สงสัยกรณี Time traveller (ความเกี่ยวพันธ์ระหว่าง มิติ หรือ ช่วงเวลา)

พอดีมีการพูดคุย ในเรื่องกรณีที่เกี่ยวกับ ความเป็นไปได้ของ Time traveller เลยเกิดทฤษฏีที่อยากหาความคิดเห็นหน่อยครับ (คห.ส่วนตัวล้วนๆ)

#  เชื่อในเรื่อง "มิติช่องความถี่" มั้ยครัชช (มันเป็นส่วนย่อยของ แมททริกซ์)
ทั้งหมดนี้ ล้วนแต่อยู่ในเอกภพคู่ขนาน (มิติปัจจุบัน ที่ทุกคนอยู่อย่างสงบนั้น มีผีบรรพบุรุษ คอยปกปักรักษาอยู่ #เหมือนถูกครอบกะลาไว้ ไม่ให้รับรู้โลกภายนอก เพราะ บางคนเวลไม่ถึงบ้าง ใจไม่แข็งบ้าง ยังต้องศึกษาเรียนรู้เพิ่มอีกบ้าง
*คือโดนมองว่ายังไม่พร้อมน่ะ เพราะบางกรณีที่มีไปรู้ไปเห็น ท้ายสุดสติฟั่นเฟือนก็มีเพี้ยนไปวิปลาศไปก็เยอะ เว้นแต่จะสะสมความรู้และบุญกุศลที่มาพร้อมกับใจที่พร้อมจริงๆ

# "ทุกสิ่งทุกอย่างมีจุดเริ่มต้นอยู่ตรงไหน" (เริ่มจากปัจจุบันที่เราเริ่มนับ #เหมือนให้หาว่าวงกลมจะเริ่มวาดจากตรงไหน ก็เริ่มจากจุดที่เริ่มวาด)
เรากำลังอยู่ในส่วนหนึ่ง ของ อนันตภพ (มิติช่องความถี่ที่มีจำนวนเป็นอนันต์)
อนันต์ = Infinity คำตอบคือ "ไม่มีจุดเริ่มต้น และ ไม่มีจุดสิ้นสุด" เทเซอแรค คือ การกวนเกษียรสมุทรที่ไม่มีวันจบสิ้น นอกจาก อายุขัยของนั้นๆ

# อนันตภพ (MultiVerses) คือมิติช่องความถี่ ที่มีจำนวนช่องเป็นอนันต์
จริงๆในอนันตภพมันมีทุกรูปแบบทุกจินตนาการ ทั้งดีและไม่ดี อยู่ที่ใจ ว่าจะไปเชื่อมต่อกับพวกไหน
และมันจะมีเรื่อง "กรรม" เข้ามาเกี่ยวด้วย (อันนี้สำคัญมากๆ) อย่างการกระทำใดๆ ก็ตาม มันจะเกิดสายกรรมเชื่อมต่อกรรมเป็นเหมือนเส้นด้าย
ถ้านึกไม่ออก ลองดูในการเขียนผังโปรแกรมฐานข้อมูล ที่มีการทำ LAYER ทางเลือก(การเชื่อมต่อ)ของผังฐานข้อมูล (สาย LAYER = สายกรรม)
และระบบคอมพิวเตอร์อัตโนมัติแบบเรื่อง แมททริกซ์ ประมาณนั้น ซึ่งหากจูนติดสัญญาณช่องความถี่สายกรรม จะสามารถเห็นสายกรรมได้ชัด
สำหรับเรื่องภพภูมิในคำสอนที่ระบุว่ามี 31 ภพภูมิ เมื่อผนวกกับ MultiVerses(อนันตภพ) 31 ภพภูมิที่ว่าก็กลายเป็น Species สายพันธ์ไปซะ
และอย่างกรณีบางกลุ่มจิตวิญญาณ ที่ปัจจุบันของพวกเขา ได้อยู่ ณ จุดที่สามารถเดินทางข้ามดวงดาวได้ โดยมีเรืออวกาศ เช่น รูปทรงบ้องข้าวหลาม พวกที่อยู่ในบ้องข้าวหลามนั่น มักจะเชื่อว่า พวกตนได้เข้าสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว(ไปมาระหว่างดวงดาวได้) แต่สำหรับจิตวิญญาณในมิติที่สูงกว่าเขารับรู้ถึงชาวดาวดึงส์ดังกล่าว ในลักษณะใด??? เช่น กรณีผู้ที่เสียชีวิตในยานบ้องข้าวหลาม และได้ขึ้นมิติที่สูงกว่า(ด้วยการมีพลังงานบวก(บุญกุศล)ที่มากพอ) พวกเขากลับลอยดวงจิต ออกมาจากท่อรถมอรเตอร์ไซด์(มิติซ้อนมิติ เมื่อยานบ้องข้าวหลามใน มิติช่องความถี่ดังกล่าว ซ้อนอยู่กับ ท่อมอเตอร์ไซด์) ก่อนหน้าหละ??? ขณะที่พวกเขาอยู่ในยานบ้องข้าวหลาวในมิติชั้นภพที่ต่ำกว่าเมื่อก่อนหน้า พวกเขาอยู่ในสภาวะใดสำหรับจิตวิญญาณในมิติที่สูงกว่า???? ## เขม่าควันรถ??? อนุมูลอิสระที่เป็นพิษที่ให้โทษ???
แต่ละมิติช่องความถี่ (Verse) มันก็มีพวกที่เหมือนกับล่องหนสำหรับ Verse อื่นๆ อยู่เยอะแยะ ที่มันเห็นเรา เราไม่เห็นมัน (ญิน ในอิสลาม #ผี)
อยู่ที่ว่าสามารถปรับจูนต่อม(อวัยวะขนาดเล็ก)ตัวหนึ่งในสมอง ที่สามารถรับสัญญาณช่องความถี่ใดได้บ้างก็เท่านั้น
Universe = เอกภพ (มิติช่องความถี่ หนึ่งช่อง # คลื่นความถี่ที่สามารถถูกเห็น/ได้ยิน/สัมผัส ได้)
Multiverses = พหุภพ/อนันตภพ (มิติช่องความถี่ ที่มีจำนวนช่องเป็น "อนันต์" )
ความเข้าใจของคนในปัจจุบันต่างกับเมื่อก่อนครับ
เดิมที "จักรวาล" ในพระพุทธศาสนาหมายถึง "โลกธาตุ" ในทางพุทธใช้เทียบกับวิทยาศาสตร์ว่า "จักรวาล = แกแล๊กซี่" ครับ ส่วน "เอกภพ" ใช้นิยาม SpaceTime อันหมายถึง มิติช่องความถี่ ช่องความถี่หนึ่ง อันประกอบไปด้วย พื้นที่กว้างใหญ่เป็นอนันต์ และมีสารสาระ ควบคู่ไปกับ กาลเวลา
เหมือช่องทีวีช่องวิทยุ ที่มีช่องเยอะแยะมากมาย และฉาย/ออกอากาศ,ดำเนินไปพร้อมกันในเวลาเดียวกัน เช่น ขณะที่เรากำลังชม ช่อง3,5,7 ในเวลาเดียวกัน BBC,CNN, al-Jazeerah , ช่องท้องถิ่นต่างๆ,เคเบิ้ลท้องถิ่นต่างๆ ,และอีกมากมายที่เราไม่เคยเห็นไม่เคยได้ยิน/รู้จัก ก็กำลังออกอากาศไปพร้อมกัน โดยมีใจความสาระต่างๆกันไปที่มีหลากหลายช่อง เราต้องปรับจูน หรือ ต้องมีกล่อง/มีจาน (# ที่เฉพาะเท่านั้น) จึงจะสามารถรับชมได้ แน่นอนว่ามันก็ฉายออกทางทีวีเครื่องเดียวกันเราก็สามารถเห็นมัน(ช่องต่างๆ) ผ่านจอเดียวกัน ได้ยินมันผ่านลำโพงเดียวกัน (เมื่อเราเปลี่ยนช่อง)

# แต่อีกทฤษฎี ก็เข้าใจว่า Verse เป็นภาพ ณ เวลาหนึ่ง(เฟรมภาพ) และ MultiVerses นั้น คือภาพหลายเฟรม ที่แต่ละเฟรมเป็นภาพที่ต่างกัน
และMultiVerses ถูกเชื่อว่า เป็นช่วงต่างกาลเวลา ที่มีเหตุการณ์ต่างกัน ณ Location นั้นๆไป และเชื่อว่า เวลาเดินเป็นเส้นตรงไม่สามารถย้อนไปก่อนหน้าได้ เว้นแต่จะวนน็อครอบในอนาคต ที่เกิดเหตุการณ์ซ้ำกันเป๊ะ(อีหรอบเดิม /เนื้อเรื่องรอยเดิม เพิ่มเติมตัวละครหรือรายละเอียดย่อย

#แต่!!! เอกภพหลักนั้นจะมีเนื้อเรื่องหลักที่เหมือนเดิม (ตลอด) หากแต่มีการแก้ไขในบางช่วง มันจะทำการแตกกิ่งย่อย) หรือหากย้อนได้ ก็ทำได้เพียงดูเหตุการณ์(เหมือน Video) และไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้
   *  ขึ้นกับความสามารถและการเข้าถึงปัจจัยที่เกื้อหนุน   *เชื่อหรือไม่ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล นานาจิตตัง

# ขณะที่อีกทฤษฎี เชื่อว่าสามารถย้อนเวลาไปอดีตได้(เชื่อว่าทำได้ใน มิติที่ 5.5 - 6) โดยการย้อนกลับไปบางส่วน(บางช่วงในอดีต) แล้วแก้ไขเหตุการณ์ มันจะมีช่วงต้นก่อนจุดตัด(ช่วงที่มีการแก้) ที่เหมือนช่วงก่อนย้อนเวลาบางส่วน และเหตุการณ์ที่ถูกเปลี่ยน ณ กลางช่วงเวลาก่อนถึงอนาคตที่ก่อนหน้า จะส่งผลเหมือน "กิ่งไม้ที่งอกกิ่งใหม่ตรงช่วงกลางของ กิ่งหลัก/กลางต้น แล้วแยกปลายไปคนละทางกับกิ่งอื่น(ที่เนื้อเรื่องตั้งแต่กลางช่วงเวลา(ยุค)ต่างกัน โดยมีช่วงเริ่มยุคสมัย บางส่วนเหมือนกัน)"
!!!! ขณะที่การผสานมิติ ก็จะเป็นการทาบกิ่ง แต่เรื่องการแก้ไขเหตุการณ์นั้น หลักๆจะส่งผลกระทบให้เกิดกับเพียงแค่(กลุ่มของ)ผู้เกี่ยวข้องกับการแก้เท่านั้น

#ช่องความถี่ที่สายตามนุษย์(ปกติ) มองไม่เห็น แม้มันจะอยู่ตรงหน้า แต่หากปรับจูนตัวรับสัญญาณแปลงคลื่นในสมอง จะทำให้เห็นช่องนั้นๆได้ เช่น อาการภาพหลอน,หูแว่ว ครับ

# เคยไหมกับการที่ตื่นขึ้นมาในวันที่ที่เป็นเมื่อวาน
เช่นการไปเที่ยวทะเล เช่าห้องพักสองคืน นอนคืนแรกไป พอตกเย็นวันที่สองก็สั่งอาหารชุดนึง เข้านอนคืนที่สอง แต่ตื่นมาวันที่สอง ตกเย็นก็เปลี่ยนเมนูอาหารเป็นอีกเซต โดยความทรงจำวันนี้รอบก่อนยังอยู่ครบ วนลูปเรื่อยๆจนพอใจ แล้วค่อยตื่นขึ้นในวันที่สามแล้วก้เดินทางกลับ
*&% ส่วนตัวเชื่อว่ากรณีดังกล่าว ต้องมีผู้ที่เคยพบเจอเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวอยู่พอสมควร ตัวสังเกตุ เช่น นาฬิกาบอกวันที่เมื่อวาน มีข้อความจากผู้ให้บริการมือถือ เข้ามาประมาณว่า "ขออภัยระบบล่ม" และคืนเงินที่ใช้ไปเมื่อวานกลับมาหมด พร้อมกับ เหตุการณ์รอบตัว ความเคลื่อนไหว จะซ้ำเดิมกับรอบก่อนเป๊ะ เช่น ใครเดินมากับใคร ใครกำลังนินทาอะไรกับใครตรงจุดไหน ใครเดินเข้ามาแล้วสั่งแกงอะไร จุดนี้จุดนั้น จะมีรถอะไรขับมา เป็นรถยี่ห้อนั่น ยี่ห้อนี้ คนขับคนซ้อนใส่เสื้อนั้นนี้ เวลาเท่านั้นเท่านี้ ณ จุดเดิม ** เหตุการณ์จะเกิดขึ้น (ซ้ำ)เหมือนเดิม (หนักกว่าเดจาวูมั๊ง)

# สำหรับกรณีผู้มาจากอนาคต   
  สมมติปัจจุบัน มีพวกเรา และสมมติว่าอีกกลุ่มคือรุ่นลูกหลานพวกเรา พวกเขาจะเกิด(มีตัวมีตน)ในอีก 500ปี ข้างหน้า นับจากปัจจุบันนี้(ยุคพวกเรา)
และ สมมติให้พวกเขาย้อนเวลามาในอดีต 500 ปี จากปัจจุบันของพวกเขา พวกเขามาเจอพวกเรา พวกเขามองเห็นพวกเรา ได้ยิน สัมผัสตัวพวกเราได้ แต่กลับกัน พวกเรามองไม่เห็นพวกเขา(เหมิลล่องหน) เพราะในยุคของพวกเรานั้น พวกเขายังเป็นวุ้นอยู่ แยกออกเป็นชิ้นส่วน Part A,Part B  (เหมือน Resident Evil 3 : NEMESIS ที่ล้มบอสแล้วได้ส่วนประกอบปืน Part A,B  แล้วเมื่อเอาสองส่วนมาประกอบกัน ก็ได้ปืนที่ใช้งานได้) 
โดยบางส่วนของ Part A ของเขา อาจจะยังเป็นเวอร์ชั่นเก่า ที่ยังแฝงอยู่ใน DNA ของบรรพบุรุษพวกเขา อาจจะยังไม่แปลงเป็น สเปิร์มสะด้วยซ้ำ
(Part A  จากสเปิร์มพ่อ  , Part B จากไข่แม่)  ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า การมาของพวกเขา จะมาในรูปแบบที่เรียกว่า "ญิน" (สิ่งมีชีวิตต่างมิติช่องความถี่)
   แต่!!! สำหรับบางกรณี เช่น คนยุคเราที่มีการดัดแปลงหรือวิวัฒนาการให้มีสิ่งหนึ่ง ที่เรียกว่า ตาทิพย์,หูทิพย์ (อาจมองว่าภาพหลอน,หูแว่ว ก็ได้)
พวกเราที่มีอาการกลุ่มดังกล่าว อาจจะมองเห็น,ได้ยิน พวกเขาได้ (มั๊งง)   
เหตุผลเพราะ การจะย้อนเวลามา ผู้กระทำจะต้องทำให้การสั่นสะเทือนของโมเลกุลตนเองถี่เร็วกว่าแสงครับ(กายละเอียด)
แน่นอนว่าร่างกายจะกลายสะภาพย่อยเป็นโฟตอน ซึ่งเจ้าตัวนั้นจะมีร่างกายเป็นแสง และกลมกลืนไปกับแสง(ล่องหน)
และหากเจ้าตัวจะติดต่อกับคนในอดีตนั้น เนื่องจากในยุคดังกล่าว. เจ้าตัวยังมิได้เกิดมามีตัวตน
การติดต่อจึงเป็นไปในลักษณะที่ เจ้าตัวได้ผนวกตนเอง,เข้าแทรก,รวมร่าง,สิงสถิต อยู่ในร่างบรรพบุรุษของเจ้าตัวในยุคดังกล่าว (???)
ไม่สามารถโดนเห็นเป็นเจ้าตัวได้. #หากผู้พบเจอไม่มีตาทิพย์ที่สามารถเห็นภาพหลอนได้
  * คือ พวกเขา(ลูกหลานพวกเราในอีก 500ปีข้างหน้า) ณ ยุคปัจจุบัน พวกเขายังอยู่ในส่วนที่คนไทยเรา นิยามเรียกว่า "สัมภเวสี" (ผู้รอเกิด)น่ะนะ
หรือไม่ พวกเขาอาจจะกำลังแฝงตัวและปรากฏตัวให้พวกเราเห็นพวกเขาในรูปลักษณ์(เหมือนพวกเขากำลังสิงอยู่ในร่าง) "บรรพบุรุษ" ของพวกเขา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่