เรื่องสั้นเรื่องนี้ ยินดีให้ทุกท่าน ติ แก้ ปรับ แนะ ได้แบบเต็มที่ ถ้าเห็นอะไรผิดพลาดขัดใจ
มิต้องเกรงใจ เนื่องจากผู้เขียนเป็นคนไร้มาด ไม่ติดอีโก้ใด ๆ ไม่ถือตัว ดี๊ดี...คนอะไรก็ไม่รู้ ^^
บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/41014604
“เจี๊ยบไม่รู้หรอกค่ะ มีคนฝากมาอีกทีหนึ่ง ดูเหมือนรถคุณธาจะไปเฉี่ยวชนกับรถใครไม่รู้นะคะ”
“เฮ้ย...ผมไม่เคย...” เขาปฏิเสธเสียงดังอย่างมึนงง
แน่ใจว่าวันนี้ไม่ได้ขับเฉี่ยวชนใครอย่างแน่นอน แต่พอมีข้อความมาแบบนี้ก็ต้องลงไปดูให้แน่ใจ อยากจะคิดว่าเขาเป็นฝ่ายถูกเฉี่ยวชนเสียมากกว่า
ชายหนุ่มเดินลงไปบริเวณลานจอดรถอย่างหงุดหงิด
.................
ที่ลานจอดรถนั่นเอง ธาราเห็นชายคนหนึ่งกำลังยืนก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ด้านหลังของคันงามของเขา เหมือนกำลังจะหาร่องรอยบางอย่าง ธาราเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัย ก็ได้ความว่าชายคนนั้นคิดว่าเขาเป็นคู่กรณีในการเฉี่ยวชน
แน่นอนว่าธาราต้องเถียงคอเป็นเอ็น เพราะแน่ใจว่าไม่เคยขับรถเฉี่ยวชนใครอย่างแน่นอน แต่ชายคนดังกล่าวก็ยืนยันเสียงแข็งจนสุดท้ายธาราท้าให้ไปแจ้งความ เพราะรถมีกล้องติดรถยนต์อยู่ด้วย ย่อมยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองได้
ชายคนนั้นทำท่าคิดครู่หนึ่งจึงส่ายหน้าบอกว่าเสียเวลา แล้วเดินหนีไป บทจะไปก็ไปง่ายๆ เสียเวลาพอสมควรกับเรื่องไร้สาระ ชายหนุ่มเดินกลับขึ้นไปบนสโมสรอย่างเสียอารมณ์
พอนั่งลงมองผ่านกระจกเข้าไปก็ต้องใจหาย นิจพรและหนุ่มหน้าอ่อนไม่อยู่เสียแล้ว จะว่าเข้าห้องน้ำก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะจะเข้าห้องน้ำพร้อมกันสองคนมันก็ผิดวิสัยกระไรอยู่ เพราะตามหลักสากล เวลาจะเข้าห้องน้ำจะต้องเหลือคนนั่งโต๊ะไว้เสมอ เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีการชักดาบ
และเมื่อถามสาวเจี๊ยบ คำตอบก็เป็นอย่างที่คาดการณ์ โต๊ะนั่นจ่ายค่าอาหารไปเรียบร้อยแล้ว
นี่กลายเป็นว่าเขานั่งร้อนเป็นคนบ้าอยู่ข้างนอกห้องแอร์ตั้งนานสองนาน ท่าทางเสียรู้ภรรยาตัวแสบเข้าให้แล้ว เริ่มคิดได้ว่าการมาของนิจพรไม่ใช่มากินข้าวเฉย ๆ ภรรยาของเขามาแบบสงครามจิตวิทยา ต้องการให้เขาอารมณ์เสีย ขาดความมั่นคงทางจิตใจ เหมือนที่เขาเอารูปหวานแหววของตัวเองกับน้องเจี๊ยบไปขึ้นเฟซบุ๊กนั่นเอง!
จะมีใครรู้การเคลื่อนไหวของเขาได้ขนาดนี้ นิจพรก็รู้ว่าเขามาทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งนี้ประจำ หล่อนมาเพื่อฝากข้อมูลรบกวนจิตใจ กองกำลังลับฝ่ายเธอจะต้องเฝ้าติดตามสังเกตอยู่รอบด้าน ทุกอย่างทำไมลงตัวเหมาะเจาะไม่น่าเชื่อ สถานการณ์เริ่มไม่ปลอดภัย สงครามเย็นเกิดขึ้นแล้ว
ส่วนเจ้าคนที่อ้างว่าถูกรถเฉี่ยวชน ก็น่าจะเป็นคนของกองกำลังพิเศษระหว่างชายแดน
นี่มันเป็นส่วนหนึ่งในการหลอกล่อให้เขาออกจากฐานปฏิบัติการ เป็นแผนล่อเสือออกจากสโมสรชัด ๆ!
พอคิดได้ธาราก็รีบเคลียร์เรื่องค่าอาหารทันที เพราะไม่มีประโยชน์อันใดจะเป็น มนุษย์โง่ มานั่งรับลมร้อนทรมานสังขารให้คนฝ่านไปมามองด้วยสายตาประหลาดโดยเปล่าประโยชน์ ป่านนี้พวกของนิจพรคงเผ่นไปไกลแล้ว แต่ก็ไม่แน่ ถ้าเธอดักรอตรงหัวมุมล่ะ!
ธาราอยู่ในอาการผวา เดินลงจากร้านอาหารด้วยความระมัดระวัง ราวกับทหารที่กลัวการซุ่มยิงของสไนเปอร์ หวาดระแวงไปหมด เห็นเงาอะไรวูบวาบก็ขวัญผวา เพราะไม่แน่ใจว่านิจพรยังคงอยู่แถวนั้นหรือเปล่า ระยะสิบเมตรเป็นระยะอันตรายตามข้อตกลง จะเดินเลี้ยวมุมแต่ละครั้งก็ต้องค่อยๆ โผล่หน้าออกไปดูลาดเลาด้วยหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เกรงว่าภรรยาจะยืนล่อเป้าอยู่อีกด้าน ขืนโผล่ออกไป ถ้าเธอยืนรออยู่จริงก็เข้าทางปืนทันที
มีบางครั้งเขาต้องก้มหัวต่ำอ้อมหลบไปตามที่กำบังราวกับทหารลาดตระเวนอยู่ในสมรภูมิการะดมยิงไม่มีผิด กว่าจะมาถึงรถได้ก็เหงื่อชุ่มด้วยความตื่นเต้น เข้ามาในรถแล้วก็ปลอดภัยเพราะมีกระจกกางกั้นจากโลกภายนอก ต่อให้นิจพรโผล่หน้าข้างรถเขาก็ไม่กลัว ระยะสิบเมตรใช้ไม่ได้
“ปลอดภัยแล้วโว้ย...!” ชายหนุ่มร้องลั่นรถอย่างตื่นเต้นดีใจราวกับตายแล้วเกิดใหม่ หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อ พูดเสียงดังไปตามดินฟ้าอากาศ
“ยัยนิดเอ๋ย..ไม่ได้กินผมหรอก ฝีมือมันคนละชั้นกัน คอยดูเถอะ ผมจะเอาคืนให้สาสม แหม...ทำให้เรานั่งร้อนนอกห้องอาหารเป็นคนบ้าตั้งนาน คอยดูก็แล้วกัน”
ท่าทางเธอจะอายุยืน นิจพรโผล่มาตามความคิดถึงจริงๆ
เธอควงแขนมากับหนุ่มหน้าอ่อนคนนั้น เดินเฉียดรถของเขาไปอย่างแช่มช้าราวนางพญา เพื่อให้สามารถมองเห็นภาพบาดตาได้อย่างชัดเจน แถมเดินผ่านไปผ่านมาหลายรอบประหนึ่งจะเย้ย เป็นจริงอย่างลางสังหรณ์ เธอต้องรู้ความเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าว ถึงทำได้ขนาดนี้ จะโผล่ออกไปก็ไม่ได้ เพราะจะตกเป็นเป้านิ่งทันที เนื่องจากไม่มีกระจกรถกั้นตามกฎของสัญญาอีกนั่นละ
ไม่แน่ว่าอาจจะมีสายลับสักคนกำลังรอโอกาสอยู่ พอเปิดประตูรถออกไปก็ถ่ายคลิปเป็นหลักฐานทันที นำไปสู่การฟ้องศาลบ้าน ซึ่งการพิพากษาลงโทษก็จะหนักขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้นธาราจึงได้แต่นั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทุรนทุรายอยู่ในรถอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ผิดกับการถูกโอบล้อมจากปรปักษ์รอบด้าน
ไม่มีแม้แต่กองกำลังช่วยเหลือ จะโทรไปบอกเพื่อนให้มาช่วย เพื่อนคงได้หัวเราะเยาะเป็นบ้าเป็นหลัง กลายเป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใดเพื่อนเอยอีกนาน
เมื่อข่มขวัญเป็นที่พอใจ ฝ่ายนิจพรจึงผละออกไป ไม่นานก็เห็นรถของเธอวิ่งออกจากลานจอดรถ และเขายังสังเกตเห็นรถยนต์อีกคันวิ่งตามไป คนขับเปิดกระจกออกมาส่งยิ้ม
เจ้าคนที่อ้างว่าถูกรถเฉี่ยวชนนั่นเอง
นึกแล้วไม่มีผิด พวกนี้ทำงานกันเป็นทีม ข้างฝ่ายของนิจพรเธอมีกองหนุนที่กว้างขวาง นักมวยในค่าย อิเกิ้ง ก็ล้วนแต่อยู่ฝั่งของเธอ ไหนจะคนของพ่อตาแม่ยายอีกที่ทรงอิทธิพลอยู่พอสมควร ไม่ยากที่จะจ้างคนสะกดรอยติดตามเขาทุกก้าว
ส่วนในฝั่งของเขา ถึงแม้ว่าจะจัดอยู่ในระดับผู้มีอันจะกิน แต่ก็ไม่ได้มีเส้นมีสายอย่างฝั่งโน้น จัดว่าเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง
แต่คนอย่างธารา ไม่เคยหวั่น แรงมาก็แรงไป เขาโทรศัพท์เข้าเบอร์ของน้องเจี๊ยบเพื่อเริ่มการโต้ตอบเช่นกัน
นิจพรขับรถไปส่งหนุ่มหน้าอ่อน ผู้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการสงครามประสาทวันนี้ การที่เธอไปร้านอาหารในสโมสรความจริงก็ไม่ได้กะว่าจะเจอกับสามีของตนเอง เพียงแต่จะเข้าไปสร้างฉากถ่ายคลิปเอาไว้กวนประสาทธาราเท่านั้น ไม่นึกว่าธาราจะโผล่มาพอดี แต่นั่นก็ทำให้แผนการสมบูรณ์แบบมากขึ้นไปอีก เธอโทรศัพท์บอกเจนริราเพื่อนรัก ให้ส่งเพื่อนชายคนหนึ่งของสองสาวที่อยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารมาร่วมมือโดยแกล้งทำเป็นมีอุบัติเหตุเฉี่ยวชน ล่อให้ธาราออกจากร้านอาหาร เปิดทางให้นิจพรออกมาได้
นิจพรพอเห็นสามีไปดักรออยู่หน้าร้าน ทางเข้าออกร้านอาหารแม้จะมีสองประตู แต่ก็ไม่มีความหมาย เพราะจะออกจากร้านก็ต้องอ้อมมาออกทางประตูหน้าร้านที่ธารานั่งกันท่าอยู่ดี เรียกว่าถ้าเปิดประตูบานไหนออกไปก็ไม่รอด ดังนั้นแผนการ ล่อเสือออกจากสโมสร จึงจัดขึ้นทันที ธาราเสียรู้ให้กับคนของนิจพรที่แสร้งสร้างทำเรื่องรถเฉี่ยวชน ทำให้ต้องผละออกจากฐานที่มั่น นิจพรฉวยโอกาสนั้นออกจากร้านอาหารได้อย่างสบาย ประทับร่องรอยแห่งความแค้นให้แก่ผู้เป็นสามีอย่างสวยงาม หลังจากนั้นเธอกลับมาที่ค่ายมวยอีเก้งฝึกซ้อมต่อไป
ธาราขับรถมาจอดหน้าค่ายมวย อิเกิ้ง พร้อมพาสาวสายคนหนึ่งมาด้วย
ทั้งสองลงจากรถอย่างใจเย็นและควงแขนกันเข้ามาในค่าย ผ่านโรงฝึกด้านหน้าที่มีแต่พวกนักมวยผู้ชาย ที่พากันฝึกซ้อมกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายด้วยวิธีต่างกัน เตะกระสอบ ยกน้ำหนัก ล่อเป้าบนเวทีหรืออะไรก็ตาม ธาราไม่สนใจควงแขนกันเดินผ่านบริเวณนี้ไปทางด้านหลัง ซึ่งมีโรงฝึกพิเศษอยู่ตรงนั้น
สมัยก่อนเขาเคยมาที่นี่บ่อย ๆ ย่อมรู้รายละเอียดของค่ายมวยดี มั่นใจว่านิจพรต้องอยู่ห้องด้านใน
ความคาดการณ์ของเขาไม่พลาด มองผ่านกระจกเข้าไป เห็นนิจพรในชุดพละดูทะมัดทะแมง กำลังฝึกการออกหมัดและเตะตัดตอนอยู่กับลุงกำจรอย่างตั้งใจ ระยะห่างไม่กี่เมตร แต่ธารารู้มาก่อนแล้วว่าห้องนี้มีกระจกกั้น จึงไม่ต้องกลัวระยะสิบเมตรอันตราย มองเห็นมีคนนั่งให้กำลังใจอยู่หลายคน
“คุณนิดเก่งขนาดนี้เลยหรือคะคุณธา” สาวสวยที่ควงกันมาหันมาถาม สายตาของเธอมีแววชื่นชมอย่างปกปิดไม่มิด
“ก็...ท่าดีทีเหลวละน่า” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเชิงไม่ได้ให้ความสำคัญ พลางดึงแขนสาวข้างกายมากอด “ว่าแต่เจี๊ยบเล่นให้เนียนหน่อยสิครับ อย่าลืมสิว่าผมจ้างคุณมาแสดง”
เขาลงทุนจ้างน้องเจี๊ยบมารับบทคนรักคนใหม่ ในราคาสองพันบาท ซึ่งเป็นราคาที่ทำให้เจี๊ยบตอบตกลงทันที เพราะรายได้ดีมากกว่ารายได้ที่รับจากร้านอาหารหลายวันเสียอีก และเพียงควงธารามาค่ายมวยเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเสียหาย
แม้ว่ามีกระจกจะกั้น ทำให้ไม่ค่อยได้ยินเสียงพลังหมัดเท้าที่กระทบเป้า แต่ท่าทางของนิจพรดูปราดเปรียวว่องไว น่าดูชม ราวกับเป็นนักมวยมืออาชีพคนหนึ่ง
ผู้เป็นสามีมองอย่างเหลือเชื่อ แต่ไม่ได้เกิดความหวาดกลัวอะไร เพราะยังเชื่อมั่นในร่างกายที่เหนือกว่า ตามแบบฉบับของผู้ชาย ส่วนนิจพรยังไงก็เป็นผู้หญิง เป่าทีเดียวก็ลอยหายไปตามสายลม ไม่มีอะไรจะต้องวิตกกังวล ผู้ชายเสียอย่าง สบายไปสองแสนอย่าง
ใครบางคนมองออกมาเห็น เดินไปสะกิดลุงกำจร หลังจากนั้นไม่นานลุงกำจรก็เปิดประตูเดินตรงมา
“คุณมาทำอะไรที่นี่ ไม่กลัวผิดสัญญาเหรอคุณธารา” เอ่ยถามพลางมองทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็พร้อมจะปกป้องหลานสาวทุกสถานการณ์
“ผมเข้ามาเดินเล่นคงไม่ผิด กฏ กติกา และมารยาทใช่ไหมครับ มีกระจกกั้นด้วย ไม่ผิดสัญญานะครับ พอดีเอ้อ คุณผู้หญิงคนนี้เขาอยากมาศึกษาค่ายมวยนะครับ เนอะที่รัก”
พูดพลางเอามือโอบกอดเอวของสาวเจี๊ยบ ราวคนสนิทสนมกันเหลือเกิน เพราะแน่ใจว่านิจพรกำลังจ้องมองอยู่เช่นกัน
“ลุงจรคงไม่ว่านะครับ เพราะนโนยายของค่ายมวยอิเกิ้ง คือการเปิดกว้างให้คนนอกได้เข้ามาเห็นความสำคัญของมวยไทยอยู่แล้วนี่ครับ”
อ้างนโยบายของค่ายอย่างคนรู้จริง ก็ทำไมจะไม่รู้ล่ะ สมัยก่อนเขาเองยังคุ้นเคยมาออกกำลังกายที่นี่บ่อย ๆ ส่วนสาวเจี๊ยบมองดูนิจพร ผู้ยืนเอามือท้าวเอว จ้องมองมาจากด้านในด้วยสีหน้าท่าทางนิ่งเฉยอยู่
.
สังเวียนรัก สังเวียนร้าง...5 (สงครามก่อกวน)
มิต้องเกรงใจ เนื่องจากผู้เขียนเป็นคนไร้มาด ไม่ติดอีโก้ใด ๆ ไม่ถือตัว ดี๊ดี...คนอะไรก็ไม่รู้ ^^
บทที่ 4
https://ppantip.com/topic/41014604
“เจี๊ยบไม่รู้หรอกค่ะ มีคนฝากมาอีกทีหนึ่ง ดูเหมือนรถคุณธาจะไปเฉี่ยวชนกับรถใครไม่รู้นะคะ”
“เฮ้ย...ผมไม่เคย...” เขาปฏิเสธเสียงดังอย่างมึนงง
แน่ใจว่าวันนี้ไม่ได้ขับเฉี่ยวชนใครอย่างแน่นอน แต่พอมีข้อความมาแบบนี้ก็ต้องลงไปดูให้แน่ใจ อยากจะคิดว่าเขาเป็นฝ่ายถูกเฉี่ยวชนเสียมากกว่า
ชายหนุ่มเดินลงไปบริเวณลานจอดรถอย่างหงุดหงิด
.................
ที่ลานจอดรถนั่นเอง ธาราเห็นชายคนหนึ่งกำลังยืนก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ด้านหลังของคันงามของเขา เหมือนกำลังจะหาร่องรอยบางอย่าง ธาราเดินเข้าไปถามด้วยความสงสัย ก็ได้ความว่าชายคนนั้นคิดว่าเขาเป็นคู่กรณีในการเฉี่ยวชน
แน่นอนว่าธาราต้องเถียงคอเป็นเอ็น เพราะแน่ใจว่าไม่เคยขับรถเฉี่ยวชนใครอย่างแน่นอน แต่ชายคนดังกล่าวก็ยืนยันเสียงแข็งจนสุดท้ายธาราท้าให้ไปแจ้งความ เพราะรถมีกล้องติดรถยนต์อยู่ด้วย ย่อมยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองได้
ชายคนนั้นทำท่าคิดครู่หนึ่งจึงส่ายหน้าบอกว่าเสียเวลา แล้วเดินหนีไป บทจะไปก็ไปง่ายๆ เสียเวลาพอสมควรกับเรื่องไร้สาระ ชายหนุ่มเดินกลับขึ้นไปบนสโมสรอย่างเสียอารมณ์
พอนั่งลงมองผ่านกระจกเข้าไปก็ต้องใจหาย นิจพรและหนุ่มหน้าอ่อนไม่อยู่เสียแล้ว จะว่าเข้าห้องน้ำก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะจะเข้าห้องน้ำพร้อมกันสองคนมันก็ผิดวิสัยกระไรอยู่ เพราะตามหลักสากล เวลาจะเข้าห้องน้ำจะต้องเหลือคนนั่งโต๊ะไว้เสมอ เพื่อเป็นหลักประกันว่าจะไม่มีการชักดาบ
และเมื่อถามสาวเจี๊ยบ คำตอบก็เป็นอย่างที่คาดการณ์ โต๊ะนั่นจ่ายค่าอาหารไปเรียบร้อยแล้ว
นี่กลายเป็นว่าเขานั่งร้อนเป็นคนบ้าอยู่ข้างนอกห้องแอร์ตั้งนานสองนาน ท่าทางเสียรู้ภรรยาตัวแสบเข้าให้แล้ว เริ่มคิดได้ว่าการมาของนิจพรไม่ใช่มากินข้าวเฉย ๆ ภรรยาของเขามาแบบสงครามจิตวิทยา ต้องการให้เขาอารมณ์เสีย ขาดความมั่นคงทางจิตใจ เหมือนที่เขาเอารูปหวานแหววของตัวเองกับน้องเจี๊ยบไปขึ้นเฟซบุ๊กนั่นเอง!
จะมีใครรู้การเคลื่อนไหวของเขาได้ขนาดนี้ นิจพรก็รู้ว่าเขามาทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งนี้ประจำ หล่อนมาเพื่อฝากข้อมูลรบกวนจิตใจ กองกำลังลับฝ่ายเธอจะต้องเฝ้าติดตามสังเกตอยู่รอบด้าน ทุกอย่างทำไมลงตัวเหมาะเจาะไม่น่าเชื่อ สถานการณ์เริ่มไม่ปลอดภัย สงครามเย็นเกิดขึ้นแล้ว
ส่วนเจ้าคนที่อ้างว่าถูกรถเฉี่ยวชน ก็น่าจะเป็นคนของกองกำลังพิเศษระหว่างชายแดน
นี่มันเป็นส่วนหนึ่งในการหลอกล่อให้เขาออกจากฐานปฏิบัติการ เป็นแผนล่อเสือออกจากสโมสรชัด ๆ!
พอคิดได้ธาราก็รีบเคลียร์เรื่องค่าอาหารทันที เพราะไม่มีประโยชน์อันใดจะเป็น มนุษย์โง่ มานั่งรับลมร้อนทรมานสังขารให้คนฝ่านไปมามองด้วยสายตาประหลาดโดยเปล่าประโยชน์ ป่านนี้พวกของนิจพรคงเผ่นไปไกลแล้ว แต่ก็ไม่แน่ ถ้าเธอดักรอตรงหัวมุมล่ะ!
ธาราอยู่ในอาการผวา เดินลงจากร้านอาหารด้วยความระมัดระวัง ราวกับทหารที่กลัวการซุ่มยิงของสไนเปอร์ หวาดระแวงไปหมด เห็นเงาอะไรวูบวาบก็ขวัญผวา เพราะไม่แน่ใจว่านิจพรยังคงอยู่แถวนั้นหรือเปล่า ระยะสิบเมตรเป็นระยะอันตรายตามข้อตกลง จะเดินเลี้ยวมุมแต่ละครั้งก็ต้องค่อยๆ โผล่หน้าออกไปดูลาดเลาด้วยหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ เกรงว่าภรรยาจะยืนล่อเป้าอยู่อีกด้าน ขืนโผล่ออกไป ถ้าเธอยืนรออยู่จริงก็เข้าทางปืนทันที
มีบางครั้งเขาต้องก้มหัวต่ำอ้อมหลบไปตามที่กำบังราวกับทหารลาดตระเวนอยู่ในสมรภูมิการะดมยิงไม่มีผิด กว่าจะมาถึงรถได้ก็เหงื่อชุ่มด้วยความตื่นเต้น เข้ามาในรถแล้วก็ปลอดภัยเพราะมีกระจกกางกั้นจากโลกภายนอก ต่อให้นิจพรโผล่หน้าข้างรถเขาก็ไม่กลัว ระยะสิบเมตรใช้ไม่ได้
“ปลอดภัยแล้วโว้ย...!” ชายหนุ่มร้องลั่นรถอย่างตื่นเต้นดีใจราวกับตายแล้วเกิดใหม่ หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อ พูดเสียงดังไปตามดินฟ้าอากาศ
“ยัยนิดเอ๋ย..ไม่ได้กินผมหรอก ฝีมือมันคนละชั้นกัน คอยดูเถอะ ผมจะเอาคืนให้สาสม แหม...ทำให้เรานั่งร้อนนอกห้องอาหารเป็นคนบ้าตั้งนาน คอยดูก็แล้วกัน”
ท่าทางเธอจะอายุยืน นิจพรโผล่มาตามความคิดถึงจริงๆ
เธอควงแขนมากับหนุ่มหน้าอ่อนคนนั้น เดินเฉียดรถของเขาไปอย่างแช่มช้าราวนางพญา เพื่อให้สามารถมองเห็นภาพบาดตาได้อย่างชัดเจน แถมเดินผ่านไปผ่านมาหลายรอบประหนึ่งจะเย้ย เป็นจริงอย่างลางสังหรณ์ เธอต้องรู้ความเคลื่อนไหวของเขาทุกฝีก้าว ถึงทำได้ขนาดนี้ จะโผล่ออกไปก็ไม่ได้ เพราะจะตกเป็นเป้านิ่งทันที เนื่องจากไม่มีกระจกรถกั้นตามกฎของสัญญาอีกนั่นละ
ไม่แน่ว่าอาจจะมีสายลับสักคนกำลังรอโอกาสอยู่ พอเปิดประตูรถออกไปก็ถ่ายคลิปเป็นหลักฐานทันที นำไปสู่การฟ้องศาลบ้าน ซึ่งการพิพากษาลงโทษก็จะหนักขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้นธาราจึงได้แต่นั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทุรนทุรายอยู่ในรถอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ผิดกับการถูกโอบล้อมจากปรปักษ์รอบด้าน
ไม่มีแม้แต่กองกำลังช่วยเหลือ จะโทรไปบอกเพื่อนให้มาช่วย เพื่อนคงได้หัวเราะเยาะเป็นบ้าเป็นหลัง กลายเป็นเสียงลือเสียงเล่าอ้างอันใดเพื่อนเอยอีกนาน
เมื่อข่มขวัญเป็นที่พอใจ ฝ่ายนิจพรจึงผละออกไป ไม่นานก็เห็นรถของเธอวิ่งออกจากลานจอดรถ และเขายังสังเกตเห็นรถยนต์อีกคันวิ่งตามไป คนขับเปิดกระจกออกมาส่งยิ้ม
เจ้าคนที่อ้างว่าถูกรถเฉี่ยวชนนั่นเอง
นึกแล้วไม่มีผิด พวกนี้ทำงานกันเป็นทีม ข้างฝ่ายของนิจพรเธอมีกองหนุนที่กว้างขวาง นักมวยในค่าย อิเกิ้ง ก็ล้วนแต่อยู่ฝั่งของเธอ ไหนจะคนของพ่อตาแม่ยายอีกที่ทรงอิทธิพลอยู่พอสมควร ไม่ยากที่จะจ้างคนสะกดรอยติดตามเขาทุกก้าว
ส่วนในฝั่งของเขา ถึงแม้ว่าจะจัดอยู่ในระดับผู้มีอันจะกิน แต่ก็ไม่ได้มีเส้นมีสายอย่างฝั่งโน้น จัดว่าเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง
แต่คนอย่างธารา ไม่เคยหวั่น แรงมาก็แรงไป เขาโทรศัพท์เข้าเบอร์ของน้องเจี๊ยบเพื่อเริ่มการโต้ตอบเช่นกัน
นิจพรขับรถไปส่งหนุ่มหน้าอ่อน ผู้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการสงครามประสาทวันนี้ การที่เธอไปร้านอาหารในสโมสรความจริงก็ไม่ได้กะว่าจะเจอกับสามีของตนเอง เพียงแต่จะเข้าไปสร้างฉากถ่ายคลิปเอาไว้กวนประสาทธาราเท่านั้น ไม่นึกว่าธาราจะโผล่มาพอดี แต่นั่นก็ทำให้แผนการสมบูรณ์แบบมากขึ้นไปอีก เธอโทรศัพท์บอกเจนริราเพื่อนรัก ให้ส่งเพื่อนชายคนหนึ่งของสองสาวที่อยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารมาร่วมมือโดยแกล้งทำเป็นมีอุบัติเหตุเฉี่ยวชน ล่อให้ธาราออกจากร้านอาหาร เปิดทางให้นิจพรออกมาได้
นิจพรพอเห็นสามีไปดักรออยู่หน้าร้าน ทางเข้าออกร้านอาหารแม้จะมีสองประตู แต่ก็ไม่มีความหมาย เพราะจะออกจากร้านก็ต้องอ้อมมาออกทางประตูหน้าร้านที่ธารานั่งกันท่าอยู่ดี เรียกว่าถ้าเปิดประตูบานไหนออกไปก็ไม่รอด ดังนั้นแผนการ ล่อเสือออกจากสโมสร จึงจัดขึ้นทันที ธาราเสียรู้ให้กับคนของนิจพรที่แสร้งสร้างทำเรื่องรถเฉี่ยวชน ทำให้ต้องผละออกจากฐานที่มั่น นิจพรฉวยโอกาสนั้นออกจากร้านอาหารได้อย่างสบาย ประทับร่องรอยแห่งความแค้นให้แก่ผู้เป็นสามีอย่างสวยงาม หลังจากนั้นเธอกลับมาที่ค่ายมวยอีเก้งฝึกซ้อมต่อไป
ธาราขับรถมาจอดหน้าค่ายมวย อิเกิ้ง พร้อมพาสาวสายคนหนึ่งมาด้วย
ทั้งสองลงจากรถอย่างใจเย็นและควงแขนกันเข้ามาในค่าย ผ่านโรงฝึกด้านหน้าที่มีแต่พวกนักมวยผู้ชาย ที่พากันฝึกซ้อมกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายด้วยวิธีต่างกัน เตะกระสอบ ยกน้ำหนัก ล่อเป้าบนเวทีหรืออะไรก็ตาม ธาราไม่สนใจควงแขนกันเดินผ่านบริเวณนี้ไปทางด้านหลัง ซึ่งมีโรงฝึกพิเศษอยู่ตรงนั้น
สมัยก่อนเขาเคยมาที่นี่บ่อย ๆ ย่อมรู้รายละเอียดของค่ายมวยดี มั่นใจว่านิจพรต้องอยู่ห้องด้านใน
ความคาดการณ์ของเขาไม่พลาด มองผ่านกระจกเข้าไป เห็นนิจพรในชุดพละดูทะมัดทะแมง กำลังฝึกการออกหมัดและเตะตัดตอนอยู่กับลุงกำจรอย่างตั้งใจ ระยะห่างไม่กี่เมตร แต่ธารารู้มาก่อนแล้วว่าห้องนี้มีกระจกกั้น จึงไม่ต้องกลัวระยะสิบเมตรอันตราย มองเห็นมีคนนั่งให้กำลังใจอยู่หลายคน
“คุณนิดเก่งขนาดนี้เลยหรือคะคุณธา” สาวสวยที่ควงกันมาหันมาถาม สายตาของเธอมีแววชื่นชมอย่างปกปิดไม่มิด
“ก็...ท่าดีทีเหลวละน่า” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเชิงไม่ได้ให้ความสำคัญ พลางดึงแขนสาวข้างกายมากอด “ว่าแต่เจี๊ยบเล่นให้เนียนหน่อยสิครับ อย่าลืมสิว่าผมจ้างคุณมาแสดง”
เขาลงทุนจ้างน้องเจี๊ยบมารับบทคนรักคนใหม่ ในราคาสองพันบาท ซึ่งเป็นราคาที่ทำให้เจี๊ยบตอบตกลงทันที เพราะรายได้ดีมากกว่ารายได้ที่รับจากร้านอาหารหลายวันเสียอีก และเพียงควงธารามาค่ายมวยเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเสียหาย
แม้ว่ามีกระจกจะกั้น ทำให้ไม่ค่อยได้ยินเสียงพลังหมัดเท้าที่กระทบเป้า แต่ท่าทางของนิจพรดูปราดเปรียวว่องไว น่าดูชม ราวกับเป็นนักมวยมืออาชีพคนหนึ่ง
ผู้เป็นสามีมองอย่างเหลือเชื่อ แต่ไม่ได้เกิดความหวาดกลัวอะไร เพราะยังเชื่อมั่นในร่างกายที่เหนือกว่า ตามแบบฉบับของผู้ชาย ส่วนนิจพรยังไงก็เป็นผู้หญิง เป่าทีเดียวก็ลอยหายไปตามสายลม ไม่มีอะไรจะต้องวิตกกังวล ผู้ชายเสียอย่าง สบายไปสองแสนอย่าง
ใครบางคนมองออกมาเห็น เดินไปสะกิดลุงกำจร หลังจากนั้นไม่นานลุงกำจรก็เปิดประตูเดินตรงมา
“คุณมาทำอะไรที่นี่ ไม่กลัวผิดสัญญาเหรอคุณธารา” เอ่ยถามพลางมองทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็พร้อมจะปกป้องหลานสาวทุกสถานการณ์
“ผมเข้ามาเดินเล่นคงไม่ผิด กฏ กติกา และมารยาทใช่ไหมครับ มีกระจกกั้นด้วย ไม่ผิดสัญญานะครับ พอดีเอ้อ คุณผู้หญิงคนนี้เขาอยากมาศึกษาค่ายมวยนะครับ เนอะที่รัก”
พูดพลางเอามือโอบกอดเอวของสาวเจี๊ยบ ราวคนสนิทสนมกันเหลือเกิน เพราะแน่ใจว่านิจพรกำลังจ้องมองอยู่เช่นกัน
“ลุงจรคงไม่ว่านะครับ เพราะนโนยายของค่ายมวยอิเกิ้ง คือการเปิดกว้างให้คนนอกได้เข้ามาเห็นความสำคัญของมวยไทยอยู่แล้วนี่ครับ”
อ้างนโยบายของค่ายอย่างคนรู้จริง ก็ทำไมจะไม่รู้ล่ะ สมัยก่อนเขาเองยังคุ้นเคยมาออกกำลังกายที่นี่บ่อย ๆ ส่วนสาวเจี๊ยบมองดูนิจพร ผู้ยืนเอามือท้าวเอว จ้องมองมาจากด้านในด้วยสีหน้าท่าทางนิ่งเฉยอยู่
.