สวัสดีค่ะ ไม่รู้จะไปเล่าให้ใครฟังดีหรือขอความคิดเห็นจากใครเลยเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเผื่อใครเข้ามาอ่านแสดงความคิดเห็นให้เราได้
เราไม่รู้ว่าการที่ครอบครัวแฟนมายืมเงินเป็นเรื่องปกติไหม ก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมด ขอแนะนำเกี่ยวกับตัวเรานิดนึงก่อนนะคะ ครอบครัวเรามีกัน 3 คน แม่และพี่สาว เราเป็นสาวหลักของครอบครัว เป็นเด็กหอที่โตมาแบบ พึ่งพาตัวเอง ไม่เคยขอเงินครอบครัว ด้วยแม่ที่ป่วยบ่อยๆ ทำงานเก็บเงินก็ต้องรักษาแม่เสมอๆ ตอนเรียน ก็คือ ทำงานด้วยเรียนด้วย พอมาทำงานเลยส่งเงินกลับบ้านให้ตลอด เราเหมือนเป็นที่พึ่งทางบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ญาติพี่น้องก็ให้ความช่วยเหลือตลอด จากตรงนี้คือรู้ได้ว่า เป็นคนที่มีภาระมากพออยู่แล้ว พอมีแฟนเราก็อยากได้คนที่ไม่ต้องให้เงินเราหรอก แต่ดูแลตัวเองได้ ให้ครอบครัวเขาได้บ้าง ย้อนกลับไป 3 ปีก่อน เราก็คบแฟนคนนึง เราเลิกกับเขาด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง หลักๆคือ น้า แม่ ครอบครัวเขาก็ชอบมาขอยืมเงินเรา และทำงานอะไรก็ไม่เคยอยู่ทน เขาชอบเปลี่ยนงานอยู่เรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็เลิกแหล่ะ
พอเลิกกัน ทวงเงินญาติเขาพักใหญ่ กว่าจะได้เงินคืน คือเหนื่อย เราเลยแบบคิดเลย ว่า ถ้ามีแฟนอีกที ขอคนที่ทำมาหากิน ไม่เพิ่มภาระให้เรา
ปัจจุบันกับคนใหม่ คบกันได้ 2 ปีกว่า
เขาก็มาอยู่กรุงเทพกับเรา ต่างคนต่างทำงาน
คนนี้ทำมาหากินหน่อย ก็ไม่ได้ถึงขั้นลำบากให้เราออกเงิน เราเลยโอเค ภูมิใจตรงนี้นะ ต่างคนต่างประคับประคองกันไปได้ เงินเราก็แยกกระเป๋านะ เขาก็ส่งเงินให้ครอบครัวเขา เราก็ส่งเงินให้ครอบครัวเราปกติ คนนึงช่วยค่าห้อง อีกคนก็ช่วยค่ากิน เรามั่นใจจะสร้างครอบครัวกับคนนี้ เลยออกรถใหญ่ด้วยกัน แต่ชื่อคือชื่อเรา คือค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกี่ยวกับรถ เราเป็นคนจัดการเองหมด แต่เราก็คิดว่าเป็นรถสองคนแหล่ะ เพราะแฟนเป็นคนขับ เราขับไม่เป็น แต่ที่เราจ่ายเองทั้งหมดเพราะตัดปัญหา ของใครคนใดคนนึงไปเลย
ตอนผ่อนรถ เขาเป็นคนจ่ายค่าห้องบ้าง เราก็ช่วยบ้าง เพราะเงินเดือนหักจากค่ารถก็พอเหลืออยู่
หลังออกรถได้ ประมาณ 7 งวด โควิดเริ่มระบาดหนัก เงินเดือนก็ลด พออยู่ได้ แต่ไม่มีเงินเก็บเลย หลังผ่อนรถ เราเลยตัดสินใจมาทำงานต่างประเทศ ส่วนรถเอาไว้บ้านแฟน ให้แฟนขับ ( ตอนแรกครอบครัวเราไม่ยอม แต่เราก็อธิบายให้แม่เข้าใจและยอมในที่สุด) พอเรามาทำงานต่างประเทศ เราก็ได้เงินเดือนเยอะขึ้น ค่ารถ เราก็เป็นคนส่งปกติ แฟนก็กลับไปอยู่บ้านกับแม่ ตอนนี้เราอยู่ตปท เดือนที่3 ค่ะ
เราเป็นคนนึงที่เก็บเงินไม่ค่อยอยู่ แม่เลยให้ส่งเก็บที่ บัญชีแม่ 50% ของเงินเดือน คือ ครึ่งนึง
เพราะเราตั้งใจไว้ว่า กลับไทย จะไปตั้งหลัก ทำกิจการส่วนตัว เป็นคนก็บเงินไม่อยู่ แม่เลยบังคับให้โอนเข้าบัญชีแม่ แม่บอกกลับมาที่ไทยจะทำอะไรค่อยว่ากัน ทีนี้ เงินเราเหลือ อีก50%
20 % ส่งค่ารถ 10% เงินเก็บ ของตัวเอง 10% ใช้หนี้บัตรเครดิต ( เราติดหนี้บัตรเครดิตหลายหมื่น เพราะก่อนหน้านี้ เป็นพนักงานประจำ)
นั่นแหละ เรามีเงินเก็บแต่ละเดือนจากเงินเดือนจริงๆ เราแค่ 10% เดือนแรก เราไ้ด้จากเงินเก็บมา เราก็ให้แฟน ทั้งหมด ให้แก ขายผลไม้ เราพร้อมจะซับพอร์ตแกทุกอย่าง ให้แกหาทาง ส่วนเราจะลงทุนให้เอง แฟนทำ ก็ไม่รอด ก็เลิก พอเข้าเดือนที่ 2
เราเริ่มมีเงินเก็บ 10% ก้อนที่2 แฟนก็เปลี่ยนไปขายอย่างอื่น แต่รอบนี้แกก็ไม่ได้ขอเรานะ เพราะแกบอก ของทุนเก่ายังมี เดือนที่2 แม่แฟนมาขอยืม โดยไม่ให้บอกแฟน เราก็ไม่ได้บอกแฟนเราก็ให้ไป ก่อนหน้านี้ น้องแฟนก็มายืม จำนวนเงินน้อย แต่ยืมแล้วก็หายไป
ในเดือนที่2 เดือนเดียวกัน แม่แฟนมาขอยืมรอบ2 แต่บัญชีเราคือไม่มีจริงๆ เลยบอกแม่ไปตรงๆ ว่า ไม่มีนะแม่ จึงบอกแฟน แล้วบอกให้แฟน เอาทุนเก่าที่เราเคยให้ ให้แม่ก่อน เผื่อแม่ต้องใช้จริงๆ เค ถึงกำหนดแม่ก็ให้ปกติ เราก็ได้เงินตรงนั้นมาเป็นเงินเก็บ ก็ชื่นใจหน่อย พอเข้าเดือนที่ 3 แม่ทักมาขอยืมเงิน จำนวนนึง 2 หมื่น เราก็เริ่มแบบ เฮ้ย เท่ากับว่า เราต้องเอาเงินเก็บทั้งหมด ให้แม่แฟนเลยนะ ไม่รู้ดิ เราเกิดอาการนอยไปเลย มาทำงานห่างไกลบ้านยังไม่พอ
เงินเก็บไม่มี แล้วเราวนกลับมาเจอ เหตุการณ์เมื่อ3 ปีก่อนอีกแล้ว ที่เราเคยคิดไว้ว่า ไม่เคยคิดจะหาคนที่เลี้ยงเราได้ แต่ขอคนที่ ดูแลตัวเองได้ ดูแลครอบครัวได้
เราเลยอยากถามว่า เพราะแม่แฟนเขาลำบากจริงๆ แล้วเรามีพอดี เขาเลยแค่จะมายืม เราให้ความช่วยเหลือเขาถูกต้องแล้วไหมคะ? หรือจริงๆแล้วเขาไม่ควรมายืมเรา เพราะเราเองก็มีภาระพออยู่แล้ว
ลืม เสริมนิดนึงว่า ฐานะการเป็นอยู่ครอบครัวเรา แย่กว่าครอบครัวเขามาก แม่เขาเป็นข้าราชการ แม่เราชาวไร่ ชาวนาค่ะ ทุกโอกาสพิเศษ วันแม่ หรือ วันเกิด เราก็มีของขวัญ โอนเงินให้แม่แฟนตลอดนะคะ
( ลืมบอกมีแฟนเป็นทอมค่ะ)
ครอบครัวแฟนชอบขอยืมเงินทำยังไงดี
เราไม่รู้ว่าการที่ครอบครัวแฟนมายืมเงินเป็นเรื่องปกติไหม ก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมด ขอแนะนำเกี่ยวกับตัวเรานิดนึงก่อนนะคะ ครอบครัวเรามีกัน 3 คน แม่และพี่สาว เราเป็นสาวหลักของครอบครัว เป็นเด็กหอที่โตมาแบบ พึ่งพาตัวเอง ไม่เคยขอเงินครอบครัว ด้วยแม่ที่ป่วยบ่อยๆ ทำงานเก็บเงินก็ต้องรักษาแม่เสมอๆ ตอนเรียน ก็คือ ทำงานด้วยเรียนด้วย พอมาทำงานเลยส่งเงินกลับบ้านให้ตลอด เราเหมือนเป็นที่พึ่งทางบ้าน ไม่ว่าจะเป็น ญาติพี่น้องก็ให้ความช่วยเหลือตลอด จากตรงนี้คือรู้ได้ว่า เป็นคนที่มีภาระมากพออยู่แล้ว พอมีแฟนเราก็อยากได้คนที่ไม่ต้องให้เงินเราหรอก แต่ดูแลตัวเองได้ ให้ครอบครัวเขาได้บ้าง ย้อนกลับไป 3 ปีก่อน เราก็คบแฟนคนนึง เราเลิกกับเขาด้วยเหตุผลหลายๆอย่าง หลักๆคือ น้า แม่ ครอบครัวเขาก็ชอบมาขอยืมเงินเรา และทำงานอะไรก็ไม่เคยอยู่ทน เขาชอบเปลี่ยนงานอยู่เรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็เลิกแหล่ะ
พอเลิกกัน ทวงเงินญาติเขาพักใหญ่ กว่าจะได้เงินคืน คือเหนื่อย เราเลยแบบคิดเลย ว่า ถ้ามีแฟนอีกที ขอคนที่ทำมาหากิน ไม่เพิ่มภาระให้เรา
ปัจจุบันกับคนใหม่ คบกันได้ 2 ปีกว่า
เขาก็มาอยู่กรุงเทพกับเรา ต่างคนต่างทำงาน
คนนี้ทำมาหากินหน่อย ก็ไม่ได้ถึงขั้นลำบากให้เราออกเงิน เราเลยโอเค ภูมิใจตรงนี้นะ ต่างคนต่างประคับประคองกันไปได้ เงินเราก็แยกกระเป๋านะ เขาก็ส่งเงินให้ครอบครัวเขา เราก็ส่งเงินให้ครอบครัวเราปกติ คนนึงช่วยค่าห้อง อีกคนก็ช่วยค่ากิน เรามั่นใจจะสร้างครอบครัวกับคนนี้ เลยออกรถใหญ่ด้วยกัน แต่ชื่อคือชื่อเรา คือค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกี่ยวกับรถ เราเป็นคนจัดการเองหมด แต่เราก็คิดว่าเป็นรถสองคนแหล่ะ เพราะแฟนเป็นคนขับ เราขับไม่เป็น แต่ที่เราจ่ายเองทั้งหมดเพราะตัดปัญหา ของใครคนใดคนนึงไปเลย
ตอนผ่อนรถ เขาเป็นคนจ่ายค่าห้องบ้าง เราก็ช่วยบ้าง เพราะเงินเดือนหักจากค่ารถก็พอเหลืออยู่
หลังออกรถได้ ประมาณ 7 งวด โควิดเริ่มระบาดหนัก เงินเดือนก็ลด พออยู่ได้ แต่ไม่มีเงินเก็บเลย หลังผ่อนรถ เราเลยตัดสินใจมาทำงานต่างประเทศ ส่วนรถเอาไว้บ้านแฟน ให้แฟนขับ ( ตอนแรกครอบครัวเราไม่ยอม แต่เราก็อธิบายให้แม่เข้าใจและยอมในที่สุด) พอเรามาทำงานต่างประเทศ เราก็ได้เงินเดือนเยอะขึ้น ค่ารถ เราก็เป็นคนส่งปกติ แฟนก็กลับไปอยู่บ้านกับแม่ ตอนนี้เราอยู่ตปท เดือนที่3 ค่ะ
เราเป็นคนนึงที่เก็บเงินไม่ค่อยอยู่ แม่เลยให้ส่งเก็บที่ บัญชีแม่ 50% ของเงินเดือน คือ ครึ่งนึง
เพราะเราตั้งใจไว้ว่า กลับไทย จะไปตั้งหลัก ทำกิจการส่วนตัว เป็นคนก็บเงินไม่อยู่ แม่เลยบังคับให้โอนเข้าบัญชีแม่ แม่บอกกลับมาที่ไทยจะทำอะไรค่อยว่ากัน ทีนี้ เงินเราเหลือ อีก50%
20 % ส่งค่ารถ 10% เงินเก็บ ของตัวเอง 10% ใช้หนี้บัตรเครดิต ( เราติดหนี้บัตรเครดิตหลายหมื่น เพราะก่อนหน้านี้ เป็นพนักงานประจำ)
นั่นแหละ เรามีเงินเก็บแต่ละเดือนจากเงินเดือนจริงๆ เราแค่ 10% เดือนแรก เราไ้ด้จากเงินเก็บมา เราก็ให้แฟน ทั้งหมด ให้แก ขายผลไม้ เราพร้อมจะซับพอร์ตแกทุกอย่าง ให้แกหาทาง ส่วนเราจะลงทุนให้เอง แฟนทำ ก็ไม่รอด ก็เลิก พอเข้าเดือนที่ 2
เราเริ่มมีเงินเก็บ 10% ก้อนที่2 แฟนก็เปลี่ยนไปขายอย่างอื่น แต่รอบนี้แกก็ไม่ได้ขอเรานะ เพราะแกบอก ของทุนเก่ายังมี เดือนที่2 แม่แฟนมาขอยืม โดยไม่ให้บอกแฟน เราก็ไม่ได้บอกแฟนเราก็ให้ไป ก่อนหน้านี้ น้องแฟนก็มายืม จำนวนเงินน้อย แต่ยืมแล้วก็หายไป
ในเดือนที่2 เดือนเดียวกัน แม่แฟนมาขอยืมรอบ2 แต่บัญชีเราคือไม่มีจริงๆ เลยบอกแม่ไปตรงๆ ว่า ไม่มีนะแม่ จึงบอกแฟน แล้วบอกให้แฟน เอาทุนเก่าที่เราเคยให้ ให้แม่ก่อน เผื่อแม่ต้องใช้จริงๆ เค ถึงกำหนดแม่ก็ให้ปกติ เราก็ได้เงินตรงนั้นมาเป็นเงินเก็บ ก็ชื่นใจหน่อย พอเข้าเดือนที่ 3 แม่ทักมาขอยืมเงิน จำนวนนึง 2 หมื่น เราก็เริ่มแบบ เฮ้ย เท่ากับว่า เราต้องเอาเงินเก็บทั้งหมด ให้แม่แฟนเลยนะ ไม่รู้ดิ เราเกิดอาการนอยไปเลย มาทำงานห่างไกลบ้านยังไม่พอ
เงินเก็บไม่มี แล้วเราวนกลับมาเจอ เหตุการณ์เมื่อ3 ปีก่อนอีกแล้ว ที่เราเคยคิดไว้ว่า ไม่เคยคิดจะหาคนที่เลี้ยงเราได้ แต่ขอคนที่ ดูแลตัวเองได้ ดูแลครอบครัวได้
เราเลยอยากถามว่า เพราะแม่แฟนเขาลำบากจริงๆ แล้วเรามีพอดี เขาเลยแค่จะมายืม เราให้ความช่วยเหลือเขาถูกต้องแล้วไหมคะ? หรือจริงๆแล้วเขาไม่ควรมายืมเรา เพราะเราเองก็มีภาระพออยู่แล้ว
ลืม เสริมนิดนึงว่า ฐานะการเป็นอยู่ครอบครัวเรา แย่กว่าครอบครัวเขามาก แม่เขาเป็นข้าราชการ แม่เราชาวไร่ ชาวนาค่ะ ทุกโอกาสพิเศษ วันแม่ หรือ วันเกิด เราก็มีของขวัญ โอนเงินให้แม่แฟนตลอดนะคะ
( ลืมบอกมีแฟนเป็นทอมค่ะ)