พอดีช่วงนี้ตามเพจ GMM Superstar แล้วเขาจัดอันดับยอดขายอัลบั้มหรือซิงเกิลฮิตๆของค่ายสมัยก่อน
โดยเฉพาะอัลบั้ม แค่แกรมมี่ค่ายเดียวมีอัลบั้มที่ขายได้ล้านตลับเยอะมาก เผลอๆยอดรวมเยอะกว่าบางประเทศอีก
แต่ที่แปลกใจคือ ยอดขายเทปขายดีมาก แต่เหมือนซีดียอดขายจะไม่สูงเท่าเทปเลย
(บางงาน ยอดขายซีดีแตะหลักล้านก็มี แต่ไม่เยอะเท่างานที่ขายเป็นเทปคาสเซ็ท)
เทียบกับญี่ปุ่น อเมริกา ยุคซีดีนี่ขายดีมาก อุตสาหกรรมเพลงญี่ปุ่นตั้งแต่ 1990 - 2010 ต้นๆ ขยายตัวจนใหญ่แซงอเมริกาได้ปีหนึ่งก็เพราะยอดขายซีดี
ส่วนอเมริกา อย่างอัลบั้มแรกของบริทนี่ย์ Baby One More Time ยอดขาย 10 ล้านชุดในอเมริกา เป็นเทปคาสเซ็ตแค่ 1 ล้านตลับเอง
ยิ่งพอค่ายเลิกขายเทป แทบจะไม่มีอัลบั้มไหนหลังจากนั้นทำยอดขายแตะถึงหลักแสนหรือหลักล้านอีกเลย
ทั้งๆที่หลังๆ ราคาซีดีก็เริ่มถูกเท่าๆราคาเทปสมัยก่อนแล้ว
เห็นมีคนบอกว่าอัลบั้มอาสาสนุก ของพี่เบิร์ด เป็นชุดเดียวที่ขายถึงหลักแสนในยุคดิจิตอล (ยอดขายน่าจะเป็นซีดี ไม่นับรวมยอดดาวน์โหลด)
หลายปีก่อนอาร์เอสก็ขายโรงงานผลิตซีดีทิ้งไปเลย
อยากถามคนที่ทันสมัยนั้น เพราะอะไรถึงเลือกซื้อเทปมากกว่าซีดีครับ
เพราะอะไรคนไทยซื้อเทปคาสเซ็ทมากกว่าซีดี
โดยเฉพาะอัลบั้ม แค่แกรมมี่ค่ายเดียวมีอัลบั้มที่ขายได้ล้านตลับเยอะมาก เผลอๆยอดรวมเยอะกว่าบางประเทศอีก
แต่ที่แปลกใจคือ ยอดขายเทปขายดีมาก แต่เหมือนซีดียอดขายจะไม่สูงเท่าเทปเลย
(บางงาน ยอดขายซีดีแตะหลักล้านก็มี แต่ไม่เยอะเท่างานที่ขายเป็นเทปคาสเซ็ท)
เทียบกับญี่ปุ่น อเมริกา ยุคซีดีนี่ขายดีมาก อุตสาหกรรมเพลงญี่ปุ่นตั้งแต่ 1990 - 2010 ต้นๆ ขยายตัวจนใหญ่แซงอเมริกาได้ปีหนึ่งก็เพราะยอดขายซีดี
ส่วนอเมริกา อย่างอัลบั้มแรกของบริทนี่ย์ Baby One More Time ยอดขาย 10 ล้านชุดในอเมริกา เป็นเทปคาสเซ็ตแค่ 1 ล้านตลับเอง
ยิ่งพอค่ายเลิกขายเทป แทบจะไม่มีอัลบั้มไหนหลังจากนั้นทำยอดขายแตะถึงหลักแสนหรือหลักล้านอีกเลย
ทั้งๆที่หลังๆ ราคาซีดีก็เริ่มถูกเท่าๆราคาเทปสมัยก่อนแล้ว
เห็นมีคนบอกว่าอัลบั้มอาสาสนุก ของพี่เบิร์ด เป็นชุดเดียวที่ขายถึงหลักแสนในยุคดิจิตอล (ยอดขายน่าจะเป็นซีดี ไม่นับรวมยอดดาวน์โหลด)
หลายปีก่อนอาร์เอสก็ขายโรงงานผลิตซีดีทิ้งไปเลย
อยากถามคนที่ทันสมัยนั้น เพราะอะไรถึงเลือกซื้อเทปมากกว่าซีดีครับ