เรื่องที่จะเล่าต่อจากนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงกับตัวผมเอง ยาวหน่อยแต่อยากให้อ่านเพื่อเตือนใจตัวเองและผู้ที่เข้ามาอ่านว่าอย่าทำแบบนี้กับลูกเด็ดขาด
ครอบครัวผมฐานะพอมีพอกิน ผมเริ่มฉายแววด้านไฟฟ้าตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และภาษาจีนตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ชอบเอาหนังสือมาเขียนเสาไฟแรงสูง เขียนภาษาจีนตามซับหนังจีน หมดกระดาษปากกาเยอะมาก แต่พ่อไม่เห็นแววของลูกเลย หนำซ้ำยังด่าว่าไร้สาระบ้าง เปลืองกระดาษปากกาบ้าง พ่อไม่เคยถามลูกเลยว่าชอบไฟฟ้าใช่ไหม ปล่อยให้ลูกมัวแต่วาดอยู่อย่างนั้นจนเลิกตอนประมาณ ป.6
พ่อมีอาชีพตัดผม พ่อเป็นคนเจ้าชู้มาก หลังจากที่ผมเกิดมาพ่อมักจะออกจากบ้านถือกล้องถ่ายรูปไปถ่ายสาวๆทุกๆวัน หาเศษหาเลยบ่อยมาก ปล่อยให้แม่เลี้ยงลูกตามลำพัง พาแม่ย้ายบ้าน 7 ครั้ง สุดท้ายได้มาอยู่อีกอำเภอ ถึงกระนั้นจะพาย้ายไปอีก แม่โกรธพ่อมาก ยืนกรานว่าจะไม่ย้ายไปไหนอีกแล้วเด็ดขาด เลยหยุดการย้ายบ้านครั้งที่ 7
ผมมีน้องสาว 1 คน อายุห่างกัน 5 ปี น้องผมได้มาโตที่บ้านหลังที่ 7 ติดพูดสำเนียงไทยมาตั้งแต่บัดนั้น ส่วนผมกับพ่อแม่ก็พูดอีสานครับ
ผมอยู่ ป.5 วันหนึ่งมีลุงคนหนึ่งเร่ขายข้าวโพดต้ม มันเหลืออยู่ 1 พวง แกเอามาแลกให้พ่อตัดผมให้ และแกก็เล่าถึงวัดป่าสายวัดหนองป่าพง พูดธรรมะและการปฏิบัติธรรมให้พ่อฟังขณะตัดผม ไม่รู้ดลใจพ่อท่าไหนถึงได้ปลื้มกับลุงคนนี้มาก ถึงขนาดกราบเป็นอาจารย์เลย ทั้งที่ลุงคนนี้เขาเกลียดกันทั้งหมู่บ้าน เพราะชอบไปพูดธรรมะให้พระให้ญาติโยมที่ไปถือศีลที่วัดฟังจนเขาเกลียด แม้กระทั่งพระก็ยังเกลียดแก แต่แกก็ยังฆ่าสัตว์ ยังด่าลูกด่าหลานจนบ้านแตก
หลังจากที่พ่อได้กราบเป็นอาจารย์แล้ว พ่อก็ตั้งหน้าตั้งตาสวดมนต์นั่งสมาธิแบบเอาเป็นเอาตาย บทที่พ่อสวดจะมี 1.ยอดพระกันไตรปิฏก 2.บารมีสามสิบทัศ 3. ชินบัญชร พ่อสวดจนขึ้นใจ สวดทั้งตอนเย็นและตอนเช้า ว่างเว้นจากการตัดผมพ่อจะนั่งสมาธิตลอด เปิดทีวีแล้วนั่งสมาธิจนหลับคาทีวีก็บ่อยดึกดื่นก็นั่งสมาธิ และบังคับให้ผมกับน้องสวดมนต์และนั่งสมาธิ ปลุกผมตอนตี 4 เพื่อมาสวดมนต์ตลอด ถ้านั่งสมาธิน้อยก็จะด่าทั้งผมและน้อง เป็นสิ่งที่อึดอัดมากสำหรับเด็ก เพราะวัยเด็กเป็นวัยกินเล่นนอน แต่พ่อชอบพูดว่าตอนเป็นเด็กชอบวิ่งเล่นกับเพื่อนจนสี่ทุ่มยังไม่นอนเลย แต่เวลาลูกตัวเองกลับบังคับไม่ให้ผมกับน้องได้วิ่งเล่นเหมือนตัวเองตอนเป็นเด็กบ้าง บังคับให้สวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน
พ่อเริ่มเข้าวัดป่าเพราะลุงที่กราบเป็นอาจารย์นั่นแหละพาไป พ่อยิ่งซาบซึ้งในวัดป่ามาก แต่วัดอยู่หน้าบ้านตัวเองแท้ๆพ่อแทบไม่เคยเข้าเลย พอเห็นวัดป่าแล้วซาบซิ้งพ่อเริ่มที่จะพูดกับผมเรื่องการบวช เริ่มมีการหว่านล้อมว่าบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่ให้ด้วย จะได้จูงพ่อแม่ขึ้นสวรรค์ ให้ลูกบรรลุพระนิพพานเลยจะได้ไม่ต้องมาเกิดอีก และพูดอยู่อย่างนี้แทบจะทุกวันจนน่ารำคาญ จะไม่ให้บวชวัดบ้านเพราะวัดบ้านไม่มีข้อวัตรปฏิบัติ พ่อชอบโน้มน้าวให้ลูกไปบวชด้วยประโยคนี้ว่า ''อย่างขี้ฮ้ายกะให้ได้ส่ำพ่อ'' (ภาษาอีสานแปลและขยายความว่า อย่างขี้เหร่สุดเรื่องการปฏิบัติธรรมก็ขอให้ได้เท่าพ่อ) ชอบพูดประโยคนี้บ่อยมาก
พ่อเริ่มวางแผนให้ผมได้รู้จักและซึมซับวัดป่า พาไปวัดตอนวันพระบ้าง พาไปกราบหลวงพ่อเจ้าอาวาสบ้าง มีอยู่วันหนึ่งวัดป่ามีการปฏิบัติธรรม 5 วัน ผมอยู่ ป.5 เป็นช่วงวันปิดเทอมสั้น 20 วันพอดี พ่อเริ่มบังคับให้ผมไปถือศีลกับพ่อขาวแม่ขาวอายุมาก โดยที่มีเด็กเพียงคนเดียวคือผมอยู่ท่ามกลางคนแก่นับร้อย ผมไม่อยากไปเลยแต่พ่อบังคับต้องไปให้ได้ ผมเลยจำใจต้องไป ไปได้เพียงวันเดียวกินกาแฟจนน็อค นอนแผ่อยู่หน้าวัดคนเดียวไม่มีใครเหลียวแล จนบ่ายพ่อมาเยี่ยมถึงได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน
จบ ป.6 ผมอยากเรียนต่อมัธยม แต่อีกใจก็สงสารพ่อเพราะเห็นพ่อทำงานหนักยืนตัดผมทั้งวัน (ลูกติดพ่อ) พูดตรงๆคือไม่มีศรัทธาจะบวชเลย พ่อหวังในตัวผมมากๆอยากให้บวชให้ได้ แม่ก็ทัดทานพ่อไม่ได้ แม่บอกว่าสึกมาลูกจะทำงานยังไง พ่อบอกว่าจะให้เป็นเหมือนหลวงปู่ชาเลยคือบวชไม่สึกและให้เป็นหลวงปู่ดังๆไปเลย ตามประสาเด็กมันคิดวิเคราะห์แยกแยะไม่เป็นน่ะครับ มันมีแต่ความรู้สึกเช่น รัก สงสาร เกลียด ทำให้ผมต้องอยู่ใต้คำสั่งพ่อตลอด พ่อชอบพูดเสมอว่าจะเรียนไปทำไม เรียนจบแล้วไปทำงานก็ไปเป็นขี้ข้าเขานั่นแหละ
และแล้ววันเปิดรับสมัครนักเรียนก็มาถึง เพื่อนมาชวนไปสมัครเรียนมารออยู่หน้าบ้านแล้ว ผมตั้งท่าจะไปกับเพื่อนแล้ว ประจวบกับพ่อกำลังตัดผมอยู่ ผมยังถามพ่ออีกว่า " จะให้เรียนหรือจะให้บวช " สงสัยพ่อเห็นผมคงจะไม่บวชแน่ๆเพราะเพื่อนมาชวนแล้ว พ่อก็เลยตอบด้วยสีหน้าแบบผิดหวังอย่างมากว่า " แล้วแต่ " คำนี้ทำให้ผมรู้สึกสงสารพ่ออย่างมาก กัดฟันกลั้นใจพูดออกไปเลยว่า " บวชก็บวช " พ่อได้คำตอบอย่างนั้นดีใจสุดๆ รีบจัดแจงข้าวของให้ลูกเพื่อจะได้บวชได้อย่างเต็มที่ อนาคตดับของลูกจึงเกิดขึ้นตั้งแต่บัดนั้น
พอฝากตัวโกนหัวเรียบร้อย ต้องถือปะขาวก่อนเป็นเวลา 1 เดือน (ตามกฏของสายวัดหนองป่าพง) ช่วงแรกผมเหงามาก จากเด็กที่เคยวิ่งเล่นเตะบอลกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน กลับต้องมาเงียบเหงาว้าเหว่คนเดียว ทุกๆวันผมต้องมานั่งหน้าวัดเพื่อรอให้พ่อมาหา สมัยนั้นโทรศัพท์ยังไม่มี กฏวัดป่าก็ห้ามเยอะมาก เช่นห้ามรับเงินทอง ห้ามดูหนังฟังเพลง ฉันฑ์มื้อเดียว ตื่นตีสามทำวัตรทุกวัน ทำกิจวัตรปัดกวาดเช็ดถูทุกวัน ที่สำคัญ ห้ามเรียนทางโลก ห้ามเรียนเปรียญธรรมด้วย ให้เรียนได้แค่ นธ.เอก ถ้าฝ่าฝืนจะถูกจับขึ้นสงฆ์ประจาน หนักสุดคือถูกขับไล่ออกจากสาย
มาที่น้องผม หลังจากที่ผมไปบวชแล้ว พ่อไม่ใส่ใจลูกสาวเลยเรื่องการเรียน และยังบังคับให้น้องสวดมนต์นั่งสมาธิทุกวันต่อไป และมักจะพูดเสมอว่า "เสียดายที่ไม่น่าเป็นผู้หญิงเลยจะได้จับให้บวชอีกคน" น้องขอซื้อจักรยานเพื่อปั่นไปโรงเรียน พ่อปฏิเสธตลอดไม่ซื้อให้เลย อ้างด้วยเหตุผลตื้นๆว่า " ซื้อมาทำไมเดียวขับไปชนตาย เดี๋ยวแข้งขาหัก " น้องขออยู่อย่างนี้หลายปีมากพ่อก็ยืนกรานยังไงก็ไม่ซื้อให้จนกระทั่งเรียนจบมัธยมปลาย ขณะเดียวกันพ่อมีมอเตอร์ไซค์ถึง 3 คัน รุ่น RX100 เป็นรุ่นที่พ่อชอบมาก ยังจะซื้อเป็นคนที่ 4 อีกด้วย ขนาดสามคันยังขับไม่ทันน้ำมันไหลกองเต็มพื้น มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนแม่เสนอขายจักรยานเก่ามาก น้องไม่อยากได้เลยเพราะมันเห่ยที่สุด แต่ราคาถูกมากแค่ 200 พ่อบังคับให้ลูกเอาจักรยานคันนี้เลย น้องปฏิเสธว่าไม่เอา พ่อตะคอกด้วยเสียงแข็งว่า "ต้องเอา" สุดท้ายน้องก็ทัดทานพ่อไม่ไหวก็จำใจต้องเอา เอามาโซ่ตกบ่อยเหลือเกิน เพื่อนก็ล้อจนอับอาย (ขึ้นมัธยมแล้ว) น้องก็ต้องเดินไปโรงเรียนเหมือนเดิมจนร้องไห้เพราะอัดอั้นตันใจว่าทำไมพ่อเป็นคนแบบนี้ กระเป๋าเรียนก็แสนจะหนักเพราะเต็มไปด้วยตำราเรียน ลูกคนอื่นทำไมขอจักรยานหรือของเล่นพ่อแม่เขาก็ซื้อให้ตลอด แต่พ่อแม่เราขออะไรก็ไม่เคยได้เลย แม้กระทั่งเสื้อผ้าก็ไม่เคยซื้อให้ลูกทั้งสองเลย ต้องรอให้เพื่อนบ้านบริจาคมาถึงได้ใส่ ถ้าแอบไปซื้อมาใส่พ่อจะด่าเช้ายันค่ำ (นี่เรื่องจริง) จักรยานโซ่ตกบ่อยจนต้องเลิกขับ พ่อแม่ก็มัวแต่ไปทำบุญวัดป่าตลอด (แต่วัดอยู่หน้าบ้านตัวเองแท้ๆกลับไม่เข้า) ปล่อยให้น้องอยู่บ้านคนเดียวจนเกือบโดนโจรเข้ามาข่มขืนก็มีมาแล้ว
กลับมาที่ผม จากเด็กน้อยที่ไปบวชตั้งแต่อายุ 13 ล่วงเลยจนอายุ 30 พ่อมีอันต้องล้มป่วยอัมพาตครึ่งซีกพูดไม่ได้ ผมจำเป็นต้องสึกออกมาดูแลโดยที่ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ไม่มีเงินสักบาทเพราะวัดป่าห้ามรับเงินทอง ความรู้ก็เพียง ป.6 สมัครงานที่ไหนก็ไม่ได้ ถึงได้มารู้สึกตัวในภายหลังว่าหมดอนาคตเพราะถูกพ่อบังคับ เหมือนหนังละครที่มันเฉลยคำตอบภายหลังเมื่อผ่านไป 17 ปียังไงยังงั้น ผมเสียใจมากที่ชะตาชีวิตอาภัพอย่างนี้ งานไม่มีทำได้แต่ขายของชำอยู่บ้านไปวันๆ อยากมีแฟนก็ไม่ได้ใครเขาจะเอาคนหมดอนาคตมาทำผัว ถึงกระนั้นพ่อที่พูดไม่ได้ก็ยังไม่ยอมรับความผิดที่ตัวเองเอาความฝันมาบงการลูกจนทุกวันนี้ แต่หลังๆมาพ่อจะนิ่งเงียบไม่แสดงอาการอะไร (อาจจะรู้ตัวแล้วกระมัง)
RX100 ที่พ่อชอบและสะสมถึง 3 คัน พ่อวางแผนจะให้ลูกสาวได้ขับ ไม่ยอมให้ลูกออกรถใหม่เลย พ่อบอกว่ารถพ่อดีที่สุด รถทุกวันนี้มันสู้รถพ่อไม่ได้ คนออกรถรุ่นใหม่ๆมันโง่ ท่านผู้อ่านลองคิดสิครับว่า ผู้หญิงกำลังรักสวยรักงามไปขับมอเตอร์ไซค์แบบนั้นสภาพมันจะเป็นยังไง ผมกับน้องหมดคำจะพูดถึงความเผด็จการของพ่อ จนน้องต้องแอบไปออก HONDA CLICK เพื่อไปทำงาน ถ้าขอพ่อจะไม่ให้แน่นอน และตอนนั้นพ่อก็ป่วยพูดไม่ได้แล้ว ถึงกระนั้นแม้จะพูดไม่ได้พ่อก็ยังแสดงอาการต่อต้านอย่างมากจะให้น้องขับรถเก่าพ่อให้ได้เลย แม้แต่ผมเป็นผู้ชายแท้ๆยังไม่อยากจะขับเลย
17 ปีที่เสียไปเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ เมื่อชีวิตเด็กคนหนึ่งกำลังจะมีอนาคต มีการงาน มีครอบครัวเหมือนคนปกติทั่วไป สุดท้ายต้องมาพังเพราะผู้เป็นพ่อเอาความต้องการของตัวเองมาลงที่ลูก ทุกวันนี้ผมอายุ 36 แล้วก็ยังไม่มีแฟนเลย เพราะอดีตมันส่งผลมาถึงปัจจุบัน อยากมีแฟนก็ย้อนดูสารรูปตัวเองว่าเลี้ยงเขาไม่ได้แน่ เพื่อนๆก็มีลูกจนโตเข้ามัธยมกันหมดแล้ว ไปทำบัตรประชาชนตอนอายุ 32 (สึกมาสองปีไม่ได้ไปทำ) จนปลัดอำเภอถึงขั้นออกปากเลยว่าไม่เคยเจอเคสนี้เลย ขนาดลุงที่พ่อกราบเป็นอาจารย์ ถึงแกบ้าๆบอๆแต่แกก็ไม่เคยบังคับให้ลูกไปบวชเลย ลูกแต่ละคนมีการงานดีๆทั้งนั้น เป็นครูสอนอัสสัมชัญ เปิดอู่ซ่อมรถที่กรุงเทพ เป็นครูสอนโรงเรียนใกล้บ้าน เป็นผู้จัดการสินเชื่อธนาคารในกรุงเทพ
สุดท้ายอยากจะฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนมีลูกว่า อย่าเอาความฝันตัวเองมาบงการลูกเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็แล้วแต่ ลูกฉายแววด้านใดให้สนับสนุนลูกด้านนั้น ไม่ใช่ปล่อยปะละเลยเหมือนพ่อผมจนสุดท้ายผมต้องจบสิ้นอนาคตทุกอย่าง ผมเห็นนักเรียนผมอิจฉามาก เห็นคนทำงานดีๆก็ต่ำใจ เห็นคนมีครอบครัวก็ยิ่งน้อยใจในชะตาชีวิต ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอดีตมันผ่านมาแล้วมันเอาคืนไม่ได้ เราต้องเดินหน้าต่อไป มีลูกบอกลูกมีหลานบอกหลานว่าอย่าเอานิสัยแบบนี้ไปทำกับลูกเด็ดขาด ทำให้ลูกมีตราบาปไปชั่วชีวิต
ขอบคุณที่อ่านครับ หวังว่ากระทู้นี้จะเตือนใจทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านเป็นอย่างดีครับ
ภาพมอเตอร์ไซค์ที่พ่อวางแผนจะให้น้องสาวขับ เครดิตภาพจากเว็บ kaidee.com ครับ
กระทู้เตือนใจ - ชีวิตพังเพราะพ่อ ถูกบังคับให้บวชจนหมดสิ้นอนาคต
ครอบครัวผมฐานะพอมีพอกิน ผมเริ่มฉายแววด้านไฟฟ้าตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และภาษาจีนตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ชอบเอาหนังสือมาเขียนเสาไฟแรงสูง เขียนภาษาจีนตามซับหนังจีน หมดกระดาษปากกาเยอะมาก แต่พ่อไม่เห็นแววของลูกเลย หนำซ้ำยังด่าว่าไร้สาระบ้าง เปลืองกระดาษปากกาบ้าง พ่อไม่เคยถามลูกเลยว่าชอบไฟฟ้าใช่ไหม ปล่อยให้ลูกมัวแต่วาดอยู่อย่างนั้นจนเลิกตอนประมาณ ป.6
พ่อมีอาชีพตัดผม พ่อเป็นคนเจ้าชู้มาก หลังจากที่ผมเกิดมาพ่อมักจะออกจากบ้านถือกล้องถ่ายรูปไปถ่ายสาวๆทุกๆวัน หาเศษหาเลยบ่อยมาก ปล่อยให้แม่เลี้ยงลูกตามลำพัง พาแม่ย้ายบ้าน 7 ครั้ง สุดท้ายได้มาอยู่อีกอำเภอ ถึงกระนั้นจะพาย้ายไปอีก แม่โกรธพ่อมาก ยืนกรานว่าจะไม่ย้ายไปไหนอีกแล้วเด็ดขาด เลยหยุดการย้ายบ้านครั้งที่ 7
ผมมีน้องสาว 1 คน อายุห่างกัน 5 ปี น้องผมได้มาโตที่บ้านหลังที่ 7 ติดพูดสำเนียงไทยมาตั้งแต่บัดนั้น ส่วนผมกับพ่อแม่ก็พูดอีสานครับ
ผมอยู่ ป.5 วันหนึ่งมีลุงคนหนึ่งเร่ขายข้าวโพดต้ม มันเหลืออยู่ 1 พวง แกเอามาแลกให้พ่อตัดผมให้ และแกก็เล่าถึงวัดป่าสายวัดหนองป่าพง พูดธรรมะและการปฏิบัติธรรมให้พ่อฟังขณะตัดผม ไม่รู้ดลใจพ่อท่าไหนถึงได้ปลื้มกับลุงคนนี้มาก ถึงขนาดกราบเป็นอาจารย์เลย ทั้งที่ลุงคนนี้เขาเกลียดกันทั้งหมู่บ้าน เพราะชอบไปพูดธรรมะให้พระให้ญาติโยมที่ไปถือศีลที่วัดฟังจนเขาเกลียด แม้กระทั่งพระก็ยังเกลียดแก แต่แกก็ยังฆ่าสัตว์ ยังด่าลูกด่าหลานจนบ้านแตก
หลังจากที่พ่อได้กราบเป็นอาจารย์แล้ว พ่อก็ตั้งหน้าตั้งตาสวดมนต์นั่งสมาธิแบบเอาเป็นเอาตาย บทที่พ่อสวดจะมี 1.ยอดพระกันไตรปิฏก 2.บารมีสามสิบทัศ 3. ชินบัญชร พ่อสวดจนขึ้นใจ สวดทั้งตอนเย็นและตอนเช้า ว่างเว้นจากการตัดผมพ่อจะนั่งสมาธิตลอด เปิดทีวีแล้วนั่งสมาธิจนหลับคาทีวีก็บ่อยดึกดื่นก็นั่งสมาธิ และบังคับให้ผมกับน้องสวดมนต์และนั่งสมาธิ ปลุกผมตอนตี 4 เพื่อมาสวดมนต์ตลอด ถ้านั่งสมาธิน้อยก็จะด่าทั้งผมและน้อง เป็นสิ่งที่อึดอัดมากสำหรับเด็ก เพราะวัยเด็กเป็นวัยกินเล่นนอน แต่พ่อชอบพูดว่าตอนเป็นเด็กชอบวิ่งเล่นกับเพื่อนจนสี่ทุ่มยังไม่นอนเลย แต่เวลาลูกตัวเองกลับบังคับไม่ให้ผมกับน้องได้วิ่งเล่นเหมือนตัวเองตอนเป็นเด็กบ้าง บังคับให้สวดมนต์นั่งสมาธิทุกวัน
พ่อเริ่มเข้าวัดป่าเพราะลุงที่กราบเป็นอาจารย์นั่นแหละพาไป พ่อยิ่งซาบซึ้งในวัดป่ามาก แต่วัดอยู่หน้าบ้านตัวเองแท้ๆพ่อแทบไม่เคยเข้าเลย พอเห็นวัดป่าแล้วซาบซิ้งพ่อเริ่มที่จะพูดกับผมเรื่องการบวช เริ่มมีการหว่านล้อมว่าบวชทดแทนบุญคุณพ่อแม่ให้ด้วย จะได้จูงพ่อแม่ขึ้นสวรรค์ ให้ลูกบรรลุพระนิพพานเลยจะได้ไม่ต้องมาเกิดอีก และพูดอยู่อย่างนี้แทบจะทุกวันจนน่ารำคาญ จะไม่ให้บวชวัดบ้านเพราะวัดบ้านไม่มีข้อวัตรปฏิบัติ พ่อชอบโน้มน้าวให้ลูกไปบวชด้วยประโยคนี้ว่า ''อย่างขี้ฮ้ายกะให้ได้ส่ำพ่อ'' (ภาษาอีสานแปลและขยายความว่า อย่างขี้เหร่สุดเรื่องการปฏิบัติธรรมก็ขอให้ได้เท่าพ่อ) ชอบพูดประโยคนี้บ่อยมาก
พ่อเริ่มวางแผนให้ผมได้รู้จักและซึมซับวัดป่า พาไปวัดตอนวันพระบ้าง พาไปกราบหลวงพ่อเจ้าอาวาสบ้าง มีอยู่วันหนึ่งวัดป่ามีการปฏิบัติธรรม 5 วัน ผมอยู่ ป.5 เป็นช่วงวันปิดเทอมสั้น 20 วันพอดี พ่อเริ่มบังคับให้ผมไปถือศีลกับพ่อขาวแม่ขาวอายุมาก โดยที่มีเด็กเพียงคนเดียวคือผมอยู่ท่ามกลางคนแก่นับร้อย ผมไม่อยากไปเลยแต่พ่อบังคับต้องไปให้ได้ ผมเลยจำใจต้องไป ไปได้เพียงวันเดียวกินกาแฟจนน็อค นอนแผ่อยู่หน้าวัดคนเดียวไม่มีใครเหลียวแล จนบ่ายพ่อมาเยี่ยมถึงได้กลับไปพักฟื้นที่บ้าน
จบ ป.6 ผมอยากเรียนต่อมัธยม แต่อีกใจก็สงสารพ่อเพราะเห็นพ่อทำงานหนักยืนตัดผมทั้งวัน (ลูกติดพ่อ) พูดตรงๆคือไม่มีศรัทธาจะบวชเลย พ่อหวังในตัวผมมากๆอยากให้บวชให้ได้ แม่ก็ทัดทานพ่อไม่ได้ แม่บอกว่าสึกมาลูกจะทำงานยังไง พ่อบอกว่าจะให้เป็นเหมือนหลวงปู่ชาเลยคือบวชไม่สึกและให้เป็นหลวงปู่ดังๆไปเลย ตามประสาเด็กมันคิดวิเคราะห์แยกแยะไม่เป็นน่ะครับ มันมีแต่ความรู้สึกเช่น รัก สงสาร เกลียด ทำให้ผมต้องอยู่ใต้คำสั่งพ่อตลอด พ่อชอบพูดเสมอว่าจะเรียนไปทำไม เรียนจบแล้วไปทำงานก็ไปเป็นขี้ข้าเขานั่นแหละ
และแล้ววันเปิดรับสมัครนักเรียนก็มาถึง เพื่อนมาชวนไปสมัครเรียนมารออยู่หน้าบ้านแล้ว ผมตั้งท่าจะไปกับเพื่อนแล้ว ประจวบกับพ่อกำลังตัดผมอยู่ ผมยังถามพ่ออีกว่า " จะให้เรียนหรือจะให้บวช " สงสัยพ่อเห็นผมคงจะไม่บวชแน่ๆเพราะเพื่อนมาชวนแล้ว พ่อก็เลยตอบด้วยสีหน้าแบบผิดหวังอย่างมากว่า " แล้วแต่ " คำนี้ทำให้ผมรู้สึกสงสารพ่ออย่างมาก กัดฟันกลั้นใจพูดออกไปเลยว่า " บวชก็บวช " พ่อได้คำตอบอย่างนั้นดีใจสุดๆ รีบจัดแจงข้าวของให้ลูกเพื่อจะได้บวชได้อย่างเต็มที่ อนาคตดับของลูกจึงเกิดขึ้นตั้งแต่บัดนั้น
พอฝากตัวโกนหัวเรียบร้อย ต้องถือปะขาวก่อนเป็นเวลา 1 เดือน (ตามกฏของสายวัดหนองป่าพง) ช่วงแรกผมเหงามาก จากเด็กที่เคยวิ่งเล่นเตะบอลกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน กลับต้องมาเงียบเหงาว้าเหว่คนเดียว ทุกๆวันผมต้องมานั่งหน้าวัดเพื่อรอให้พ่อมาหา สมัยนั้นโทรศัพท์ยังไม่มี กฏวัดป่าก็ห้ามเยอะมาก เช่นห้ามรับเงินทอง ห้ามดูหนังฟังเพลง ฉันฑ์มื้อเดียว ตื่นตีสามทำวัตรทุกวัน ทำกิจวัตรปัดกวาดเช็ดถูทุกวัน ที่สำคัญ ห้ามเรียนทางโลก ห้ามเรียนเปรียญธรรมด้วย ให้เรียนได้แค่ นธ.เอก ถ้าฝ่าฝืนจะถูกจับขึ้นสงฆ์ประจาน หนักสุดคือถูกขับไล่ออกจากสาย
มาที่น้องผม หลังจากที่ผมไปบวชแล้ว พ่อไม่ใส่ใจลูกสาวเลยเรื่องการเรียน และยังบังคับให้น้องสวดมนต์นั่งสมาธิทุกวันต่อไป และมักจะพูดเสมอว่า "เสียดายที่ไม่น่าเป็นผู้หญิงเลยจะได้จับให้บวชอีกคน" น้องขอซื้อจักรยานเพื่อปั่นไปโรงเรียน พ่อปฏิเสธตลอดไม่ซื้อให้เลย อ้างด้วยเหตุผลตื้นๆว่า " ซื้อมาทำไมเดียวขับไปชนตาย เดี๋ยวแข้งขาหัก " น้องขออยู่อย่างนี้หลายปีมากพ่อก็ยืนกรานยังไงก็ไม่ซื้อให้จนกระทั่งเรียนจบมัธยมปลาย ขณะเดียวกันพ่อมีมอเตอร์ไซค์ถึง 3 คัน รุ่น RX100 เป็นรุ่นที่พ่อชอบมาก ยังจะซื้อเป็นคนที่ 4 อีกด้วย ขนาดสามคันยังขับไม่ทันน้ำมันไหลกองเต็มพื้น มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนแม่เสนอขายจักรยานเก่ามาก น้องไม่อยากได้เลยเพราะมันเห่ยที่สุด แต่ราคาถูกมากแค่ 200 พ่อบังคับให้ลูกเอาจักรยานคันนี้เลย น้องปฏิเสธว่าไม่เอา พ่อตะคอกด้วยเสียงแข็งว่า "ต้องเอา" สุดท้ายน้องก็ทัดทานพ่อไม่ไหวก็จำใจต้องเอา เอามาโซ่ตกบ่อยเหลือเกิน เพื่อนก็ล้อจนอับอาย (ขึ้นมัธยมแล้ว) น้องก็ต้องเดินไปโรงเรียนเหมือนเดิมจนร้องไห้เพราะอัดอั้นตันใจว่าทำไมพ่อเป็นคนแบบนี้ กระเป๋าเรียนก็แสนจะหนักเพราะเต็มไปด้วยตำราเรียน ลูกคนอื่นทำไมขอจักรยานหรือของเล่นพ่อแม่เขาก็ซื้อให้ตลอด แต่พ่อแม่เราขออะไรก็ไม่เคยได้เลย แม้กระทั่งเสื้อผ้าก็ไม่เคยซื้อให้ลูกทั้งสองเลย ต้องรอให้เพื่อนบ้านบริจาคมาถึงได้ใส่ ถ้าแอบไปซื้อมาใส่พ่อจะด่าเช้ายันค่ำ (นี่เรื่องจริง) จักรยานโซ่ตกบ่อยจนต้องเลิกขับ พ่อแม่ก็มัวแต่ไปทำบุญวัดป่าตลอด (แต่วัดอยู่หน้าบ้านตัวเองแท้ๆกลับไม่เข้า) ปล่อยให้น้องอยู่บ้านคนเดียวจนเกือบโดนโจรเข้ามาข่มขืนก็มีมาแล้ว
กลับมาที่ผม จากเด็กน้อยที่ไปบวชตั้งแต่อายุ 13 ล่วงเลยจนอายุ 30 พ่อมีอันต้องล้มป่วยอัมพาตครึ่งซีกพูดไม่ได้ ผมจำเป็นต้องสึกออกมาดูแลโดยที่ไม่มีอะไรติดตัวมาเลย ไม่มีเงินสักบาทเพราะวัดป่าห้ามรับเงินทอง ความรู้ก็เพียง ป.6 สมัครงานที่ไหนก็ไม่ได้ ถึงได้มารู้สึกตัวในภายหลังว่าหมดอนาคตเพราะถูกพ่อบังคับ เหมือนหนังละครที่มันเฉลยคำตอบภายหลังเมื่อผ่านไป 17 ปียังไงยังงั้น ผมเสียใจมากที่ชะตาชีวิตอาภัพอย่างนี้ งานไม่มีทำได้แต่ขายของชำอยู่บ้านไปวันๆ อยากมีแฟนก็ไม่ได้ใครเขาจะเอาคนหมดอนาคตมาทำผัว ถึงกระนั้นพ่อที่พูดไม่ได้ก็ยังไม่ยอมรับความผิดที่ตัวเองเอาความฝันมาบงการลูกจนทุกวันนี้ แต่หลังๆมาพ่อจะนิ่งเงียบไม่แสดงอาการอะไร (อาจจะรู้ตัวแล้วกระมัง)
RX100 ที่พ่อชอบและสะสมถึง 3 คัน พ่อวางแผนจะให้ลูกสาวได้ขับ ไม่ยอมให้ลูกออกรถใหม่เลย พ่อบอกว่ารถพ่อดีที่สุด รถทุกวันนี้มันสู้รถพ่อไม่ได้ คนออกรถรุ่นใหม่ๆมันโง่ ท่านผู้อ่านลองคิดสิครับว่า ผู้หญิงกำลังรักสวยรักงามไปขับมอเตอร์ไซค์แบบนั้นสภาพมันจะเป็นยังไง ผมกับน้องหมดคำจะพูดถึงความเผด็จการของพ่อ จนน้องต้องแอบไปออก HONDA CLICK เพื่อไปทำงาน ถ้าขอพ่อจะไม่ให้แน่นอน และตอนนั้นพ่อก็ป่วยพูดไม่ได้แล้ว ถึงกระนั้นแม้จะพูดไม่ได้พ่อก็ยังแสดงอาการต่อต้านอย่างมากจะให้น้องขับรถเก่าพ่อให้ได้เลย แม้แต่ผมเป็นผู้ชายแท้ๆยังไม่อยากจะขับเลย
17 ปีที่เสียไปเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ เมื่อชีวิตเด็กคนหนึ่งกำลังจะมีอนาคต มีการงาน มีครอบครัวเหมือนคนปกติทั่วไป สุดท้ายต้องมาพังเพราะผู้เป็นพ่อเอาความต้องการของตัวเองมาลงที่ลูก ทุกวันนี้ผมอายุ 36 แล้วก็ยังไม่มีแฟนเลย เพราะอดีตมันส่งผลมาถึงปัจจุบัน อยากมีแฟนก็ย้อนดูสารรูปตัวเองว่าเลี้ยงเขาไม่ได้แน่ เพื่อนๆก็มีลูกจนโตเข้ามัธยมกันหมดแล้ว ไปทำบัตรประชาชนตอนอายุ 32 (สึกมาสองปีไม่ได้ไปทำ) จนปลัดอำเภอถึงขั้นออกปากเลยว่าไม่เคยเจอเคสนี้เลย ขนาดลุงที่พ่อกราบเป็นอาจารย์ ถึงแกบ้าๆบอๆแต่แกก็ไม่เคยบังคับให้ลูกไปบวชเลย ลูกแต่ละคนมีการงานดีๆทั้งนั้น เป็นครูสอนอัสสัมชัญ เปิดอู่ซ่อมรถที่กรุงเทพ เป็นครูสอนโรงเรียนใกล้บ้าน เป็นผู้จัดการสินเชื่อธนาคารในกรุงเทพ
สุดท้ายอยากจะฝากเรื่องนี้ไว้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนมีลูกว่า อย่าเอาความฝันตัวเองมาบงการลูกเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็แล้วแต่ ลูกฉายแววด้านใดให้สนับสนุนลูกด้านนั้น ไม่ใช่ปล่อยปะละเลยเหมือนพ่อผมจนสุดท้ายผมต้องจบสิ้นอนาคตทุกอย่าง ผมเห็นนักเรียนผมอิจฉามาก เห็นคนทำงานดีๆก็ต่ำใจ เห็นคนมีครอบครัวก็ยิ่งน้อยใจในชะตาชีวิต ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าอดีตมันผ่านมาแล้วมันเอาคืนไม่ได้ เราต้องเดินหน้าต่อไป มีลูกบอกลูกมีหลานบอกหลานว่าอย่าเอานิสัยแบบนี้ไปทำกับลูกเด็ดขาด ทำให้ลูกมีตราบาปไปชั่วชีวิต
ขอบคุณที่อ่านครับ หวังว่ากระทู้นี้จะเตือนใจทุกๆท่านที่เข้ามาอ่านเป็นอย่างดีครับ
ภาพมอเตอร์ไซค์ที่พ่อวางแผนจะให้น้องสาวขับ เครดิตภาพจากเว็บ kaidee.com ครับ