ฝากครรภ์ที่ รพ.รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ (รามาบางพลี)

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ที่แวะเวียนกันเข้ามาอ่านกระทู้นี้นะคะ
หวังว่าสิ่งที่ จขกท. แชร์ประสบการณ์จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของคุณพ่อคุณแม่ในการฝากชีวิตน้อยๆให้คุณหมอดูแลได้ไม่มากก็น้อยค่ะ

สืบเนื่องจากกระทู้ที่แล้วที่ จขกท. ตั้งไว้ ด้วยความรู้สึกกึ่งโวยวายแตกตื่นนิดนึง เรื่องการหาที่ฝากครรภ์ไม่ได้ 555 กระทู้นี้จะมาขอแก้ตัวทำประโยชน์ให้กับทุกคนกลับคืนบ้างค่ะ เพราะเข้าใจความรู้สึกคนเป็นพ่อแม่มือใหม่อย่างดีที่สุดเลย ว่าเป็นเรื่องใหม่ เป็นเรื่องน่ากังวล ต้องการคำปรึกษาและที่พึ่งพิงเป็นอย่างมากเลยค่ะ

ด้วยความที่ จขกท. รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด 19 อย่างหนักมากในประเทศไทย (เดือนกรกฏาคม 2564) จึงเป็นสาเหตุและความจำเป็นที่โรงพยาบาลรัฐหลายๆแห่งต้องรับภาระหนักในการรักษาผู้ป่วย ทั้งยังสูญเสียบุคลากรจากการติดเชื้อไปจำนวนมาก จึงมีผลกระทบให้มีการจำกัดการเข้ารับบริการของผู้ป่วยนอกมากขึ้น รับเฉพาะรายที่จำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น ซึ่งการฝากครรภ์ถือว่าไม่เร่งด่วนค่ะ ทำให้ถูกปฏิเสธการฝากครรภ์จาก รพ.รัฐ ในรัศมีที่ใกล้และสะดวกกับการเดินทางจากบ้านและที่ทำงาน จขกท. จึงเคว้งคว้างและตื่นตระหนกอยู่สักพักค่ะ

วันๆนอนคิดซ้ำๆย้ำกับสามีเรื่องหาที่ฝากครรภ์ที่เราเชื่อมั่นและอยู่ในเงื่อนไขค่าใช้จ่ายที่เราตั้งไว้ จนนึกถึงชื่อโรงพยาบาลนึงเข้ามาในหัวค่ะ นั่นคือ รพ.รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ พอจะทราบอยู่บ้างว่าเป็น รพ.รัฐ ในเครือของรามา ซึ่งคุณหมอที่นี่ก็(น่าจะ)เป็นอาจารย์หมอมาจากรามาเช่นกัน ทำให้เชื่อมั่นในระดับหนึ่ง และเป็น รพ. เปิดใหม่ที่น่าจะสะอาดสะอ้าน ทัศนียภาพสวยงาม มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย เคยคุยกันว่าจะลองศึกษาข้อมูลที่นี่ดูค่ะ

แต่ปรากฎว่าค้นในอินเตอร์เน็ตอยากหาข้อมูลรีวิวการฝากครรภ์ที่นี่ก็มีน้อยมากถึงมากที่สุดจริงๆค่ะ แทบจะไม่มีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์ในการเปรียบเทียบหรือตัดสินใจได้เลย แม้แต่รูปภาพ หรือชื่อคุณหมอก็ไม่มีการกล่าวถึง จน จขกท. ไปเจอในคอมเมนท์เว็บเพจพูดคุยกันของแม่มือใหม่ท่านนึง มีการให้ข้อมูลไว้แค่ว่าผ่าตัดคลอดกับคุณหมอสุพิชฌาแผลสวยดี เป็นคุณหมอผู้หญิง ใส่แว่น ตัวเล็กๆ ผมสั้นๆ จขกท. มีข้อมูลแค่นี้จริงๆค่ะ 

สามีก็เลยชวนว่าให้ไปฝากครรภ์ที่นี่ก่อน (ถ้าเค้ารับ) แล้วค่อยย้ายกลับมาที่จุฬาฯใกล้ๆก็ได้เมื่อถึงวันที่เค้าพร้อมรับฝากครรภ์ จขกท. ก็เลยคิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีค่ะ จัดการเสิร์ชหาเบอร์โทรศัพท์แผนกฝากครรภ์ของ รพ. และปรึกษากับพยาบาลที่รับสายทันทีค่ะ ตรงนี้อยากจะแชร์ว่า First impression แรกที่ประทับใจก็ตรงพยาบาลที่รับสายนี่แหล่ะค่ะ ฟังจากเสียงน่าจะเป็นพยาบาลสาวๆเสียงใสๆพูดจาใจเย็น พูดเพราะ ค่อยๆอธิบายและให้คำแนะนำทุกอย่างที่ จขกท. ถาม ถือว่าเซอร์ไพรส์เหมือนกันกับบริการของ รพ.รัฐ ที่เคยเจอมานะคะ

จากการสอบถามทางโทรศัพท์ได้ความว่า จขกท. สามารถใช้สิทธิเบิกจ่ายตรงได้เหมือนกับที่อื่นเพราะที่นี่คือ รพ.รัฐ ถ้าเป็นผู้ป่วยในเวลาก็จะเบิกได้ค่อนข้างครอบคลุม แต่ถ้าเป็นคลินิกพิเศษนอกเวลาจะเบิกได้แค่บางส่วน แต่เท่าที่จำได้เหมือนคลินิกฝากครรภ์ไม่ได้เปิดบริการทุกวันนะคะ คุณพยาบาลอธิบายอยู่เหมือนกันว่ามีวันไหนบ้างแต่ลืมแล้วค่ะ แหะ

ตอนแรก จขกท. ตั้งใจจะฝากครรภ์ในเวลาราชการ เพราะคิดว่าช่วงนี้ WFH ไม่มีผลกระทบว่าต้องลางานวันธรรมดามาพบคุณหมอ จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายไปด้วยในตัวค่ะ แต่ก็ลองถามคุณพยาบาลไปว่าถ้าจะขอนัดคิวฝากครรภ์ระบุกับคุณหมอชื่อสุพิชฌาได้มั้ยคะ (ไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากที่ไปอ่านเจอชื่อมาจากที่เล่าไปข้างบนค่ะ จขกท. ใจง่ายนิดนึง) คุณพยาบาลก็แจ้งว่าถ้าเป็นผู้ป่วยในเวลานัดครั้งนี้อาจจะระบุแพทย์ให้ได้ แต่ครั้งต่อๆไปจะเป็นการเวียนคุณหมอไปเรื่อยๆนะคะ เนื่องจากคุณหมอต่างๆเป็นอาจารย์บางสัปดาห์ติดสอนวนสลับกันไป จขกท. เลยตัดสินใจเปลี่ยนเป็นนัดกับคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการแทนค่ะ เพราะอยากเจอคุณหมอท่านเดียวตลอดไป เผื่อวันที่เราจะต้องคลอดที่นี่คุณหมอคนนี้จะได้รู้จักเรากับลูกดีที่สุดค่ะ คุณพยาบาลก็แจ้งอีกว่าถ้าเป็นคุณหมอท่านนี้จะออกตรวจคลินิกนอกเวลาแค่วันเสาร์ และเป็นเสาร์เว้นเสาร์นะคะ ถ้ามีเหตุที่คุณแม่ต้องมาหาคุณหมอฉุกเฉินอาจจะต้องพบกับคุณหมอท่านอื่นแทน จขกท. ก็ตอบตกลงค่ะ เข้าใจได้ คุณพยาบาลจึงได้ขอข้อมูลวันที่เป็นประจำเดือนวันแรกของครั้งล่าสุด เพื่อคำนวณอายุครรภ์ในตอนนั้น และลงวันนัดเจอคุณหมอให้ตรงกับ 12 วีคค่ะ โดยให้เหตุผลว่าคุณหมอที่นี่จะรับฝากครรภ์ตั้งแต่ 12 วีคขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่แน่นอนของการตั้งครรภ์แล้ว พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการซื้อโฟลิคมาทานก่อนในช่วงที่ยังไม่เจอคุณหมอค่ะ จขกท.ก็ได้วันเวลาในการนัดฝากครรภ์ครั้งแรกมาเรียบร้อย โดยช่วงเวลาระหว่างที่จะรอไปพบคุณหมอตามนัด จขกท.ก็ต้องหาเวลาไปทำบัตรโรงพยาบาลค่ะ

หลังจากนั้น จขกท. กับสามีก็ตื่นเต้นค่ะ ว่างๆก็พากันเปิดกูเกิ้ลแมพขับรถไปทำบัตรโรงพยาบาลกันค่ะ เป็นการสำรวจเส้นทางและสภาพการจราจรไปในตัว เพราะไม่เคยไปแถวบางพลีเลยค่ะ ไม่เคยเห็นแม้แต่ตัวโรงพยาบาล ดูจากระยะทางในแมพแล้ววววว ก็มองหน้ากันว่า ไกลจัง แต่!!!! พอไปจริงๆไกลกว่าที่คิดกันไว้อีกค่ะ ฮ่าๆๆๆ นอกจากไกลแล้ว ทางเข้าที่แยกออกจากถนนใหญ่(บางนาตราด)มุ่งหน้าสู่ รพ. นั้น เป็นบริเวณของโรงงานและคลังสินค้า เราจะได้พบกับรถบรรทุกขนาดใหญ่เยอะแยะทำให้การจราจรชะลอตัวพอสมควรค่ะ และที่มาพร้อมกับรถบรรทุกคือ ถนนพัง! ค่ะ เป็นลักษณะของถนนเลียบคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ ที่พังเป็นหลุมเป็นบ่อ และยิ่งเราสองคนเคยไปครั้งแรกก็ยังไม่รู้จุดที่ต้องหลบหลีก โอ๊ย ทุกคนคะ ได้แต่บอกลูกว่าไม่เป็นไรนะ ถ้าทนไม่ไหวก็เลือดไหลออกมาเลยค่ะแม่กำลังจะถึงโรงบาล บอกตรงๆว่าสามีถอดใจเลยค่ะ (จับเวลาจากที่พักไปจนถึง รพ. 45 นาที)

แต่พอไปถึงหน้า รพ. นะคะ ก็ค่อนข้างว้าวเลย ใหญ่โตกว้างขวางกว่าที่คิดไว้ ตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางทุ่งนาและบ่อปลาบ่อกุ้งค่ะ มีอาคารจอดรถเป็นระเบียบเป็นสัดส่วนและเชื่อมต่อเข้ากับตึกผู้ป่วยได้เลย นี่เป็นข้อดีของการวางแผนผังที่ดีทำให้ไม่มีปัญหาที่จอดรถไม่พอและเดินไม่ไกล วันนั้นจำได้ว่าไปวันธรรมดาช่วงบ่ายๆบรรยากาศเงียบเหงาผิดวิสัยของ รพ.รัฐค่ะ คนน้อยมากแต่เราก็คุยกับสามีว่านี่ยังไม่ใช่ของจริง ต้องมาเจอของจริงวันธรรมดาช่วงเช้าค่ะว่าจะเยอะขนาดไหน ... อย่างที่บอกว่าพอลงรถปุ๊บก็เดินผ่านทางเชื่อมเข้าไปที่ตึกผู้ป่วย ระหว่างทางจะมีพี่ รปภ. สอบถามว่ามาทำอะไรพี่เค้าจะให้คำแนะนำค่ะว่าให้ไปเริ่มต้นที่ทางไหนจุดไหน แล้วเราก็ตรงไปทำบัตรโรงพยาบาลกันค่ะ

พอเดินเข้ามาในตัวอาคารก็สวยงามตามการก่อสร้างสมัยใหม่ค่ะ ทันสมัย สะอาด ประทับใจกับตัวอาคารสถานที่มากๆให้ความรู้สึกเหมือนโรงพยาบาลเอกชนเลย จขกท.ก็มุ่งหน้าไปที่เวชระเบียนเพื่อขอทำบัตร เจ้าหน้าที่ก็ให้นำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแสกนคิวอาร์โค้ดด้านหน้าเพื่อกรอกข้อมูลทุกอย่างในนั้นด้วยตัวเองค่ะ พอกรอกเสร็จก็กดส่งข้อมูล เจ้าหน้าที่จะขอบัตรประชาชนไปเพื่อดึงรูปภาพของเราในบัตร ปชช. ไปเป็นรูปบนบัตร รพ. เช่นกันค่ะ (ตรงนี้เซ็งเลยอุตส่าห์แต่งหน้าสวยๆนึกว่าจะได้ถ่ายรูป) และก็ได้บัตร รพ. กลับมา เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี จขกท.ก็เลยเดินสำรวจภายในอาคารมองหาคลินิกสูตินรีเวชดูค่ะ กลัววันนัดจะหลง ปรากฎว่าหาไม่ยากเลย เค้าจะแบ่งแต่ละคลินิกเฉพาะทางออกเป็นสัดส่วน จะมีป้ายบอกชัดเจน เดินผ่านประตูใหญ่ๆของคลินิกเข้าไปก็เจอห้องตรวจแล้วค่ะ สบายใจจจจ และก็ลงไปสำรวจห้องอาหาร มินิมาร์ท ร้านอาหารต่างๆชั้นล่างกัน มาหาหมอก็อย่างน้อยท้องต้องอิ่ม สบายใจแล้วก็กลับบ้านกันค่ะ รอวันให้ไปเจอหน้าคุณหมอเร็วๆ ^^

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่