ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 นอร์เวย์ถูกยึดครองโดยกองทัพเยอรมันและเมื่อสงครามยุติลงนอร์เวย์ก็เลือกที่จะยึดเอาปืนไรเฟิล K98 250,000 กระบอกที่ส่วนใหญ่เป็นของที่ผลิตในช่วงต้นของสงครามที่มีคุณภาพดีมาใช้งานต่อในกองทัพนอร์เวย์และในระหว่างปี 1953 ถึง 1954 ก็ได้มีการแปลงลำกล้องจาก 7.92x57 มม. ไปเป็นขนาด .30-06
กองทัพบกและอากาศของนอร์เวย์ใช้ K98 ที่ผ่านการแปลงลำกล้องแล้วส่วนกองทัพเรือนั้นยังใช้ K98 ที่ไม่ได้ผ่านการแปลงลำกล้องอยู่
นอกจากการแปลงลำกล้องแล้วก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกเล็กน้อยนั่นก็คือมีการตอกเลขซีเรียลนัมเบอร์ในระบบราชการกองทัพนอร์เวย์ 3 ตำแหน่งด้วยกันที่ตัวปืนด้านซ้ายที่ก้านลูกเลื่อนและที่ก้นพานท้ายปืน ศูนย์หน้าของตัวปืนจากแบบแท่งแหลมของเยอรมันเปลี่ยนเป็นแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสและสุดท้ายศูนย์หลังเปลี่ยนจากรูปตัววี V ของเดิมไปเป็นรูปตัวยู U แทน และไม่กี่ปีต่อมากระสุนขนาด 7.62x51 mm. กลายเป็นกระสุนมาตรฐานของกองกําลังนาโต้ทางนอร์เวย์จึงได้เริ่มการดัดแปลงลำกล้องอีกครั้งหนึ่งแต่ทำได้ไม่นาน Project ทั้งหมดก็ถูกยกเลิกเพราะมีการซื้อ G3 Battle Rifle ของเยอรมันที่มีความทันสมัยกว่าอย่างไร้ข้อโต้แย้งมาใช้แทนทำให้ปืนทั้งหมดถูกเก็บเข้าคลังในปี 1973 ก่อนจะถูกขายเป็น Military surplus ในยุค 1980
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 873 Karabiner 98k ของนอร์เวย์หลังสงครามโลกครั้งที่ 2
กองทัพบกและอากาศของนอร์เวย์ใช้ K98 ที่ผ่านการแปลงลำกล้องแล้วส่วนกองทัพเรือนั้นยังใช้ K98 ที่ไม่ได้ผ่านการแปลงลำกล้องอยู่
นอกจากการแปลงลำกล้องแล้วก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงอีกเล็กน้อยนั่นก็คือมีการตอกเลขซีเรียลนัมเบอร์ในระบบราชการกองทัพนอร์เวย์ 3 ตำแหน่งด้วยกันที่ตัวปืนด้านซ้ายที่ก้านลูกเลื่อนและที่ก้นพานท้ายปืน ศูนย์หน้าของตัวปืนจากแบบแท่งแหลมของเยอรมันเปลี่ยนเป็นแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสและสุดท้ายศูนย์หลังเปลี่ยนจากรูปตัววี V ของเดิมไปเป็นรูปตัวยู U แทน และไม่กี่ปีต่อมากระสุนขนาด 7.62x51 mm. กลายเป็นกระสุนมาตรฐานของกองกําลังนาโต้ทางนอร์เวย์จึงได้เริ่มการดัดแปลงลำกล้องอีกครั้งหนึ่งแต่ทำได้ไม่นาน Project ทั้งหมดก็ถูกยกเลิกเพราะมีการซื้อ G3 Battle Rifle ของเยอรมันที่มีความทันสมัยกว่าอย่างไร้ข้อโต้แย้งมาใช้แทนทำให้ปืนทั้งหมดถูกเก็บเข้าคลังในปี 1973 ก่อนจะถูกขายเป็น Military surplus ในยุค 1980