กระทู้เตือนใจ - ชีวิตพังเพราะพ่อ ถูกบังคับให้บวชจนหมดสิ้นอนาคต

เรื่องที่จะเล่าต่อจากนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับตัวผมเอง  ยาวหน่อยแต่อยากให้อ่านเพื่อเตือนใจตัวเองและผู้ที่เข้ามาอ่านว่าอย่าทำแบบนี้กับลูกเด็ดขาด

ครอบครัวผมฐานะพอมีพอกิน  ผมเริ่มฉายแววด้านไฟฟ้าตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และภาษาจีนตั้งแต่อายุ 7 ขวบ  ชอบเอาหนังสือมาเขียนเสาไฟแรงสูง  เขียนภาษาจีนตามซับหนังจีน  หมดกระดาษปากกาเยอะมาก  แต่พ่อไม่เห็นแววของลูกเลย  หนำซ้ำยังด่าว่าไร้สาระบ้าง  เปลืองกระดาษปากกาบ้าง  พ่อไม่เคยถามลูกเลยว่าชอบไฟฟ้าใช่ไหม  ปล่อยให้ลูกมัวแต่วาดอยู่อย่างนั้นจนเลิกตอนประมาณ ป.6

พ่อมีอาชีพตัดผม  พ่อเป็นคนเจ้าชู้มาก  หลังจากที่ผมเกิดมาพ่อมักจะออกจากบ้านถือกล้องถ่ายรูปไปถ่ายสาวๆทุกๆวัน  หาเศษหาเลยบ่อยมาก  ปล่อยให้แม่เลี้ยงลูกตามลำพัง  พาแม่ย้ายบ้าน 7 ครั้ง  สุดท้ายได้มาอยู่อีกอำเภอ  ถึงกระนั้นจะพาย้ายไปอีก  แม่โกรธพ่อมาก  ยืนกรานว่าจะไม่ย้ายไปไหนอีกแล้วเด็ดขาด  เลยหยุดการย้ายบ้านครั้งที่ 7

ผมมีน้องสาว 1 คน อายุห่างกัน 5 ปี  น้องผมได้มาโตที่บ้านหลังที่ 7 ติดพูดสำเนียงไทยมาตั้งแต่บัดนั้น  ส่วนผมกับพ่อแม่ก็พูดอีสานครับ

ผมอยู่ ป.5 วันหนึ่งมีลุงคนหนึ่งเร่ขายข้าวโพดต้ม  มันเหลืออยู่ 1 พวง  แกเอามาแลกให้พ่อตัดผมให้  และแกก็เล่าถึงวัดป่าสายวัดหนองป่าพง  พูดธรรมะและการปฏิบัติธรรมให้พ่อฟังขณะตัดผม  ไม่รู้ดลใจพ่อท่าไหนถึงได้ปลื้มกับลุงคนนี้มาก  ถึงขนาดกราบเป็นอาจารย์เลย  ทั้งที่ลุงคนนี้เขาเกลียดกันทั้งหมู่บ้าน  เพราะชอบไปพูดธรรมะให้พระให้ญาติโยมที่ไปถือศีลที่วัดฟังจนเขาเกลียด  แม้กระทั่งพระก็ยังเกลียดแก  แต่แกก็ยังฆ่าสัตว์  ยังด่าลูกด่าหลานจนบ้านแตก

หลังจากที่พ่อได้กราบเป็นอาจารย์แล้ว  พ่อก็ตั้งหน้าตั้งตาสวดมนต์นั่งสมาธิแบบเอาเป็นเอาตาย  บทที่พ่อสวดจะมี  1.ยอดพระกันไตรปิฏก 2.บารมีสามสิบทัศ 3. ชินบัญชร  พ่อสวดจนขึ้นใจ  สวดทั้งตอนเย็นและตอนเช้า  ว่างเว้นจากการตัดผมพ่อจะนั่งสมาธิตลอด  เปิดทีวีแล้วนั่งสมาธิจนหลับคาทีวีก็บ่อยดึกดื่นก็นั่งสมาธิ  และบังคับให้ผมกับน้องสวดมนต์และนั่งสมาธิ  ปลุกผมตอนตี 4 เพื่อมาสวดมนต์ตลอด  ถ้านั่งสมาธิน้อยก็จะด่าทั้งผมและน้อง  เป็นสิ่งที่อึดอัดมากสำหรับเด็ก  เพราะวัยเด็กเป็นวัยกินเล่นนอน  แต่พ่อชอบพูดว่าตอนเป็นเด็กชอบวิ่งเล่นกับเพื่อนจนสี่ทุ่มยังไม่นอนเลย  แต่เวลาลูกตัวเองกลับบังคับไม่ให้ผมกับน้องได้วิ่งเล่นเหมือนตัวเองตอนเป็นเด็กบ้าง  บังคับให้สวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน

พ่อเริ่มเข้าวัดป่าเพราะลุงที่กราบเป็นอาจารย์นั่นแหละพาไป  พ่อยิ่งซาบซึ้งในวัดป่ามาก  แต่วัดอยู่หน้าบ้านตัวเองแท้ๆพ่อแทบไม่เคยเข้าเลย  พอเห็นวัดป่าแล้วซาบซิ้งพ่อเริ่มที่จะพูดกับผมเรื่องการบวช  เริ่มมีการหว่านล้อมว่าบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่ให้ด้วย  จะได้จูงพ่อแม่ขึ้นสวรรค์  ให้ลูกบรรลุพระนิพพานเลยจะได้ไม่ต้องมาเกิดอีก  และพูดอยู่อย่างนี้แทบจะทุกวันจนน่ารำคาญ  จะไม่ให้บวชวัดบ้านเพราะวัดบ้านไม่มีข้อวัตรปฏิบัติ  พ่อชอบโน้มน้าวให้ลูกไปบวชด้วยประโยคนี้ว่า  ''อย่างขี้ฮ้ายกะให้ได้ส่ำพ่อ''  (ภาษาอีสานแปลและขยายความว่า  อย่างขี้เหร่สุดเรื่องการปฏิบัติธรรมก็ขอให้ได้เท่าพ่อ)  ชอบพูดประโยคนี้บ่อยมาก

พ่อเริ่มวางแผนให้ผมได้รู้จักและซึมซับวัดป่า  พาไปวัดตอนวันพระบ้าง  พาไปกราบหลวงพ่อเจ้าอาวาสบ้าง  มีอยู่วันหนึ่งวัดป่ามีการปฏิบัติธรรม 5 วัน  ผมอยู่ ป.5 เป็นช่วงวันปิดเทอมสั้น 20 วันพอดี  พ่อเริ่มบังคับให้ผมไปถือศีลกับพ่อขาวแม่ขาวอายุมาก  โดยที่มีเด็กเพียงคนเดียวคือผมอยู่ท่ามกลางคนแก่นับร้อย  ผมไม่อยากไปเลยแต่พ่อบังคับต้องไปให้ได้  ผมเลยจำใจต้องไป  ไปได้เพียงวันเดียวกินกาแฟจนน็อค  นอนแผ่อยู่หน้าวัดคนเดียวไม่มีใครเหลียวแล  จนบ่ายพ่อมาเยี่ยมถึงได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน 

จบ ป.6 ผมอยากเรียนต่อมัธยม  แต่อีกใจก็สงสารพ่อเพราะเห็นพ่อทำงานหนักยืนตัดผมทั้งวัน  (ลูกติดพ่อ)  พูดตรงๆคือไม่มีศรัทธาจะบวชเลย  พ่อหวังในตัวผมมากๆอยากให้บวชให้ได้  แม่ก็ทัดทานพ่อไม่ได้  แม่บอกว่าสึกมาลูกจะทำงานยังไง  พ่อบอกว่าจะให้เป็นเหมือนหลวงปู่ชาเลยคือบวชไม่สึกและให้เป็นหลวงปู่ดังๆไปเลย  ตามประสาเด็กมันคิดวิเคราะห์แยกแยะไม่เป็นน่ะครับ  มันมีแต่ความรู้สึกเช่น  รัก  สงสาร  เกลียด  ทำให้ผมต้องอยู่ใต้คำสั่งพ่อตลอด  พ่อชอบพูดเสมอว่าจะเรียนไปทำไม  เรียนจบแล้วไปทำงานก็ไปเป็นขี้ข้าเขานั่นแหละ

และแล้ววันเปิดรับสมัครนักเรียนก็มาถึง  เพื่อนมาชวนไปสมัครเรียนมารออยู่หน้าบ้านแล้ว  ผมตั้งท่าจะไปกับเพื่อนแล้ว  ประจวบกับพ่อกำลังตัดผมอยู่  ผมยังถามพ่ออีกว่า  " จะให้เรียนหรือจะให้บวช "  สงสัยพ่อเห็นผมคงจะไม่บวชแน่ๆเพราะเพื่อนมาชวนแล้ว  พ่อก็เลยตอบด้วยสีหน้าแบบผิดหวังอย่างมากว่า  " แล้วแต่ "  คำนี้ทำให้ผมรู้สึกสงสารพ่ออย่างมาก  กัดฟันกลั้นใจพูดออกไปเลยว่า  " บวชก็บวช "  พ่อได้คำตอบอย่างนั้นดีใจสุดๆ  รีบจัดแจงข้าวของให้ลูกเพื่อจะได้บวชได้อย่างเต็มที่  อนาคตดับของลูกจึงเกิดขึ้นตั้งแต่บัดนั้น

พอฝากตัวโกนหัวเรียบร้อย  ต้องถือปะขาวก่อนเป็นเวลา 1 เดือน  (ตามกฏของสายวัดหนองป่าพง)  ช่วงแรกผมเหงามาก  จากเด็กที่เคยวิ่งเล่นเตะบอลกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน  กลับต้องมาเงียบเหงาว้าเหว่คนเดียว  ทุกๆวันผมต้องมานั่งหน้าวัดเพื่อรอให้พ่อมาหา  สมัยนั้นโทรศัพท์ยังไม่มี  กฏวัดป่าก็ห้ามเยอะมาก  เช่นห้ามรับเงินทอง  ห้ามดูหนังฟังเพลง  ฉันฑ์มื้อเดียว  ตื่นตีสามทำวัตรทุกวัน  ทำกิจวัตรปัดกวาดเช็ดถูทุกวัน  ที่สำคัญ  ห้ามเรียนทางโลก  ห้ามเรียนเปรียญธรรมด้วย  ให้เรียนได้แค่ นธ.เอก  ถ้าฝ่าฝืนจะถูกจับขึ้นสงฆ์ประจาน  หนักสุดคือถูกขับไล่ออกจากสาย

มาที่น้องผม  หลังจากที่ผมไปบวชแล้ว  พ่อไม่ใส่ใจลูกสาวเลยเรื่องการเรียน  และยังบังคับให้น้องสวดมนต์นั่งสมาธิทุกวันต่อไป  และมักจะพูดเสมอว่า  "เสียดายที่ไม่น่าเป็นผู้หญิงเลยจะได้จับให้บวชอีกคน"  น้องขอซื้อจักรยานเพื่อปั่นไปโรงเรียน  พ่อปฏิเสธตลอดไม่ซื้อให้เลย  อ้างด้วยเหตุผลตื้นๆว่า  " ซื้อมาทำไมเดียวขับไปชนตาย  เดี๋ยวแข้งขาหัก "  น้องขออยู่อย่างนี้หลายปีมากพ่อก็ยืนกรานยังไงก็ไม่ซื้อให้จนกระทั่งเรียนจบมัธยมปลาย  ขณะเดียวกันพ่อมีมอเตอร์ไซค์ถึง 3 คัน  รุ่น RX100 เป็นรุ่นที่พ่อชอบมาก  ยังจะซื้อเป็นคนที่ 4 อีกด้วย  ขนาดสามคันยังขับไม่ทันน้ำมันไหลกองเต็มพื้น  มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนแม่เสนอขายจักรยานเก่ามาก  น้องไม่อยากได้เลยเพราะมันเห่ยที่สุด  แต่ราคาถูกมากแค่ 200  พ่อบังคับให้ลูกเอาจักรยานคันนี้เลย  น้องปฏิเสธว่าไม่เอา  พ่อตะคอกด้วยเสียงแข็งว่า  "ต้องเอา"  สุดท้ายน้องก็ทัดทานพ่อไม่ไหวก็จำใจต้องเอา  เอามาโซ่ตกบ่อยเหลือเกิน  เพื่อนก็ล้อจนอับอาย (ขึ้นมัธยมแล้ว)  น้องก็ต้องเดินไปโรงเรียนเหมือนเดิมจนร้องไห้เพราะอัดอั้นตันใจว่าทำไมพ่อเป็นคนแบบนี้ กระเป๋าเรียนก็แสนจะหนักเพราะเต็มไปด้วยตำราเรียน ลูกคนอื่นทำไมขอจักรยานหรือของเล่นพ่อแม่เขาก็ซื้อให้ตลอด แต่พ่อแม่เราขออะไรก็ไม่เคยได้เลย แม้กระทั่งเสื้อผ้าก็ไม่เคยซื้อให้ลูกทั้งสองเลย ต้องรอให้เพื่อนบ้านบริจาคมาถึงได้ใส่ ถ้าแอบไปซื้อมาใส่พ่อจะด่าเช้ายันค่ำ (นี่เรื่องจริง) จักรยานโซ่ตกบ่อยจนต้องเลิกขับ พ่อแม่ก็มัวแต่ไปทำบุญวัดป่าตลอด (แต่วัดอยู่หน้าบ้านตัวเองแท้ๆกลับไม่เข้า) ปล่อยให้น้องอยู่บ้านคนเดียวจนเกือบโดนโจรเข้ามาข่มขืนก็มีมาแล้ว

กลับมาที่ผม  จากเด็กน้อยที่ไปบวชตั้งแต่อายุ 13 ล่วงเลยจนอายุ 30 พ่อมีอันต้องล้มป่วยอัมพาตครึ่งซีกพูดไม่ได้  ผมจำเป็นต้องสึกออกมาดูแลโดยที่ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย  ไม่มีเงินสักบาทเพราะวัดป่าห้ามรับเงินทอง  ความรู้ก็เพียง ป.6 สมัครงานที่ไหนก็ไม่ได้  ถึงได้มารู้สึกตัวในภายหลังว่าหมดอนาคตเพราะถูกพ่อบังคับ  เหมือนหนังละครที่มันเฉลยคำตอบภายหลังเมื่อผ่านไป 17 ปียังไงยังงั้น  ผมเสียใจมากที่ชะตาชีวิตอาภัพอย่างนี้  งานไม่มีทำได้แต่ขายของชำอยู่บ้านไปวันๆ  อยากมีแฟนก็ไม่ได้ใครเขาจะเอาคนหมดอนาคตมาทำผัว  ถึงกระนั้นพ่อที่พูดไม่ได้ก็ยังไม่ยอมรับความผิดที่ตัวเองเอาความฝันมาบงการลูกจนทุกวันนี้  แต่หลังๆมาพ่อจะนิ่งเงียบไม่แสดงอาการอะไร (อาจจะรู้ตัวแล้วกระมัง)

RX100 ที่พ่อชอบและสะสมถึง 3 คัน  พ่อวางแผนจะให้ลูกสาวได้ขับ  ไม่ยอมให้ลูกออกรถใหม่เลย  พ่อบอกว่ารถพ่อดีที่สุด  รถทุกวันนี้มันสู้รถพ่อไม่ได้ คนออกรถรุ่นใหม่ๆมันโง่  ท่านผู้อ่านลองคิดสิครับว่า  ผู้หญิงกำลังรักสวยรักงามไปขับมอเตอร์ไซค์แบบนั้นสภาพมันจะเป็นยังไง  ผมกับน้องหมดคำจะพูดถึงความเผด็จการของพ่อ  จนน้องต้องแอบไปออก HONDA CLICK เพื่อไปทำงาน  ถ้าขอพ่อจะไม่ให้แน่นอน  และตอนนั้นพ่อก็ป่วยพูดไม่ได้แล้ว  ถึงกระนั้นแม้จะพูดไม่ได้พ่อก็ยังแสดงอาการต่อต้านอย่างมากจะให้น้องขับรถเก่าพ่อให้ได้เลย  แม้แต่ผมเป็นผู้ชายแท้ๆยังไม่อยากจะขับเลย

17 ปีที่เสียไปเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์  เมื่อชีวิตเด็กคนหนึ่งกำลังจะมีอนาคต  มีการงาน  มีครอบครัวเหมือนคนปกติทั่วไป  สุดท้ายต้องมาพังเพราะผู้เป็นพ่อเอาความต้องการของตัวเองมาลงที่ลูก  ทุกวันนี้ผมอายุ 36 แล้วก็ยังไม่มีแฟนเลย  เพราะอดีตมันส่งผลมาถึงปัจจุบัน  อยากมีแฟนก็ย้อนดูสารรูปตัวเองว่าเลี้ยงเขาไม่ได้แน่  เพื่อนๆก็มีลูกจนโตเข้ามัธยมกันหมดแล้ว  ไปทำบัตรประชาชนตอนอายุ 32 (สึกมาสองปีไม่ได้ไปทำ) จนปลัดอำเภอถึงขั้นออกปากเลยว่าไม่เคยเจอเคสนี้เลย  ขนาดลุงที่พ่อกราบเป็นอาจารย์  ถึงแกบ้าๆบอๆแต่แกก็ไม่เคยบังคับให้ลูกไปบวชเลย  ลูกแต่ละคนมีการงานดีๆทั้งนั้น  เป็นครูสอนอัสสัมชัญ  เปิดอู่ซ่อมรถที่กรุงเทพ  เป็นครูสอนโรงเรียนใกล้บ้าน  เป็นผู้จัดการสินเชื่อธนาคารในกรุงเทพ

สุดท้ายอยากจะฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนมีลูกว่า  อย่าเอาความฝันตัวเองมาบงการลูกเด็ดขาด  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็แล้วแต่  ลูกฉายแววด้านใดให้สนับสนุนลูกด้านนั้น  ไม่ใช่ปล่อยปะละเลยเหมือนพ่อผมจนสุดท้ายผมต้องจบสิ้นอนาคตทุกอย่าง  ผมเห็นนักเรียนผมอิจฉามาก  เห็นคนทำงานดีๆก็ต่ำใจ  เห็นคนมีครอบครัวก็ยิ่งน้อยใจในชะตาชีวิต  ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอดีตมันผ่านมาแล้วมันเอาคืนไม่ได้  เราต้องเดินหน้าต่อไป  มีลูกบอกลูกมีหลานบอกหลานว่าอย่าเอานิสัยแบบนี้ไปทำกับลูกเด็ดขาด  ทำให้ลูกมีตราบาปไปชั่วชีวิต

ขอบคุณที่อ่านครับ  หวังว่ากระทู้นี้จะเตือนใจทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านเป็นอย่างดีครับ

ภาพมอเตอร์ไซค์ที่พ่อวางแผนจะให้น้องสาวขับ  เครดิตภาพจากเว็บ kaidee.com ครับ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่