๏ มัศหมั่นแกงแก้วตา
หอมยี่หร่ารศร้อนแรง
ชายใดได้กลืนแกง
แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด
วางจานจัดหลายเหลือตรา
รศดีด้วยน้ำปลา
ยี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม
เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
โอชาจะหาไหน
ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง
๏ หมูแนมแหลมเลิศรศ
พร้อมพริกสดใบทองหลาง
พิศห่อเห็นรางชาง
ห่างห่อหวนป่วนใจโหย
๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น
วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
รศทิพย์หยิบมาโปรย
ฤๅจักเปรียบเทียบทันขวัญ
๏ เทโพพื้นเนื้อท้อง
เปนมันย่องล่องลอยมัน
น่าซดรศครามครัน
ของสวรรค์เสวยรมย์
๏ ความรักยักเปลี่ยนท่า
ทำน้ำยาอย่างแกงขม
กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม
ชมไม่วายคลับคล้ายเห็น
๏ เข้าหุงปรุงอย่างเทศ
รศพิเศษใส่ลูกเอ็น
ใครหุงปรุงไม่เปน
เช่นเชิงมิตรประดิษฐทำ
๏ เหลือรู้หมูป่าต้ม
แกงคั่วซ่มใส่ระกำ
รอยแจ้งแห่งความขำ
ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม
๏ ช้าช้าพล่าเนื้อสด
ฟุ้งปรากฎรศหื่นหอม
คิดความยามถนอม
สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์
๏ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง
นอนเตียงทองทำเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล
ยลอยากนิทร์คิดแนบนอน
๏ เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า
รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
เจ็บไกลใจอาวรณ์
ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง
๏ รังนกนึ่งน่าซด
โอชารศกว่าทั้งปวง
นกพรากจากรังรวง
เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน
๏ ไตปลาเสแสร้งว่า
ดุจวาจากระบิดกระบวน
ใบโศกบอกโศกครวญ
ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ
๏ ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง
เปนโฉมน้องฤๅโฉมไหน
ผักหวานซ่านทรวงใน
ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ๚
โคลง
๏ ผลชิดแช่อิ่มโอ้
เอมใจ
หอมชื่นกลืนหวานใน
อกชู้
รื่นรื่นรศรมย์ใด
ฤๅดุจ นี้แม่
หวานเลิศเหลือรู้รู้
แต่เนื้อนงพาล ๚
กาพย์
๏ ผลชิดแช่อิ่มอบ
หอมตระหลบล้ำเหลือหวาน
รศไหนไม่เปรียบปาน
หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
๏ ตาลเฉาะเหมาะใจจริง
รศเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
คิดความยามพิศมัย
หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น
๏ ผลจากเจ้าลอยแก้ว
บอกความแล้วจากจำเปน
จากช้ำน้ำตากระเด็น
เปนทุกข์ท่าหน้านวลแตง
๏ หมากปรางนางปอกแล้ว
ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง
ยามชื่นรื่นโรยแรง
ปรางอิ่มอาบซาบนาสา
๏ หวนห่วงม่วงหมอนทอง
อิกอกร่องรศโอชา
คิดความยามนิทรา
อุราแนบแอบอกอร
๏ ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น
เรียกส้มฉุนใช้นามกร
หวนถวิลลิ้นลมงอน
ชอ้อนถ้อยร้อยกระบวน
๏ พลับจีนจักด้วยมีด
ทำประณีตน้ำตาลกวน
คิดโอษฐอ่อนยิ้มยวน
ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ
๏ น้อยหน่านำเมล็ดออก
ปล้อนเปลือกปอกเปนอัศจรรย์
มือใครไหนจักทัน
เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
๏ ผลเกดพิเศษสด
โอชารศล้ำเลิศปาง
คำนึงถึงเอวบาง
สางเกษเส้นขนเม่นสอย
๏ ทับทิมพริ้มตาตรู
ใส่จานดูดุจเม็ดพลอย
สุกแสงแดงจักย้อย
อย่างแหวนก้อยแก้วตาชาย
๏ ทุเรียนเจียนตองปู
เนื้อดีดูเหลืองเรืองพราย
เหมือนศรีฉวีกาย
สายสวาดิพี่ที่คู่คิด
๏ ลางสาดแสวงเนื้อหอม
ผลงอมงอมรศหวานสนิท
กลืนพลางทางเพ่งพิศ
คิดยามสารทยาตรามา
๏ ผลเงาะไม่งามแงะ
มล่อนเมล็ดและเหลือปัญญา
หวนเห็นเช่นรจนา
จ๋าเจ้าเงาะเพราะเห็นงาม
๏ สละสำแลงผล
คิดลำต้นแน่นหนาหนาม
ท่าทิ่มปิ้มปืนกาม
นามสละมละเมตตา ๚
โคลง
๏ สังขยาน่าไข่คุ้น
เคยมี
แกมกับเข้าเหนียวสี
โศกย้อม
เปนไนยนำวาที
สมรแม่ มาแม่
แถลงว่าโศกเสมอพ้อม
เพียบแอ้อกอร ๚
กาพย์
๏ สังขยาน่าตั้งไข่
เข้าเหนียวใส่สีโศกแสดง
เปนไนยไม่เคลือบแคลง
แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ
๏ ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ
แทรกใส่น้ำกะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ
ได้เสพย์หริ่มภิมเสนโรย
๏ ลำเจียกชื่อขนม
นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย
โหยไห้หาบุหงางาม
๏ มัศกอดกอดอย่างไร
น่าสงไสยใคร่ขอถาม
กอดเคล้นจะเห็นความ
ขนมนามนี้ยังแคลง
๏ ลุดตี่นี้น่าชม
แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
โอชาน่าไก่แกง
แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
๏ ขนมจีบเจ้าจีบห่อ
งามสมส่อประพิมประพาย
นึกน้องนุ่งจีบทวาย
ชายพกจีบกลีบแนบเนียน
๏ รศรักยักลำนำ
ประดิษฐทำขนมเทียน
คำนึงนิ้วนางเจียน
เทียนหล่อเหลาเกลากลึงกลม
๏ ทองหยิบทิพย์เทียมทัด
สามหยิบชัดน่าเชยชม
หลงหยิบว่ายาดม
ก้มหน้าเมินเขินขวยใจ
๏ ขนมผิงผิงผ่าวร้อน
เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
ร้อนนักรักแรมไกล
เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง
๏ รังไรโรงด้วยแป้ง
เหมือนนกแกล้งทำรังรวง
โอ้อกนกทั้งปวง
ยังยินดีด้วยมีรัง
๏ ทองหยอดทอดสนิท
ทองม้วนมิดคิดความหลัง
สองปีสองปิดบัง
แต่ลำพังสองต่อสอง
๏ งามจริงจ่ามงกุฏ
ใส่ชื่อดุจมงกุฎทอง
เรียมร่ำคำนึงปอง
สอิ้งน้องนั้นเคยยล
๏ บัวลอยเล่ห์บัวงาม
คิดบัวกามแก้วกับตน
ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล
สถนนุชดุจประทุม
๏ ช่อม่วงเหมาะมีรศ
หอมปรากฎกลโกสุม
คิดสีสไบคลุม
หุ้มห่มม่วงดวงพุดตาล
๏ ฝอยทองเปนยองใย
เหมือนเส้นไหมไข่ของหวาน
คิดความยามเยาวมาลย์
เย็บชุนใช้ไหมทองจีน ๚
โคลง
๏ หวนเห็นหีบหมากเจ้า
จัดเจียน มาแม่
พลูจีบต่อยอดเนียน
น่าเคี้ยว
กลี่กล่องกระวานเขียน
มือยี่ ปุ่นเฮย
บุหรี่ใส่กล่องเงี้ยว
ลอบให้เหลือหาญ ๚
กาพย์
๏ หมากเจียนเจ้างามปลอด
พลูต่อยอดน่าเอนดู
กระวานอิกกานพลู
บุหรี่ให้ใจเหลือหาญ
๏ เช็ดหน้าชุบน้ำอบ
หอมตระหลบดอกดวงมาลย์
บังอรซ่อนใส่พาน
ส่งมาให้ไม่เว้นวัน
๏ เดือนสามสำเภามา
มีใบชาชาติจุหลัน
ถ้ำคู่อยู่เคียงกัน
กับให้เห็นเปนปฤษณา
๏ เดือนห้าน่าร้อนจัด
เจ้าให้พัดด้ามจิ้วมา
เรื่องร้อนผ่อนเพทนา
เพื่อพนิดาไม่ละเลย
๏ คำนึงถึงเดือนหก
ทั่วทายกตามโคมเคย
งามสุดนุชพี่เอย
ได้เห็นกันวันบูชา
๏ เดือนแปดวันเพ็ญเจ้า
ย่อมไปเข้าพระพรรษา
รับศีลอย่างสีกา
ด้วยเจตนาจำนงใน
๏ เห็นนวลครวญครุ่นคิด
กำเริบจิตรวาบหวั่นไหว
ไปได้ก็จะไป
โอบเอวอุ้มพุ่มพวงพยุง
๏ ยามฝนดลเดือนสิบ
เริ่มเข้าทิพย์เจ้าจะหุง
หาของต้องการปรุง
มุ่งใจจิตรประดิษฐประดอย
๏ เดือนสิบเอ็ดเด็ดแดดิ้น
ยามกฐินทุกวันคอย
เห็นเรือไล่ถี่ซอย
กลอยกลับเห็นเช่นแรกสม
๏ คิดรูปน่ารักเหลือ
คิดนุ่มเนื้อน่าเชยชม
คิดเนตรขำค้อนคม
ผมหอมชื่นรื่นรศคนธ์
๏ ฤดูเดือนสิบสอง
หญิงชายซ้องแซ่อึงอล
ขึ้นล่องท่องเที่ยวชล
ยลผ้าป่าราตรีกาล
๏ เซงแซ่เสียงเภรี
ปานเรียมตีทรวงประหาร
พาทย์ฆ้องก้องกังวาล
สารดุจน้องร้องเรียกเรียม
๏ ทุกลำลอบเล็งลักษณ์
ไม่พบภักตร์เจ้างามเสงี่ยม
ดูไหนไม่เทียบเทียม
ร่วมรักเรียมรูปร่างรัด
๏ เดือนยี่พิธีพญา
โยนชิงช้าชนแออัด
สาวหนุ่มกำหนดนัด
ทัศนาแห่แลหากัน
๏ เรียมเตร่ตรวจทุกช่อง
ไม่เห็นน้องเนื้อนวลจันทร์
ว้าหวิ้นดิ้นแดยัน
หันเห็นท่าชิงช้าโยน
๏ เชี่ยวชาญกระดานต้น
โยกเยกยลคนหกโหน
ถือท้ายกายอ่อนโอน
โดนคิดได้ดั่งใจถวิล
๏ แรมค่ำร่ำไห้หวน
แห่อิศวรย่ำยามยิน
เคยเห็นเปนอาจิณ
ช้าหงษ์เห่เล่ห์ลมพราหมณ์
๏ โอมอวดสวดสำเนียง
ไม่เหมือนเสียงนางนงราม
ล้ำเลิศเฉิดโฉมงาม
ยามเย็นเช้าเจ้าอ่านฉันท์
๏ อ่อนหวานสารเสนาะ
เพราะอักษรกลอนพาดพัน
แจ้งเจื้อยใจจาบัลย์
ทุกวันหวังฟังเสียงสมร
๏ ห้าค่ำย่ำยามปลาย
แห่นารายน์เร่งอาวรณ์
อยู่ใกล้จะใคร่จร
ไปรับเจ้าเคล้าคลอมา
๏ เดือนแรมเหมือนเรียมค้าง
เรื่องรักร้างแรมขนิษฐา
แรมรศแรมพจนา
แรมเห็นหน้านิ่งนอนแรม
โคลง
๏ ดลเดือนมหะหร่ำเจ้า
เซ็นปี ใหม่แม่
มะหง่นประปรานทวี
เทวศไห้
ห่อนเห็นมิ่งมารศรี
เสมอชีพ มานา
เรียมลูบอกไล้ไล้
คู่ข้อนทรวงเซ็น ๚
กาพย์
๏ ดลเดือนเรียกมหะหร่ำ
ขึ้นสองค่ำแขกตั้งการ
เจ้าเซ็นสิบวันวาร
ประหารอกฟกฟูมไนยน์
๏ มหะหร่ำเรียมคอยเคร่า
ไม่เห็นเจ้าเศร้าเสียใจ
ลูบอกโอ้อาไลย
ลาลดล้ำกำสรวญเซ็น ๚
ไปอ่านกาพย์เห่ชมเครื่องคราวหวานพบว่าไม่รู้จักเกินครึ่ง ใครก็ได้ช่วยมาแกะหน่อยว่า มันมีอาหารอะไรบ้าง
หอมยี่หร่ารศร้อนแรง
ชายใดได้กลืนแกง
แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา
๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด
วางจานจัดหลายเหลือตรา
รศดีด้วยน้ำปลา
ยี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ
๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม
เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
โอชาจะหาไหน
ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง
๏ หมูแนมแหลมเลิศรศ
พร้อมพริกสดใบทองหลาง
พิศห่อเห็นรางชาง
ห่างห่อหวนป่วนใจโหย
๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น
วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
รศทิพย์หยิบมาโปรย
ฤๅจักเปรียบเทียบทันขวัญ
๏ เทโพพื้นเนื้อท้อง
เปนมันย่องล่องลอยมัน
น่าซดรศครามครัน
ของสวรรค์เสวยรมย์
๏ ความรักยักเปลี่ยนท่า
ทำน้ำยาอย่างแกงขม
กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม
ชมไม่วายคลับคล้ายเห็น
๏ เข้าหุงปรุงอย่างเทศ
รศพิเศษใส่ลูกเอ็น
ใครหุงปรุงไม่เปน
เช่นเชิงมิตรประดิษฐทำ
๏ เหลือรู้หมูป่าต้ม
แกงคั่วซ่มใส่ระกำ
รอยแจ้งแห่งความขำ
ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม
๏ ช้าช้าพล่าเนื้อสด
ฟุ้งปรากฎรศหื่นหอม
คิดความยามถนอม
สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์
๏ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง
นอนเตียงทองทำเมืองบน
ลดหลั่นชั้นชอบกล
ยลอยากนิทร์คิดแนบนอน
๏ เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า
รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
เจ็บไกลใจอาวรณ์
ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง
๏ รังนกนึ่งน่าซด
โอชารศกว่าทั้งปวง
นกพรากจากรังรวง
เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน
๏ ไตปลาเสแสร้งว่า
ดุจวาจากระบิดกระบวน
ใบโศกบอกโศกครวญ
ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ
๏ ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง
เปนโฉมน้องฤๅโฉมไหน
ผักหวานซ่านทรวงใน
ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ๚
โคลง
๏ ผลชิดแช่อิ่มโอ้
เอมใจ
หอมชื่นกลืนหวานใน
อกชู้
รื่นรื่นรศรมย์ใด
ฤๅดุจ นี้แม่
หวานเลิศเหลือรู้รู้
แต่เนื้อนงพาล ๚
กาพย์
๏ ผลชิดแช่อิ่มอบ
หอมตระหลบล้ำเหลือหวาน
รศไหนไม่เปรียบปาน
หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
๏ ตาลเฉาะเหมาะใจจริง
รศเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
คิดความยามพิศมัย
หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น
๏ ผลจากเจ้าลอยแก้ว
บอกความแล้วจากจำเปน
จากช้ำน้ำตากระเด็น
เปนทุกข์ท่าหน้านวลแตง
๏ หมากปรางนางปอกแล้ว
ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง
ยามชื่นรื่นโรยแรง
ปรางอิ่มอาบซาบนาสา
๏ หวนห่วงม่วงหมอนทอง
อิกอกร่องรศโอชา
คิดความยามนิทรา
อุราแนบแอบอกอร
๏ ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น
เรียกส้มฉุนใช้นามกร
หวนถวิลลิ้นลมงอน
ชอ้อนถ้อยร้อยกระบวน
๏ พลับจีนจักด้วยมีด
ทำประณีตน้ำตาลกวน
คิดโอษฐอ่อนยิ้มยวน
ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ
๏ น้อยหน่านำเมล็ดออก
ปล้อนเปลือกปอกเปนอัศจรรย์
มือใครไหนจักทัน
เทียบเทียมที่ฝีมือนาง
๏ ผลเกดพิเศษสด
โอชารศล้ำเลิศปาง
คำนึงถึงเอวบาง
สางเกษเส้นขนเม่นสอย
๏ ทับทิมพริ้มตาตรู
ใส่จานดูดุจเม็ดพลอย
สุกแสงแดงจักย้อย
อย่างแหวนก้อยแก้วตาชาย
๏ ทุเรียนเจียนตองปู
เนื้อดีดูเหลืองเรืองพราย
เหมือนศรีฉวีกาย
สายสวาดิพี่ที่คู่คิด
๏ ลางสาดแสวงเนื้อหอม
ผลงอมงอมรศหวานสนิท
กลืนพลางทางเพ่งพิศ
คิดยามสารทยาตรามา
๏ ผลเงาะไม่งามแงะ
มล่อนเมล็ดและเหลือปัญญา
หวนเห็นเช่นรจนา
จ๋าเจ้าเงาะเพราะเห็นงาม
๏ สละสำแลงผล
คิดลำต้นแน่นหนาหนาม
ท่าทิ่มปิ้มปืนกาม
นามสละมละเมตตา ๚
โคลง
๏ สังขยาน่าไข่คุ้น
เคยมี
แกมกับเข้าเหนียวสี
โศกย้อม
เปนไนยนำวาที
สมรแม่ มาแม่
แถลงว่าโศกเสมอพ้อม
เพียบแอ้อกอร ๚
กาพย์
๏ สังขยาน่าตั้งไข่
เข้าเหนียวใส่สีโศกแสดง
เปนไนยไม่เคลือบแคลง
แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ
๏ ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ
แทรกใส่น้ำกะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ
ได้เสพย์หริ่มภิมเสนโรย
๏ ลำเจียกชื่อขนม
นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย
โหยไห้หาบุหงางาม
๏ มัศกอดกอดอย่างไร
น่าสงไสยใคร่ขอถาม
กอดเคล้นจะเห็นความ
ขนมนามนี้ยังแคลง
๏ ลุดตี่นี้น่าชม
แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
โอชาน่าไก่แกง
แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
๏ ขนมจีบเจ้าจีบห่อ
งามสมส่อประพิมประพาย
นึกน้องนุ่งจีบทวาย
ชายพกจีบกลีบแนบเนียน
๏ รศรักยักลำนำ
ประดิษฐทำขนมเทียน
คำนึงนิ้วนางเจียน
เทียนหล่อเหลาเกลากลึงกลม
๏ ทองหยิบทิพย์เทียมทัด
สามหยิบชัดน่าเชยชม
หลงหยิบว่ายาดม
ก้มหน้าเมินเขินขวยใจ
๏ ขนมผิงผิงผ่าวร้อน
เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
ร้อนนักรักแรมไกล
เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง
๏ รังไรโรงด้วยแป้ง
เหมือนนกแกล้งทำรังรวง
โอ้อกนกทั้งปวง
ยังยินดีด้วยมีรัง
๏ ทองหยอดทอดสนิท
ทองม้วนมิดคิดความหลัง
สองปีสองปิดบัง
แต่ลำพังสองต่อสอง
๏ งามจริงจ่ามงกุฏ
ใส่ชื่อดุจมงกุฎทอง
เรียมร่ำคำนึงปอง
สอิ้งน้องนั้นเคยยล
๏ บัวลอยเล่ห์บัวงาม
คิดบัวกามแก้วกับตน
ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล
สถนนุชดุจประทุม
๏ ช่อม่วงเหมาะมีรศ
หอมปรากฎกลโกสุม
คิดสีสไบคลุม
หุ้มห่มม่วงดวงพุดตาล
๏ ฝอยทองเปนยองใย
เหมือนเส้นไหมไข่ของหวาน
คิดความยามเยาวมาลย์
เย็บชุนใช้ไหมทองจีน ๚
โคลง
๏ หวนเห็นหีบหมากเจ้า
จัดเจียน มาแม่
พลูจีบต่อยอดเนียน
น่าเคี้ยว
กลี่กล่องกระวานเขียน
มือยี่ ปุ่นเฮย
บุหรี่ใส่กล่องเงี้ยว
ลอบให้เหลือหาญ ๚
กาพย์
๏ หมากเจียนเจ้างามปลอด
พลูต่อยอดน่าเอนดู
กระวานอิกกานพลู
บุหรี่ให้ใจเหลือหาญ
๏ เช็ดหน้าชุบน้ำอบ
หอมตระหลบดอกดวงมาลย์
บังอรซ่อนใส่พาน
ส่งมาให้ไม่เว้นวัน
๏ เดือนสามสำเภามา
มีใบชาชาติจุหลัน
ถ้ำคู่อยู่เคียงกัน
กับให้เห็นเปนปฤษณา
๏ เดือนห้าน่าร้อนจัด
เจ้าให้พัดด้ามจิ้วมา
เรื่องร้อนผ่อนเพทนา
เพื่อพนิดาไม่ละเลย
๏ คำนึงถึงเดือนหก
ทั่วทายกตามโคมเคย
งามสุดนุชพี่เอย
ได้เห็นกันวันบูชา
๏ เดือนแปดวันเพ็ญเจ้า
ย่อมไปเข้าพระพรรษา
รับศีลอย่างสีกา
ด้วยเจตนาจำนงใน
๏ เห็นนวลครวญครุ่นคิด
กำเริบจิตรวาบหวั่นไหว
ไปได้ก็จะไป
โอบเอวอุ้มพุ่มพวงพยุง
๏ ยามฝนดลเดือนสิบ
เริ่มเข้าทิพย์เจ้าจะหุง
หาของต้องการปรุง
มุ่งใจจิตรประดิษฐประดอย
๏ เดือนสิบเอ็ดเด็ดแดดิ้น
ยามกฐินทุกวันคอย
เห็นเรือไล่ถี่ซอย
กลอยกลับเห็นเช่นแรกสม
๏ คิดรูปน่ารักเหลือ
คิดนุ่มเนื้อน่าเชยชม
คิดเนตรขำค้อนคม
ผมหอมชื่นรื่นรศคนธ์
๏ ฤดูเดือนสิบสอง
หญิงชายซ้องแซ่อึงอล
ขึ้นล่องท่องเที่ยวชล
ยลผ้าป่าราตรีกาล
๏ เซงแซ่เสียงเภรี
ปานเรียมตีทรวงประหาร
พาทย์ฆ้องก้องกังวาล
สารดุจน้องร้องเรียกเรียม
๏ ทุกลำลอบเล็งลักษณ์
ไม่พบภักตร์เจ้างามเสงี่ยม
ดูไหนไม่เทียบเทียม
ร่วมรักเรียมรูปร่างรัด
๏ เดือนยี่พิธีพญา
โยนชิงช้าชนแออัด
สาวหนุ่มกำหนดนัด
ทัศนาแห่แลหากัน
๏ เรียมเตร่ตรวจทุกช่อง
ไม่เห็นน้องเนื้อนวลจันทร์
ว้าหวิ้นดิ้นแดยัน
หันเห็นท่าชิงช้าโยน
๏ เชี่ยวชาญกระดานต้น
โยกเยกยลคนหกโหน
ถือท้ายกายอ่อนโอน
โดนคิดได้ดั่งใจถวิล
๏ แรมค่ำร่ำไห้หวน
แห่อิศวรย่ำยามยิน
เคยเห็นเปนอาจิณ
ช้าหงษ์เห่เล่ห์ลมพราหมณ์
๏ โอมอวดสวดสำเนียง
ไม่เหมือนเสียงนางนงราม
ล้ำเลิศเฉิดโฉมงาม
ยามเย็นเช้าเจ้าอ่านฉันท์
๏ อ่อนหวานสารเสนาะ
เพราะอักษรกลอนพาดพัน
แจ้งเจื้อยใจจาบัลย์
ทุกวันหวังฟังเสียงสมร
๏ ห้าค่ำย่ำยามปลาย
แห่นารายน์เร่งอาวรณ์
อยู่ใกล้จะใคร่จร
ไปรับเจ้าเคล้าคลอมา
๏ เดือนแรมเหมือนเรียมค้าง
เรื่องรักร้างแรมขนิษฐา
แรมรศแรมพจนา
แรมเห็นหน้านิ่งนอนแรม
โคลง
๏ ดลเดือนมหะหร่ำเจ้า
เซ็นปี ใหม่แม่
มะหง่นประปรานทวี
เทวศไห้
ห่อนเห็นมิ่งมารศรี
เสมอชีพ มานา
เรียมลูบอกไล้ไล้
คู่ข้อนทรวงเซ็น ๚
กาพย์
๏ ดลเดือนเรียกมหะหร่ำ
ขึ้นสองค่ำแขกตั้งการ
เจ้าเซ็นสิบวันวาร
ประหารอกฟกฟูมไนยน์
๏ มหะหร่ำเรียมคอยเคร่า
ไม่เห็นเจ้าเศร้าเสียใจ
ลูบอกโอ้อาไลย
ลาลดล้ำกำสรวญเซ็น ๚