เล่าต่อ : เริ่มล่องใต้จากตอนกลางเกาะฮอนชิว ลงปักษ์ใต้ญี่ปุ่นกันละ

เพิ่งกลับจากภาคใต้ตอนบนมา หลังจากไม่มีงานช่วงไวรัสโควิด ปิดไป 3 เดือน เพิ่งเปิดทำงานรอบล่าสุด ต้นตุลา.นี้เองครับ เลยทิ้งช่วงไปหลายวัน   ขอเล่าต่อจากที่เรามาลงรถ ชิงกังเซ็น ที่เมือง นาโงย่า ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งทะเล ที่ตามความเข้าใจผม นาโงย่า เป็นเมืองท่าสำคัญของ ตอนกลางของเกาะฮอนชิว ที่ขนส่งสินค้าอุตสาหกรรมหนัก จำได้เพียงเลาๆว่า โรงงานหลักผลิตยานยนต์หลายประเภท ของโตโยต้า อยู่ที่นาโงย่าด้วย เพียงแต่เราไม่มีโอกาสไปแวะทัวร์ โรงงานของเขา จึงไม่ค่อยอยู่ใน เมโมรี่มากนัก  แต่ทริปนี้มีทัวร์ โรงงานหลักผลิตรถยนต์มาสด้า คงได้เล่าอยู่ในตอนท้ายครับ 
เราได้พักอยู่ที่  Ise อิเสะ ของนาโงย่า นี้คือ ประตูวัด ท่านอาจจะเคยเห็นจากในหนังญี่ปุ่น ที่อยู่ในหนังหลายเรื่องมาก เป็น เสาคู่มีซุ้มประตู อยู่ในน้ำทะเล ห่างจากชายฝั่งลงไปในทะเลราว สองร้อยเมตรหรือใกล้เคียง สวยมากจนหัวหน้าทัวร์กำชับว่า พรุ่งนี้เช้าอย่าพลาดมาดู อาทิตย์อุทัย กลางซุ้มประตู Ise อยู่ซ้ายของถนนเลียบริมทะเล มีที่สักการะอยู่บนชายฝั่ง ที่ตำนานว่า หากใครได้คาระวะและขอพรจาก Ise แล้ว ผู้นั้นก็จะได้กลับไปอีก ( หากผมจำไม่พลาดนะครับ )  แต่เรียนเพื่อนพ้องชาวพันทิป เลย จนเดี๋ยวนี้ผมยังไม่มีโอกาสไปชื่นชมกับทิวทัศน์สวยๆของ Ise อีกเลยครับ แม้ว่าจะกลับไปญี่ปุ่นภายหลังอีก 3 ครั้งก็ตาม  วันนั้นเราพักค้างคืนกันในโรงแรม แบบ เรียวกัง Ryukan สไตล์พื้นเมืองของญี่ปุ่นเลย ตกเย็นก็เปลี่ยนใส่  Yukata คาดเอวด้วย Obi  ยูกาตะ คือ Kimono ตัดเย็บด้วยผ้าชนิดบาง ใช้ใส่ลำลองและใส่นอน ส่วน โอบิ เป็นผ้าคาดรัดรอบเอวเหมือน ผ้ารัตคต ที่พระสงฆ์ใช้รัดผ้าสบงนั่นเอง ( ส่วน Kimono จะใช้ออกงาน เป็นทางการ ใช้ผ้าหนาสวยงาน ต้องสวมถึง 2-3 ชั้น แล้วแต่ชนิด โดยเฉพาะครั้งหนึ่งของชีวิตผู้หญิง ที่เข้าวัยสาว ต้องได้สวมใส่ชุด Kimono ที่ดีที่สุด สวยที่สุด ที่หาได้ เป็นการประกาศและฉลองการบรรลุนิติภาวะ )  ขอโทษที่ออกทะเล นาโงย่าไปซะไกลครับ
Dinner ที่ โรงแรมแบบญี่ปุ๋น นั่งห้อยเท้าในหลุม ที่มี heater ใต้โต๊ะเตี้ยญี่ปุ่น อาหารญี่ปุ่นเสิร์ฟโดย สาวเกอิชา ที่เราเคยแต่ได้ยิน แต่ไม่เคยเห็น  เราวัยรุ่นได้พบ เกอิชา ตัวจริงแล้ว จัดว่าทุกๆคนที่เป็น เกอิชา สวยจากการแต่งหน้า เหมือนในหนังญี่ปุ่นเลยครับ แต่งชุด กิโมโนก็สวย  ทำผมพองๆที่มีสไตล์เดียวกันหมด ปักปิ่น ฯลฯ ให้บริการเสิร์ฟอาหารแก่พวกเราอย่าง อ่อนหวาน ส่วนเบื้องหลังสำหรับความรู้สึกในวัยรุ่นของพวกเราตอนนั้น ค่อนข้างกลัว เกอิชา เพราะเรามองออก ว่าบรรดาคุณเธอทุกคน อายุอานามคง 40 - 50 ขึ้นไป  เรารู้ภายหลังว่า ทางการญี่ปุ่นยกเลิกไม่ให้ เกอิชา ประกอบอาชีพเต็มรูปแบบไป หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบแล้ว 10 ปี ( ฮ่าๆ ที่เล่านี่อยู่ในปีใหม่ 1968 รอไปถึงก่อนปี '69 ผมจะเก็บตก เกร็ดเต็มรูปแบบของ เกอิชา ที่รุ่นพี่ของทีมผมไปผจญภัย มาเล่าให้อ่านกันหลังๆนู๊นครับ  )  ขอพักจบกันที่ Ise เมือง นาโงย่า แค่นี้ก่อน แล้วจะมาเล่าต่อนะครับ mada dewamata sayonara
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่