เปิดเมืองกันแล้ว ปลดล็อคกิจการหลายอย่าง ตัวเลขคนติดเชื้อลดลง คนฉีดวัคซีนในอัตรามากขึ้น เข็มสอง เข็มสาม บางคนสี่
สิ่งที่ผมเห็นในหลายวันมานี้คือ
1 การไม่รักษาระยะห่าง เรื่องนี้หนักสุด คนเดินมาในร้านอาหาร เข้ามาด้านหลังจนชนผมเลยนะ เฮ้ย ระยะห่างสำคัญสุดป่าว แล้วก็ไปกระซิบแม่ค้าแบบหน้าจะติดเขาอยู่แล้ว จนแม่ค้าบอกเข้าไปนั่งก่อนแล้วจะเข้าไปในร้านรับออเดอร์ คือ น่ากลัวครับ ต่อให้ฉีด 3 เข็มข่าวก็ยังมีว่าป่วย เข้า รพ ไปแล้ว แล้วนี่คิดว่า ฉีดวัคซีนกันเยอะ ตัวเลขลดลง ปลดล็อคต่างๆ คือ คิดว่าปลอดภัยกันเหรอครับนั่น
เขาปลดล็อค ก็เพื่อให้เศรษฐกิจมันเดินไหลๆบ้าง แต่ มาตรการพื้นฐานผมว่ายังควรต้องระวังนะ ไม่ใช่กรุงเทพติดวันละ 1200 แต่กลับทำชิวๆ เหมือนตัวเลขเป็น 0 คือ ถ้าจะมีคนที่มาแพร่เชื้อโควิด เขาคิดว่าจะต้องใช้คนกี่คนกันเชียว คำตอบคือ 1 คน ก็เป็น Super Spreader ได้แล้ว
ส่วนเรื่องใส่หน้ากาก อันนี้จะเห็นบ้างแล้วนะ พวกยืนกันเป็นกลุ่ม ไม่ใส่หน้ากาก หรือปิดคาง ( มันจะใส่ทำไม ) บางคนเดินเร่ขายของ ก็แบบนั้นละครับ ปิดคาง เดินตะโกนขายของ คือ สยองขวัญกับคนในหมู่บ้านกันพอควร ครั้นจะเรียก จนท ก็คงไม่ทันหรอกครับ เขายกหน้ากากแว้บเดียวก็จบแล้ว ส่วนเรื่องไปเตือน โห คนแบบนี้ใครจะไปเข้าใกล้ ความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมันต้องมีระดับส่วนตัวแต่ละคน
ผมเกรงว่านะ ต้นเดือน ธ ค หรือ มค ที่มีข่าวว่าจะกลับมาปกติน่ะ มันคงไม่ได้ละครับ เพราะที่ผมเห็น ที่ผมเจอ มันแค่เศษเสี้ยวของคน กทม นะ เพราะผมก็ไม่ไปไหนเพ่นพ่านเหมือนก่อนมีโควิดแล้ว
ทำใจกันหน่อยครับ เรื่องที่ว่า ปีหน้าพวกเราก็เจอ ล็อคดาวน์กันอีก แต่คงไม่ต้องตกใจเหมือนเก่าจนตุนปลากระป๋องมาม่าอะไร แบบตกใจรอบแรกแค่นั้นเอง
แอลกอฮฮล์ หน้ากาก ก็ตุนๆกันไว้ ผมว่ามีระบาดอีกละเพราะคนส่วนนึง ไม่ต้องส่วนใหญ่หรอก มีแค่ส่วนนึง มันก็แพร่เชื้อไม่จบไม่สิ้นกันแล้ว
โควิด 19 : การรักษาระยะห่าง กับ การใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน
สิ่งที่ผมเห็นในหลายวันมานี้คือ
1 การไม่รักษาระยะห่าง เรื่องนี้หนักสุด คนเดินมาในร้านอาหาร เข้ามาด้านหลังจนชนผมเลยนะ เฮ้ย ระยะห่างสำคัญสุดป่าว แล้วก็ไปกระซิบแม่ค้าแบบหน้าจะติดเขาอยู่แล้ว จนแม่ค้าบอกเข้าไปนั่งก่อนแล้วจะเข้าไปในร้านรับออเดอร์ คือ น่ากลัวครับ ต่อให้ฉีด 3 เข็มข่าวก็ยังมีว่าป่วย เข้า รพ ไปแล้ว แล้วนี่คิดว่า ฉีดวัคซีนกันเยอะ ตัวเลขลดลง ปลดล็อคต่างๆ คือ คิดว่าปลอดภัยกันเหรอครับนั่น
เขาปลดล็อค ก็เพื่อให้เศรษฐกิจมันเดินไหลๆบ้าง แต่ มาตรการพื้นฐานผมว่ายังควรต้องระวังนะ ไม่ใช่กรุงเทพติดวันละ 1200 แต่กลับทำชิวๆ เหมือนตัวเลขเป็น 0 คือ ถ้าจะมีคนที่มาแพร่เชื้อโควิด เขาคิดว่าจะต้องใช้คนกี่คนกันเชียว คำตอบคือ 1 คน ก็เป็น Super Spreader ได้แล้ว
ส่วนเรื่องใส่หน้ากาก อันนี้จะเห็นบ้างแล้วนะ พวกยืนกันเป็นกลุ่ม ไม่ใส่หน้ากาก หรือปิดคาง ( มันจะใส่ทำไม ) บางคนเดินเร่ขายของ ก็แบบนั้นละครับ ปิดคาง เดินตะโกนขายของ คือ สยองขวัญกับคนในหมู่บ้านกันพอควร ครั้นจะเรียก จนท ก็คงไม่ทันหรอกครับ เขายกหน้ากากแว้บเดียวก็จบแล้ว ส่วนเรื่องไปเตือน โห คนแบบนี้ใครจะไปเข้าใกล้ ความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมันต้องมีระดับส่วนตัวแต่ละคน
ผมเกรงว่านะ ต้นเดือน ธ ค หรือ มค ที่มีข่าวว่าจะกลับมาปกติน่ะ มันคงไม่ได้ละครับ เพราะที่ผมเห็น ที่ผมเจอ มันแค่เศษเสี้ยวของคน กทม นะ เพราะผมก็ไม่ไปไหนเพ่นพ่านเหมือนก่อนมีโควิดแล้ว
ทำใจกันหน่อยครับ เรื่องที่ว่า ปีหน้าพวกเราก็เจอ ล็อคดาวน์กันอีก แต่คงไม่ต้องตกใจเหมือนเก่าจนตุนปลากระป๋องมาม่าอะไร แบบตกใจรอบแรกแค่นั้นเอง
แอลกอฮฮล์ หน้ากาก ก็ตุนๆกันไว้ ผมว่ามีระบาดอีกละเพราะคนส่วนนึง ไม่ต้องส่วนใหญ่หรอก มีแค่ส่วนนึง มันก็แพร่เชื้อไม่จบไม่สิ้นกันแล้ว