ความรัก ความต้องการ การจากลา.

กระทู้คำถาม
อันนี้เป็นกระทู้แรกที่อยากลองเล่าเรื่องราวความรักของตัวผมเองในสมัยที่ยังเป็นเด็กมัธยม ต้องเกริ่นเรื่องก่อนว่า เรื่องที่ผมจะเล่าในที่นี้ผ่านมาหลายปีแล้ว

เข้าเรื่องเลยดีกว่า
สมัยที่ผมเรียนอยู่ในสถานศึกษาแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ช่วงสมัย มัธยมปลาย ตามประสาวัยรุ่นเด็กผู้ช้ายคนนึง เที่ยวเตร่ เสเพล ยิ่งเรื่องของผู้หญิงไม่ต้องพูดถึง มีเข้ามาในชีวิตตลอด ไม่เคยแคร์ว่าใครจะมองเราว่าเป็นคนยังไง ผมก็ยังคงใช้ชีวิตแบบนี้ไปเรื่อยๆ เปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อยๆจนพอมาถึงปีสุดท้ายของการใส่เครื่องแบบมัธยม วันนั้นเป็นวันเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียน เป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายแบบพวกผมจะตั้งน่าตั้งตา รอเด็กใหม่ ม 4 ที่เข้ามา เช้าวันแรกที่ผมถึงโรงเรียนผมมีร้านข้าวประจำอยู่ที่หลังโรงเรียนที่เปรียมเหมือนที่นั่งประจำของผมก่อนเข้าโรงเรียนในทุกๆเช้า ผมสะดุดไปเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กผมยาวผิวข้าวหน้าตาหมวยๆจิ้มลิ้มน่ารักมาก นั่งกินข้าวอยู่คนเดียวที่โต๊ะหลังสุดในร้าน ด้วยความที่เราเป็นคนกะล่อน คำถามแรกในหัวคือ เค้าชื่ออะไร กูเรียนห้องไหนอยากทำความรู้จักตามประสาผู้ชายแบบผม ทีแรกผมทำทีเป็นไม่มองเค้า แต่ใจลึกๆคือแอบมองตลอด พอเค้ากินอิ่มก็เรียกเจ้าของร้านคิดเงิน ด้วยความป๋าอะเนอะในตอนนั้น ผมตะโกนไปบอกน้าร้านข้าวว่าโต้ะนี้คิดรวมบิลของผมครับ น้องเค้าก็ทำน่างงๆบวกกับยิ้มกรุ่มกริ่มเขินๆ เราเห็นอาการน้องออกแบบนี้ไม่รอช้าเลย รีบเดินเข้าไปบอกน้องเข้าว่าเด็กใหม่หรอคะ เรียนอยู่ห้องไหน พร้อมกับถามชื่อของน้องไปและแนะนำตัวเราไป สรุปก่อนเข้าโรงเรียน เราก็เดินเข้าพร้อมน้องทั้งๆที่ข้าวในจานเราเองยังไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว เพราะความอยากได้แหละ มันทำได้ทุกอย่าง 5555
หลังจากนั้นผมก็ เดินเครื่องจีบน้องเค้าเต็มที่ ขับรถไปรับไปส่งที่บ้านทุกวัน ทำแบบนี้อยู่เป็นประจำทุกๆวันสม่ำเสมอจนน้องเค้าเชื่อใจตกลงคบหาดูใจเราเป็นแฟน ไม่นานหลังจากที่คบกัน ความเป็นผมตัวตนที่เป็นของผมจริงๆก็แสดงออกมา ก่อนวันเกิดเค้า 1 วัน วันนั้นเพื่อนของผมนัดไปไปดื่มที่ร้านตามประสาวัยรุ่น ด้วยความคึกคะนอง เพื่อนทุกคนรู้ว่าผมมีแฟนแต่เพื่อนบอกกับผมว่าคบกันได้ไม่นานหรอก เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตนได้นานเกิน 3 เดือน หลังจากเข้าร้านไปที่โต้ะนั่งดื่มกับไปสักพัก ก็มีผู้หญิงกลุ่มนึงเดินเข้ามาหาเด็กเสริฟหาโต้ะที่ว่างนั่งซึ่งวันนั้นทางร้านมีคอนเสริ์ต เค้ามากัน 4 คน ด้วยความทะเล้นของเพื่อนผมที่สนิทกับเจ้าของร้านเลยบอกเด็กเสริฟให้กลุ่มผู้หญิงกลุ่มนั้น นั่งที่โต้ะด้านข้างของผม ซึ่งปกติแล้วหากไม่จองจะไม่สามารถนั่งได้เพราะเป็นโต้ะ VIP ติดหน้าเวที  พอกลุ่มผู้หญิงนี้ได้โต้ะก็สั่งอาหารเครื่องดื่มเรียบร้อย หนึ่งในกลุ่มนั้นเค้าก็เดินมาขอชนแก้วเพื่อแสดงความขอบคุณกับกับเพื่อนของผม ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างเรียบง่ายและรวดเร็ว พอแอลกอฮอลเริ่มออกฤทธิ์ ผู้ชายและผู้หญิงก็เริ่มอยากรู้อยากเห็น อยากคุย เป็นของคู่กันตามปกติ เพื่อนของผมจึงเริ่มสานความสัมพันธ์ เริ่มพูดคุยกันผ่านโต้ะไปมา จนในที่สุดเราตกลงนั่งรวมโต้ะกันในที่สุด ไม่น่าการเดิมพันก็เริ่มขึ้น เพื่อนของผมวางเดิมพันกับผม ถ้าคืนนี้ผมพาผู้หญิงคนนึงในโต้ะนี้ไปเที่ยวต่อได้ คืนนั้นเพื่อนผมจะเลี้ยง ด้วยความที่เราเป็นวัยรุ่นเรื่องแบบนี้เราเสียไม่ได้ ด้วยความที่ไม่คิด ตบปากรับคำท้าของเพื่อน ผมเริ่มใช้คำหวานปนการเอาใจใส่คุยกับแก้ม ๅ ในผู้หญิงกลุ่มนี้ ไม่นานผมก็สามารถพาเธอไปเที่ยวต่อได้ขอใช้ชื่อเป็น แก้ม นะครับ. พอตกลงดิลกับแก้มเสร้จผมก็จะพาแก้มไปเที่ยวต่อจึงล่ำลากับเพื่อนๆที่โต้ะ ด้วยความเมาเราไม่ได้มีเจตนาไปเที่ยวกันต่อ เราขึ้นรถและไปจบกันที่คอนโดของพี่สาวแก้ม หลังจากตื่นมาผมต้องตกใจกับ miss call ที่แฟนผมโทรมาตามถึง 10 สาย และแก้มที่นอนอยู่ข้างเรา ในตอนนั้นคำถามมากมายในหัวเกิดขึ้นเต็มไปหมด ด้วยความที่เราเป็นคนไม่โกหก เราจึงบอกกับแฟนเราว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ใจลึกๆเราอยู่อยู่เต็มอกว่าเค้าจะบอกเลิกกับเราแน่ๆ แต่ผิดจากที่ผมคิดเอาไว้ เสียงปลายสายจากแฟนของผม พูดมาเพียงคำสั้นๆด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอ เธอพูดกับผมว่า ไปเคลียกับคนๆนั้นของเธอให้เรียบร้อยแล้วค่อยมาคุยเรื่องของเรา พอได้ยินคำพูด+เสียงสั่นคลอของแฟน ทุกอย่างกลายเป็นความสับสนมึนงงไปหมด เพราะผมไม่เคยได้โอกาสที่ 2 จากใครเลยในชีวิตที่ผ่านมา ไม่นานเสียงในหัวของผมมันสั่งให้ผมต้องหยุด หยุดทำร้ายเค้าแล้วเริ่มจริงจังกับผู้หญิงคนนี้ หลังจากเหตุการ์ณในครั้งนั้น ความเชื่อใจของแฟนที่มีให้ผมก็ลดลง ผมก็เข้าใจเพราะที่ผ่านมาเราก็ทำผิดจริงๆ เพราะทีแรกเราไม่ได้จริงจังที่จะคบเค้าตั้งแต่แรก ผมจึงต้องเปลี่ยนตัวเอง พูดได้เต็มปากว่าเปลี่ยนทุกอย่าง พอถึงช่วงเวลาที่ผมต้องไปศึกษาที่ต่อระดับปริญญา แล้วขณะนั้นผมติด 0 อยู่หลายตัวทำให้ผมไม่สามารถขอใบจบกับทางโรงเรียนได้จึงต้องซ้ำชั้นอีก 1 ปี ถามว่าดีมั้ยผมว่าทุกอย่างโอเคสำหรับผมเพราะในเรื่องแย่ก็มีเธอคนนี้เป็นกำลังใจให้กับผมตลอดช่วยเรื่องการบ้าน  ไม่บั่นทอนผมเลยแม้แต่น้อย เราคบกันเข้าสู่ปีที่ 3 ตอนนั้นเธอขึ้น ม 6 ส่วนผมต้องไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่ปีนั้นผมไม่ส่งใบสมัครสอบไม่ส่งคะแนนยื่นแอดเลยแม้แต่ที่เดียว เพราะในใจเราอยากไปเรียนที่เดียวกับเค้า ผมจึงดรอปไว้ 1 ปีเพื่อรอเรียนพร้อมกับเค้า ในช่วงเวลาที่ดรอปเรียนทางที่บ้านของผมประสบปัญหาเรื่องการเงิน ผมจึงต้องหาอาชีพเสริมทำ ด้วยความที่บ้านเราแตก เราอยู่กับแม่ แต่ในหัวตอนนั้นเราคิดว่า เราตัวคนเดียวนะครอบครัวไม่มีแล้วพังหมดแล้ว ผมจึงเริ่มเดินทางเข้าสู่วงการสีเทา เริ่มรู้จักผู้ใหญ่ในพื้นที่ วงการนี้เปิดโลกใหม่สำหรับผมมาก เราเห็นหมดว่าการพนันส่วนใหญ่หรือวงการสีเทา ผู้อยู่จุดสูงสุดหรือเจ้าของกิจการคือพวกที่มีสี พอเราหาช่องทาง เข้าหาผู้ใหญ่ได้ เราเริ่มมีเงินใช้ไม่ขาดมือด้วยความหลงผิด หาเงินง่าย เราสนุกไปกับแสงสีเสียงและอำนาจ เราเริ่มเปลี่ยนไป เริ่มไม่สนใจแฟนเริ่มกลับมาเที่ยวเตร่เหมือนเมื่อก่อน แต่มันแตกต่างจากเมื่อก่อนที่ตอนนั้นเราไม่มีอำนาจหรือคนหนุนหลังแต่ตอนนี้เรามีทุกอย่าง สุดท้ายแล้วก็เข้าลูปเดิมวนซ้ำๆ เที่ยวทุกวัน พอเริ่มมีเงินก็มีผู้หญิงเข้ามาหา เราลืมความดีที่แฟนเราทำมาทั้งหมดมัวแต่หลงผู้หญิงคนใหม่ ทั้งลึกๆในใจเราก็รู้ว่าเค้าต้องการแค่เงินของเรา ผ่านไปสักพักเราเริ่มเห็นสัจจะธรรมของชีวิต พอเราไม่มีผลประโยชน์เราก็ไม่มีความหมายสำหรับวงการนี้  กิจการที่เราทำเริ่มหาเงินลำบากขึ้น เพราะการกวาดล้างของรัฐบาล ผู้ใหญ่ที่หนุนหลังก็ลอยแพผม ปล่อยให้ตัวของผมมีคดีความต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำข้อหาฟอกเงิน ผมต้องถูกฝากขังในเรือนจำเพื่อรอการประกันตัว ผมนอนอยู่ที่เรือนจำ 1 สัปดาห์เต็มๆ ถึงได้ประกันตัว ข้างในไม่ได้สุขสบายแบบที่เราคิด ต่อให้เรามีคนรู้จัก แต่ถ้าเราไม่มีเงินหรืออำนาจทุกอย่างก็จบ สิ่งแรกตอนที่ผู้คุมเดินพาผมมาส่งหน้าประตู สิ่งแรกที่ผมเห็นคือผู้หญิงสองคนมารอรับผม คือแฟนกับแม่ ผมก้มลงกราบเธอทั้งสองแบบไม่อายใครเลย มันตื้นตันแบบบอกไม่ถูก เพราะวันนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่าผมโชคดีแค่ไหนที่มีคนรักผมจริงๆ ตั้งแต่วันนั้นผมก็ติดต่อไปหาญาติที่เป็นทนายทำเรื่องสู้คดีจนชนะ  ด้วความช่วยเหลือจากครอบครัวของทางฝั่งแม่ เราพ้นผิดออกมา แฟนผมจึงขอให้ผมหางานที่สุจริตทำ ผมเริ่มปรึกษาแม่ ท่านก็แนะนำให้ไปเริ่มงานที่บริษัทป้า ผมพูดกับแม่เสมอว่าผมอยากมีอนาคต ผมไม่อยากใช้ชีวิตแบบเก่าอีกแล้ว แม่ตบคำรับปากเดี๋ยวฝากงานให้ หลังจากนั้นผมก็ใช้ชีวิตรักปกติมาตลอด ไปรับส่งแฟนที่มหาลัยทุกวัน แล้วไม่นานผมก็ได้เริ่มงานในบริษัทของป้าด้วยเส้นสายที่เรามี วันแรกที่เริ่มงานผมถูกเพื่อนร่วมงานมองผมเป็นเด้กเส้นไม่มีใครคุยกับผมเลยแม้แต่คนเดียว ผมต้องใช้ชีวิตต่อสู้กับคนพวกนี้เพื่อดึงศักยภาพที่เรามีมาให้เค้าเห็น จนเราโฟกัสแต่เรื่องงาน ละเลยความรู้สึกของแฟนผมเหมือนเคย ไม่นานแฟนผมก็เริ่มเปลี่ยนไป ถึงแม้จะย้ายมาอยู่กับผมที่บ้าน แต่คนที่คบกันมานานเกือบ 5 ปีจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเราทั้งคู่กำลังเปลี่ยนไป เค้าเริ่มแอบคุยกับคนอื่น ซึ่งผมทราบมาโดยตลอด แต่ไม่อยากมาทะเลาะหรือใส่ใจเพราะเราเหนื่อยงานทุกวัน ไม่นานเค้าก็ขอเรากลับไปอยู่บ้านของเค้า เราก็มีปากมีเสียงกันแล้วทะเลาะกัน ผมเลยพูดไปว่าเราลองห่างกันดูมั้ย ซึ่งผมไม่คิดเลยว่าวันนั้นจะเป็นวันสุดท้ายที่เราได้เจอกัน พอเธอกลับไปอยู่บ้านเราก็คุยกันน้อยลง มีคุยกันบ้างแต่มันน้อยลงไปหมด ใจลึกๆเราเริ่มรู้สึกว่าขาดเค้าไม่ได้เราอยู่ไม่ได้ ผมจึงไปง้อเธอกะแบบเซอไพร์ซ เอาช่อดอกไม้ไปง้อ พอจอดรถเดินถึงบ้านเค้า เราก็เข้าไปที่บ้านแฟนตามปกติเค้าเห็นเราเค้าก็ทำหน้า งงๆ สีหน้าไม่ได้มีความสุขเลยแม้แต่น้อย เราก็เริ่มเอะใจแล้วว่าทำไมถึงไม่ดีใจ พอแฟนของผมรับช่อดอกไม้จากผมเธอพูดขอบคุณพร้อมบอกกับผมว่าเราเลิกกันแล้วนิ่ แล้วเดินเอาช่อดอกไม้ไปเก็บที่หลังครัว ผมเห็นมือถือเค้าวางไว้ที่โต้ะกินข้าวผมจึงหยิบมาดูสิ่งที่ผมช้ำใจที่สุดคือแชทแรกที่เค้าคุย เค้ามีคนใหม่ไปแล้ว ผมได้แต่วางมือถือแล้วเดินออกมาด้วยความโมโห ขับรถออกจากบ้านของเค้าไม่มีแม้แต่คำลาหรือกอดสุดท้ายเลย ผมได้แต่โทษกับตัวเองเสมอว่าทำไมที่ผ่านมาเราไม่ทำทุกวันให้ดี เราไม่ดูแลใส่ใจเค้า ผมได้แต่เสียใจในจุดๆนี้เท่านั้น แต่สิ่งที่ดีคืออย่างน้อยครั้งนึงผมได้เจอคนที่เค้ารักผมจริงๆ คนที่เค้าเข้ามาฉุดเราออกจากวงโคจรห่วยๆชีวิตห่วยๆ คนที่ทำให้เราอยากมีอนาคต คนรักที่ไม่หวังอะไรจากผมเลยเว้นแต่ความใส่ใจเล็กๆน้อยๆและความซื่อสัตย์จากผมเท่านั้นเอง ทุกวันนี้ผมกับเธอเลิกกันมาได้ 3 ปีแล้วซึ่งผมยังไม่สามารถเริ่มใหม่กับใครเลย เพราะเธอทำให้มุมมองเรื่องความรักของผมเปลี่ยนไปต่างจากเธอที่ตอนนี้มีแฟนคนที่ 2 แล้วแต่ผมก็มีแอบเข้าไปดูในเฟสหรือไอจีของเค้าเสมอ เรายินดีกับเค้านะที่เค้าเจอคนที่สามารถดูแลเค้าได้ดีกว่าผมใส่ใจเค้าได้มากกว่าผม สุดท้ายแล้วผมถึงเข้าใจว่า การมีอยู่ไม่ได้สอนให้เราเข้าใจในเรื่องของความรัก การจากลาตังหากที่สอนให้เรารู้จักรักษาความสัมพันธ์ ถึงแม้มันจะสายไปแล้วก็ตาม.

เรื่องของผมก็มีประมาณนี้ครับ นี่เป็นกระทู้แรกของผม ผิดพลาดตรงไหนขออภัยด้วยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่