหารที่ไม่มีกากใย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก (สีขาว) ขนมปังขาว ไข่ขาว เนื้อปลา

สิ่งที่ผมทำทานเอง เนื่องจากเริ่มก่อนกำหนดจึงทานไข่ทั้งฟอง:
-  มื้อเช้า 6:00น.  ข้าวต้มหมูสับ + ไข่ 1 ฟอง, โยเกิร์ต + น้ำผึ้ง
-  มื้อเที่ยง 12:00น. ข้าวต้มหมูสับ + ไข่ 1 ฟอง, น้ำเต้าฮู้ (ทำเอง) ใส่น้ำตาลทราย
-  มื้อเย็น 17:00น. ข้าวต้มหมูสับ, น้ำเต้าฮู้ใส่น้ำตาลทราย

 
[8/10/64 ศ.]
เช้านี้ไม่ปวดท้องถ่ายเลย และไม่ได้ถ่าย (เก็บรวมไว้วันพรุ่งนี้!) ... วันนี้อาหารต้องเข้มขึ้นกว่าเดิม คือ เรื่องไข่ ที่ทานได้เฉพาะไข่ขาวเท่านั้น
สิ่งที่ผมทาน:
-  มื้อเช้า 6:00น.  ข้าวต้มปลาช่อน (ไม่ทานหนัง) + ไข่ขาว 1 ฟอง, โยเกิร์ต + น้ำเต้าฮู้ใส่น้ำตาลทราย
-  มื้อเที่ยง 12:00น. ข้าวต้มปลาช่อน + ไข่ขาว 1 ฟอง, น้ำเต้าฮู้ใส่น้ำตาลทราย
-  มื้อเย็น 17:00น. ข้าวต้มปลาช่อน + ไข่ขาว 1 ฟอง, โยเกิร์ต + น้ำเต้าฮู้ใส่น้ำตาลทราย

 
* วันระบายท้อง + Swab ตรวจโควิด
[9/10/64 ส.]
เช้านี้ก็ยังไม่ค่อยปวดถ่าย แต่ก็พยายามเบ่งถ่ายหลังจากทานน้ำเต้าฮู้มื้อเช้าไป … สำเร็จแต่ปริมาณไม่มากนัก

สิ่งที่ รพ. กำหนดไว้สำหรับวันนี้:
-  งดรับประทานผัก ผลไม้ ธัญพืชทุกชนิด รวมทั้งข้าวกล้อง ข้าวไม่ชัดสี ทานได้แต่ข้าวขาว
-  รับประทานอาหารเหลว เช่น น้ำเต้าหู้ไม่ใส่เครื่อง นมถั่วเหลือง นม 0% น้ำหวาน (งดสีแดงและสีเขียว) น้ำซุบใส

สิ่งที่ผมทาน:
-  มื้อเช้า 6:00น.  น้ำเต้าฮู้ใส่น้ำตาลทราย + นมถั่วเหลืองกล่อง (ระหว่างมื้อ)
-  มื้อเที่ยง 12:00น. น้ำเต้าฮู้ใส่น้ำตาลทราย + นมถั่วเหลืองกล่อง (ระหว่างมื้อ)
-  มื้อเย็น 17:00น. น้ำเต้าฮู้ใส่น้ำตาลทราย

7:00 น. หลังทานมื้อเช้า ต้องไปตรวจ Swab โควิด (RT-PCR) (เป็นของแถมอีก) ที่ รพ. … ช่วงนี้คนไข้ทุกคนที่จะเข้ารับผ่าตัดหรือหัตถการต่าง ๆ ต้องผ่านการตรวจโควิดก่อน โดยพยาบาลจะโทรแจ้งให้ทราบหากไม่ผ่าน ถ้าผ่านจะไม่โทรเข้าไป ก็ต้องลุ้นกันว่าไม่มีใครโทรเข้ามา … หลังจากกลับมาถึงบ้านไม่นาน ผมได้รับโทรแจ้งจาก รพ. เรื่องนัดส่องกล้องวันพรุ่งนี้ (ตกใจนิด ๆ  นึกว่าเรื่องโควิด) 
 
18:00 น. งดอาหารทุกชนิด

20:00 น. เริ่มการระบายเพื่อล้างลำไส้
สิ่งที่ รพ. กำหนดไว้:
-  ทานยาระบาย (ผสมยา 1 ซอง กับน้ำ 2 ลิตร ทานให้หมดภายใน 2 ชม. แล้วดื่มน้ำเปล่าตามอีก 1.5 ลิตร) 
-  การทานยาระบายนั้น แนะนำให้ดื่มครั้งละ 1 แก้ว (ดื่ม 200 มล. ทุก 10 นาที)
-  ในระหว่างที่ทานยาระบาย หากมีการถ่ายอุจจาระให้ดื่มน้ำตาม 1 แก้วทุกครั้งที่ถ่าย
-  ถ่ายรูปอุจจาระครั้งสุดท้าย เก็บไว้ด้วย เพื่อพยาบาลจะได้ตรวจสอบว่าสะอาดพอหรือไม่

สิ่งที่ผมทำ: 
ทานยาไป 10 แก้ว และถ่ายออกเป็น 8 ครั้ง จนน้ำใส
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

24:00 น. งดน้ำและเครื่องดื่มทุกชนิด
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
* วันส่องกล้อง
[10/10/64 อา.]

5:00 น. ถ่าย #9 อึมีสีเหลืองขุ่น รู้สึกกังวลเหมือนกัน เพราะน้ำไม่ได้ใสเหมือนเมื่อคืน (หมอก็ได้บอกไว้แล้วว่า อึจะมาอีกตอนเช้า ถ้าให้ดีที่สุด ต้องส่องกล้องหลังจากทานยาระบายเลย … แต่คงทำไม่ได้เนื่องจากต้องอดน้ำอย่างน้อย 6-8 ชม. เพื่อความปลอดภัย เพราะขณะถูกวางยา หากกระเพาะอาหารไม่ว่างแล้ว อาจมีการสำลักหรืออาเจียน ซึ่งเศษอาหารอาจจะเข้าไปอุดทางเดินหายใจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้)

6:00น. ไปถึง รพ. เข้ารับการเอ็กซเรย์ (เพื่อการทวนสอบผลการตรวจมะเร็ง)

6:30 น. ไปรอที่ห้องส่องกล้องลำไส้ใหญ่ พยาบาลเข้ามาสอบถามคัดกรองโควิด และสอบถามอีกหลายเรื่อง เช่น ดื่มน้ำครั้งสุดท้ายเวลาเท่าไร ถ่ายอุจจาระกี่ครั้ง และขอดูภาพอึ ให้คุยโทรศัพท์กับเภสัชกรถึงยาที่รับประทานมาในช่วงเดือนที่ผ่านมา แล้วจากนั้นให้เข้าไปเปลี่ยนชุด โดยชุดเดิมที่ใส่มาถอดออกทั้งหมด (ยกเว้นถุงเท้า) แล้วเปลี่ยนใส่ผ้าคลุมยาว

6:45 น. นอนรอบนเตียง (จะอยู่บนเตียงนี้ตลอดจนส่องกล้องเสร็จ) พยาบาลอีกคนเข้ามาให้เลือกชี้ภาพอึที่มีสีเข้มข้นแตกต่างกัน 4 ภาพ จากหมายเลข 1 มีสภาพขุ่นข้นไปจนถึงหมายเลข 4 สีใส … เลยชี้ไปว่าตอนเช้าอยู่ที่หมาย 2 ส่วนเมื่อคืนหมายเลข 4 … (ได้ยินพยาบาลบ่นกันเองว่าชุ่นมีตะกอน ทำเอาเรากังวลอยู่เหมือนกัน เพราะหูก็ได้ยินเสียงคล้ายกับมีคนกำลังจะไปสวนก้นทำดีท๊อกอยู่ เกรงว่าจะต้องเข้าไปทำด้วย แต่ไม่ต้องทำ)

6:50 น. พยาบาลมาให้น้ำเกลือผ่านเส้นเลือดดำที่หลังมือข้างขวา และเจาะเลือด (เพื่อดูความสมบูรณ์ของเลือด เป็นการทวนสอบผลมะเร็ง) เนื่องจากอดน้ำมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เส้นเลือดจะไม่ค่อยขึ้นชัดเจนนัก ต้องกำมือตีมืออยู่สักครู่จึงพอจะเจาะได้ จากนั้นได้ติดแถบวัดความดันเตรียมไว้ที่ต้นแขนซ้าย (ความดันผม ค่อนข้างสูงผิดปกติ ด้วยกังวลหลายอย่าง .. แต่โดยปกติวัดที่บ้านเป็นประจำทุกวัน ไม่ได้สูงแบบนั้น เลยไม่ได้ห่วงเรื่องความดัน) และให้เซ็นเอกสาร ยอมให้ส่องกล้อง

7:00 น. วิสัญญีแพทย์เข้ามาสอบถามอาการ จำไม่ได้ว่าคุยอะไรกันบ้าง

7:50 น. พยาบาลเข็นเตียงเข้าห้องส่องกล้อง ในนั้นมีคุณหมอที่เราไปติดต่อนั่งดูคอมพิวเตอร์อยู่ มีวิสัญญีแพทย์ และเจ้าหน้าที่พยาบาลอีกหลายคน ทำงานกันเร็วมาก ติดแถบวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่หน้าอก วัดความดัน วัดระดับออกซิเจนในเลือด เอาท่อออกซิเจนมาใส่ให้ที่จมูก … ให้นอนตะแคงซ้าย งอเข่าทั้งสองข้างขึ้น จากนั้นรู้สึกมีคลื่นร้อน ๆ ผ่านเข้าทางสายน้ำเกลือที่หลังมือขวาสองถึงสามรอบ เลยถามไปว่าเริ่มให้ยาสลบแล้วใช่มั้ย ได้ยินหมอบอกว่าใช่ แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีก ... จะใช้เวลาส่องกล้องประมาณ 30 นาที

8:30 น. รู้สึกตัวในห้องที่นอนตอนแรก ตำแหน่งเดิมเลย แล้วพยาบาลก็เข้ามาถึงตัวทันที ผมถามไปว่าวางยาประมาณครึ่งชั่วโมงใช่มั้ย เขาบอกว่าใช่ แล้วให้เรานอนหงาย รู้สึกมีลมในท้องเยอะมาก แน่นไปหมด เจ็บก้นด้วย มีน้ำแฉะแก้มก้นอยู่ จะเป็นน้ำอึเราหรือเปล่า? ไม่ได้ถาม แค่รู้สึกงง ๆ ตอนนั้น ว่าทำไม่เจ็บก้น

จากนั้นพยาบาลอีกคนมาสอบถามอาการแล้วบอกว่าจะรู้สึกมีลมในท้องสักหน่อย เพราะหมอฉีดริดสีดวงให้ รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมต้องฉีดริดสีดวง หรือหมอไปเจอเข้าพอดีตอนส่องกล้อง น่าจะถามอะไรอีกหลายอย่างเกี่ยวกับการฉีดยาริดสีดวง เพราะไม่รู้สึกว่ามีอาการนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ได้ถามไป … ตอนนอนอยู่นั้น พยายามผายลมไม่ค่อยออก หรือว่าออกนิดหน่อยไม่แน่ใจ ส่วนหนึ่งกลัวว่าน้ำอึจะออกตามมา อีกส่วนคือเจ็บก้นมากตอนลมออก

9:40 น. เมื่อได้เวลาจึงลุกขึ้นจากเตียง ลมแน่นเต็มท้อง ทำให้เดินลำบาก ไปนั่งถ่ายในห้องน้ำ มีเลือดแดงออกมาด้วย ตอนล้างก็แสบก้น จะผายลมก็เจ็บก้นไปหมด

10:00 น. นั่งรถเข็นไปทานข้าวเที่ยง อาหารรสชาติดี แต่ไม่ค่อยอยากทานมากนัก ทานผักนิดหน่อย เพราะแน่นท้องและเกรงว่าตอนถ่ายออกจะปวดก้นมาก

11:00 น. ไปพบหมอรับฟังผลการส่องกล้อง ช่วงรอรู้สึกกังวลพอสมควร เพราะตอนนอนรอพยายาลบอกแค่ว่าคุณหมอฉีดยาริดสีดวงให้ ไม่ได้บอกว่าตัดชิ้นเนื้อไปตรวจสอบหรือไม่ ... พอพบหมอ บอกว่าไม่พบว่ามีติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ แต่เส้นเลือดดำแถวปากทวารหนักค่อนข้างบาง คุณหมอเกรงว่าจะแตกภายหลังแล้วจะคิดว่าเป็นผลจากการส่องกล้อง จึงฉีดริดสีดวงให้เลยขณะหลับอยู่ 

ทั้งนี้ผมเคยเป็นริดสีดวงมาก่อน ประมาณปี 53 ตอนนั้นคุณหมอ-อีกท่านหนึ่ง เห็นว่าเป็นบ่อยและมีอายุพอสมควรแล้ว จึงได้รับการส่องกล้องครั้งแรกในปีนั้น และไม่พบว่ามีติ่งเนื้ออะไรในลำไส้ใหญ่ จากนั้นน่าจะไม่มีปัญหาริดสีดวงอีกเลย ผมเคยเข้าไปขอซื้อยารักษาริดสีดวง (จำชื่อยาเข้าไป) เภสัชกรที่นั่นแนะนำว่าเขาก็เคยเป็น แต่หายด้วยวิตามินซี จึงไม่แนะนำให้ทานยาที่ผมต้องการซื้อ ผมเลยเปลี่ยนใจทำตามเขา และก็หายได้จริง ๆ ส่วนครั้งนี้ผมแค่กลัวว่าจะเป็นริดสีดวงอีก เพราะในช่วงที่ผ่านมาเบ่งถ่ายค่อนข้างแรง แต่ไม่ถึงกับมีเลือดออก อีกทั้งไม่ปวดด้วย แต่ก็เชื่อใจคุณหมอที่เห็นว่าสมควรทำแล้ว จึงไม่ได้ถามรายละเอียดอะไรมากนักในเรื่องนี้ว่าทำอะไรบ้าง (แต่ตอนนี้ก็อยากรู้ สงสัยตัวเองเหมือนกัน หรือว่ายังมึน ๆ กับยาทำให้ไม่ค่อยได้ถามอะไรมากนักในช่วงนั้น คิดอะไรลึก ๆ ไม่ค่อยออก แค่รับฟังเป็นส่วนใหญ่) และคุณหมอบอกว่าให้ขยิบก้นบ่อย ๆ แล้วให้ยารักษาริดสีดวง ยาช่วยย่อย และยาขับลม … ดูเหมือนว่าคุณหมอไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับริดสีดวงของผมมากนัก อาการน่าจะไม่รุนแรง แค่ให้ทานยาและปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร … ผมกะว่าถ้าถ่ายแล้ว ไม่ปวดก้นจะหยุดยาริดสีดวงทันที (ช่วงนี้ผมก็ทานวิตามินซีด้วย)

12:00 น. กลับถึงบ้าน รีบไปอาบน้ำล้างต้ว (ป้องกันเชื้อโควิด) ยังทานอะไรไม่ค่อยได้เพราะแน่นท้อง พุงป่อง เดินลำบาก เวลาจะตดก็เหมือนมีน้ำอุจจาระออกมาด้วย และเจ็บก้นไปพร้อม ๆ กัน จึงตดแรง ๆ ไม่ได้ ยาระบายคงยังมีหลงเหลืออยู่ ... ส่องกล้องคราวนี้รู้สึกเหนื่อยกว่าครั้งแรกมาก ๆ ครั้งนั้นจำได้ว่าลุกจากเตียงก็เดินตัวปลิว เรียกเท็กซี่กลับบ้านได้สบาย ๆ 

14:00 น. นั่งแช่ก้นในน้ำอุ่นประมาณ 15 นาที

20:00 น. เริ่มเข้านอน รู้สึกเจ็บก้นน้อยลง หลังจากทานยาไป 2 ชุด ผายลมได้ดีขึ้น ยาวขึ้น (เพิ่งค้นพบวิธีผายลม โดยการนอนหงาย ยกเข่าทั้งสองขึ้นมา เอามือทั้งสองดึงเข่ามาแนบอก แล้วผายลม พบว่าผายลมได้ยาวแบบไม่เคยเจอมาก่อน)

* วันแรกหลังส่องกล้อง
[11/10/64 จ.]
ตื่นเช้าขึ้นมายังไม่รู้สึกปวดท้องถ่าย อาการปวดก้นลดลง หลังทานข้าวเช้า (ต้มมาม่า ใส่ไข่ ปลา ผัก เห็ด) จึงได้ถ่าย ไม่มีเลือดแดงตามออกมา แต่รู้สึกได้ว่าถ่ายยังไม่หมด เจ็บก้นยังมีอยู่ แล้วนั่งแช่น้ำอุ่น (จะทำแบบนี้ทุกครั้งหลังถ่าย และก่อนนอน)

ช่วงใกล้เที่ยงหลังจากกระโดดเชือกออกกำลังกายเสร็จ ไปถ่ายอีกรอบ ก็ยังเจ็บก้นเหมือนเดิม ตามด้วยแช่น้ำอุ่นอีก 

ทานเมล็ดเจี่ยกับนมกล่อง (กะให้ช่วยเพิ่มกาก) และกะจะทานหัวไชเท้ากับน้ำผึ้งรวงสัก 7 วัน (https://ppantip.com/topic/32788820) เพื่อช่วยริดสีดวงด้วย ต้องไปหาซื้อก่อน

[24/10/64]
รู้สึกว่าหายจากอาการริดสีดวงแล้ว


ส่งท้าย

- เป็นการแชร์ประสบการณ์ หากเขียนอะไรที่ไม่สมควรไปก็ขออภัยด้วย
 
- ตั้งแต่ 1 ต.ค. 64 – 30 ก.ย. 65 คนไทยที่มีอายุ 50-70 ปี สามารถตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ฟรี มีหลายหน่วยบริการใกล้บ้าน ลองติดต่อดูครับ … เป็นการตรวจอุจจาระก่อน ถ้ามีปัญหาจะส่งไปส่องกล้องต่อไป … แต่ผมอยากส่องกล้องเลย จึงไม่ได้เข้าโครงการนั้น และจ่ายเงินเอง

-  มีความรู้สึกว่าชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน วันนี้เป็นแบบนี้ พรุ่งนี้ (ถ้าทราบว่าเป็นโรคร้าย) จะต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไปแบบสิ้นเชิงเลยก็ได้ ทรัพย์สินที่เก็บออมไว้ ความฝันความหวังที่อยากไขว่คว้าแทบจะสูญหายไปหมด … ขอให้มีสติในการดำเนินชีวิต ทั้งการใช้ชีวิต การกิน การดื่ม หลายคนคงคิดว่าไม่กลัวตาย แต่ที่น่าห่วงคือช่วงชีวิตก่อนที่จะตาย ต้องทนทุกข์ทรมานสักแค่ไหน เอาเงินที่ไหนจ่ายค่ารักษาพยาบาล ใครจะดูแล ผู้ที่เป็นห่วงเราและเราเป็นห่วงเขาต้องลำบากสักแค่ไหน … ขณะที่ยังแช็งแรง พึงทำในสิ่งที่มีประโยชน์ทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น ทั้งในชาตินี้และชาติต่อ ๆ ไป (ถ้ามี) 

- เวลาไปส่องกล้อง ควรมีญาติที่พอจะช่วยเหลือเราได้ตามไปด้วย เพราะถ้าไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องใช้ญาติก็ได้ แต่หากมีปัญหา แม้จะเล็กน้อยแบบที่ผมเป็นก็แย่พอสมควร เพราะลมเยอะมาก อึดอัด แถมเจ็บก้น เดินไม่สะดวก และรู้สึกสมองสั่งงานช้าไปจริง ๆ ไม่ควรขับรถเอง 24 ชม. ตามที่ระบุเตือนไว้ … ส่วนผมต้องขอขอบคุณน้องเขยที่ทั้งช่วยขับรถรับ-ส่ง เข็นรถเข็น ซื้ออาหารให้ในครั้งนี้

- ผมได้รับวัคซีนโควิด เข็ม 3 (รับซิโนแว็ก 2 เข็มมาก่อน) เมื่อ 29 ก.ย. 64 ไปส่องกล้องวันที่ 10 ต.ค. 64 (11 วันผ่านไป) ก็ไม่มีปัญหาอะไรที่ร้ายแรงกับยาสลบ

- ชื่อแพทย์ ยา รพ. ขอไม่บอกนะครับ

-  ค่าใช้จ่าย:
o   ค่าพบหมอครั้งแรกเพื่อขอส่องกล้อง และค่ายาระบาย (1,380)
o   ค่า Swab โควิด (2,750)
o   ค่าส่องกล้อง รวมค่ารักษาริดสีดวง ค่าตรวจเลือด ค่าแอ็กซเรย์ปอด (27,211) ... ค่าส่องกล้องอย่างเดียว (ตามที่ รพ.แจ้งไว้) จะอยู่ที่ประมาณ 20,000 -  25,000 บ. หากมีการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจจะบวกเพิ่มอีก 10,000 บ.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่