ตอนที่ 4 พ่อแก่ ..... บนชั้นสอง
(ลูกศิษย์คนสวย...แสดงเป็นรจนาใน งานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ระดับชาติ ครั้งที่ 69
Cr. Nita Lalada)
ทุกโรงเรียนมักมีห้องสำหรับเรียนนาฏศิลป์โดยเฉพาะไม่ปะปนกับห้องอื่นๆ และมีเรื่องราวต่างๆนานาเกี่ยวกับพ่อแก่อยู่เสมอ
พ่อแก่...เป็นบรมครูแห่งนาฏศิลป์ทั้งหลาย ผู้แต่งคัมภีร์ภรตนาฏยศาสตร์ เป็นผู้จดจำท่ารำจากพระอิศวรและนำไปสอนโอรสทั้ง100 คนเพื่อไปเผยแพร่ยังโลกมนุษย์ จึงถือเป็นบรมครูแห่งการนาฏศิลป์ทั้งปวง และมีการประดิษฐ์เป็นหัวโขนพ่อแก่ ขึ้นไว้เคารพบูชาและไว้ครอบศรีษะในพิธีไหว้ครูโขน ละคร
(บางตอนจากหนังสือ สมบัติศิลป์ แผ่นดินไทย)
มีเรื่องเล่าลือต่างๆนานาเกี่ยวกับพ่อแก่ ซึ่งดิฉันไม่เคยพบเจอ คิดว่าน่าจะเป็นอุปทานของเด็กๆมากกว่าเพราะในห้องจะกรุกระจกรอบห้องให้ผู้เรียนได้ดูท่าทางของตัวเองตอนร่ายรำ บางทีเด็กขึ้นมาบนห้องก็มีเงาคนวูบวาบ ก็เงาตัวเองจากกระจกนั่นแหละ แต่วิ่งหนีกันสนุกสนานไป ถ้ามีการเข้าค่ายฯเพื่อการแข่งขันหรือประกวด เด็กนาฏศิลป์ก็จะอยู่ซ้อมจนดึก หนุ่มๆนักฟุตบอลก็จะเวียนไปชะเง้อดูสาวๆ ก็เลยมีการปล่อยข่าวพ่อแก่และผีอื่นๆออกมาเรื่อยๆ
อาคารนาฏศิลป์กับดนตรีไทยแยกไปต่างหากเกือบติดสนามฟุตบอล ชั้นล่างทั้งหมดเป็นห้องสมุดกลาง มีขนาดกว้างขวางมากและโปร่งสบาย ดิฉันไม่ค่อยได้ขึ้นไปบนห้องนาฏศิลป์เพราะไม่ค่อยได้มีอะไรเกี่ยวข้อง
วันหนึ่ง ร.ร. จะต้องรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพฯ (พระยศขณะนั้น)เสด็จเปิดอาคารห้องสมุดจึงต้องรีบทำงาน ลงข้อมูลต่างๆให้ทันเวลา ครูที่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์จะลงมาช่วยลงทะเบียนหนังสือที่มีจำนวนมาก
วันที่ดิฉันลงไปช่วยงาน มีครูอยู่ด้วยหลายคน ชั้นสองก็มีเด็กนาฏศิลป์ซ้อมรำอยู่ ทำงานกันจนเพลิน...ถึงทุ่มกว่าๆเด็กๆและครูทะยอยกลับ เหลือดิฉันที่นัดให้สามีมารับตอนทุ่มครึ่ง น้องครูเวรชายมาอยู่เป็นเพื่อน ขึ่จักรยานมาตรวจสถานที่ สมัยนั้นยังไม่มียาม น้องบอกว่าด้านหลังตึกไม่ได้ปิดประตูรั้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของนักการ ก็คิดกันเองว่าไม่เป็นไร เพราะติดรั้วโรงเรียนเป็นบ้านคนที่เขากำลังก่อสร้างต่อเติม
ทำงานเพลินๆก็ได้ยินเสียงคนเดินลงบันไดมาจากชั้นสอง แปลกใจตรงที่เดิน 3 สะเต็ป คนมีสองขาทำไมได้ยินเป็น 3 ก้าว มีเสียงดังเกือบตะโกนว่า
" ปิดประตูข้างด้วย...ปิดประตูข้าง เร็ว..."
ดิฉันได้สติ เงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ ตะโกนบอกน้องครูชายที่มาอยู่เป็นเพื่อนให้ปิดประตูด้านข้างของห้องสมุดที่เราเปิดไว้รับลม แค่5วินาทีเราสองคนทันได้เห็นคนงานผู้ชาย3คนเดินเข้ามาจากประตูด้านหลังตึก จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเข้ามาในห้องที่เรากำลังทำงานอยู่ คอมพิวเตอร์ใหม่ๆวางเรียงอยู่ในห้องสืบค้น จะมาชิงทรัพย์ รึจะมาสะดุดตากับความสวยของครูริชชี่ ก็สุดจะเดา กลัวล่ะตอนนั้น...
สามีดิฉันมาถึงพอดี เห็นคนแปลกหน้าเข้ามาใน ร.ร.ถามว่ามาจากไหน เข้ามาในโรงเรียนทำไมในยามวิกาล เขาว่ามาเดินเล่น... สามีบอกว่าคุณบุกรุกสถานที่ราชการในยามวิกาล เขา3คนอมยิ้มอย่างยียวน สามีเลยชักปืนออกมาบอกให้เขาออกไปดีๆ....(ปืนมีใบอนุญาตนะคะ)
ตอนเช้า น้องรีบทำรายงานให้ผอ.ทราบเรื่องนักการลืมปิดประตูด้านหลังอาคารและมีคนบุกรุก
ส่วนดิฉันรีบขึ้นไปพบคุณครูลดา ซึ่งเป็นครูผู้สอนวิชานาฎศิลป์ เพื่อจะขอบคุณที่มาเตือนให้รีบปิดประตูด้านข้าง เกรงจะเจอเหตุร้าย นึกถึงเรื่องคนงาน 3 คนนั่น ยังตกใจไม่หาย
คุณครูลดาไม่มาโรงเรียนค่ะ ท่านลากิจไปงานศพญาติที่ต่างจังหวัด 2 วัน
ดิฉันรีบจัดสำรับอาหาร ของหวาน พวงมาลัย หมากพลู ฯลฯ ขึ้นไปไหว้ "พ่อแก่" เหลือบตาไปเห็นไม้เท้าวางไว้ข้างประตู
ไม่มีคำถามใดๆอีกแล้ว ไม่อยากรู้ด้วยว่าไม้เท้าของใคร...
คนดี...ผีคุ้ม คุณว่าไหม ?
" รัชนีกร "
27 กันยายน 2564
หลากหลายในใจเธอ ตอนที่ 4 พ่อแก่ ..... บนชั้นสอง
พ่อแก่...เป็นบรมครูแห่งนาฏศิลป์ทั้งหลาย ผู้แต่งคัมภีร์ภรตนาฏยศาสตร์ เป็นผู้จดจำท่ารำจากพระอิศวรและนำไปสอนโอรสทั้ง100 คนเพื่อไปเผยแพร่ยังโลกมนุษย์ จึงถือเป็นบรมครูแห่งการนาฏศิลป์ทั้งปวง และมีการประดิษฐ์เป็นหัวโขนพ่อแก่ ขึ้นไว้เคารพบูชาและไว้ครอบศรีษะในพิธีไหว้ครูโขน ละคร
(บางตอนจากหนังสือ สมบัติศิลป์ แผ่นดินไทย)
มีเรื่องเล่าลือต่างๆนานาเกี่ยวกับพ่อแก่ ซึ่งดิฉันไม่เคยพบเจอ คิดว่าน่าจะเป็นอุปทานของเด็กๆมากกว่าเพราะในห้องจะกรุกระจกรอบห้องให้ผู้เรียนได้ดูท่าทางของตัวเองตอนร่ายรำ บางทีเด็กขึ้นมาบนห้องก็มีเงาคนวูบวาบ ก็เงาตัวเองจากกระจกนั่นแหละ แต่วิ่งหนีกันสนุกสนานไป ถ้ามีการเข้าค่ายฯเพื่อการแข่งขันหรือประกวด เด็กนาฏศิลป์ก็จะอยู่ซ้อมจนดึก หนุ่มๆนักฟุตบอลก็จะเวียนไปชะเง้อดูสาวๆ ก็เลยมีการปล่อยข่าวพ่อแก่และผีอื่นๆออกมาเรื่อยๆ
อาคารนาฏศิลป์กับดนตรีไทยแยกไปต่างหากเกือบติดสนามฟุตบอล ชั้นล่างทั้งหมดเป็นห้องสมุดกลาง มีขนาดกว้างขวางมากและโปร่งสบาย ดิฉันไม่ค่อยได้ขึ้นไปบนห้องนาฏศิลป์เพราะไม่ค่อยได้มีอะไรเกี่ยวข้อง
วันหนึ่ง ร.ร. จะต้องรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพฯ (พระยศขณะนั้น)เสด็จเปิดอาคารห้องสมุดจึงต้องรีบทำงาน ลงข้อมูลต่างๆให้ทันเวลา ครูที่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์จะลงมาช่วยลงทะเบียนหนังสือที่มีจำนวนมาก
วันที่ดิฉันลงไปช่วยงาน มีครูอยู่ด้วยหลายคน ชั้นสองก็มีเด็กนาฏศิลป์ซ้อมรำอยู่ ทำงานกันจนเพลิน...ถึงทุ่มกว่าๆเด็กๆและครูทะยอยกลับ เหลือดิฉันที่นัดให้สามีมารับตอนทุ่มครึ่ง น้องครูเวรชายมาอยู่เป็นเพื่อน ขึ่จักรยานมาตรวจสถานที่ สมัยนั้นยังไม่มียาม น้องบอกว่าด้านหลังตึกไม่ได้ปิดประตูรั้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของนักการ ก็คิดกันเองว่าไม่เป็นไร เพราะติดรั้วโรงเรียนเป็นบ้านคนที่เขากำลังก่อสร้างต่อเติม
ทำงานเพลินๆก็ได้ยินเสียงคนเดินลงบันไดมาจากชั้นสอง แปลกใจตรงที่เดิน 3 สะเต็ป คนมีสองขาทำไมได้ยินเป็น 3 ก้าว มีเสียงดังเกือบตะโกนว่า
" ปิดประตูข้างด้วย...ปิดประตูข้าง เร็ว..."
ดิฉันได้สติ เงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ ตะโกนบอกน้องครูชายที่มาอยู่เป็นเพื่อนให้ปิดประตูด้านข้างของห้องสมุดที่เราเปิดไว้รับลม แค่5วินาทีเราสองคนทันได้เห็นคนงานผู้ชาย3คนเดินเข้ามาจากประตูด้านหลังตึก จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเข้ามาในห้องที่เรากำลังทำงานอยู่ คอมพิวเตอร์ใหม่ๆวางเรียงอยู่ในห้องสืบค้น จะมาชิงทรัพย์ รึจะมาสะดุดตากับความสวยของครูริชชี่ ก็สุดจะเดา กลัวล่ะตอนนั้น...
สามีดิฉันมาถึงพอดี เห็นคนแปลกหน้าเข้ามาใน ร.ร.ถามว่ามาจากไหน เข้ามาในโรงเรียนทำไมในยามวิกาล เขาว่ามาเดินเล่น... สามีบอกว่าคุณบุกรุกสถานที่ราชการในยามวิกาล เขา3คนอมยิ้มอย่างยียวน สามีเลยชักปืนออกมาบอกให้เขาออกไปดีๆ....(ปืนมีใบอนุญาตนะคะ)
ตอนเช้า น้องรีบทำรายงานให้ผอ.ทราบเรื่องนักการลืมปิดประตูด้านหลังอาคารและมีคนบุกรุก
ส่วนดิฉันรีบขึ้นไปพบคุณครูลดา ซึ่งเป็นครูผู้สอนวิชานาฎศิลป์ เพื่อจะขอบคุณที่มาเตือนให้รีบปิดประตูด้านข้าง เกรงจะเจอเหตุร้าย นึกถึงเรื่องคนงาน 3 คนนั่น ยังตกใจไม่หาย
คุณครูลดาไม่มาโรงเรียนค่ะ ท่านลากิจไปงานศพญาติที่ต่างจังหวัด 2 วัน
ดิฉันรีบจัดสำรับอาหาร ของหวาน พวงมาลัย หมากพลู ฯลฯ ขึ้นไปไหว้ "พ่อแก่" เหลือบตาไปเห็นไม้เท้าวางไว้ข้างประตู
ไม่มีคำถามใดๆอีกแล้ว ไม่อยากรู้ด้วยว่าไม้เท้าของใคร...
คนดี...ผีคุ้ม คุณว่าไหม ?
27 กันยายน 2564