วันนี้เราทะเลาะกับแฟนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเท่าไร
คือวันนี้เราไปซื้อของที่ห้างแห่งหนึ่ง ซึ่งแฟนเราก็ทำงานที่นั้นอยู่ แต่เราไปเราไม่โทรหาเขา เราไปเห็นเขาก็ทำงานอยู่ คนเยอะมาก เราก็เลยไม่อยากจะโทรเข้าไปหาเขาเพราะไม่อยากกวนเขาเวลาทำงาน แล้วเมื่อเราซื้อของเสร็จอะไรเสร็จพอช่วงเย็นๆเขาโทรมา เราก็บอกเขา เอ่อเนี่ย วันนี้เราไปห้างมาเห็นเธอทำงานอยู่ยุ่งๆ พอเขารู้ว่าเราไปเขาก็โกรธที่เราไม่โทรไปหาเขา เออแล้วเขาพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “เราอยากเจอเขาจริงๆมั้ย” ไอ่เราก็สตั้นไปเลย คิดในใจว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอ
พอตกดึกแล้วก็ทักไลน์หาเขาปกติ ก็เลยถามเขาไปตรงๆเลยว่า วันนี้โกรธมั้ย ที่ไม่โทรไปหา (ในใจคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องโกรธ) เขาก็เลยตอบว่า โกรธ เราก็อธิบายเหตุผลของเราไป แต่เหมือนมันทำให้เขายิ่งโกรธเข้าไปอีก ซึ่งในความที่ไม่โทรไปหาเนี่ย มันมีเหตุผลอยู่ คือเราไม่อยากกวนเวลาเขาทำงานเพราะเขาเป็นคนจริงจังกับการทำงาน ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากเจอ เราอยากเจอเขามาก เราคิดแค่ว่สเราเห็นเขาฝ่ายเดียวก็พอแล้วมั้ง เราไม่คิดถึงว่าเขาก็อยากเจอเราเหมือนกัน
แค่เราไม่โทรหาเขาเรากลายเป็นคนผิดไปเลยหรอ เหตุผลแค่ว่า “ไม่อยากกวนเวลาเขาทำงาน มันคงไม่พอจริงสินะ “
เรื่องนี้ใครผิด
คือวันนี้เราไปซื้อของที่ห้างแห่งหนึ่ง ซึ่งแฟนเราก็ทำงานที่นั้นอยู่ แต่เราไปเราไม่โทรหาเขา เราไปเห็นเขาก็ทำงานอยู่ คนเยอะมาก เราก็เลยไม่อยากจะโทรเข้าไปหาเขาเพราะไม่อยากกวนเขาเวลาทำงาน แล้วเมื่อเราซื้อของเสร็จอะไรเสร็จพอช่วงเย็นๆเขาโทรมา เราก็บอกเขา เอ่อเนี่ย วันนี้เราไปห้างมาเห็นเธอทำงานอยู่ยุ่งๆ พอเขารู้ว่าเราไปเขาก็โกรธที่เราไม่โทรไปหาเขา เออแล้วเขาพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “เราอยากเจอเขาจริงๆมั้ย” ไอ่เราก็สตั้นไปเลย คิดในใจว่ามันต้องเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอ
พอตกดึกแล้วก็ทักไลน์หาเขาปกติ ก็เลยถามเขาไปตรงๆเลยว่า วันนี้โกรธมั้ย ที่ไม่โทรไปหา (ในใจคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องโกรธ) เขาก็เลยตอบว่า โกรธ เราก็อธิบายเหตุผลของเราไป แต่เหมือนมันทำให้เขายิ่งโกรธเข้าไปอีก ซึ่งในความที่ไม่โทรไปหาเนี่ย มันมีเหตุผลอยู่ คือเราไม่อยากกวนเวลาเขาทำงานเพราะเขาเป็นคนจริงจังกับการทำงาน ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากเจอ เราอยากเจอเขามาก เราคิดแค่ว่สเราเห็นเขาฝ่ายเดียวก็พอแล้วมั้ง เราไม่คิดถึงว่าเขาก็อยากเจอเราเหมือนกัน
แค่เราไม่โทรหาเขาเรากลายเป็นคนผิดไปเลยหรอ เหตุผลแค่ว่า “ไม่อยากกวนเวลาเขาทำงาน มันคงไม่พอจริงสินะ “