สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
แฟนอายุ 43 แล้ว แต่ยังหาทางเดินของชีวิตตัวเองไม่เจอ เราว่ามันลำบากแล้วล่ะค่ะ
เท่าที่เล่ามา ไม่แปลกที่เค้าจะหวงคุณมาก ตามคุณมากเพราะคุณคือเสาหลักของเค้า ขาดคุณไปแล้วใครจะส่งเสียเลี้ยงดูเค้าล่ะ
อายุไม่น้อยแล้ว งานก็ยังไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง จะไปหาสาวคนใหม่มันก็ยากแลัว กว่าจะคบใครได้สักคนจนพัฒนาให้มาเลี้ยงตัวเองได้เนี่ย ต้องลงทุนสูง ใช้เวลานาน เผลอๆคนใหม่ไหวตัวทัน ไม่เอาอีก คราวนี้ละอดตายเลยนะ เลยต้องจับคุณไว้มั่นๆหน่อย
อายุแค่ 31 กับความขยัน ความสามารถระดับนี้ คุณอาจหาคนที่ส่งเสริมให้คุณไปได้ไกลกว่านี้ได้ไม่ยาก
หรืออย่างแย่สุด คุณไม่เจอคนใหม่ที่ใช่จริงๆ คุณก็สามารถเอาตัวรอดบนโลกใบนี้ได้สบายๆ ไม่ต้องพึ่งพาใคร
ห่วงก็แต่ว่าจะใจอ่อน สงสาร เห็นใจ กลัวเค้าไปไม่รอดจนไม่กล้าทิ้งซะมากกว่า
แต่บอกเลยนะคะ การเป็นเดอะแบกในชีวิตคู่ทำให้ประสาทเสียกว่าที่คิด
คิดดีๆ มองยาวๆ
แล้วขอให้ตัดสินใจได้ถูกต้องค่ะ
เท่าที่เล่ามา ไม่แปลกที่เค้าจะหวงคุณมาก ตามคุณมากเพราะคุณคือเสาหลักของเค้า ขาดคุณไปแล้วใครจะส่งเสียเลี้ยงดูเค้าล่ะ
อายุไม่น้อยแล้ว งานก็ยังไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง จะไปหาสาวคนใหม่มันก็ยากแลัว กว่าจะคบใครได้สักคนจนพัฒนาให้มาเลี้ยงตัวเองได้เนี่ย ต้องลงทุนสูง ใช้เวลานาน เผลอๆคนใหม่ไหวตัวทัน ไม่เอาอีก คราวนี้ละอดตายเลยนะ เลยต้องจับคุณไว้มั่นๆหน่อย
อายุแค่ 31 กับความขยัน ความสามารถระดับนี้ คุณอาจหาคนที่ส่งเสริมให้คุณไปได้ไกลกว่านี้ได้ไม่ยาก
หรืออย่างแย่สุด คุณไม่เจอคนใหม่ที่ใช่จริงๆ คุณก็สามารถเอาตัวรอดบนโลกใบนี้ได้สบายๆ ไม่ต้องพึ่งพาใคร
ห่วงก็แต่ว่าจะใจอ่อน สงสาร เห็นใจ กลัวเค้าไปไม่รอดจนไม่กล้าทิ้งซะมากกว่า
แต่บอกเลยนะคะ การเป็นเดอะแบกในชีวิตคู่ทำให้ประสาทเสียกว่าที่คิด
คิดดีๆ มองยาวๆ
แล้วขอให้ตัดสินใจได้ถูกต้องค่ะ
ความคิดเห็นที่ 24
เหมือนอ่านเรื่องของตัวเองเลยค่ะ แต่อายุตอนนั้นเรา 22 เค้า 33 ห่างกัน 10ปีได้ และไม่มีปัญหาเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง
เราร้องไห้บ่อยมากตอนคบกัน และเค้าก็ขี้หึงมากๆ พยายามคอนโทรลชีวิตเราตลอด
ต้องเจอกันตลอดเวลา บางเดือนเจอกันทุกวันก็มี ขึ้นแท็กซี่ก็ต้องถ่ายรูป ไลน์บอก ไปไหนก็ต้องบอก
จากเมื่อก่อนเป็นคนติดเพื่อน ก็กลายเป็นไปเจอเพื่อนปีละครั้ง เหมือนตายจากชีวิตเพื่อนไปเลย
เพื่อนคนที่เค้าไม่ชอบ เค้าก็จะพยายามบงการเราให้เรารู้สึกไม่พอใจเพื่อนคนนั้นไปด้วย
พ่อแม่เราเค้าก็ไม่ยกเว้น คอนโทรลเราให้เราดื้อ ให้เราเกลียดพ่อแม่เรา (เพราะพ่อแม่เราเห็นว่าเรายังเด็ก และแฟนเราก็ตัวติดเรามาก)
การแต่งตัว ชอบให้ไม่แต่งหน้า ไม่ชอบให้ใส่ขาสั้น แขนกุดอะไรลืมไปได้เลย
แต่งตัวสวยไปก็ไม่ชอบ กลัวคนมาชอบเรา ไปทำงานที่ใหม่วันแรก ก็พารานอยกลัวเราเจอคนอื่น
แค่ไม่รับโทรศัพท์เค้าในช่วง 2ชม. (วันแรก) เพราะหัวหน้ากำลังสอนงานเราอยู่ ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด่าเราร้ายๆ ว่าเราใจง่าย เป็นก*หรี่ ต่างๆนานา
ความฝันเค้าคือให้เราอยู่บ้าน เป็นแม่บ้าน ไม่ต้องพบเจอใคร ซึ่งเราไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น
เค้าทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตเราขาดเค้าไม่ได้ ตอนนั้นเราคิดจริงๆว่าเราคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเค้า
ข้อดีเค้าคือไม่เจ้าชู้ ขับรถไปรับส่งตลอด รักเรามากกกก แบบมากจริงๆ แต่ก็คาดหวังเยอะมากเช่นกัน
เค้าจะชอบบอกว่าทำไมเราไม่หึงเค้าบ้างเลย (ก็ไม่ได้เป็นคนขี้หึง) เค้าหาว่าเราคิดว่าเค้าเป็นของตาย
ทะเลาะกันตลอดเวลา ทั้งที่เรายอมเค้ามาก แต่เค้าก็จะชอบหาเรื่องทะเลาะว่าเรานอกใจ .. คิดเองเออเองเก่ง
เวลาโกรธก็โมโหร้าย ปาข้าวของ ด่าหยาบๆ เสียๆหาย ปิดโทรศัพท์ ขับรถเร็วนรก ทำให้เราเป็นห่วง กินไม่ได้นอนไม่หลับ
ต้องอดนอน ถ่างตารอเค้าจะเปิดโทรศัพท์ตอนเค้าต้องไปทำงานตอนตี 5 เพื่อคุยกัน ปรับความเข้าใจกัน วนเวียนอยู่แบบนี้เป็นปีๆ
จนท้ายที่สุดคบกันมาสามปี เราไปเรียนต่อต่างประเทศ เพราะพ่อแม่วางแผนไว้ให้นานแล้วตั้งแต่ก่อนเจอเค้า
ผ่านไปสักพัก เราเริ่มอยู่ตัวคนเดียวได้ ทำอะไรด้วยตัวคนเดียว คิดได้ มีความสุขมากขึ้น จากที่ต้องกังวล สวดมนต์ทุกวัน ภาวนาให้แต่ละวันไม่ทะเลาะกัน
ก็เลยตัดสินใจเลิก ในวันที่เค้าโมโหเรา ระแวงเราว่าเราไปมีคนอื่น ทั้งที่เราเรียนหนักมาก วันๆเอาแต่ทำงาน
และเราไม่เคยพูดคำว่าเลิก พอเค้าพูดเลิกรอบนี้ปั๊บ (ครั้งที่เท่าไหร่จำไม่ได้) เราก็สนองเลย
เดินไปเปลี่ยนเบอร์ บอกว่ามี stalker ตาม แล้วตัดการติดต่อทุกช่องทาง เค้าเกือบจะบินมาง้อเรา
แต่พ่อแม่เรา เพื่อนเราปิดที่อยู่เราทุกวิถีทาง (โชคดีที่เพิ่งย้ายหอพักใหม่ด้วย)
โตมาถึงได้เข้าใจ ว่าความสัมพันธ์นั้นคือ toxic relationship และอาการที่เราน้ำหนักตัวเหลือแค่ 42 (จาก 48 สูง 166)
ร้องไห้ทุกวัน พูดคำว่าขอโทษกับทุกการกระทำจนเป็นคนติดปาก นั่นคืออาการซึมเศร้า และพ่อแม่เรามองเห็นมาตลอด แต่เราไม่เชื่อพวกท่าน
เจอคนใหม่ ดีทุกอย่าง คบกันแต่งงานกัน ไม่เคยต้องร้องไห้เพราะความรักอีกเลยค่ะ
ถือว่าเป็นประสบการณ์ว่าความรักครั้งใหม่ เราควรมองหาคนแบบไหนที่จะเข้ากับเราได้ และอยู่กันได้จริงๆ
ถ้าเราไม่เจอประสบการณ์แย่ๆนั้น เราอาจจะไม่โต และคิดได้ จนเจอแฟนคนปัจจุบันเช่นวันนี้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ลองคิดให้ถี่ถ้วน คำนึงถึงข้อดี ข้อเสีย และสิ่งที่เราต้องการในชีวิตค่ะ
เราควรจะมีชีวิตที่มีความสุข ถ้ามีแล้วทุกข์มากกว่าสุข เราว่านั่นไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีค่ะ
เราร้องไห้บ่อยมากตอนคบกัน และเค้าก็ขี้หึงมากๆ พยายามคอนโทรลชีวิตเราตลอด
ต้องเจอกันตลอดเวลา บางเดือนเจอกันทุกวันก็มี ขึ้นแท็กซี่ก็ต้องถ่ายรูป ไลน์บอก ไปไหนก็ต้องบอก
จากเมื่อก่อนเป็นคนติดเพื่อน ก็กลายเป็นไปเจอเพื่อนปีละครั้ง เหมือนตายจากชีวิตเพื่อนไปเลย
เพื่อนคนที่เค้าไม่ชอบ เค้าก็จะพยายามบงการเราให้เรารู้สึกไม่พอใจเพื่อนคนนั้นไปด้วย
พ่อแม่เราเค้าก็ไม่ยกเว้น คอนโทรลเราให้เราดื้อ ให้เราเกลียดพ่อแม่เรา (เพราะพ่อแม่เราเห็นว่าเรายังเด็ก และแฟนเราก็ตัวติดเรามาก)
การแต่งตัว ชอบให้ไม่แต่งหน้า ไม่ชอบให้ใส่ขาสั้น แขนกุดอะไรลืมไปได้เลย
แต่งตัวสวยไปก็ไม่ชอบ กลัวคนมาชอบเรา ไปทำงานที่ใหม่วันแรก ก็พารานอยกลัวเราเจอคนอื่น
แค่ไม่รับโทรศัพท์เค้าในช่วง 2ชม. (วันแรก) เพราะหัวหน้ากำลังสอนงานเราอยู่ ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ด่าเราร้ายๆ ว่าเราใจง่าย เป็นก*หรี่ ต่างๆนานา
ความฝันเค้าคือให้เราอยู่บ้าน เป็นแม่บ้าน ไม่ต้องพบเจอใคร ซึ่งเราไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น
เค้าทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตเราขาดเค้าไม่ได้ ตอนนั้นเราคิดจริงๆว่าเราคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเค้า
ข้อดีเค้าคือไม่เจ้าชู้ ขับรถไปรับส่งตลอด รักเรามากกกก แบบมากจริงๆ แต่ก็คาดหวังเยอะมากเช่นกัน
เค้าจะชอบบอกว่าทำไมเราไม่หึงเค้าบ้างเลย (ก็ไม่ได้เป็นคนขี้หึง) เค้าหาว่าเราคิดว่าเค้าเป็นของตาย
ทะเลาะกันตลอดเวลา ทั้งที่เรายอมเค้ามาก แต่เค้าก็จะชอบหาเรื่องทะเลาะว่าเรานอกใจ .. คิดเองเออเองเก่ง
เวลาโกรธก็โมโหร้าย ปาข้าวของ ด่าหยาบๆ เสียๆหาย ปิดโทรศัพท์ ขับรถเร็วนรก ทำให้เราเป็นห่วง กินไม่ได้นอนไม่หลับ
ต้องอดนอน ถ่างตารอเค้าจะเปิดโทรศัพท์ตอนเค้าต้องไปทำงานตอนตี 5 เพื่อคุยกัน ปรับความเข้าใจกัน วนเวียนอยู่แบบนี้เป็นปีๆ
จนท้ายที่สุดคบกันมาสามปี เราไปเรียนต่อต่างประเทศ เพราะพ่อแม่วางแผนไว้ให้นานแล้วตั้งแต่ก่อนเจอเค้า
ผ่านไปสักพัก เราเริ่มอยู่ตัวคนเดียวได้ ทำอะไรด้วยตัวคนเดียว คิดได้ มีความสุขมากขึ้น จากที่ต้องกังวล สวดมนต์ทุกวัน ภาวนาให้แต่ละวันไม่ทะเลาะกัน
ก็เลยตัดสินใจเลิก ในวันที่เค้าโมโหเรา ระแวงเราว่าเราไปมีคนอื่น ทั้งที่เราเรียนหนักมาก วันๆเอาแต่ทำงาน
และเราไม่เคยพูดคำว่าเลิก พอเค้าพูดเลิกรอบนี้ปั๊บ (ครั้งที่เท่าไหร่จำไม่ได้) เราก็สนองเลย
เดินไปเปลี่ยนเบอร์ บอกว่ามี stalker ตาม แล้วตัดการติดต่อทุกช่องทาง เค้าเกือบจะบินมาง้อเรา
แต่พ่อแม่เรา เพื่อนเราปิดที่อยู่เราทุกวิถีทาง (โชคดีที่เพิ่งย้ายหอพักใหม่ด้วย)
โตมาถึงได้เข้าใจ ว่าความสัมพันธ์นั้นคือ toxic relationship และอาการที่เราน้ำหนักตัวเหลือแค่ 42 (จาก 48 สูง 166)
ร้องไห้ทุกวัน พูดคำว่าขอโทษกับทุกการกระทำจนเป็นคนติดปาก นั่นคืออาการซึมเศร้า และพ่อแม่เรามองเห็นมาตลอด แต่เราไม่เชื่อพวกท่าน
เจอคนใหม่ ดีทุกอย่าง คบกันแต่งงานกัน ไม่เคยต้องร้องไห้เพราะความรักอีกเลยค่ะ
ถือว่าเป็นประสบการณ์ว่าความรักครั้งใหม่ เราควรมองหาคนแบบไหนที่จะเข้ากับเราได้ และอยู่กันได้จริงๆ
ถ้าเราไม่เจอประสบการณ์แย่ๆนั้น เราอาจจะไม่โต และคิดได้ จนเจอแฟนคนปัจจุบันเช่นวันนี้ค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ลองคิดให้ถี่ถ้วน คำนึงถึงข้อดี ข้อเสีย และสิ่งที่เราต้องการในชีวิตค่ะ
เราควรจะมีชีวิตที่มีความสุข ถ้ามีแล้วทุกข์มากกว่าสุข เราว่านั่นไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีค่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
ข้อดีของเค้ามีแค่พื้นฐานของคนปกติที่ควรทำแค่นั้นปะคะ
เป็นเราเลิกตั้งแต่ประโยคนี้ละ เวลาแฟนโมโหจะชอบใช้คำพูดแรงๆกับเราตลอด แฟนอีโก้สูงมากไม่เคยพูดคำว่าขอโทษเราเลยสักครั้ง
คนดีๆไม่ด่าแฟนตัวเองด้วยถ้อยคำหยาบคาย และไม่คิดจะขอโทษหรอกค่ะ เพราะงั้นข้อดีคือปัดตกไป ไม่มี
อายุคุณยังไม่มาก เราว่าเริ่มต้นใหม่ดีกว่า หนี้ยังไม่ได้คืนเลย จะกลับไปให้เค้ายืมต่ออีกเหรอ
เป็นเราเลิกตั้งแต่ประโยคนี้ละ เวลาแฟนโมโหจะชอบใช้คำพูดแรงๆกับเราตลอด แฟนอีโก้สูงมากไม่เคยพูดคำว่าขอโทษเราเลยสักครั้ง
คนดีๆไม่ด่าแฟนตัวเองด้วยถ้อยคำหยาบคาย และไม่คิดจะขอโทษหรอกค่ะ เพราะงั้นข้อดีคือปัดตกไป ไม่มี
อายุคุณยังไม่มาก เราว่าเริ่มต้นใหม่ดีกว่า หนี้ยังไม่ได้คืนเลย จะกลับไปให้เค้ายืมต่ออีกเหรอ
ความคิดเห็นที่ 53
ขอบคุณทุกๆความเห็นเลยค่ะ ก่อนหน้านี้เราได้เปิดใจคุยกับแฟนไปแล้วถึงความรู้สึกทั้งหมดของเราที่มี ทั้งตอนอยู่ด้วยกัน และตอนที่อยู่คนเดียว เราอธิบายให้เค้าฟังด้วยเหตุและผลที่สุด แล้วคุยถึงการขอเลิกค่ะ ครั้งแรกที่คุยไปแฟนขอโอกาสในการแก้ไขตัวเองใหม่ ในตอนนั้นเราได้แต่คิดว่าเราจะให้โอกาสหรือไม่ให้ดี เราเลยมาตั้งกระทู้ในนี้ แต่เอาจริงๆในใจเราก็มีคำตอบแล้วว่าคงพอแค่นี้ดีกว่า ที่ผ่านมันเหนื่อยเกินไปสำหรับเรา ตอนแรกยอมรับว่ายังลังเล แต่พอมาได้อ่านความเห็นและคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์ตรงและคนที่เข้ามาแนะนำให้กำลังใจกัน บอกเลยว่าตอนนี้สบายใจขึ้นเยอะแล้วค่ะ คำตอบชัดเจนแล้วค่ะว่า “เลิก” น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของความรู้สึกของเรา
เรื่องเงินเราคุยกับเค้าแล้ว ว่ายังไงก็ต้องคืนเรามาทั้งหมด น้ำพักน้ำแรงของเรา เราเหนื่อย เราต้องได้เงินเราคืน เราพอได้คุยกับทนายมาแล้วบ้างนิดหน่อย โชคดีว่าตอนที่ให้ยืมเงิน เราโอนให้เค้าและลงรายละเอียดอย่างชัดเจนไว้ว่า เงินจำนวนนี้ยืมเพื่อไปทำอะไรบ้าง แล้วเราจดไว้หมดว่าทั้งหมดกี่บาทยืมไปทำอะไร เลยคุยกับเค้าว่าจะขายรถเพื่อเอาเงินมาคืนเรา หรือไม่ก็โอนรถมาเป็นที่ชื่อเรา ซึ่งถ้าโอนรถมาเป็นชื่อเรา ราคาตามตลาดตอนนี้คือมากกว่าหนี้ที่เค้าติดอยู่ อาจจะดูอีกทีว่าจะคืนส่วนต่างให้เมื่อเรานำรถไปขาย หรือว่าเราจ่ายเพิ่มส่วนต่างแล้วได้รถคันนั้นมาใช้เลยค่ะ แต่ใจจริงๆ ก็คิดว่าขายแล้วเอาเงินดีกว่า อันนี้เดี๋ยวจะคุยอีกทีว่าจะเลือกทางไหนดี
ขอบคุณทุกๆความเห็นมากๆเลย ตาสว่างขึ้นเยอะเลยค่ะ
เรื่องเงินเราคุยกับเค้าแล้ว ว่ายังไงก็ต้องคืนเรามาทั้งหมด น้ำพักน้ำแรงของเรา เราเหนื่อย เราต้องได้เงินเราคืน เราพอได้คุยกับทนายมาแล้วบ้างนิดหน่อย โชคดีว่าตอนที่ให้ยืมเงิน เราโอนให้เค้าและลงรายละเอียดอย่างชัดเจนไว้ว่า เงินจำนวนนี้ยืมเพื่อไปทำอะไรบ้าง แล้วเราจดไว้หมดว่าทั้งหมดกี่บาทยืมไปทำอะไร เลยคุยกับเค้าว่าจะขายรถเพื่อเอาเงินมาคืนเรา หรือไม่ก็โอนรถมาเป็นที่ชื่อเรา ซึ่งถ้าโอนรถมาเป็นชื่อเรา ราคาตามตลาดตอนนี้คือมากกว่าหนี้ที่เค้าติดอยู่ อาจจะดูอีกทีว่าจะคืนส่วนต่างให้เมื่อเรานำรถไปขาย หรือว่าเราจ่ายเพิ่มส่วนต่างแล้วได้รถคันนั้นมาใช้เลยค่ะ แต่ใจจริงๆ ก็คิดว่าขายแล้วเอาเงินดีกว่า อันนี้เดี๋ยวจะคุยอีกทีว่าจะเลือกทางไหนดี
ขอบคุณทุกๆความเห็นมากๆเลย ตาสว่างขึ้นเยอะเลยค่ะ
แสดงความคิดเห็น
อยากเลิกกับแฟน เพราะเรารู้สึกว่าเราเข้าข่าย toxic relationship เราควรไปต่อหรือพอแค่นี้ดี
เริ่มเลยค่ะ เรารู้สึกว่าความรักของเรากับแฟนเข้าข่าย toxic relationship หรือความสัมพันธ์เป็นพิษ เราอายุ 31 แฟนอายุ 43 ค่ะ คบกันมาจะ 3 ปีแล้วค่ะ เราอยู่ด้วยกันแค่ปีครึ่ง แต่หลักจากนั้นเราต้องแยกกันอยู่เพราะสาเหตุจากการย้ายสถานที่ทำงาน แล้วก็โควิดด้วยค่ะ ในระยะเวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันมา เราไม่ได้เจอกันเลยเนื่องจากโควิดแต่เราจะโทรหากันทุกวัน วีดีโอคอลกันตลอด จริงๆแล้วแฟนเราเค้าเป็นคนดีมากๆในหลายๆเรื่อง เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ ไม่ติดการพนัน คอยดูแลเราอย่างดี ไปรับไปส่งที่ทำงานตลอด เค้ามีมุมน่ารักๆเยอะมากค่ะ แต่ข้อเสียคือเค้าเป็นคนไม่ขยันค่ะ ส่วนตัวเราเองมีงานประจำแล้วพอวันหยุดเราจะรับงานฟรีแลนซ์ค่ะ ส่วนแฟนก็ขายของออนไลน์ นานๆจะขายได้ทีค่ะ เค้าก็จะมีปัญหาเรื่องเงินตลอด คอยมายืมเราตลอด เราให้เค้ายืมเงินไปเป็นหลายแสนแล้วค่ะเพื่อไปลงทุน เพราะตอนนั้นเราอยากให้เค้าทำไรจริงๆจังๆสักที เราอยากให้ขยันเหมือนกับคนอื่นๆบ้าง แต่แล้วเงินที่เอาไปลงทุนก็สูญเปล่า ไม่ได้ไรกลับคืนมาเลยค่ะ เรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านส่วนใหญ่เราเป็นคนจ่ายตลอด มีหารกันบ้าง นานๆถ้าแฟนขายของได้เค้าก็เลี้ยงเราบ้างค่ะ ตอนที่เราอยู่กับแฟน เงินเก็บเราไม่เหลือเลย แล้วก็ไม่เหลือเก็บเลยค่ะ เราเองก็ต้องส่งให้ทางบ้านเราแต่บางเดือนเราก็ต้องเร่งทำงานเพื่อหาเงินส่งให้ที่บ้าน เราทำงานหนักมากค่ะ ทำแบบแทบไม่มีวันหยุด เดือนนึงได้หยุดแค่ 2-3 วัน เหนื่อยมากค่ะ ตัวแฟนเราก็ชิลมากไม่ดิ้นรนไรเลย เพราะว่ามีเราคอยซัพพอร์ตตลอดเวลา เราบอกให้ไปหาทำงานอย่างอื่นบ้าง เค้าก็จะอ้างเหตุผลร้อยแปด มีแต่ความฝันแต่ไม่เคยลงมือทำอะไรสักอย่าง เค้าก็อยู่บ้านเฉยๆคอยรับออร์เดอร์ไปค่ะ
ปัญหาที่สองก็คือ ด้วยความที่เรากับแฟนอายุต่างกันมาก ความเห็นก็จะไม่ค่อยตรงกัน ตัวแฟนเองเค้าเป็นคนที่ขี้หวงเรามากกกกก แต่งตัวต้องเรียบร้อย ชุดนั่นห้ามใส่ ชุดนี้ห้ามใส่ ไปไหนกับเพื่อนก็จะคอยตามเราตลอด จะออกไปเที่ยวกับเพื่อนต้องบอกว่าไปกับเพื่อนคนไหน ชื่ออะไร ไปตอนไหน กลับกี่โมง คือเค้าต้องตัวติดเราตลอดเวลา ความอิสระของเรามันหายไปหมดเลย จนเพื่อนก็ค่อยๆหายออกไปจากชีวิตเรา เค้าจะบอกว่าเค้าผ่านโลกมาเยอะ เค้ารู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดี เค้าเลยจะคอยบอกเราชี้ทางเราตลอดว่าอะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เราอึดอัดมาก เราไม่เป็นตัวของตัวเองเลย เหนื่อยใจมาก ทะเลาะกันบ่อยมาก ถ้าเราทำอะไรที่เค้าไม่ชอบ เราก็จะทะเลาะกันแล้วค่ะ แต่เราเป็นคนที่ยอมแฟนตลอด เราเป็นฝ่ายที่พยายามง้อแฟนตลอด ถ้าแฟนผิดเถียงกันไปมาจนสรุปที่ตัวเราผิด เราเลยต้องยอม เพราะไม่อยากมีปัญหา เวลาแฟนโมโหจะชอบใช้คำพูดแรงๆกับเราตลอด แฟนอีโก้สูงมากไม่เคยพูดคำว่าขอโทษเราเลยสักครั้ง
พอมาถึงตอนที่ต้องแยกกันอยู่ เราได้งานที่มาเลเซีย ก่อนโควิดแล้วหลังจากนั้นโดนปิดประเทศ เราไม่สามารถเดินทางกลับมาไทยได้ พอเราได้อยู่คนเดียว เรารู้สึกสบายใจ ไม่อึดอัด ได้เป็นตัวของตัวเอง ได้ชีวิตของตัวเองคืนมา เราไม่ต้องเหนื่อยมากขนาดนั้น ไม่ต้องร้องไห้บ่อยๆเหมือนตอนที่อยู่ด้วยกัน ได้ทำไรก็ได้ที่อยากทำ เรารู้สึกแฮปปี้มากๆกับชีวิตของเราตอนนี้ แถมเรามีเงินเก็บ มีเงินส่งให้พ่อกับแม่ เราโกหกแฟนว่าเราโอนตังไปซื้อที่ดินหมดเลยไม่มีเงินเหลือเก็บ เพื่อที่จะไม่ให้เค้ายืมเราอีกแล้ว เรายอมรับว่า ความรู้สึกของเรามันเปลี่ยนไป เรารักตัวเองมากขึ้น พองานใกล้จะจบโปรเจ็ก เราจะได้กลับไปประจำที่ไทย เรารู้สึกว่าไม่อยากกลับไปอยู่กับเค้าอีกแล้ว เรารู้สึกว่าเราอยากเลิกกับแฟน เราไม่อยากต้องไปคอยแบกภาระอะไรอีกแล้วค่ะ เราเหนื่อย เหนื่อยมากๆ เราเลยคุยกับแฟนว่าเราอยากจะเลิก แต่แฟนเราขอโอกาส เค้าบอกว่าจะขยันขึ้นจะหาเงินมาใช้คืนเรา จะไม่บางการชีวิตเราอีก เราอยากให้โอกาสเค้านะ เรายังรักเค้าอยู่ แล้วแฟนเราก็เป็นคนดีในเรื่องอื่นๆ แต่อีกใจเราก็กลัว เราไม่อยากกลับไปเป็นแบบเดิมอีก คบกันแล้วมันเหนื่อยขนาดนี้เรากลัวเราจะไปไม่ไหว อนาคตที่วาดฝันกันไว้ ตอนนี้มันไม่เหลือแล้วค่ะ เพราะแฟนอายุขนาดนี้แล้ว ไม่มีอนาคตอะไรให้เราได้เห็นเลยค่ะ ปัญหาหลักๆเลยคือเรื่องเงิน และก็บงการชี้แนะทุกอย่างในชีวิตเราเกินไป ในหัวเรามีแต่คำถาม เราควรไปต่อ หรือพอแค่นี้ดี
ขอบคุณสำหรับคำปรึกษาค่ะ