เรากับแฟนคบกันมาเกือบ5ปี ย้ายบ้านมา 2 ครั้ง ครั้งล่าสุดที่ย้ายมา เพราะความเห็นตรงกัน ตรงที่ว่าอยากอยู่ที่ที่กว้างขึ้น เลยย้ายมาที่ใหม่ เป็นบ้านเช่านะคะ ที่ผ่านมา 3 ที่ เราเป็นคนจ่ายค่ามัดจำเข้าอยู่ตลอด เพราะเราขอแม่ แม่ให้มา ส่วนแฟนเพิ่งได้งานใหม่ ช่วงนั้นไม่มีเงินก้อนค่ะ  เช่าบ้านทุกที่ เราจะใช้บ้านเป็นร้านทำเล็บด้วย เราเลยตกลงกันว่า เราจะจ่ายค่าเช่า 60% เพราะเราใช้บริเวณบ้านมากกว่า แล้วฝ่ายชายจ่าย 40%
ที่ผ่านมา 3 ที่ อยู่ไม่ครบสัญญาสักที่ค่ะ เราเสียค่ามัดจำฟรีๆมา2ที่แล้ว ช่วงทีผ่านมา ร้านทำเล็บเราคนน้อนกว่าแต่ก่อนมาก อาจจะเพราะโควิด รายได้เราน้อยมาก ผิดกับฝ่ายชาย ที่งานเริ่มมั่นคง ดีขึ้น แต่เขาคงมีอะไรให้ใช้จ่ายเยอะ ค่าข้าวเวลาไปด้วยกันเขาจะเปนคนจ่ายตลอด ทีนี้ ตัดสินใจจะเลิกกัน เราจะเซ้งร้าน ทำเล็บเรา เพราะย้ายของคนเดียวไม่น่าไหว ส่วนค่ามัดจำบ้านน่าจะต้องเสียทิ้ง แต่คือครั้งนี้ มันจำนวนเยอะ หลายบาทค่ะ เราเลยบอกเขา ว่าให้เอาค่ามัดจำมา ครึ่งนึง เพราะค่ามัดจำที่เราจ่าย เราต้องเสียทิ้ง เขาไม่พอใจค่ะ พูดประมานว่า ร้านก็ร้านเรา (ตอนนี้เขาไม่ได้นอนที่บ้านแล้วค่ะ เราให้เขาออกไป เขามีแต่เสื้อผ้า ส่วนเราของเยอะมากกก ทุกอย่าง ทีวีเอย โซฟา แอร์ ต่างๆในบ้าน เราเปนคนซื้อ แต่ของพวกนี้เราแค่ต้องลำบากขายทิ้งให้เรวที่สุด เพราะเราไม่สามารถขนย้ายไปไหนได้ ไม่มีรถ จ้างรถ ก้ไม่มีที่เกบของที่ ตจว)​ เราคิดว่า เราสมควรจะได้ค่ามัดจำครึ่งนึงจากเขาค่ะ ช่วยออกความเห็นหน่อยค่ะ ผิดถูกยังไง จะได้เอาให้เขาอ่าน ว่าควรหรือไม่ควร อยากจะคิดว่าทำบุญทำทาน แต่สมัยนี้เงินหายาก เสียดายมากค่ะ