ว่าด้วยเรื่องการค้ำประกันให้คนที่คุณเรียกว่า “เพื่อน???”

กระทู้สนทนา
ก่อนอื่นขอทักทายก่อน สวัสดีค่ะทุกคนที่หลงเข้ามาอ่าน อมยิ้ม07 

คือก็ชั่งใจแหล่ะว่าจะลงดีไหม แต่เรื่องอาจจะเป็นการเตือนให้ได้คิดก่อนที่จะไปเซ็นต์ค้ำประกันให้ใครให้คนอื่นได้ เออ ลงดีกว่า

เรื่องของเรื่องคือ เรากับเพื่อน... เอ่อ ก็เคยเป็นเพื่อนกันแหล่ะ หรือเราคิดว่าเค้าเป็นเพื่อนคนเดียวก็สุดแล้วแต่
ตอนเค้ามาถามให้เราช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้ เราก็คิดนะ เพื่อนอ่ะ งานการเค้าก็มี เงินเดือนก็ไม่ขี้ ๆ ก็เลย ได้สิ! เพื่อนช่วยเพื่อน ช่วยไป 2 เคส
แต่ก็ไม่ได้คิดหรอกว่าวันนึง เค้าจะไม่ใช่เพื่อนเราอีก...ส่วนเรื่องที่เลิกคบกัน มีปัญหาส่วนตัวที่ออกจะงง ๆ แต่ไม่เกี่ยวเรื่องเงินทองเลย เอาเป็นเค้าไม่ได้คิดว่าเราเป็นเพื่อนแบบที่เราคิดเหมือนที่เกริ่นไว้จริง ๆ  เราเลยขอให้เค้าเปลี่ยนคนค้ำประกันให้ เพราะเราก็ไม่สะดวกใจที่จะค้ำคนที่ไม่ใช่เพื่อน จากนั้นก็เริ่มหาข้อมูล หาทางออกเรื่องนี้ให้ตัวเองไม่ต้องไปข้องแวะอีก

เคสแรก เรียบร้อย เราโล่งอ่ะ เราไม่ต้องเกี่ยวข้องกันอีก แยกย้ายกันไป 

อีกเคสกำลังดำเนินการ แต่ก็ผ่านมาหลายเดือนละล่ะ จากที่ถาม เค้าบอกว่า 'หาคนค้ำประกันไม่ได้' 
ฟังแรก ๆ ตอนแรกก็เหวอ ๆ เอ้า เพื่อนคุณเยอะแยะ นั่งคิดวิเคราะห์เยอะแยะจนปวดสมองว่า จะถามแล้วยัง หรือยังไม่ถาม หรือโดนปฏิเสธมา สุดท้ายไม่ไหว สมองคิดลบเกินไป เราก็เลยโอเค ก็สุดแล้วแต่ เค้าไม่บอก เค้าบอกแค่หาคนไม่ได้ ก็ทิ้งท้ายไป อยากให้เราคุยให้ก็บอกเรา แต่ใจก็ภาวนาว่า ‘อย่าให้ถึงเราต้องหาเองเลย’

ที่มาเล่าก็ไม่ได้มาห้าม ไม่ให้ไปค้ำประกันให้ใคร การค้ำประกันทำได้ ไม่ได้เลวร้ายน่ากลัวขนาดนั้น แค่อยากจะมาเล่าประสบการณ์เล็ก ๆ ของเรา เพราะจากที่ศึกษาเรื่องนี้ คนค้ำประกันใหญ่โตกว่าเราไปจนถึงขั้นต้องมาร่วมรับสภาพหนี้ด้วย มีเยอะพอสมควร 

แต่สิ่งสำคัญ ต้องดูดี ๆ นะไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ญาติโก โหติกา (กรณีเราเป็นเพื่อน) เค้าจริงใจกับคุณจริง เค้าไม่เบี้ยว เค้ามีทรัพย์สินเพียงพอที่จะมาใช้หากวันนึงเค้าเกิดมี accident ไม่ได้ทำงาน มองไปไกล ๆ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง อย่ามามองว่าแค่เค้าเป็นเพื่อน ล่าสุดก็เพิ่งมีข่าว ลูกชายข่มขืนและฆ่าลูกสาวของคนที่ค้ำประกันบ้านให้แม่ตัวเอง หดหู่นะ คือทางออกก็คือ ให้แม่เค้าหาคนค้ำใหม่ ไม่ก็คนค้ำหาคนมาค้ำใหม่เอง ทางออกมีอยู่แค่นั้น ทำอะไรไม่ได้อ่ะ 
สุดท้าย จากที่หาข้อมูลมา กฎหมายก็คุ้มครองคนค้ำประกันพอสมควร แต่เราไม่ได้คิดว่ามันจะไปถึงขั้นนั้นหรอก ไม่อยากให้ไปถึงขั้นตอนนั้น ปัญหาของเราเป็นเรื่องระหว่างเรากับเค้ามากกว่า ซึ่งใครๆ ก็ใช้คำจำกัดความว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ก็เราโง่เอง พลาดเอง คิดแล้วแต่ไม่ดีพอ แต่ถามว่า ถ้าเพื่อนมาขอให้เราช่วยอีก เราจะช่วยเค้าไหม...

ย้อนกลับไปข้างต้นซ้ำอีกรอบ

 “ดูดี ๆนะว่าเค้าเป็นเพื่อนคุณจริง เค้าไม่เบี้ยว เค้ามีทรัพย์สินเพียงพอที่จะมาใช้หากวันนึงเค้าเกิดมี accident ไม่ได้ทำงาน มองไปไกล ๆ พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง อย่ามามองว่าแค่เค้าเป็นเพื่อน” 

คิดแล้ว เราก็คงช่วยแหล่ะ แต่คงคิดเยอะขึ้น ไม่มีอะไรสอนตัวเราเองได้ดีเท่ากับประสบการณ์ แต่ถ้ามีประสบการณ์ แต่ไม่เรียนรู้ความผิดพลาดที่เคยเกิดแล้วผิดพลาดซ้ำ ก็ไม่มีประโยชน์ อีกเคสที่ค้างคาอยู่ก็จะพยายาม ไม่อยาก “เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่ง กลับเอากระดูกมาแขวนคอ” กับคนๆ นี้อีก

สุดท้าย เป็นกำลังใจให้คนค้ำประกันทุกคนที่กำลังมีปัญหานะคะ อมยิ้ม36
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่